กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-03-2023, 19:46
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,083 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-03-2023, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันพระแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ซึ่งตรงกับประเพณีตรุษไทยของเรา ท่านพระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) เจ้าอาวาสวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) ที่บางปลาม้า เจ้าคณะตำบลโคกคราม เขต ๒ ท่านเป็น FC เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน บอกว่า "หลวงพ่อช่วยพูดเรื่องตรุษไทยให้หน่อย"

คำว่า ตรุษ มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า สิ้นไป หรือว่า ตัดขาด เพราะว่าเป็นวันสิ้นปีนักษัตร ก็คือเราจะเปลี่ยนปีนักษัตรกันในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ก็แปลว่าท่านใดก็ตามที่เกิดภายในวันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ยังต้องใช้ปีนักษัตรขาลแต่เดิมไปก่อน จนกระทั่งพรุ่งนี้ถึงจะเป็นปีเถาะ

ประเพณีตรุษไทยของเรามีหลักฐานชัดเจนมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย คู่มากับประเพณีสงกรานต์ แต่คนเขาสงสัยกันว่า "แล้วประเพณีตรุษไทยมางอกอยู่ในประเทศไทยได้อย่างไร ?" เพราะว่าชื่อก็เป็นภาษาสันสกฤต ซึ่งถ้ากระผม/อาตมภาพพูดไป ก็เป็น "ประวัติศาสตร์นอกตำรา" ก็คือประเพณีตรุษไทยและสงกรานต์ มาจากสมเด็จพระสังฆราชสมัยกรุงสุโขทัย ซึ่งถ้าเราดูในศิลาจารึกจะมีระบุไว้ว่า "ปู่ครูผู้หลวกกว่าครูทั้งหลาย ทุกตนลุกมาแต่เมืองนครศรีธรรมราช" คำว่า หลวก ในที่นี้คือฉลาด

คราวนี้ทำไมปู่ครูหรือสมเด็จพระสังฆราชต้องมาจากนครศรีธรรมราช ? ก็เพราะว่าตอนนั้นนครศรีธรรมราชก็คืออาณาจักรศรีวิชัย อาณาจักรศรีวิชัยในช่วงนั้นปกครองโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ ระวังให้ดีนะครับ เนื้อหาที่กระผม/อาตมภาพพูดอยู่นี่มีทั้งในประวัติศาสตร์ มีทั้งผีบอก แยกให้ออกด้วย

ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินคำว่าท้าวจตุคามรามเทพ ซึ่งเป็นกษัตริย์ของราชวงศ์ไศเลนทร์ ท่านแผ่แสนยานุภาพคลุมไปตลอดมะละกายังไม่พอ ยังข้ามอ่าวเบงกอล มหาสมุทรอินเดีย ไปยึดอินเดียและลังกาเอาไว้ภายใต้การปกครองด้วย แล้วพระเจ้าจันทรภาณุ หรือว่าท้าวจตุคาม หรือภาษาโบราณเรียกว่าท้าวขัตตุคาม ก็อยู่ปกครองทางด้านอินเดีย - ลังกา ปล่อยให้น้องชายคือท้าวรามเทพ ปกครองนครศรีธรรมราชที่เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2023 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-03-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าจะกล่าวไปแล้ว สมัยนั้นก็ยังไม่เรียกว่าคนไทย แต่ในเมื่อมีบุคคลเชื้อสายเดียวกันไปเป็นกษัตริย์อยู่ทางอินเดียและลังกา พระภิกษุสงฆ์สามเณรเมืองไทย ที่อยากจะไปศึกษาพระธรรมคำสอนจากดินแดนพุทธภูมิ ก็ลงเรือข้ามทะเลไปขึ้นที่ศรีลังกาบ้าง อินเดียบ้าง

ปรากฏว่าช่วงนั้นบรรดาพระมหาเถระ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมหาวิหาร หรือว่าฝ่ายอภัยคีรีวิหารของทางศรีลังกานั้นโด่งดังมาก แม้กระทั่งพระพุทธโฆษาจารย์จากอินเดีย ยังต้องไปขอปริวรรตพระไตรปิฎกจากภาษาสิงหลมาเป็นภาษาบาลีที่ศรีลังกา จนกระทั่งเป็นต้นกำเนิดของตำราวิสุทธิมรรคขึ้นมา

เมื่อพระชาวศรีวิชัยเรียนจบพระไตรปิฎก ซึ่งสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็คือท่องจำได้แม่นยำ มั่นใจว่าถูกต้องแน่นอน เพราะมาจากดินแดนพุทธภูมิเอง ก็เดินทางกลับมายังอาณาจักรศรีวิชัย หรือว่าเมืองไทยในปัจจุบัน โดยมาขึ้นเรือที่ท่าเรือเมืองศรีธรรมาโศกราช หรือนครศรีธรรมราช

เมื่อข่าวเลื่องลือไปไกลว่าพระมหาเถระท่านจบด็อกเตอร์..ใช่หรือเปล่า ? จบพระไตรปิฎกมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะมาจากแดนพุทธภูมิ ชาวบ้านจึงให้ความเคารพนับถือ อุปถัมภ์ค้ำชู ชื่อเสียงก็โด่งดัง จนกระทั่งทางอาณาจักรสุโขทัยที่นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน ต้องส่งทูตมาขออาราธนาท่านที่พร้อมจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ดั้งเดิม ที่ศึกษามาจนช่ำชองแล้ว ขึ้นไปที่อาณาจักรสุโขทัย เมื่อไปถึงก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นปู่ครู หรือว่าพระสังฆราช

คราวนี้ด้วยความที่ท่านศึกษาเล่าเรียนที่ศรีลังกามา ก็นำเอาขนบธรรมเนียมประเพณีทางด้านนั้น มาแนะนำให้กับทางราชวงศ์และข้าราชบริพารฝ่ายปกครองบ้าง เมื่อพระมหากษัตริย์และบรรดาข้าราชการผู้ใหญ่เห็นด้วย ก็ได้กำหนดให้มีการจัดงานในลักษณะคล้ายคลึงกันตามที่บอก จนกลายเป็นวันตรุษไทยและวันสงกรานต์ขึ้นมา

แยกออกหรือยังว่าตอนไหนเป็นประวัติศาสตร์ ตอนไหนเป็นผีบอก ? อย่าไปใส่ใจมาก..นึกว่าฟังเรื่องสนุก ๆ ไปก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2023 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-03-2023, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ วันตรุษไทยเขาทำบุญกัน ๔ วัน ก็คือวันแรม ๑๓ ค่ำ ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ และวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ พอสงกรานต์ก็ทำบุญ ๕ วัน ซึ่งเรื่องนี้สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังอยู่ที่วัดท่าซุง ท่านมัคคนายกสง่า สาโรจน์ เป็นผู้รู้ดีในพิธีกรรมต่าง ๆ จะขอทำบุญตรุษไทย ๔ วัน สงกรานต์ ๕ วัน หลวงพ่อฤๅษีฯ บอกว่า "โคตรแม่มึงตาหง่าไปทำเองก็แล้วกัน พระมีงานอื่นต้องทำ"

ก็คือเรื่องนี้เป็นความเพี้ยนจากสิ่งที่เขาพูดสั้น ๆ เพื่อให้จำง่ายว่า ตรุษ ๔ สงกรานต์ ๕ สารท ๑๐ ก็คือตรุษจะเป็นวันสิ้นเดือน ๔ สงกรานต์เป็นวันกลางเดือน ๕ และสารทเป็นวันสิ้นเดือน ๑๐ คนที่ไม่เข้าใจความหมายตรงนี้ ก็เลยไปทำบุญ ๔ วัน ๕ วัน ยังโชคดีที่วันสารทไม่ทำบุญ ๑๐ วัน ไม่อย่างนั้นพระเจ้าไม่ต้องทำมาหากินอะไรหรอก รอสวดมนต์รับภัตตาหารจากโยมอย่างเดียวเท่านั้น

คราวนี้ค่านิยมของวันตรุษไทยนั้นจะต้องมีขนม ๒ อย่างเป็นหลัก ก็คือข้าวเหนียวแดง กับกาละแม ซึ่งถ้าหากว่าบ้านไหนมีลูกสาวสวยก็เหนื่อยน้อยหน่อย เพราะว่าบรรดาหนุ่ม ๆ แห่กันมาทั้งหมู่บ้านหรือทั้งตำบล..! มาช่วยงาน ไม่ว่าจะขูดมะพร้าว คั้นกะทิ ผ่าฟืน กวนข้าวเหนียวแดง กวนกาละแม

ถ้าอยากรู้ว่ากาละแมกวนแล้วลำบากยากเข็ญขนาดไหน ก็ต้องกวนกันจนกะทิแห้ง กระทะใบบัวใหญ่ ๆ กะทิเกือบเต็มกระทะ กวนจนแห้ง เล่นกันข้ามวันข้ามคืน แต่ก็เป็นโอกาสเดียวที่หนุ่มสาวสมัยนั้นจะใกล้ชิดกัน เพราะว่าพ่อแม่จะไม่ห้าม ไม่อย่างนั้นแล้วโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกันอีกที ก็ต้องตอนไปวัดโน่นเลย..!

สมัยเด็ก ๆ กระผม/อาตมภาพเองโดนพี่สาวเอาไปเป็น "ไม้กันหมา" อยู่เสมอ ก็คือถ้าผู้หญิงออกจากบ้านไป ก็ต้องมีพี่น้องที่เป็นผู้ชายไปด้วย ผู้หญิงสมัยก่อนเขาวางตัวยิ่งกว่าพระสมัยนี้อีก..! ก็คือต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงทุกอย่าง เพราะว่าคนสมัยนั้นรักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมาก ทำอะไรจะไม่คิดถึงเฉพาะความต้องการส่วนตัว แต่จะคิดถึงเรื่องของชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเป็นใหญ่

พี่สาวของ
กระผม/อาตมภาพมากับเพื่อนผู้หญิง มาเที่ยววัดโกสินารายณ์ที่ท่ามะกา กลับบ้านไปโดนพ่อตีด้วยไม้รวกทั้งท่อน..! ไม่ใช่ไม้เรียว ฟาดเป็นตีวัวตีควายเลย ทั้ง ๆ ที่ไปกับเพื่อนผู้หญิงแท้ ๆ

เพราะฉะนั้น..ในเรื่องพวกนี้ ต้องบอกว่าโบราณเขายังถือเคร่งครัดกันอยู่ ที่ว่าถ้าหากว่าผู้ชายไม่บวช ไปขอเมียบ้านไหนก็ไม่มีใครเขาให้ เพราะเขาถือว่าเป็น "คนดิบ" ยังไม่ผ่านกันการขัดเกลาทางพระพุทธศาสนามาก่อน ซึ่งสมัยนี้ไม่ค่อยจะถือสากันแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2023 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-03-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในวันตรุษไทยมีค่านิยมในการทำบุญ พระท่านจะสวดบทรัตนสูตร ทำน้ำมนต์พรมให้ญาติโยมทั้งหมู่บ้านเลย ในลักษณะเดียวกับการไล่โรคที่เมืองเวสาลี ซึ่งมีโรคระบาดจนเป็นต้นกำเนิดของรัตนสูตร บางวัดก็มีการสวดภาณยักษ์ บท "วิปัสสิสสะ นะมัตถุฯ" นั่นแหละ เขาเรียกว่าเป็นการไล่เคราะห์ไล่โศกให้ บางทีก็มีการจุดพลุ จุดตะไล เสียงตึงตังโครมครามเพื่อไล่ผีอีกด้วย..!

เรื่องพวกนี้ไล่ได้จริง ๆ นะครับ พวกท่านทั้งหลายอาจจะคิดไม่ถึง ก็คือ
บรรดาผีต่าง ๆ เวลาที่เขาจะปรากฏตัวให้พวกเราเห็น เขาต้องใช้กำลังรวบรวมเอาธาตุ ๔ ในบริเวณนั้น ก็คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม รวมกันเข้ามาเป็นกายหยาบเพื่อให้พวกเราเห็น จะได้ติดต่อกับพวกเราได้ แต่ท่านที่มีกำลังน้อย บางทีก็รวบรวมเป็นตัวไม่ได้ ได้ยินแต่เสียงบ้าง เห็นแค่เงาแวบ ๆ บ้าง หรือได้แค่กลิ่นบ้าง

ส่วนท่านที่รวบรวมเป็นตัวได้ก็ยังเวรกรรมอีก พอมีประทัด มีปืน มีพลุ มีอะไรเกิดขึ้นมา ไอ้แรงอัดก็ไปดันเอาธาตุ ๔ กระจัดกระจายหมด..! รวมเป็นตัวไม่ได้ ก็เลยทำให้ผีหลอกเราไม่ได้ เพราะว่าหลอกให้ตายเราก็ไม่เห็น ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว โบราณเขารู้ว่าทำอย่างไรถึงจะพ้นจากสิ่งที่กลัวเหล่านี้ได้ ก็มีการจุดประทัดแบบคนจีนบ้าง จุดพลุ จุดตะไลแบบคนไทยบ้าง

แม้กระทั่งการเปิดไฟ การกระพริบของไฟฟ้า ๕๐ ครั้งต่อวินาที เราอาจจะเห็นว่านิ่ง ๆ แต่ความจริงแล้วมีการกะพริบแผล็บ ๆ ๆ ๆ กระแทกอยู่ตลอดเวลา พวกผีที่กำลังน้อย ๆ กำลังจะรวมอนุภาคต่าง ๆ เข้ามาให้เป็นกายหยาบ โดนกระแทกเข้าก็หลุด โดนกระแทกก็หลุด ก็ไม่ต้องเป็นตัวเป็นตนกันสักทีหนึ่ง..!

ดังนั้น..ใครที่กลัวผีเปิดไฟนอนนั้นทำถูกแล้ว แต่ว่าถ้าไปเจอผีระดับด็อกเตอร์ เที่ยง ๆ ก็มาได้..! ก็แปลว่ากันได้เฉพาะพวกผีระดับต่ำ ๆ เท่านั้น ถ้าใครเปิดไฟนอนแล้วผียังมานี่ ต้องอาศัยพระเป็นที่พึ่งอย่างเดียวแล้ว ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอก ถ้าหากว่าเปิดไฟแล้วยังมาได้ ส่วนใหญ่ก็ผีระดับสูงมากแล้วทั้งนั้น

ดังนั้น..ในเรื่องของวันตรุษไทยก็คือวันสิ้นปีนักษัตร ก็จะสิ้นปีขาลในวันนี้ แล้วพอรุ่งเช้าได้อรุณเมื่อไรถึงจะเป็นปีเถาะ ถ้าใครเกิดคืนนี้ก่อนได้อรุณยังเป็นปีเสืออยู่ เกิดพรุ่งนี้หลังจากพระออกบิณฑบาตแล้ว ถึงจะเป็นปีเถาะได้

ในเรื่องของวันตรุษไทย ปัจจุบันนี้ความสำคัญน้อยลงไปมาก อย่างทางด้านทองผาภูมิของเรานี่ เมื่อเช้าบิณฑบาตแทบจะไม่เจอข้าวเหนียวแดง - กาละแมอะไรเลย ส่วนใหญ่ที่มาคือขนมเค้ก ขนมปัง ดูแล้ว "น้ำตาจิไหล" เหมือนกัน...! ก็ขอจบการบรรยายประวัติศาสตร์ผีบอกแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เรื่องวันตรุษไทยแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2023 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว