กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 16-01-2025, 23:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การให้ทาน ถ้าเราเกิดใหม่จะมีฐานะร่ำรวย มั่นคง มีโภคทรัพย์สมบูรณ์ พูดง่าย ๆ ว่ารวย

การรักษาศีล เกิดใหม่เป็นคนรูปสวย มีจิตใจดีงาม มีแต่คนรักนับถือ

การเจริญภาวนา ถ้าเกิดใหม่เราจะมีปัญญามาก มีปัญหาทางโลกก็แก้ไขให้ล่วงไปได้โดยง่าย มีปัญหาทางธรรมก็สามารถพิจารณารู้แจ้งแทงตลอดไปได้


อานิสงส์ไปคนละทิศคนละทาง เพราะฉะนั้น..เพื่อความปลอดภัยก็ทำให้ครบทั้งสามอย่าง ก็คือให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แล้วทั้งหมดนี้ยังต้องเกิดใหม่นะ..! โดยเฉพาะเกิดเป็นคน ถ้าไม่มั่นคงนี่เทวดาก็ไม่ได้เป็น นางฟ้าก็ไม่ได้เป็น พรหมก็ไม่ได้เป็น อย่างเก่งก็เป็นคน แล้วก็ทุกข์ยากลำบากอย่างที่เห็นนี่แหละ อยากจะไปเที่ยวก็กลัวเขาจะว่าเหลวไหล อุตส่าห์ทำมาจนคนเขาชมว่าดี กัดฟันเข้าวัดช่วงปีใหม่หน่อยก็แล้วกัน..!

ดังนั้น..ความเพียรพยายามที่เราทำอยู่ ถ้าเราไม่เห็นผล บางทีเราก็เหนื่อย เราก็ท้อ แต่คราวนี้ต่อให้เราเหนื่อยแค่ไหน เราท้อแค่ไหน อาตมาภาพไม่เอาเยอะ ภาวนาให้สามารถรู้ลมหายใจอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องบังคับ จะ พุท..โธ พุท..โธ เข้าออกเอง เรามีหน้าที่แค่ตามดูไปเฉย ๆ เอาแค่นี้ ไม่ต้องเยอะ

ถ้าทำอย่างนี้ได้ เรามีสิทธิ์ปิดอบายภูมิเลย นรกเขาไม่ให้ลง เปรตก็ห้ามไป อสุรกายก็ไม่ให้เกิด สัตว์เดรัจฉานก็ไปไม่ได้ เพราะนี่ก็คือคุณสมบัติของปฐมฌานละเอียด ต่ำสุดต้องเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๓ แต่เราไปได้ไกลกว่านั้น ไปได้ไกลกว่านั้นตรงที่ว่า เราสามารถเอากำลังฌานสมาบัติตรงนี้ มาช่วยตัดกิเลส

เราก็มุ่งเป้าไปเลย เป้าหมายแรกชายฝั่งที่ต้องยึดให้ได้ กองทัพสัมพันธมิตรจะบุกไปตีเยอรมันที่นอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ต้องยกพลยึดหัวหาดให้ได้ เขาเรียกดีเดย์ ในหนังเรื่อง เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน (Saving Private Ryan) ฝ่าสมรภูมินรก เขาไปรบที่ชายหาดนอร์มังดี ตายกันไปเท่าไรก็ไม่รู้ ?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2025 เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 18-01-2025, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้เราจะยึดหัวหาดในการปฏิบัติธรรมได้ต้องรู้หลักก่อน ก็คือต้องรู้เป้าหมายว่าหาดอยู่ที่ไหน ? สิ่งแรกที่จะทำให้เราพ้นจากกระแส ซึ่งคือการเวียนว่ายตายเกิดได้ ก็คือต้องก้าวขึ้นฝั่งให้ได้ก่อน ก็คือต้องเกาะความเป็นพระโสดาบันให้ได้

กฎเกณฑ์กติกาความเป็นพระโสดาบัน
๑. ต้องเคารพพระพุทธเจ้าจริง ๆ
๒. ต้องเคารพพระธรรมจริง ๆ
๓. ต้องเคารพพระสงฆ์จริง ๆ
๔. ต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุให้คนอื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำ
๕. มีปัญญาประกอบ รู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ตายแล้วเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว


คราวนี้รู้หรือยังว่าตอนกรรมฐานเช้ามืด หลวงพ่อจูงพวกเราไปถึงไหน ? แต่ตามกันไม่ค่อยจะทัน พาไปทุกวันถ้าอยู่ตรงนี้ แต่ไปกันไหมล่ะ ? นั่งหลับก็มี..!

ถ้าเรารู้สึกว่าเยอะเกินไป ย่อลงมาเหลือสาม ปีใหม่ลดแลกแจกแถมเมกะเซลล์..!
๑. เราก็ย่อเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเราเคารพในคุณพระศรีรัตนตรัย ๑ ข้อ
๒. รักษาศีลให้บริสุทธิ์
๓. คิดว่าตายแล้วไปพระนิพพาน


เหลือสามข้อเท่านั้น ปีใหม่ทั้งทีลดแค่นี้เองหรือ ? เอาอีกหน่อยก็ได้ เหลือข้อเดียว..!
๑. เอาศีลเป็นหลัก เรารักษาศีลเพราะเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เรารักษาศีลเพราะจะไปพระนิพพาน

เหลือข้อเดียวจริง ๆ คราวนี้เราจะเห็นว่าที่เราทำกันแทบล้มประดาตายนั่นหลงประเด็น..! ที่เขาต้องการมีอยู่นิดเดียวเท่านั้น ตั้งเป้าให้ชัดเจนไว้แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาไปให้ถึง

เพราะฉะนั้น..ที่บางคนว่า "อะไรวะ ปฏิบัติธรรมมาเป็นสิบ ๆ ปี หลวงพ่อสอนซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่แค่เรื่องเดียว ไม่เห็นไปไหนเลย เมื่อไร ๆ ก็สอนแค่นี้ เมื่อไร ๆ ก็ทำแค่นี้" แล้วทำได้หรือยังเล่า..!? ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องมานั่งจ้ำจี้จ้ำไชแล้วสิ หลวงพ่อลากไปจนถึงทุกวัน รักษาอารมณ์อยู่กับพระพุทธเจ้าเอาไว้ทุกวัน แต่ "พุท" ไม่ทันจะ "โธ" ก็หลับแล้ว น่าเหวี่ยงไหมล่ะ ?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2025 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 18-01-2025, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..เรื่องของการปฏิบัติธรรมคือเรื่องของการประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ หลัก Psychology หรือจิตวิทยาของฝรั่งเขาว่า เราทำอะไรซ้ำ ๆ กัน ๓ วัน ๗ วันก็จะเคยชิน พอเคยชินถึงเวลาก็จะทำแบบนั้นโดยอัตโนมัติ

หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านแปลความเคยชินว่าฌาน
สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ถึงเวลาจะรู้ตัวเลยว่าเราต้องสวดมนต์ นั่นคือสวดมนต์จนเป็นฌาน ใส่บาตรทุกวัน ถึงเวลาตื่นขึ้นมา นึกก่อนเลยว่าต้องหุงข้าว ต้องทำกับข้าวใส่บาตร นั่นก็คือใส่บาตรจนเป็นฌาน

เรามีฌานในเรื่องของทานบารมีแล้ว ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ ภาวนาให้จริง ๆ จัง ๆ เพราะว่าเราต้องการกำลังในการตัดกิเลส ถ้ากำลังไม่พอจะตัดกิเลสไม่ได้ กำลังที่ถือว่าพอต่ำสุดก็คือปฐมฌานละเอียด รู้ลมอัตโนมัติ รู้คำภาวนาอัตโนมัติ เอาจิตประคับประคองอยู่แค่นี้ อย่าให้หลุดไปไหน เราจะอยู่กับปัจจุบันเฉพาะหน้า ไม่ไปอดีต ไม่ไปอนาคต ความทุกข์ก็เหลืออยู่แค่นิดเดียว

ทุกวันนี้เราทุกข์เพราะความคิดตัวเอง "แก่จนป่านนี้แล้ว ถ้ามีผัวจะดีไหมนะ ? จะทันมีลูกใช้หรือเปล่าวะ ?" เฮ้อ..รู้ตัวว่าแก่ด้วยนะ แล้วยังจะคิดทำไม ? บางทีหลวงพ่อเห็นพวกเราคิดแล้วก็เซ็งเหมือนกันนะ "จะถามพระดีไหมนะ ?" มาถามสิจะยันให้..ไม่โดนกระโถนหรอก..!

อุตส่าห์หลุดมาได้จนขนาดนี้แล้ว ยังจะตะเกียกตะกายกลับไปหาทุกข์อีก ตัวเองก็ทุกข์แทบตาย ยังจะไปหาเพื่อนมาร่วมทุกข์ "อูย..เดี๋ยวแก่ ๆ แล้วไม่มีใครดูแล" แล้วตอนนี้แก่หรือยัง ? มีใครดูไหม ? หรือจะไปดูแลเขา ? อ้าว..แล้วกัน..ไปยันโน่น..!

สมาทานพระกรรมฐานกันเถอะ ฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2025 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 19-01-2025, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนสวดพระคาถาเงินล้านข้ามปี วันอังคารที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗


ความจริงการสวดมนต์ข้ามปีทั่ว ๆ ไปเราก็จะได้ในส่วนของศีลของสมาธิเสียมาก ก็คือมีการสมาทานศีลก่อน แล้วเวลาสวดก็จะได้ส่วนของสมาธิเพิ่มเข้ามา แต่ในส่วนของปัญญาส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยใช้กัน

มีวิธีง่าย ๆ ก็คือตั้งใจจับภาพพระ ก็คือภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดว่า "พระองค์ท่านไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่าน ก็คือเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน ก็คือเราอยู่บนพระนิพพาน" เป็นวิธีใช้ปัญญาที่รวบรัดตัดตรงที่สุด เพียงแต่ว่าถ้ากำลังใจของเราไม่พอ จะรักษาได้นิดเดียวหรือว่าพักเดียว หลังจากนั้นก็เคลื่อนคลายไปที่อื่น บางคนก็ฟุ้งซ่านยาว ๆ ไปเลย..!

ด้วยความที่ส่วนใหญ่ของพวกเราปฏิบัติธรรมรักษาศีลแปดกันอยู่เป็นปกติ ดังนั้น..วันนี้เราก็ไม่ต้องสมาทานศีล เดี๋ยวถึงเวลาเราจะเริ่มเข้าสู่การภาวนาพระคาถาเงินล้านกันเลย

นอกจากเป็นการสวดมนต์สร้างสมาธิแล้ว เรายังต้องการผลพิเศษอีกต่างหาก ก็คืออาศัยผลพิเศษของพระคาถาเงินล้าน ที่จะช่วยให้มีความคล่องตัว โดยเฉพาะด้านการเงิน ส่งผลให้พวกเรามีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น

ถ้าสามารถทำได้ทุกวันก็จะสะดวกคล่องตัวไปทั้งปี การสวดมนต์ภาวนาเหมือนกับการกินข้าว ก็คือต้องกินทุกวัน ไม่ใช่สวดวันนี้แล้วก็เว้นไป ๗ - ๘ วันแล้วค่อยว่ากันใหม่ หรือไม่ก็เว้นไปทั้งชาติ ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ถ้าลักษณะแบบนั้นย่อมจะเอาดีได้ยาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 02-02-2025 เมื่อ 06:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 19-01-2025, 01:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันพุธที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๘


(หลังจากพระภิกษุรับบิณฑบาตปีใหม่ที่ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน) มาไม่ทันกันใช่ไหม ? หลวงพ่อยังสงสัยว่าตัวเองทำอะไรเร็วแท้ กลับมาเข้าห้องน้ำ เอาสตางค์ไปเทรวมกับสังฆทานส่วนกลาง พับจีวร ห่มจีวรใหม่ สั่งงาน แล้วก็ออกมาที่ศาลา ๑๐๐ ปีฯ นี่ รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไปเยอะมากเลย ส่วนโยมแค่เดินเข้ามาในศาลา ทำไมถึงช้าแท้ ?

การทำบุญสร้างกุศลรับปีใหม่ของพวกเรา เริ่มกันตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่งเมื่อวาน สวดมนต์ข้ามปีจนเกือบ ๆ จะตีหนึ่ง หลังจากนั้นแล้ว เช้ามืดพวกเราก็ใส่บาตรรับปีใหม่ แล้วจะมาปิดท้ายด้วยการปฏิบัติธรรม นี่ต้องนับเฉพาะผู้ที่มาปฏิบัติธรรมเท่านั้น เนื่องเพราะว่าคนอื่นจะไม่ได้ในส่วนนี้ เขาแค่ใส่บาตรเสร็จก็กลับกันหมดแล้ว

ส่วนใหญ่การเดินทางกลับวันนี้ จากประสบการณ์ที่เจอมาก็คือนอนวัดไปเลย ๔ - ๕ โมงเย็นแล้วค่อยกลับ คนอื่นเขารีบกลับ จะไปประเดประดังติดกันอยู่บนถนน ของเราออก ๔ - ๕ โมงเย็นก็ถึงบ้านพร้อม ๆ กับเขา..! เพราะว่าตอนที่เราไปรถจะไม่ติดแล้ว วิ่งกันยาว ๆ ชนิดแทบจะไม่ต้องเบรกเลย..!

วันก่อนไปประชุมที่วัดไร่ขิง ในตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นการลงประชุมครั้งแรก โยมเขาส่งรูปมาให้ดูว่ามอเตอร์เวย์สาย M ๘๑ รถติดหนักมาก ปรากฏว่าเลิกประชุมอาตมาขึ้นมอเตอร์เวย์สาย M ๘๑ เกือบ ๆ จะ ๕ โมงเย็น ไม่มีรถสักคัน..! สรุปก็คือติดหนักมากตอนที่กำลังประชุม พอประชุมเสร็จเขาก็ไปกันหมดแล้ว..!

ขึ้นอยู่กับจังหวัดกาญจนบุรีของเราว่าจะจัดการอย่างไรกับสี่แยกวังสารภี เนื่องเพราะว่าพอรถลงจากทางด่วนสาย M ๘๑ มา ก็จะมาประเดประดังอุดกันอยู่ตรงนั้น ทำอย่างไรที่จะให้รถขาลงเลี้ยวซ้าย ไปตรง และเลี้ยวขวาได้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะติดอย่างนี้ทุกครั้งที่มีเทศกาลหรือวันหยุดยาว ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 05-02-2025 เมื่อ 07:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 19-01-2025, 01:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(โยมถวายของ) น่ารักเชียว..มีรูปแมวเหมียวด้วย ขาวมณี ศุภลักษณ์ วิเชียรมาศ โกญจา สีสวาด สิงหเสพย์ ปัดเศวต แซมเศวต เก้าแต้ม แสดงว่าอาตมาเรียกผิดมาตลอดสินะ อาตมาเรียกวิเชียรมาศสมัยนี้ว่า "เก้าแต้ม" มาตลอด

วิเชียรมาศสมัยอาตมามีขนสีเหมือนเสือไฟ ก็คือเป็นสีน้ำตาลแดงแกมทอง รุ่นหลัง ๆ นี่ไม่มีโอกาสได้เห็นแล้ว เขาก็เลยมาเหมาว่าแมว Chocolate point ของฝรั่ง เป็นวิเชียรมาศ แต่พันธ์นั้นอาตมาเรียก "เก้าแต้ม" มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่ามีสีแต้มที่ขา ๔ หู ๒ ปาก ๑ ปลายหาง ๑ อวัยวะเพศ ๑ รวมเป็น ๙ เลยเรียก "เก้าแต้ม" แต่ในรูปนี้เขาเอารูปแมวที่มีลายแปะ ๆ ๆ ทั่วตัวมา แล้วบอกว่าเป็น "เก้าแต้ม"..!

อีกพันธุ์หนึ่งที่ยังไม่ได้เจอเลยก็คือ "ปัดตลอด" หรือ "ปัดเศวต" เป็นแมวที่สันหลังสีขาวเป็นแนวยาว ๆ ตั้งแต่ท้ายทอยไปถึงหาง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2025 เมื่อ 01:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 20-01-2025, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(เด็กมาขอให้เข้าโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาได้) โน่นเลย..ไปขอกับท่านปู่พระอินทร์ บอกท่านว่า "ถ้าไม่ให้หนู แล้วปู่จะให้ใคร ?!"

โรงเรียนการกุศลในวัดเป็นโรงเรียนที่บริหารจัดการยาก เพราะคนเขาไปดูถูกว่าเป็นโรงเรียนวัด แต่ปัจจุบันนี้โรงเรียนการกุศลในวัดสองแห่ง แห่งแรกก็คือโรงเรียนนาคประสิทธิ์ มูลนิธิวัดบางช้างเหนือ เด็ก ๔ - ๕ จังหวัดรอบ ๆ นครปฐม แย่งกันเรียนโรงเรียนนาคประสิทธิ์ เพราะว่าที่โรงเรียนนี้เด็กแต่ละปีเอนทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยดัง ๆ ได้เป็นร้อย ๆ คน เฉพาะแค่ภาษาต่างประเทศ ที่นี่เขามีครูฝรั่งอยู่เป็นสิบคน จ้างฝรั่งมาสอนโดยตรง ให้ได้สำเนียงตั้งแต่เด็กเลย เพราะว่าเขามีตั้งแต่ชั้นอนุบาล

อีกแห่งหนึ่งก็คือโรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จังหวัดลพบุรี เข้าไปแล้วจะตกใจ หลวงพ่อเจ้าคุณประเทือง (ประเทือง อาภาธโร ป.ธ. ๔) ปัจจุบันก็คือพระธรรมวชิรสุนทร เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ท่านทำเอาไว้ยิ่งใหญ่มาก แค่อาคารเรียนอย่างเดียวก็หลายร้อยล้าน ท่านมีความคิดง่าย ๆ แค่ว่า "อย่าให้เขาดูถูกได้ว่าเป็นแค่โรงเรียนวัด"

ตอนนี้โรงเรียนวินิตศึกษามีทุกอย่างพร้อม โดยเฉพาะแปลงเกษตรสาธิตเศรษฐกิจพอเพียง หรือว่าแปลงเกษตรโคกหนองนาในพระราชดำริ นั่นคือพื้นที่จริง ทำเพื่อเอาไว้เลี้ยงโรงเรียนตัวเอง ก็คือเด็กจบไปแล้วถ้าไม่ทำมาหากินอย่างอื่น ไปทำการเกษตรก็ทำมาหากินเองได้เลย

แต่เป็นเรื่องแปลกตรงที่ว่า โรงเรียนการกุศลภายในวัดทำอย่างไรก็ไม่ดัง ถ้าไม่ใช่ในวงการเดียวกัน ไม่มีใครรู้หรอกว่าคุณนั้นสุดยอดแค่ไหน โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาของเรา เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ปรากฏว่าไม่สามารถจะคุมคุณภาพครูได้ เนื่องเพราะว่าพอเป็นโรงเรียนรัฐบาลแล้ว เขาสอบแข่งกันเข้ามาเป็นครู ครูอาจจะมีความรู้ความสามารถ แต่ขาดคุณธรรม ท้ายสุดหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านก็เลยเอาออกจากระบบ มาเป็นโรงเรียนการกุศล แล้วก็เอาพวกลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ที่จบไป กลับมาเป็นครูสอนรุ่นน้อง

เด็กที่นี่ต้องเข้าฝึกมโนมยิทธิวันเสาร์ - วันอาทิตย์ พูดง่าย ๆ ก็คือทุกอาทิตย์ต้องอยู่กับกรรมฐาน แต่ก็มีเด็กที่แหกคอกเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น ช่วงนั้นอาตมภาพเป็นเวรดึก พายเรือตรวจดูว่ามีใครมาขโมยปลาหน้าวัดไหม ? ส่องไฟขึ้นไป โอ๊ย..เด็กนักเรียนปีนกำแพงอย่างกับลิง หนีเที่ยวกัน..! เลยตะโกนบอกว่า "ปีนเร็ว ๆ หน่อยไอ้ห่..เดี๋ยวคนอื่นเห็น !" เพราะฉะนั้น..ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้าเด็กเห็น "หลวงพี่เล็ก" ของเขาพายเรือออกมาเมื่อไร เขาไม่เดือดร้อนหรอก เขารู้ว่าปีนให้ตายหลวงพี่ก็ไม่ว่าเขา เพราะว่าท่านเคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2025 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 20-01-2025, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทุกวันนี้พวกรุ่นเก่า ๆ เขายังคิดถึงวันเก่า ๆ เพราะว่ารุ่นที่พวกเราบริหารจัดการอยู่นั้น อยู่กันแบบพี่น้องจริง ๆ อะไรหนักนิดเบาหน่อยพอที่จะให้อภัยก็ให้อภัย ถ้าหากว่าเอ็งต้องการจะ "เคลียร์" กันก็ไปเอานวมมา เดี๋ยวพระจะเป็นกรรมการให้ ต่อยกันให้หมดแรงเดี๋ยวก็ดีกันไปเอง แล้วพอโตมาเป็นครู พวกนี้จะดีตรงที่ว่าตัวเองเคยเกเรมาแล้ว จะรู้หมดทุกช่องทางว่าต้องทำอย่างไร แล้วรุ่นน้องจะไปทำอะไรได้ ?!

เรื่องของโรงเรียนเป็นเรื่องของธรรมทาน แต่ว่าไม่ใช่ธรรมทานโดยตรง คือความรู้ทุกอย่างจัดเป็นธรรมทาน แต่ธรรมทานที่แท้จริงก็คือทานใน ศีล สมาธิ ปัญญา

ดังนั้น..ในเรื่องของอานิสงส์ถ้าจะเอากันจริง ๆ ก็คือธัมมเทสนามัย ของเราได้ตั้งแต่ธัมมัสสวนมัย ก็คือฟังธรรมแล้วน้อมนำไปปฏิบัติให้เกิดผล แปลให้ดี ๆ นะ นักเรียนบาลีมักจะแปลว่าบุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม ฟังอย่างเดียวไม่สำเร็จหรอก อย่างเก่งก็ได้มาบาทหนึ่ง สลึงหนึ่ง ต้องฟังแล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผลด้วย

เมื่อเกิดผลแล้วทบทวนจนมั่นใจ แล้วก็ธัมมเทสนามัย เอาไปสอนคนอื่นต่อ สำคัญตรงที่ว่าต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จำไชกันทุกวัน เช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า เพิ่งจะบ่นจบ เดินห่างไปสามก้าว ก็ทำเหมือนเดิมอีกแล้ว..!

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม ขึ้นชื่อว่าการฝึกตนนี้ช่างยากจริงหนอ พระพุทธเจ้าตรัสเองเลยนะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่าเราต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูง เพราะว่าการปฏิบัติธรรมคือการทวนกระแสโลก ยิ่งกว่าว่ายทวนน้ำอีก..!

เพราะว่าการว่ายทวนน้ำนั้น ต่อให้เราไม่ไปไหน ก็ไม่มีใคร "บูลลี่" เรา..ใช่ไหม ? แต่การปฏิบัติธรรมนี่รอบข้างสารพัดเลย อาตมาเจอมาตั้งแต่เด็ก "หลวงพ่อขอหวยสองตัว" "มหา..มึงจะเอาอะไรจริงจังกับชีวิตนักหนาวะ ?!" โดนเรียก "มหา" ตั้งแต่สมัยวัยรุ่นเลย "ไอ้นี่ถ้าจะบ้าแล้ว ใครเขาปฏิบัติธรรมกันตั้งแต่เด็ก ?"

เพราะฉะนั้น..ถ้าเขายังไม่ว่าเราบ้า ถือว่าการปฏิบัติของเรายังไม่เกิดผล คนรอบข้างยังไม่ตีตรารับรองให้ ถ้าเขาตีตรารับรองให้ว่าบ้าแล้วก็โอเคเลย แสดงว่าเราทำดีแล้ว ฟังแล้วเครียดไหม ? ไม่หรอก..สนุกจะตาย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2025 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 21-01-2025, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราเองก็ไม่ได้อยากได้เพื่อนที่พาเราออกนอกลู่นอกทาง ในเมื่อเขาว่าเราบ้า ไม่มายุ่งกับเราก็จบ เราก็ไม่ยุ่งกับเขาเหมือนกัน เรื่องของการปฏิบัติธรรม เราจะอยู่กับสังคมได้ ก็ต่อเมื่อการปฏิบัตินั้นได้ผลไปแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งจะเหมือนกับคนกะล่อน ก็คือเอ็งมาท่าไหนข้าไปด้วยได้หมด บ้าอะไรบ้าตามกัน แต่ถ้าจะหลุดกรอบของศีลเมื่อไรข้าไม่ไปด้วย..!

สังเกตคนประเภทนี้ได้เลย จะชวนทำอะไรทำด้วยหมด แต่ถ้าจะผิดศีลเมื่อไร เชิญไปทำคนเดียวเถอะ เขาจะติดธุระทันทีเลย ก็คือ
เขาเอาสังคมเพื่อปิดบังตัวเองไม่ให้เกิดโทษกับคนอื่น พอถึงเวลาชวนเขากินข้าวเย็น เขาไม่บอกเราหรอกว่า "ไม่กินหรอก ถือศีลแปดอยู่" เขาอาจจะบอกว่า "หมอสั่งให้ลดความอ้วน พี่ไปกินคนเดียวเถอะ" ก็เข้ากับยุคสมัยได้..ใช่ไหม ?

หรือไม่ก็บอกว่า "รู้สึกมีห่วงยางเป็นของส่วนตัวแล้ว ขออดข้าวเย็นหน่อยแล้วกัน" ใครเขาจะไปบอกว่ารักษาศีลแปด เดี๋ยวก็โดนมองหัวถึงตีน หรือเราโกหกไม่ได้ ? เราเป็นผู้รักษาศีล เราต้องตรงไปตรงมา แบบนั้นก็โง่เกิน เรียกว่า "เถรตรง" ตรงเกินไป ไม่รู้จักเลี้ยว ชนอะไรหัวร้างคางแตกก็ปล่อยไป..!

เมื่อถึงระดับนั้นก็แปลว่าศีลกับตัวเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขยับเมื่อไรก็รู้ว่าศีลจะขาดหรือเปล่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็ไปแค่สุดขอบของศีล แล้วก็เลี้ยวกลับ ลักษณะเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน กลิ้งไปเถอะ..ไม่ติดบนใบบอนหรอก..!

เราจะมีศีลเป็นเกราะ เป็นเครื่องกำบัง ไม่ให้เราตกไปอยู่ในที่ต่ำ ซึ่งก็คืออบายภูมิ มีสมาธิเป็นตัวระงับยับยั้งไม่ให้เราละเมิดศีล อย่าลืมว่ากิเลสยั่วเราทุกอย่าง อะไรที่เราอยากได้จะเอามาล่อเราหมด ก็สำคัญอยู่ตรงที่ว่าเราห้ามตัวเองได้ไหม ? ถ้าเราอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ละเมิดศีลนี่อานิสงส์ไม่มีนะ ศีลจะเป็นศีลก็ต่อเมื่อเราหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ละเมิดได้ จนกว่าจะพ้นจากระดับนั้นไป ก็คือศีลเป็นเรา..เราเป็นศีล ตอนแรกเรารักษาศีล พอถึงตอนนี้ศีลจะรักษาเรา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2025 เมื่อ 00:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 21-01-2025, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..คนมีศีลจะเป็นคนกล้า กล้าที่จะปฏิเสธเรื่องโลก ๆ ที่ทำให้เราผิดศีล ประมาณว่าให้อยู่คนเดียวก็ได้ สมัยก่อนบวชมีคุณยายคนหนึ่ง มาจากจังหวัดสุรินทร์ แกนุ่งขาวห่มขาวคล้าย ๆ แม่ชี แต่ไม่ได้โกนหัว ผ้าก็กระดำกระด่างมาเชียว มาถึงบ้านสายลมตั้งแต่ยังไม่ทันแปดโมงเช้าดี

อาตมาเห็นก็แปลกใจ เข้าไปถามว่า "คุณยายมาธุระอะไร ?" แกบอกว่า "มาหาหลวงพ่อฤๅษีฯ มีเรื่องจะปรึกษาหลวงพ่อหลายเรื่อง" ก็เลยบอกว่า "หลวงพ่อท่านจะลงมาก็ต่อเมื่อแปดโมงครึ่งไปแล้ว ยายกินอะไรมาหรือยัง ? ถ้ายังเดี๋ยวจะไปหาให้" แกบอกว่า "กินข้าวแกงที่กลางซอยมาแล้ว" คุณยายนั่งรถไฟมาเป็นวัน แล้วยังต้องมาต่อรถอีก ถามเขามาว่าซอยสายลมมาทางไหน มาถึงปากซอยแล้วแกก็เดินเข้าไป สมัยนี้เห็นนั่งวินมอเตอร์ไซค์กันทั้งนั้น..!

พอหลวงพ่อท่านลงมา ยายแกก็เล่าให้ฟังว่า ทั้งหมู่บ้านมีแกนุ่งขาวห่มขาว รักษาศีลคนเดียว คนเขาว่าแกเป็นผีบ้า แกบ้าจริงหรือเปล่า ? แต่คราวนี้ยายแกพูดอีสาน ปนส่วย ปนเขมร หลวงพ่อท่านถามว่า "เฮ้ย..ใครฟังออกช่วยแปลให้หน่อยโว้ย" ก็เลยกราบเรียนหลวงพ่อว่า "ผมพอฟังได้ครับ" ก็แปลให้หลวงพ่อฟัง พอหลวงพ่อท่านได้ยินก็หัวเราะ ท่านบอกว่า "โยมสติดีอยู่คนเดียว ไอ้ที่เหลือน่ะมันบ้าทั้งหมู่บ้านแหละ..!"

แล้วคุณยายก็ถามไปอีกหลายเรื่องอย่างเช่นว่า "ต้นไม้เทวดาลงนั้นใช้งานได้ไหม ?" ก็คือต้นไม้โดนฟ้าผ่า หลวงพ่อก็บอกว่า "ได้..เผาแล้วไหม้ไหมล่ะ ? ถ้าเผาไหม้ก็ใช้ได้ทั้งนั้นแหละ" คุณยายบอกว่าทางด้านบ้านเขาถือว่าเป็นอาถรรพ์ แตะต้องไม่ได้ อะไรประมาณนั้น อาตมภาพก็แปลไปเรื่อย ไปจับจุดได้ตรงคำสุดท้าย แปลจนเหนื่อย พอยายแกถามไม่ทันจะแปล หลวงพ่อท่านตอบแล้ว อ้าว..หลวงพ่อฟังรู้เรื่อง..! เพียงแต่กลัวคนอื่นจะรู้ว่าท่านฟังรู้ ก็เลยหาคนช่วยแปล..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2025 เมื่อ 00:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 21-01-2025, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,985
ได้ให้อนุโมทนา: 156,613
ได้รับอนุโมทนา 4,464,282 ครั้ง ใน 35,593 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้รู้หรือยังว่า การที่เราทำอะไรต่างจากคนอื่นเขาแล้วเป็นอย่างไร ? แต่ยายแกโดนหนัก เพราะว่าทั้งหมู่บ้านมีแกทำอยู่คนเดียว แต่ก็สบายใจกลับไป แล้วคิดดูว่ากำลังใจคนแก่ขนาดนั้น ยุคนั้นจากสุรินทร์มานี่ไม่ใช่ง่าย ๆ นะ ประมาณปี ๒๕๒๕ ก็ประมาณ ๔๒ - ๔๓ ปีที่แล้วกระมัง แกพยายามหารถมาจนถึงบ้านสายลมได้ กำลังใจสุดยอดมาก แกแทบจะไม่มีสตางค์ติดกระเป๋าก็ยังอุตส่าห์มาจนถึง..!

ต้องบอกว่าแกมาด้วยกำลังใจและกำลังบุญจริง ๆ พอสบายใจแกก็กลับไปทำ แต่หลวงพ่อท่านก็บอกไปว่า "อย่าไปว่าคนอื่นเขา เรามีหน้าที่คอยกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้ ว่าเราทำผิดทำชั่วตรงไหน แล้วแก้ไขให้ดี เราจะไปแก้ไขปากชาวบ้านเขาไม่ได้ เขาว่ามา เราก็อภัยให้เขาไป"

พวกเราโดนกันเยอะไหม ? ก็เป็นเรื่องประหลาดดีนะ แม้กระทั่งการสวดมนต์ข้ามปี เขายังเอามา "แซะ" กัน ท่านเจ้าคุณอาจารย์ประสาร (ประสาร จนฺทสาโร) รศ., ดร. - พระเทพวัชรสารบัณฑิต ท่านถามสังคมว่า "อยากจะเห็นพ่อเราเข้าวัดสวดมนต์ หรืออยากให้เข้าคลับเข้าบาร์ไปเมาทั้งคืนตอนปีใหม่กันเล่า ?" ถามง่าย ๆ แค่นี้ ถ้าบอกว่าสวดมนต์ข้ามปีไม่ดี แล้วอยากเห็นแบบไหนล่ะ ?

เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้เราต้องยอมรับ เรื่องของโลก โลกต้องเป็นอย่างนั้น ในเมื่อโลกเป็นอย่างนั้นก็ไปของเขาเถอะ ของเราเองก็พยายามไปคนละทางกับเขาก็แล้วกัน หรือถ้าหากว่าเดินไปด้วยกันถึงทางแยกก็เลี้ยวให้ทัน เลี้ยวไม่ทันเดี๋ยวเผลอไปกับเขาก็ลำบากอีก..!

ต้องรู้จักเสียดายความดีที่เราทำมา ไม่ใช่ทำมาเสียเยอะเสียแยะแล้ว แต่เสียเพื่อนชวนไม่ได้ บางคนรักษาศีลแปดมาหลายปี เพื่อนกลับมาจากต่างประเทศ ตื๊อให้ไปกินข้าวด้วยกัน ทำอย่างกับเราไม่ไปแล้วเขากินไม่ได้อย่างนั้นแหละ..! ในที่สุดเสียเพื่อนไม่ได้ก็ยอมละศีลแปดสักมื้อหนึ่งไปกิน ปรากฏว่าตัวเองท้องอืดเกือบตาย อาหารไม่ย่อย ถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลล้างท้องให้น้ำเกลือกันไปเลย เพราะว่าช่วงนั้นร่างกายไม่ทำงานแล้ว ไม่ได้กินมาตั้งหลายปี..ใช่ไหม ?

ไม่เสียดายความดีของตัวเอง กลัวเพื่อนเสียน้ำใจ ปัญญาไม่พอ ถ้าปัญญาพอจะเห็นว่าเพื่อนที่ชวนเราลงต่ำแบบนี้เราไม่ไปด้วยหรอก ปฏิเสธให้เป็น ถ้าพูดคำว่า "ไม่" เป็น เรื่องจะน้อยลงเยอะเลย ส่วนใหญ่พวกเราก็ประเภทแบ่งรับแบ่งสู้ แล้วเขาก็เหมาเอาว่า "ได้" ทุกที..ใช่ไหม ? แบบนั้นก็เรียบร้อย สารพัดเรื่องยุ่งก็มาถึงตัว

เดี๋ยวพวกเราสมาทานพระกรรมฐาน ปฏิบัติธรรมกันก่อนที่จะเดินทางกลับ

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๘ ณ วัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ - วันพุธที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล และ นาทาม)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2025 เมื่อ 01:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว