กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-01-2023, 20:17
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,597
ได้ให้อนุโมทนา: 216,268
ได้รับอนุโมทนา 739,751 ครั้ง ใน 36,061 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-01-2023, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,053 ครั้ง ใน 34,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ พวกเราก็ได้ร่วมกันบำเพ็ญกุศลถวายพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ (สว่าง จนฺทวํโส) อดีตเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมรณภาพเพราะโดนบรรดาผู้ก่อการร้ายยิง ซึ่งเรื่องนี้ถ้าหากว่าเราไม่ได้ทำ ก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่ามีใครที่ทำให้บ้าง เพราะว่าเรื่องของน้ำใจคนเป็นเรื่องที่บอกว่าจืดจางง่ายที่สุด ต่อให้เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม พอนานไป ความรักความผูกพันของคนก็จะค่อย ๆ คลายลงไป

คราวนี้ในส่วนของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือที่พวกกระผม/อาตมภาพเรียกกันด้วยความคุ้นเคยว่า "หลวงหว่าง" ได้คบหาสมาคมมาตั้งแต่ท่านเพิ่งจะได้ ๒ พรรษา
กระผม/อาตมภาพตอนนั้นก็ ๘ พรรษาเท่านั้น ไปอธิษฐานทำงานเพื่อพระพุทธศาสนากันที่วัดเขาเข็มทอง อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ก็คือขอถวายชีวิตไว้ในพระพุทธศาสนา

ตอนนั้นไปด้วยกัน ๖ รูป ปัจจุบันนี้ก็เหลือกระผม/อาตมภาพกับ "หลวงนิล" ก็คือท่านพระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาแค่ประมาณ ๓๐ ปี จาก ๖ รูปเหลือกันอยู่แค่ ๒ รูปเท่านั้น แล้ววันที่ ๑๘ มกราคมของทุกปี ยังเป็นวันกองทัพไทย บางคนเรียกว่าวันพระนเรศวรชนะศึก

ก่อนหน้านี้วันกองทัพไทย หรือว่าวันพระนเรศวรชนะศึกตรงกับวันที่ ๒๕ มกราคมของทุกปี แต่มาภายหลังไม่นานนี้เอง บรรดาโหราจารย์ต่างพากันคำนวณใหม่ เมื่อตรวจสอบด้วยความรอบคอบแล้ว วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีชนะสมเด็จพระมหาอุปราชาที่บ้านดอนเจดีย์ ตำบลพังตรุ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ตรงกับวันที่ ๑๘ มกราคม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2023 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-01-2023, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,053 ครั้ง ใน 34,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของประวัติศาสตร์ นานไปก็ย่อมความคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะว่าการนับวันเวลา การนับศักราชบ้านเรานั้นใช้กันหลายอย่าง คือบ้านเรามีทั้งพุทธศักราชที่นิยมใช้กันมากที่สุด แล้วก็คริสตศักราช ซึ่งบรรดาผู้ที่ค่อนข้างจะ "หัวฝรั่ง" หน่อยใช้กันเป็นสากล แล้วยังมีจุลศักราช ที่บรรดาโหราจารย์หมอดูต่าง ๆ ใช้กันเป็นหลัก ในเมื่อมีหลายศักราชมารวมกัน จึงทำให้มีข้อผิดเพี้ยนผิดพลาดกันได้ ถ้าสอบสวนทวนความแล้วยังมีความผิดพลาดอยู่อีก ก็จะมีการแก้ไขกันอีกในลำดับต่อ ๆ ไป

จะว่าไปแล้ว ในเรื่องของบ้านเราเมืองเรา ในสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้นยังไม่มีประเทศไทย มีแต่อาณาจักรอโยธยา อโยธยาคือปราศจากการรบ ในความหมายก็คือเป็นอาณาจักรที่สงบ สันติ ทางพม่าออกเสียงเร็ว ๆ ว่าโยเดีย

คราวนี้พม่าเรืองอำนาจมากในสมัยของพระเจ้าบุเรงนองมหาราช เราเรียกบุเรงนอง พม่าไม่รู้จัก เขารู้จักแต่บะยินนอง แต่เป็นที่น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า จอมกษัตริย์นักรบ ๒ พระองค์ ก็คือพระเจ้าบุเรงนองมหาราชกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่มีโอกาสได้ประลองฝีมือกัน เพราะว่าอยู่คนละยุคคนละสมัย พระเจ้าบุเรงนองมหาราชเป็นรุ่นปู่ พระเจ้านันทบุเรงเป็นรุ่นพ่อ พระมหาอุปราชาเป็นรุ่นเดียวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องเพราะว่าต่างคนต่างเกิดมาสร้างบารมี แม้ว่าจะเกิดใกล้เคียงกัน แต่ก็เป็นคนละยุคสมัย

โดยเฉพาะพม่าเป็นแผ่นดินพระพุทธศาสนา ดังนั้น..บรรดาท่านทั้งหลายที่ปรารถนาในพุทธภูมิ หรือต้องการจะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ถ้ามีความมั่นคงในพุทธานุสติ ก็จะไม่หลุดออกจากขอบเขตของพระพุทธศาสนา เพียงแต่ว่าในเขตของพระพุทธศาสนานั้น จะอยู่ในประเทศใดบ้าง ก็ต้องแล้วแต่บุญกรรมสัมพันธ์ของแต่ละท่าน กระผม/อาตมภาพเองก็เกิดที่พม่าหลายชาติ แม้กระทั่งที่เกิดมาก ๆ เลยอย่างทิเบต ก็เป็นพุทธศาสนามหายาน คนละแบบกับเถรวาทของเราอีก แล้วมหายานแบบทิเบตก็ยังแยกสายออกไปต่างหากจนเป็นวัชรยาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2023 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-01-2023, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,053 ครั้ง ใน 34,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อจอมกษัตริย์ทั้ง ๒ พระองค์ต่างเกิดมาบำเพ็ญบารมี กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าจะเลิกความปรารถนาในพระโพธิญาณหรือไม่ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น..พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จึงต้องสร้างบารมีมามาก ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่ได้ขึ้นเป็นผู้นำหมู่ชน

คราวนี้อย่างที่มีบุคคลเรียกร้องกัน เกี่ยวกับการให้ยกเลิกกฎหมายที่คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างความเป็นประชาธิปไตย โดยที่แกล้งโง่..! ไม่ได้แหกตาดูชาวบ้านว่าทุกประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้วนแต่มีกฎหมายคุ้มครองทั้งนั้น โดยเฉพาะประเทศไทยของเรา ถ้าไม่ได้สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เอาเลือดเนื้อและชีวิตเข้าแลกไว้ เราก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่..!

ท่านทั้งหลายลองนึกดูว่าช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหลุดเดี่ยวไป ต้องบอกว่าตกอยู่กลางวงล้อมของพระมหาอุปราชา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฝีมือข่มกันมาตั้งแต่สมัยที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชยังเป็นราชกุมารตัวประกันอยู่ที่หงสาวดี คาดว่าคงจะไม่รอดเหมือนกัน เพียงแต่ว่าฝีมือข่มกันอยู่อย่างชนิดคนละเกรด คนละระดับ จึงทำให้ทางพระมหาอุปราชนั้นเกรงกลัวในฝีมือของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงเกณฑ์ผู้คนแต่งตัวและช้างทรงเหมือน ๆ กัน เพื่อไม่ให้แยกออกว่าพระมหาอุปราชองค์จริงคือใคร ?

แต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกอบด้วยปัญญา ส่งเสียงท้าทายขึ้นก่อนว่า "เจ้าพี่..จะมัวแต่ยืนช้างนิ่งอยู่ใย ? จงออกมาลองฝีมือกันเพื่อให้เป็นที่เลื่องลือ เนื่องเพราะว่าหลังจากนี้ไปแล้ว การกระทำยุทธหัตถีอาจจะมีน้อยหรือไม่มีอีกเลย" ตรงจุดนี้ต้องบอกว่า จี้ไปถึงใจของสมเด็จพระมหาอุปราชา ทำให้เกิดขัตติยมานะ ความเป็นสายเลือดกษัตริย์ เมื่อถูกท้าทายก็ต้องรับคำ จึงไสช้างออกมารบกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แล้วก็พลาด โดนฟันขาดสะพายแล่งคาคอช้าง..!

นั่นคือบุคคลที่สร้างบุญสร้างบารมีมาในระดับพร้อมที่จะเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อมีผู้มาท้าทายย่อมเกิดมานะ โดยเฉพาะขัตติยมานะ มานะของบุคคลที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขกษัตริย์ หรือว่าเป็นพระมหากษัตริย์ อีกฝ่ายท้าทายเฉพาะตัว จะให้คนอื่นออกไปรบแทนก็ไม่ได้ จะสั่งให้เขากลุ้มรุมทำร้ายก็ไม่ได้ ต่อให้รู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ต้องลองกันก่อน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงใช้ทั้งฝีมือและปัญญา ในการช่วงชิงแผ่นดินมาให้ลูกหลานไทยได้อยู่อาศัยจนทุกวันนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2023 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-01-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,053 ครั้ง ใน 34,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในส่วนที่บ้านเราเรียกผู้นำว่า "พระเจ้าแผ่นดิน" ก็เพราะว่าผืนแผ่นดินนี้พระองค์ท่านเป็นเจ้าของ ขนาดจะซื้อที่ดินยังต้องมีหนังสือโดยพระบรมราชานุญาต ก็คือโฉนด ก็แปลว่าในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น จริง ๆ แล้วท่านเป็นเจ้าของทรัพย์สินและแผ่นดินทุกตารางนิ้ว เพียงแต่พระองค์ท่านทรงเมตตาแบ่งปันให้พวกเราครอบครองเท่านั้น แล้วยังลดพระองค์ลงอยู่ใต้กฎหมาย เพียงแต่ว่ามีข้อคุ้มครองที่เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะของสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่

แต่บรรดาท่านที่แกล้งโง่หรืออาจจะโง่จริง ๆ..! พยายามที่จะอ้างความเป็นประชาธิปไตย ความเสมอภาคกัน ฟังดูแล้วคุ้น ๆ เหมือนคอมมิวนิสต์อย่างไรก็ไม่รู้ ? สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ คอมมิวนิสต์ก็ชักชวนเรื่องความเสมอภาค โฆษณาชวนเชื่อเป็นการใหญ่

แต่ถ้าหากว่ากันตามหลักพระพุทธศาสนาของเราแล้ว ไม่มีความเสมอภาค ทุกอย่างเป็นไปตามบุญตามกรรมที่แต่ละคนสร้างมา สร้างบุญไว้น้อย สร้างกรรมไว้มาก ก็ลำบากยากจน สร้างกรรมไว้น้อย สร้างบุญไว้มาก ก็ร่ำรวยเงินทอง มีอำนาจวาสนา

ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงเห็นการเรียกร้องของบรรดาท่านที่โดนเรียกแบบประชดว่า "พวกสามกีบ" เป็นเรื่อง "ตลกรับประทาน" ถ้าเรียกกันในสมัยหนึ่ง เขาเรียกว่า "ตลกแดก" ก็คือพยายามที่จะหาเหตุผลในการประท้วงเพราะว่าไป "รับงาน" มา

คำว่า "รับงาน" ในที่นี้ก็คือรับเงินนั่นแหละ จึงเป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายต้องสำนึกว่าสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้น สำคัญอย่างยิ่งกับประเทศชาติของเรา ขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป ความเป็นชาติไทยจะตั้งอยู่ไม่ได้

ทุกวันนี้ผู้คนก็รู้เช่นเห็นชาติบรรดาประเทศที่อ้างประชาธิปไตย แต่ความจริงแล้วก็คือ "กำปั้นกูใหญ่กว่า..!" แล้วก็พยายามจูงจมูกให้บรรดาท่านทั้งหลายที่กินหญ้ามากกว่ากินข้าวให้เดินตามไป ประเทศไหนก็ตามที่เชื่อถือและเดินตาม ก็ลำบากสาหัสอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่ายังไม่เปลี่ยนความคิด คาดว่าอีกไม่นานคงจะไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2023 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว