กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-10-2022, 19:09
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,596
ได้ให้อนุโมทนา: 216,268
ได้รับอนุโมทนา 739,719 ครั้ง ใน 36,060 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-10-2022, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องขออภัยท่านทั้งหลายที่รอบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ เนื่องจากว่าวันนี้กระผม/อาตมภาพประชุมอยู่เกือบทั้งวัน และบรรดา "มนุษย์หิมะ" ทั้งหลายก็ชอบอากาศเย็นมาก ๆ เปิดเครื่องปรับอากาศกันจนกระผม/อาตมภาพไม่มีที่จะไป ไข้ขึ้นจนกระทั่งฉันยาในระหว่างประชุมไป ๒ รอบ เมื่อกลับถึงที่พัก ฉันยาเข้าไปอีก ๑ รอบ ก็สลบไสลลืมโลกไปเลย เพิ่งจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ตั้งสติได้ว่ายังไม่ได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน จึงต้องมานั่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้

สำหรับการประชุมในวันนี้นั้น ข้อใหญ่ใจความที่ได้จากบรรดาผู้บังคับบัญชาของคณะสงฆ์ก็คือ หลักการและวิธีการต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งประสบการณ์ในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ซึ่งเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว ผู้บังคับบัญชาแต่ละท่านมีแนวทางในการแก้ไขอย่างไร แต่ว่าในลักษณะแบบนี้ก็จะต้องพินิจพิจารณา ปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเราด้วย ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งแก้ไขเหตุการณ์ด้วยเมตตา แล้วเราจะไปเมตตาตามไปตลอดนั้น ย่อมไม่ได้

กระผม/อาตมภาพนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ หรือหลวงปู่จันทร์ กุสโล วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่พระเดชพระคุณท่านยังเป็นพระเทพกวี อยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ ท่านบอกว่า ถ้าเมตตาเกินประมาณก็จะเจอแต่คนพาลทั้งเมือง..!

ดังนั้น..ในเรื่องของการปกครอง ไม่ว่าจะทางโลกหรือว่าทางธรรมก็ตาม เป็นทั้งศาสตร์ ก็คือความรู้ประสบการณ์ ซึ่งสามารถที่จะบอกกล่าวให้แนวทางต่อกันได้ และเป็นทั้งศิลป์ ก็คือทักษะ ในการที่เราจะนำเอาความรู้นั้นไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราเถรตรง ทำตามที่ผู้บังคับบัญชาบางท่านแนะนำมา แต่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ก็อาจจะสร้างความยุ่งยากให้กับสถานการณ์ตรงนั้นหนักเข้าไปอีก

ส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวเอาไว้ตรงนี้ก็คือว่า ในปัจจุบันนี้นั้น สื่อโซเชียลของเราสามารถสร้างความเสียหายให้กับคณะสงฆ์หนักมาก โดยเฉพาะการออกสื่อแบบ "สิ้นสติ" อย่างเช่นเมื่อวันก่อน ก็มีการบันทึกเสียงออก TikTok แต่ว่าไม่ใช่การบันทึกเสียงธรรมแบบวัดท่าขนุน หากแต่ว่าท่านร้องเป็นเพลงลูกทุ่ง เสียงดีมาก ร้องได้ไพเราะมาก แต่ว่าไม่ได้ดูสารรูปของตนเองว่าตอนนี้อยู่ในฐานะไหน อยู่ในลักษณะที่โบราณกล่าวว่า "สึกก็อยากจะสวด บวชก็อยากจะร้อง" ไม่รู้จักหักห้ามใจตนเองยังไม่พอ ยังสิ้นสติ..บันทึกคลิปแล้วเอามาออกสื่อโซเชียลอีกต่างหาก..!

ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะอยู่ในลักษณะที่พระเดชพระคุณพระเทพศาสนาภิบาล, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ รูปปัจจุบัน ซึ่งท่านเคยปรารภกับกระผม/อาตมภาพว่า "ถ้าพวกมึงทำแบบนี้บ่อย ๆ กูก็เหนื่อยแหละ..!" ก็คือตนเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แทนที่จะพยายามช่วยกันสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณให้กับวงการคณะสงฆ์ ก็กลายเป็นว่าช่วยกันสร้าง "ชื่อเสีย" มากกว่า "ชื่อเสียง" ทำให้ผู้บังคับบัญชาต้องหนักใจ คอยวิ่งมาแก้ไขปัญหา ซึ่งจะบอกว่าเป็นปัญหา "ขี้หมูราขี้หมาแห้ง" ก็ใช่ แต่เป็นปัญหาที่ทำให้ภาพพจน์คณะสงฆ์นั้นเสียหายเป็นอย่างมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2022 เมื่อ 01:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-10-2022, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ระยะนี้เพื่อนพ้องพระภิกษุสงฆ์ของเราออกไปแจกข้าวแจกของช่วยเหลือผู้ที่ถูกน้ำท่วม แทนที่จะเอาเรี่ยวเอาแรงไปช่วยเขา กลับเอาแรงมาบันทึกเสียงเพลงลง TikTok ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ก็น่าประมาณว่า "ตบให้หัวหลุด..!" จะได้สติมีจิตสำนึกเสียบ้างว่า ตอนนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ

ในวันนี้พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยาราม ท่านก็ได้กล่าวตักเตือนว่า "เราต้องไม่กระทำอาการประหนึ่งฆราวาส คือถ้าหากว่าเราสำรวมในจริยาของตน มีสติรู้อยู่ รักษาสมณสารูปตามพระธรรมวินัย แบบนี้เราไม่ต้องไปสนใจหลักการปกครองคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้านก็ได้"

ถ้าทำตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเป็นกฎเกณฑ์เอาไว้ในศีลของพระ ไม่ว่าจะที่มาในพระปาฏิโมกข์หรือว่ามาในอภิสมาจารก็ตาม ถ้าสามารถรักษาได้ครบถ้วน ท่านก็จะเป็นพระที่สมกับเป็นพระแล้ว ไม่ต้องใส่ใจว่าจะต้องดูแลจัดการในเรื่องของการปกครอง การศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การสาธารณสงเคราะห์ หรือว่าการศึกษาสงเคราะห์ เพราะว่าถ้าเราทำตนสมกับเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา สร้างความเลื่อมใสให้แก่ญาติโยมได้มาก เราเองก็จะทำหน้าที่ของศากยบุตรพุทธชิโนรส ในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญมั่นคงไปเอง

ส่วนเรื่องของการปกครองคณะสงฆ์นั้น เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้น ถ้าเรารู้จักสำรวม ระวัง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เรื่องที่จะเดือดร้อนถึงผู้บังคับบัญชาก็ไม่มี

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในเรื่องของพระสงฆ์ ปัจจุบันนี้เหมือนอย่างกับว่ามีการสมคบคิดกัน ก็คือบุคคลใดบุคคลหนึ่งสร้างเรื่องให้เกิดขึ้นมา ก็จะนำมีการนำไปแพร่กระจายในสื่อโซเชียลอย่างรวดเร็ว ทำให้สร้างความเสียหายให้แก่คณะสงฆ์ในวงกว้าง จึงต้องระมัดระวังในการใช้สื่อเป็นอย่างยิ่ง

อย่างที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้กล่าวเอาไว้ว่า "เวลาที่เราจะออกสื่อ ต้องนึกอยู่เสมอว่าเราเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา สิ่งใดที่ควรพูด สิ่งใดที่ควรทำ ออกสื่อไปแล้ว สร้างความเลื่อมใสให้แก่พระพุทธศาสนาได้มาก ให้เรากระทำในสิ่งนั้น สิ่งใดที่พูดและทำแล้ว สร้างความเสียหายให้เกิดกับพระพุทธศาสนา เราก็ต้องตั้งสติ รู้ตัวอยู่เสมอว่า เราต้องงดเว้นสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2022 เมื่อ 01:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-10-2022, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องเหล่านี้ความจริงแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องให้ผู้บังคับบัญชามาคอยตักเตือนเรา ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายที่ขึ้นมาเป็นตั้งแต่ระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาสขึ้นไป มีสำนึกในหน้าที่อย่างชัดเจน ศึกษาเรียนรู้ว่าตำแหน่งหน้าที่ของตนนั้น ต้องกระทำสิ่งหนึ่งประการใดบ้าง ที่จะช่วยให้การคณะสงฆ์ของเราเป็นไปด้วยดี แล้วพยายามทำตามหน้าที่ทั้งหลายเหล่านั้น ก็จะช่วยให้คณะสงฆ์ของเราเจริญมั่นคงได้ไปเอง

แต่ว่าในปัจจุบันนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วพระภิกษุสามเณรของเรา ปล่อยให้ รัก โลภ โกรธ หลง กินใจมาก จนลืมสถานภาพของตนเอง อยู่ในลักษณะที่แสวงหาประโยชน์ ไม่ว่าจะทางตรง หรือว่าทางอ้อมจากญาติโยมแบบไม่บันยะบันยัง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาอย่างมาก

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีมาตั้งแต่ก่อนที่กระผม/อาตมภาพจะบวชเสียอีก ด้วยความที่เห็นแล้วรู้สึกรำคาญตา รำคาญใจ เมื่อมีโอกาสมาเป็นเจ้าอาวาส ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใดก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็จะออกระเบียบเอาไว้ว่า "ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร" แต่ว่าภายในวัดของเรา ถึงจะไม่บอกบุญ ไม่เรี่ยไร ก็ยังมีบรรดาท่านทั้งหลายที่ออกไป "แหลม" อยู่ทางด้านนอก ก็คือถือว่าไปทำลับหลังเจ้าอาวาส ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ลืมไปว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นใคร แอบไปทำอยู่ที่ไหนคิดหรือว่าเจ้าอาวาสจะไม่รู้ !!?

โดยเฉพาะปีนี้กระผม/อาตมภาพชี้ตัวพระภิกษุในวัดท่าขนุนรูปหนึ่ง บอกว่าท่านอื่นจะอยู่ก็อยู่ต่อไป จะสึกหาลาเพศเมื่อไรก็ได้ แต่ว่าท่านนี้ เมื่อออกพรรษาแล้วให้สึกทันที โดยเฉพาะแจ้งต่อคณะสงฆ์เอาไว้ ซึ่งทางบรรดาผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเลขานุการเจ้าอาวาส ก็ได้ทำการสึกหาลาเพศไปแล้วทันทีที่ตักบาตรเทโวเสร็จ ไม่เปิดโอกาสให้รับกฐินเสียด้วยซ้ำไป..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านนี้เคยเป็นเจ้าอาวาสมาก่อน แล้วน่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นในระหว่างที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ ต้องสึกหาลาเพศออกมา แล้วก็มาบวชที่นี่ใหม่ แต่ว่าเมื่อบวชแล้วขาดสำนึกของความเป็นพระใหม่ ยังคงไปเอาความรู้เดิม ๆ ว่าตนเองเป็นเจ้าอาวาส เคยทำแบบนี้ได้ กระผม/อาตมภาพตักเตือนในท่ามกลางสงฆ์ไป ๒ วาระด้วยกัน แต่ก็ยังอยู่ในลักษณะของการที่ "แหลม" คือทำอะไรเกินหน้าคนอื่นออกมาอยู่ดี จึงเปลี่ยนจากการป้องปราม มาเป็นการปราบปราม ก็คือจัดการให้พ้นจากเพศภาวะพระภิกษุสงฆ์ไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2022 เมื่อ 01:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-10-2022, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าหากว่าท่านทำตัวเหมือนกับพระภิกษุบางรูป ก็คือกัดฟันทนทำดี จนกระทั่งได้รับหนังสือสุทธิแล้วค่อยออกลาย คือพาตัวหายไปจากวัดท่าขนุน จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ไม่กลับมา ไม่ทราบว่าไปสร้างความเสียหายไว้กับที่ใดบ้าง

แต่ว่าทางวัดเราก็มีการกระทำที่เด็ดขาดชัดเจนอยู่แล้ว ก็คือท่านใดที่สร้างความเสียหายให้กับทางวัด ถ้าจัดการให้สึกหาลาเพศไปไม่ทัน ก็จะขึ้นบัญชีดำเอาไว้ และประกาศให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะแจ้งต่อทางคณะสงฆ์

ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้น กระผม/อาตมภาพผลักดันตั้งแต่สมัยที่เป็นเจ้าอาวาสใหม่ ๆ ให้กลายเป็นมติในที่ประชุมคณะสงฆ์ว่า หากพระภิกษุสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง โดนขับไล่ออกจากวัดใดวัดหนึ่ง ตลอดจนสำนักสงฆ์ หรือว่าที่พักสงฆ์ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิแล้ว ห้ามวัด สำนักสงฆ์ หรือว่าที่พักสงฆ์อื่น ๆ ทั้งหมดรับเข้าสังกัด จนได้ออกเป็นมติคณะสงฆ์ออกมา

แปลว่าหากบุคคลผู้นั้นได้กระทำความผิดแล้วโดนขับออกจากวัดใดวัดหนึ่ง ก็ต้องออกไปให้พ้นจากเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไปเลย เพราะว่าจะไม่มีวัดใดรับเข้าสังกัดของตนเอง เป็นต้น

ถ้าเราไม่มีความเด็ดขาดในตรงนี้ ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่สร้างความเสียหายให้กับทางด้านคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิต่อไปได้อีก เพราะว่าหลบจากวัดนี้ก็ไปอยู่วัดโน้น โดนขับจากวัดโน้นก็ย้ายต่อไป ในเมื่อทุกวัดมีแนวปฏิบัติอย่างเดียวกัน ก็ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่ไม่ได้ ในปัจจุบันนี้การปกครองคณะสงฆ์ในเขตอำเภอทองผาภูมิจึงอยู่ในลักษณะที่เรียบร้อย ได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาอยู่เสมอ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2022 เมื่อ 01:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว