กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-08-2021, 20:55
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,596
ได้ให้อนุโมทนา: 216,268
ได้รับอนุโมทนา 739,707 ครั้ง ใน 36,060 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-08-2021, 23:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,014 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ จากการตรวจเชิงรุกของทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ เพื่อหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ในชุมชนต่างด้าวข้างโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา วันนี้เจอผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ ๒๑ คน..! นี่คือตัวแพร่เชื้อที่ดีที่สุด แล้วคนที่รับไปถ้าร่างกายไม่แข็งแรงอาจจะถึงตายได้ เพราะว่าชาวต่างด้าวเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วอาชีพก็คือผู้ใช้แรงงาน ร่างกายจะแข็งแรง แต่ว่าคนทั้งหลายเหล่านี้ก็มีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า ถึงป่วยก็ไม่รักษาให้หายไปเลย จะกินยาพอที่ให้ลุกขึ้นทำงานได้ ก็ไปทำงานต่อ ไม่ยอมสิ้นเปลืองกับการรักษาต่อไปอีก

ตัวกระผม/อาตมภาพเองพบมาด้วยตัวเอง เพราะว่าตอนช่วงที่เป็นคนไข้ตัวอย่างของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ยาอาร์ทีซูเนตที่เป็นยาตัวใหม่มา แล้วทางด้านนายแพทย์ผู้รับผิดชอบ ยืนยันว่ามีผลในการรักษาประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ คือมีโอกาสหายถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ว่ายาตัวนี้มีผลเสียก็คือ จะไปกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระผม/อาตมภาพเองเห็นว่ามีโอกาสตั้ง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ก็เลยยอมให้ทดสอบ ผลปรากฏว่ารักษาไม่หายยังไม่พอ ภูมิคุ้มกันยังหายไปอีก นี่ขนาดฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาไปแล้ว ไปวัดภูมิคุ้มกัน ได้มาตั้ง ๐.๘ ..! ขณะที่คนอื่นเขาฉีดที
ได้ภูมิมาตั้งสองหมื่นสามหมื่น..!

เหตุที่เป็นเช่นนี้ ไปกระจ่างตอนที่ข้ามไปฝั่งพม่า เข้าไปซื้อยา แล้วเห็นคนป่วยมาลาเรียมาขอซื้อยาอาร์ทีซูเนตตัวนี้ ซึ่งแผงหนึ่งจะต้องกินให้ครบ ๕ วัน ปรากฏว่าเภสัชกรตัดขายไป ๒ เม็ด ซึ่งตอนนั้นราคาเม็ดละ ๗๐ บาทไทย กระผม/อาตมภาพทนไม่ได้ ก็โวยวายว่า "คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร ? เป็นเภสัชกรต้องรู้ว่าถ้ากินยาไม่ครบโดสจะไม่มีผลในการรักษา เขาขอซื้อยาแค่นี้ แล้วคุณขายให้ไป ไม่รู้สึกว่าผิดจรรยาบรรณบ้างเลยหรือ ?"

เขาบอกว่า "แล้วท่านจะให้ผมทำอย่างไรครับ ? เพราะว่าคนทั้งหลายเหล่านี้เขาขอกินยาแค่ลุกทำงานได้ เขาก็ไปทำงานต่อแล้ว เขาจะไม่มาสิ้นเปลืองกับการรักษาตัวเอง ถ้าผมไม่ขาย ผมก็จะขายอะไรไม่ได้เลย"

กระผม/อาตมภาพจึงถึงบางอ้อว่า "ทำไมโรคของกูรักษาไม่หาย ?" ก็เพราะว่ายาตัวนี้เข้าพม่าไปก่อน แล้วพวกเขาก็กินจนกระทั่งกลายเป็นเชื้อดื้อยา แล้วค่อยเอาเชื้อมาติดให้อาตมภาพเอง รักษาไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่ากลายเป็นเชื้อดื้อยาไปตั้งแต่แรกแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2021 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-08-2021, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,014 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะเวลาที่ออกธุดงค์ ถ้าหากว่าอากาศเปลี่ยนเมื่อไร ไข้มาลาเรียจะเริ่มจับขึ้นมาทันที ตอนช่วงนั้นร่างกายยังแข็งแรงอยู่ เพราะว่ามาเลิกธุดงค์หลังปี ๒๕๔๐ ซึ่งตอนนั้นก็เพิ่งจะอายุแค่ ๓๐ เศษ ๆ แต่ในปัจจุบันนี้อายุ ๖๐ ปีเศษ ซึ่งไข้ขึ้นทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยน อย่างเช่นวันนี้จากที่ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน อยู่ ๆ อากาศก็เปลี่ยนเป็นเหมือนกับฤดูหนาว หมอกเต็มไปทั้งเมือง ต้องบอกว่าปวดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า..! แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ เพราะว่าในอดีตชาติเคยสร้างกรรมเอาไว้มาก

แม้กระทั่งหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็ยืนยันว่า "แกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้มาก ชาตินี้จะต้องป่วยหนักและอายุสั้น..!" แล้วท่านก็แนะนำว่าให้บรรเทาอาการลง ด้วยการปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่า อย่างเช่นปลาในตลาด สักเดือนละตัวสองตัว จะได้บรรเทาอาการเหล่านี้ลงได้ กระผม/อาตมภาพก็อวดดีกับครูบาอาจารย์ กราบเรียนท่านว่า "แล้วผมจะปล่อยไปทำไมครับ ? เพราะว่าการปล่อยปลาทำให้อายุยืน ผมเองไม่ต้องการอยู่แล้ว"

ท่านยังอุตส่าห์เมตตาบอกว่า "แกอย่าเข้าใจผิด การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่า ช่วยให้เราอายุยืนได้ก็ต่อเมื่อช่วงนั้นมีอุปฆาตกรรมเข้ามา การกระทำตรงนี้ถึงจะมาต่ออายุให้เราอยู่รอดต่อไป แต่ถ้าไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามา เราปล่อยให้เขารอดชีวิต ได้กลับคืนไปสู่แหล่ง
ที่อาศัยของตน มีความสุข มีความสะดวกสบาย ต่อไปแกทำอะไรก็จะสบายไปหมด"

ด้วยความที่เป็นผู้ที่เคารพครูบาอาจาย์ ท่านสั่งอะไรก็คือต้องทำตลอดชีวิต ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ อาตมภาพก็เริ่มปล่อยชีวิตสัตว์เป็นต้นมา ปล่อยแบบจริง ๆ จัง ๆ แต่คราวนี้จะปล่อยทีละตัวสองตัวก็ไม่ได้ พอเข้าตลาดไป เห็นปลาตาปริบ ๆ ก็ต้องเหมาหมด แรก ๆ ก็เอามาปล่อยที่ท่าน้ำวัดท่าซุง อยากจะบอกด้วยความภูมิใจว่า วังมัจฉาวัดท่าซุงเกิดจากอาตมภาพปล่อยปลาติดต่อกันอยู่ ๕ ปี..!

ตอนแรกส่วนใหญ่ก็ไปซื้อ "ปลาดุกบิ๊กอุย" ก็คือเขาเอาปลาดุกรัสเซียผสมกับปลาดุกอุยของไทยเรา จนเป็นสายพันธุ์ใหม่ เนื้อเหมือนปลาดุกอุย แต่ตัวใหญ่ด้วยสายพันธุ์ปลาดุกรัสเซีย ก็ซื้อครั้งละปีบหนึ่งบ้าง สองปีบบ้าง เอามาปล่อยลงที่บ่อข้างร้านอาหารป้ากิมกี (นางกิมกี หลากสุขถม) ปล่อยแบบนั้นทุกเดือน จนวันหนึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่า "แกได้แหกตาดูบ้างหรือเปล่า ? ปลาจะไม่มีที่หายใจอยู่แล้ว..!" จึงลองซื้ออาหารเม็ดหว่านลงไป เจ้าประคุณเถอะ...ขึ้นมาจนไม่มีที่ว่างแม้แต่ตารางนิ้วเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2021 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-08-2021, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,014 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออยู่ไปนาน ๆ สายพันธุ์ปลาดุกรัสเซียปรากฏขึ้น จึงมีปลาดุกอุยตัวยาวเป็นเมตร อ้าปากทีหนึ่งกว้างเป็นคืบ..! จึงเปลี่ยนแผนไปปล่อยลงที่ท่าน้ำหน้าวัดแทน ปรากฏว่าพื้นเพเดิมที่หน้าวัดท่าซุงนั้นเป็นปลากระแหเสียส่วนมาก ถ้าพวกเราไม่รู้จักปลากระแห ก็คือปลาตะเพียนตัวเล็กที่มีครีบแดง ๆ ซึ่งจะมีกระแหแดงกับกระแหทอง ถ้าหากว่าเป็นปลาตะเพียน จะตัวใหญ่กว่านั้นประมาณ ๓ - ๔ เท่า ถ้าตัวสีขาวเขาเรียกว่าปลาตะเพียนทราย ถ้าตัวสีดำเขาเรียกว่าปลากา ถ้าขืนว่าจนครบ กลายเป็นวิทยานิพนธ์วิจัยพันธุ์ปลาไป..!

แต่คราวนี้พอปล่อยปลาดุกลงไปแล้ว ปลาดุกพวกนี้เป็นปลาดุกเลี้ยง..ไปไหนไม่เป็น ออกันอยู่แค่ริมน้ำ เจ้าปลากระแหเป็นร้อย ๆ ก็เมียง ๆ มอง ๆ เข้ามา พอได้จังหวะก็พุ่งไปโฉบ กระตุกเอาหนวดปลาดุกไปกิน..! ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก เพราะว่าถ้าปลาดุกไม่มีหนวด จะหากินไม่ได้เลย แล้วริมน้ำวัดท่าซุงก็ไม่มีโคลนที่ปลาดุกจะซุกได้ เพราะว่าเป็นกรวดปนหิน ตกลงเจ้าปลาดุกชุดนั้นไม่ทราบเหมือนกันว่าตาย
ไปตอนไหน เพราะว่าโดนดึงหนวดไปกินจนหมด..!

หลังจากนั้น อาตมภาพก็ต้องมาหาดูว่าปลาอะไรที่เป็นปลาพื้นบ้าน ? ปลากระแหนี่ใช่แน่ แต่เป็นปลาที่อ่อนแอมาก พ้นน้ำขึ้นมาอึดใจเดียวก็ตายแล้ว จนชาวบ้านเขาบอกว่า "มันตกใจฟ้าเลยขาดใจตาย" ดูไปดูมาก็เจอว่าปลาพื้นบ้านที่เขาจำหน่ายอยู่เป็นปกติ ก็คือปลาสวายกับปลาเทโพ ซึ่งพวกเราก็คงจะแยกไม่ออกอีก

ปลาสวายปลายหางจะเรียวโค้งและมีแต้มดำ ๆ ก็คือปลายแหลมของหางจะดำ คล้าย ๆ กับที่ฝรั่งเขาเรียกฉลามหูดำนั่น แต่ปลาเทโพปลายหางจะไม่แหลมเรียว จะโค้ง ๆ ป้าน ๆ กว่า ถ้าเป็นปลาบึกในลักษณะปลาวัยรุ่น ขนาดใกล้เคียงกัน ก็ต้องดูแนวดวงตา ปลาบึกดวงตาเกือบจะ
อยู่แนวเดียวกับปาก ต่างกันแค่นั้นเอง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมภาพก็เหมาปลาสวายบ้าง ปลาเทโพบ้างมาปล่อยแทน เพราะว่าเป็นปลาพื้นเมือง อย่างไรก็อยู่ได้ ปล่อยไปปล่อยมา คงจะออกลูกออกหลาน แล้วไปชักชวนเพื่อนฝูงมาเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ จนกลายเป็นวังมัจฉาหน้าวัดท่าซุง นั่นเกิดจากการปล่อยปลาของอาตมภาพอยู่ ๕ ปีติดต่อกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2021 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-08-2021, 23:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,014 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่ปล่อยมาจากปี ๒๕๒๙ มาถึงปี ๒๕๕๙ สามสิบปีผ่านไป จึงเริ่มเห็นผล ก็คือได้หมอได้ยาดีขึ้นมา ทำให้อาการบรรเทาลง แต่ความแก่ได้ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง ถึงอาการเบาลงก็ยังหนักพอ ๆ กับตอนหนุ่มอยู่ ดังนั้น...ในส่วนนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายได้ทำต่อเนื่องกันเป็นประจำ เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยจากโทษปาณาติบาตแต่เดิม ก็คือฆ่าคน ฆ่าสัตว์ใหญ่เอาไว้ ก็ต้องปล่อยเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอ ถึงจะสามารถบรรเทาอาการลงอย่างเห็นผลได้

แต่อย่างในส่วนของความคล่องตัว ตามที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกเอาไว้ ถือว่าช่วยได้มากจริง ๆ เพราะว่าทำงานทุกอย่างมีคนเสนอตัวมาช่วยทั้งหมด ก็ทำให้สะดวกขึ้น แม้กระทั่งในวัดวาของเรา ก็จะมีพระ มีสามเณร ที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ เข้ามาช่วยงานอยู่เสมอ มาได้ตรงจังหวะ ตรงเวลาที่ต้องการอยู่เสมอ

ดังนั้น..ในส่วนที่เป็นอปราปรเวทนียกรรม คือกรรมที่จะเห็นผลในชาติต่อ ๆ ไปนั้น ถ้าหากว่าเราทำเป็นประจำ ๆ ด้วยความมั่นคง สม่ำเสมอ เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอ และกระทำได้มากพอ ก็สามารถแปลงเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือกรรมที่เห็นผลในชาติปัจจุบันนี้ได้

เพราะว่าผลกรรมในปัจจุบันนี้มาจากอดีต แปลว่าวินาทีนี้ผ่านไป ก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ถ้าเราสามารถทำอดีตต่อเนื่องกันมาในด้านที่ดี วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ผลจากอดีตที่เราทำ ถ้ามากพอ ก็ส่งผลให้เกิดขึ้นในชาติปัจจุบันนี้

ใครที่บอกว่าตนเองดวงไม่ดี เกิดมาแล้วพื้นดวงแย่มาก ถ้าต้องการที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง อาตมภาพยืนยันว่าทำได้ เพราะว่าทำมาด้วยตัวเอง แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องอดทนทำในระยะเวลาที่ยาวนานพอ โดยเฉพาะในส่วนของ ทาน ศีล และภาวนา ยิ่งทำมากเท่าไร ถึงเวลาผลตอบแทนเกิดขึ้น ก็ยิ่งมากเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-08-2021 เมื่อ 18:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 10-08-2021, 23:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,014 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนนี้ไม่ได้ค้านกับคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่ากรรมในอดีตส่งผลแก่เราในปัจจุบัน ส่วนที่เราทำมา อย่างอาตมภาพทำมาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ ส่วนอื่น ๆ เริ่มส่งผลแล้ว อย่างเช่นเรื่องของความคล่องตัว

แต่ว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วย เพิ่งจะมาคลายตัวหลังจาก ๓๐ ปีผ่านไป ด้วยเหตุที่ในอดีตเกิดมานับชาติไม่ถ้วนและเป็นทหารมาตลอด เข่นฆ่าเขาในแต่ละชาติ รวม ๆ กันแล้วจำนวนมหาศาลมาก แทบจะต้องคืนชีวิตกันไปหนึ่งต่อหนึ่งเลย ถึงต้องปล่อยชีวิตสัตว์จนเป็นระยะเวลาที่ยาวนานถึงขนาดนั้น เจ้ากรรมนายเวรค่อยเปิดโอกาสให้ได้สบายขึ้นมานิดหนึ่ง ไม่อย่างนั้น ถ้าหากว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วยหนักเท่าสมัยหนุ่ม ๆ ในสมัยที่สภาพร่างกายชำรุด แก่ชราแบบนี้ มั่นใจว่าตายไปแล้วแน่นอน..!

จึงขอแจ้งให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า ในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ว่าจะโรคอะไรก็ตาม แม้กระทั่งเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ล้วนเกิดจากกรรมปาณาติบาตในอดีตที่เราฆ่าคน ฆ่าสัตว์เอาไว้ ท่านทั้งหลายที่ไปโพสต์ว่า มีวัตถุมงคลวัดท่าขนุนอยู่ในบ้าน ติดตัวอยู่ ญาติพี่น้องติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทั้งบ้าน ตนเองยังไม่เป็นอะไร โปรดระมัดระวังให้ดี

เพราะว่าวัตถุมงคลนั้น ช่วยตัดเคราะห์กรรมในอดีตได้แค่บางส่วน จากหนักจะเป็นเบา จากเบาจะเป็นหาย แต่ว่าท่านทั้งหลายไม่ได้ทำความดี
มาอย่างต่อเนื่อง มีดีมีชั่วสลับกันไป ถ้าหากว่าส่วนของอกุศลกรรมที่เราทำชั่วไว้มาสนอง ต่อให้ท่านทั้งหลายพกวัตถุมงคลชนิดท่วมตัว ก็ยังคงต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ดี..!

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งเจริญพรให้แก่ญาติโยมได้รับทราบโดยทั่วกันแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2021 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว