กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-05-2022, 10:33
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,524
ได้ให้อนุโมทนา: 215,913
ได้รับอนุโมทนา 736,893 ครั้ง ใน 35,896 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-05-2022, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันหวยออก เอ้ย...ไม่ใช่ เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีชวด..ปีชวดอีกแล้ว..! สามสี่วันที่ผ่านมากระผม/อาตมภาพเมายา กินแต่ยาแก้ไข้วันละ ๓ รอบ ๔ รอบ ปีนี้ปีขาลเจ้าข้าเอ๊ย..! ขออภัยท่านทั้งหลายที่หลงผิดตามไปอยู่ตั้ง ๓ วัน

ช่วงเช้าที่นำทุกคนเจริญพระกรรมฐาน กำลังใจดีมาก พร้อมที่จะสละชีวิตและร่างกายนี้ เพื่อไปพระนิพพาน แต่พอเข้าตลาดไปรอบเดียว นิพพงนิพพานหายเกลี้ยง ขอช็อปปิ้งกันก่อน แล้วก็หิ้วกันมาเป็น "ไอ้บ้าหอบฟาง" ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ถ้าเราทั้งหลายศึกษาในคิหิสุข ๔ ประการ หรือว่าในตำรานักธรรม แปลว่า สุขของคฤหัสถ์ ๔ ประการ ซึ่งประกอบไปด้วย

อัตถิสุข ความสุขของการมีทรัพย์ มีเงินมีทอง นี่แหม...มีความสุขมาก ยิ่งถ้าหากว่ามีสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างเช่นบ้านราคาหลังละ ๑๒๐ ล้านบาท รถหรูราคาคันละ ๔๐ ล้านบาท กระเป๋าแบรด์เนมใบละ ๔ แสนบาท นาฬิกาข้อมือเรือนละ ๑ ล้าน ๗ แสนบาท โอย...มีความสุขสุด ๆ ต้องบอกว่าสุขจนหลงผิด ลืมคุณค่าที่แท้จริงของวัตถุสิ่งของไป

สู้ไอ้ตัวเล็กของอาตมายังไม่ได้เลย ลูกเจนนี่ (เมธาวี เหลืองถาวรกุล) เขาเห็นแม่ซื้อรถเบ๊นซ์ โวยเสียไม่มี "แม่ซื้อไปทำไมคันหนึ่งตั้งสามล้านห้า..! ซื้อรถญี่ปุ่นคันหนึ่ง อย่างเก่งก็เจ็ดแปดแสน ใช้คันละ ๕ ปี ผ่านไป ๒๐ ปี รถพังไป ๔ คันแล้ว เพิ่งจะซื้อคันนี้ได้คันเดียวเอง" สรุปว่าเด็กเก่งกว่า ส่วนพ่อแม่นั้นติดยี่ห้อ ลืมไปว่ารถมีเอาไว้เป็นยานพาหนะ ไม่ได้มีเอาไว้เสริมฐานะ แต่ก็มีความสุข พระพุทธเจ้าท่านถึงได้ตรัสว่า อัตถิสุข สุขของการมีทรัพย์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-05-2022, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นก็มาเข้ากับพวกเราที่เพิ่งจะไปช็อปปิ้งกันมานี่แหละ โภคสุข สุขของการจ่ายทรัพย์ ยิ่งถ้าได้บูชาวัตถุมงคลวัดท่าขนุน แหม..ยิ่งมีความสุขใหญ่เลย ถ้าเป็น Limited Edition รุ่นฝังตะกรุดทองคำ สร้างแค่ ๕๐๐ องค์ คว้าไปได้สัก ๓ - ๔ องค์ ปลื้มไปเป็นอาทิตย์ กว่าจะรู้ตัวก็ไม่มีข้าวจะกิน เผลอบูชาวัตถุมงคลไปจนเงินหมด..!

เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าใครที่ "ฝาละมี" เขาเรียกอะไร "สามี" ใช่ไหม ? ฟังไม่รู้เรื่อง เรียก "ผัว" ง่ายที่สุด หรือว่า "คนรับใช้ส่วนตัว" ก็แล้วกันนะ เพราะว่าเวลาแต่งงาน เขาเรียก "เจ้าบ่าว" ผู้ที่จะมาเป็นบ่าว ก็แปลว่ามาเป็นคนรับใช้ส่วนตัว

ถ้าหากว่าเขาบ่นว่าเราใช้เงินเปลือง ช็อปปิ้งเก่ง ให้บอกว่า "นี่ฉันกำลังปฏิบัติตามคำพระพุทธเจ้าอยู่นะ ท่านบอกว่าสุขของการจ่ายทรัพย์ ฉันกำลังจ่ายอยู่ อย่ามาขัดคอ" รู้สึกว่าจะนอกลู่นอกทางมากไป..ใช่ไหม ?

ข้อต่อไป อนณสุข อนแปลว่าหนี้ แปลว่าไม่ อนณสุข ความสุขจากการไม่มีหนี้ ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพก็แปลว่า "ความสุขจากการไม่ติดดอย" ไม่ใช่ติดหนี้ สามารถตัดใจ ตัดขาดทุนได้ ยอมขายหุ้นทิ้ง ยอมขายบิตคับทิ้ง ไม่ติดดอย ไม่เป็นหนี้ มีความสุขอย่าบอกใคร ส่วนใครติดดอยก็ปล่อยไป..!

ความโลภทำให้เราไม่รอบคอบ สมมติว่าเราสามารถขายออกไปได้เหรียญละ ๑,๕๐๐ บาท แต่ก่อนหน้านี้ได้ราคาเหรียญละ ๓๐,๐๐๐ บาท..!

๓๐,๐๐๐ บาทนั่นเป็นแค่ตัวเลขในอากาศเท่านั้น ไม่ใช่เงินในมือเรา เงินสดในมือเราคือการขายออกไปในราคา ๑,๕๐๐ บาทก็ให้รีบขาย ไม่ใช่ให้ติดลบเหลือศูนย์ ใครเล่น Luna Coin บ้าง ? ตอนนี้นอนน้ำตาไหลพราก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-05-2022, 01:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อสุดท้าย อนวัชชสุข สุขจากการทำงานที่ไม่มีโทษ ไม่ต้องกลัวคนอื่นเขาจะรู้ว่าเรา "ขายแป้ง" เกี่ยวกันหรือเปล่า ? ก็ไม่รู้ เห็นเขาบอกว่า "มันคือแป้ง..!" เราไม่ขายแป้ง เราก็ทำงานที่ไม่มีโทษ ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะโดนกฎหมายลงโทษ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นสุขของการมีทรัพย์ สุขของการจ่ายทรัพย์ สุขของการไม่เป็นหนี้ สุขของการทำงานที่ไม่มีโทษนั้น พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า คิหิสุข สุขของคฤหัสถ์ ใช้คำว่า สุขของปุถุชนดีกว่า เพราะปุถุชนแปลว่า คนที่หนาไปด้วยกิเลส

ในเมื่อพระองค์ท่านระบุเอาไว้ชัดเจนว่า เป็นสุขของปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส เราทั้งหลายที่ตั้งใจจะเป็นกัลยาณชน บุคคลผู้ทรงศีลทรงธรรม จะเป็นอริยชน บุคคลผู้เจริญขึ้นโดยส่วนเดียว ไม่มีวันตกต่ำ เราก็ต้องพยายามหักห้ามใจของตนเองไว้

ท่านที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนบ่อย ๆ ก็มักจะได้ยินที่กระผม/อาตมภาพย้ำว่า "ไปตลาดแล้วอย่าไปหลงระเริง อย่าไปอยากกินโน่นกินนี่ ให้กลับมากินอาหารห่วย ๆ ที่วัดตามเดิม..!" จะดูว่าพวกเราสามารถห้ามปากตัวเองได้ไหม ? ถ้าห้ามปากตัวเองได้ ก็สามารถรักษาศีลได้ทุกข้อ เพราะว่ากำลังใจในการห้ามปากตัวเอง กับกำลังใจในการหักห้ามใจไม่ให้ละเมิดศีล เป็นกำลังใจที่เท่ากัน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าเราหักห้ามปากและใจตนเองได้ ศีลมีกี่ข้อก็รักษาได้หมด กิเลสใหญ่น้อยแค่ไหนมาชวน เราก็ไม่ไหลตามไป ถ้าอย่างนั้นเราก็จะพ้นจากฆราวาสผู้เป็นปุถุชนหนาด้วยกิเลส พัฒนากาย วาจา ใจของตนเอง ขึ้นมาเป็นอริยชน ถ้ายังเป็นอริยชนทีเดียวไม่ได้ มาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ยังเป็นกัลยาณชน คนดีของสังคมได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 17-05-2022, 01:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราเมื่อปฏิบัติธรรมไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีคือ รู้จักแยกแยะ แยกแยะในที่นี้คืออะไร ? แยกแยะในธรรมารมณ์ อารมณ์ใจที่แทรกเข้ามา ทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาที แยกให้ออกว่าสิ่งนี้กิเลสชวน สิ่งนี้เป็นความจำเป็นในชีวิต

อย่างกิเลสชวนก็คือว่า จะไปซื้อนาฬิกา Patek Philippe รุ่น Limited Edition ราคา ๑๔๐,๐๐๐ ยูโรต่อหนึ่งเรือน คิดเป็นเงินไทยกี่ล้านบาท ?

นาฬิกามีไว้ทำอะไร ? มีไว้บอกเวลา ถ้ามีมือถืออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ หรือไม่ก็ไปซื้อนาฬิกามิกกี้ เม้าส์ เรือนละ ๒๕๐ บาทก็ใช้งานได้เหมือนกัน จำเป็นอะไรที่จะต้องไปใช้ของราคาตั้งหลายล้าน แล้วยิ่งถ้าเจออย่างกระผม/อาตมภาพด้วยก็เฮงเลย เพราะว่าดูของไม่เป็น ใส่ของดีแค่ไหนก็แค่นั้นแหละ

บางคนหุ่นก็ไม่ให้ ต่อให้ใจรัก ใส่ไปก็ไร้ประโยชน์ กลายเป็น "มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี" อย่างที่บางคนเขาเรียกประชดว่า "ไฮซ้อ" นั่นแหละ ไม่ใช่ "ไฮโซ"

ในเมื่ออยู่ในลักษณะอย่างนี้ เราไปลืมคุณค่าที่แท้จริงของวัตถุว่ามีไว้เพื่อใช้งานอะไร แต่ไปเอาวัตถุนั้นมาเป็นเครื่องเสริมบารมีของตนเอง แปลว่าเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างแรงกล้า ต้องอาศัยของอื่น ถึงจะมั่นใจในตัวเองได้ เป็นคนที่น่าสงสารมาก

บางคนออกจากบ้านนี่หัวถึงเท้า ราคารวมแล้วเป็นล้าน อาตมาดูไปก็แค่นั้นแหละ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้บอกให้รู้ชัดว่า เขานั้นเป็นบุคคลที่กำลังใจไม่มีเครื่องยึด จึงไม่รู้ว่าทำไมต้องแสวงหาสิ่งภายนอกมาโดยไม่รู้จักพอ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 03:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 17-05-2022, 01:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างอดีตนักร้องท่านหนึ่งคือไมเคิล แจ็คสัน เป็นบุคคลที่มีความสามารถมาก คนแบบนี้ประมาณว่าร้อยปีจะโผล่มาสักคน

ตอนไมเคิล แจ็คสัน เป็นคนผิวดำ หน้าตาดีมาก แต่ด้วยความไม่พอใจในสิ่งที่ตนได้ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี ก็พยายามไปผ่าตัด ปรับเปลี่ยนใบหน้าตนเองจนเละเทะ ดูไม่ได้ ท้ายสุดก็เปลี่ยนหน้าจนหลับตาไม่ลง ไปไหนก็ต้องใส่แว่นตาดำ ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียมอยู่ทุกครึ่งชั่วโมง ทรมานเป็นที่สุด

เพราะไม่รู้ว่าความต้องการที่แท้จริงของตนนั้น คือใจที่สงบ ไปคิดว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงร่างกายแล้วใจเราพอใจก็จะสงบลง เป็นการหลงผิดออกนอกทางไปไกลมาก จนในที่สุดก็ต้องมีการใช้ยาระงับประสาท แล้วก็ตายเพราะยา..!

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าพวกเรามีกำลังใจที่มั่นคง ปฏิบัติธรรมแล้วก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองอย่างแท้จริง คือมีสติ ระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราเป็นใคร มีฐานะอย่างไร ไม่หลอกลวงทั้งชราและทารก ...(หัวเราะ)...

บางคนก็จริงใจเกินไป จริงใจจนไม่เกรงใจสังคม ไม่ยอมปรุงแต่งอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว จึงอยู่กับคนอื่นเขาไม่ได้ กลายเป็นแปลกแยกจากสังคม


ถ้าหากว่ากำลังใจของเรามีความมั่นคงแล้ว ก็จะยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี โดยเฉพาะเห็นความเป็นธรรมดาของโลกนี้ ว่ามีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ก็จะปล่อยวางได้ ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายต่อให้อยู่ในสังคมที่เดือดร้อนวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม ก็จะสามารถที่จะดำรงตนอยู่ได้อย่างมีความสุข

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน (รอบเช้า)
วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว