กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-04-2024, 19:57
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 337
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,337 ครั้ง ใน 810 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-04-2024, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๙ พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเราได้ทำการบรรพชาหมู่สามเณร ถวายพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านทุกปี

ในส่วนของสามเณรนั้น ที่ท่านทั้งหลายจัดระบบการฝึกอบรมต่าง ๆ สำหรับวันนี้ รู้สึกว่าเข้าท่าที่สุด ซึ่งบางท่านอาจจะเห็นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความเป็นเณรเลย ก็คือ หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ขอให้ทราบว่า เณรนั้นก็คือเด็ก ย่อมมีการซน แล้วก็อาจจะได้บาดแผล หรือว่าแตกหักมาเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากว่ารู้หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น อย่างน้อยก็สามารถที่จะช่วยให้ตัวเองไม่ได้บาดเจ็บมากกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าเป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำเองได้อีกต่างหาก

คราวนี้ในส่วนที่อยากจะบอกกล่าวกับท่านครั้งหลายก็คือว่า วันนี้กระผม/อาตมภาพเองรับเอาโครงการสร้างเหรียญหลวงปู่สาย ในโอกาส ๕๐ ปี โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา เพื่อหาทุนในการสร้างหอพักนักเรียนหญิง เข้ามาประกาศในเฟซบุ๊กวัดท่าขนุน เนื่องเพราะว่าทางโรงเรียนขออนุญาตสร้าง เพื่อที่จะนำมาเข้าพิธีในวันเสาร์ ๕ ตรีวันของวัดท่าขนุนแล้ว การประกาศจำหน่าย ท่านใช้คำว่า "ยอดไม่ค่อยจะเดิน" ก็เลยต้องเดือดร้อน
มาให้ทางเราช่วยประกาศให้สักหน่อยหนึ่ง

ความจริงเรื่องของเหรียญหลวงปู่สายนั้น ตั้งแต่แรก กระผม/อาตมภาพเองก็คิดจะสร้างเอง เนื่องเพราะว่าของเก่าใกล้หมดเต็มทีแล้ว และสำหรับคนทองผาภูมิแล้ว หลวงปู่สายคือพระเกจิอาจารย์ในดวงใจที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นผู้อื่นได้

โดยเฉพาะท่านเองเป็นเจ้าอาวาสอยู่ถึง ๓๗ - ๓๘ ปี ต้องบอกว่าเป็นเจ้าอาวาสที่น่าจะอยู่นานที่สุดของวัดท่าขนุนแห่งนี้ สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาวบ้านมาก โดยเฉพาะวิชาความรู้ของท่านทุกอย่าง ท่านทำจริง และได้ผลจริง ซึ่งลักษณะแบบนี้ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องศึกษาและเลียนแบบครูบาอาจารย์เอาไว้

เนื่องเพราะว่าคนรุ่นใหม่ ๆ ส่วนใหญ่แล้ว สนใจอะไรแค่ชั่วครั้งชั่วคราว "เหมือนไฟไหม้ฟาง" ลงมือทำอะไรภายในไม่กี่ครั้ง ถ้าไม่ได้ผลก็เลิกแล้ว หมดความสนใจ ถ้าลักษณะนี้เป็นผู้ปฏิบัติธรรม จะเอาดีได้ยากมาก เนื่องเพราะว่าทำไม่ต่อเนื่อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2024 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-04-2024, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางท่านบอกว่าพยายามจับภาพพระเป็นกสิณแล้ว แต่ว่าไม่สามารถที่จะจำภาพพระติดตาได้ จะต้องทำอย่างไรจึงจะจำภาพพระติดตาได้ ? กระผม/อาตมภาพถามว่า "โยมลืมตามองภาพพระแล้วหลับตาลงนึกถึงภาพนั้น..ถึงร้อยครั้งหรือไม่ ?" เขาบอกว่า "ไม่ถึง" จึงได้บอกว่า "ไปอ่านตำราใหม่"

การฝึกกสิณ เขาให้ลืมตามองวัตถุที่เราใช้เป็นองค์กสิณ หลับตาลงนึกถึง พอภาพเลือนหายไป ก็ลืมตามอง หลับตาลงนึกถึงใหม่ ทำอย่างนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง กว่าที่จะหลับตาและลืมตา สามารถที่จะเห็นภาพนั้นได้เท่ากัน ในเมื่อขั้นต้น เราต้องมองและจำเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง แต่ตัวเองทำยังไม่ถึงร้อยครั้ง แล้วมาโวยวายว่าไม่ประสบความสำเร็จ..!?

เรื่องของการปฏิบัตธรรมนั้น เราจำเป็นที่จะต้องใช้ความอดทนและความพากเพียรเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะว่าสิ่งที่ทำนั้น อันดับแรกเลยก็คือเป็นการฝืนกระแสโลก ในเมื่อฝืนกระแสโลก ก็มักจะตกเป็นขี้ปากของคนรอบข้าง ที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการปฏิบัติธรรมของเรา

กระผม/อาตมภาพเองเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เพราะว่าเริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุเพิ่งจะ ๑๕ - ๑๖ ปี แล้วทุ่มเทอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าจะพี่น้องหรือเพื่อนฝูงทุกคนว่า "มันบ้า..!" แต่ว่าหลังจากที่เพียรพยายามไปหลายปี จนกระทั่งเริ่มปรากฏผล เมื่อไม่นานนี้ พระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล เจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ พระน้องชายของกระผม/อาตมภาพเอง ยังกล่าวว่า "ถ้าผมทำอย่างหลวงพี่สมัยก่อน ป่านนี้ผมก็สบายไปแล้ว"

เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเริ่มต้นจากการฝึกกสิณ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ใช้เป็นองค์กสิณจึงจำเป็นต้องอยู่ใกล้ตัวตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่ฝึกกสิณทั้ง ๔ สี ก็คือวรรณกสิณ ก็จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์มาพ่นสี สีขาว สีเหลือง สีแดง สีเขียวเข้ม แล้วก็ติดไว้ในห้องรอบทุกทิศ แม้แต่หลังคาก็ติดไว้ด้วย พูดง่าย ๆ ว่าต่อให้นอนหงายก็ต้องมองเห็นดวงกสิณ

แล้วพระครูธรรมธรแสงชัย ตอนนั้นเข้ามาเห็นกระผม/อาตมภาพนั่งเพ่งภาพกสิณเมื่อไร ก็บอกว่า "มันบ้า..!" แต่พอมาปัจจุบันกลับบอกว่า "ถ้าผมทำอย่างหลวงพี่ ตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็สบายไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2024 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-04-2024, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนนี้อยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าเราเอาคำพูดคนอื่นเป็นประมาณ ก็จะบั่นทอนกำลังใจตนเอง แล้วท่านทั้งหลาย ถ้าถามว่ากระผม/อาตมภาพ "ไม่รู้สึกท้อบ้างเลยหรือ ?" เมื่อโดนคนว่าเป็นจำนวนมากขนาดนั้น เพราะเพื่อนทั้งโรงเรียนก็ว่า "บ้า" ครูบาอาจารย์ก็ว่า "บ้า" ขอบอกกับท่านทั้งหลายว่ากระผม/อาตมภาพไม่เคยรู้สึกเลยว่าจะท้อ เนื่องเพราะว่ารู้ว่าตนเองทำอะไร ? ทำแล้วจะได้อะไร ?

โดยเฉพาะการปฏิบัติในช่วงแรก ๆ พอเริ่มทรงสมาธิได้ในระดับรู้ลมหายใจและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ ความสุขเยือกเย็นที่เกิดขึ้น ไม่สามารถที่จะพูดเป็นภาษามนุษย์ได้ เหตุเพราะว่าคนเราโดยปกติจะโดนไฟใหญ่ ๔ กอง คือรัก โลภ โกรธ หลง เผาอยู่ตลอดเวลา

ครั้นเมื่อสมาธิทรงตัว สามารถกดไฟใหญ่ ๔ กองให้ดับลงชั่วคราวได้ คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับลง จะมีความสุขขนาดไหน อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ ในเมื่อการปฏิบัติยิ่งมีผล ความเชื่อมั่นก็ยิ่งมากขึ้น จึงไม่ได้หวั่นไหวต่อคำพูดของใครเลย ประมาณว่าเอ็งอยากจะพูดอะไรก็พูดไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเอาเอง


แม้กระทั่งวันก่อนที่อยู่ในงานทำบุญ ๕๐ วันของคุณแม่สำราญ ครุฑวงศ์ โยมแม่ของพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี น้องเขยของท่าน คือพันเอกประสิทธ์ พุฒตาล ก็พาเพื่อนร่วมรุ่น ๔ คน ๕ คนมากราบ แล้วก็ยังมีการระลึกความหลังกันว่า ในสมัยที่อยู่กองโรงเรียน กระผม/อาตมภาพโดนเพื่อนเรียกว่า "มหา" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะว่าต่อให้ฝึกหนักขนาดไหนก็ตาม ตี ๓ ต้องลุกขึ้นมาภาวนา..!

ถ้าท่านทั้งหลายไม่ทราบว่าทหารฝึกหนักขนาดไหน ก็เป่านกหวีดเรียกตื่นตั้งแต่ตี ๕ กว่าจะได้พักนอนก็ ๓ ทุ่ม นอนไปประมาณ ๑ ชั่วโมง นกหวีดจะปลุกให้ไปฝึกยุทธวิธีรบกลางคืน กว่าจะได้นอนก็ตี ๑ ตี ๒ ตอนตี ๕ ปลุกอีกแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตี ๓ เราต้องลุกขึ้นมาภาวนาให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วสิ่งที่เคยทำก็จะไม่ได้ทำ ก็แปลว่า
เราต้องอดทนกับความเหนื่อย ความง่วง ความเพลีย สละความสุขในการนอน เพื่อที่จะมาปฏิบัติธรรม เนื่องเพราะว่ารู้ว่าทำแล้วจะได้อะไร ?

แล้วที่เหลือเชื่อก็คือบรรดาเพื่อนฝูงที่เหนื่อยจะตายห่าพอ ๆ กันนั่นแหละ พอเห็นกระผม/อาตมภาพลุกขึ้นมานั่งภาวนา ก็ค่อย ๆ คลานกันออกจากที่นอนมา เพราะว่าถ้าทำเสียงดัง ครูฝึกจะถือว่าไม่อยากนอน ไล่ให้ไปวิ่งแทน มานั่งพนมมือล้อมรอบเตียง แล้วก็บอกว่า "หลวงพ่อ..ขอหวย ๓ ตัว..!" โดนขนาดนั้น แต่กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้หวั่นไหว เพราะรู้ว่าตนเองทำอะไร ? แล้วได้อะไร ? ปรับการภาวนาเข้ากับการฝึกของทหาร เขาให้วิ่ง ๓ ชั่วโมง ก็ได้ภาวนา ๓ ชั่วโมง ซ้าย..พุท ขวา..โธ ลงตัวพอดี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2024 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-04-2024, 01:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านทำไปแล้ว มีผลกระทบจากคนรอบข้าง ขอให้เรานึกว่าสิ่งที่เราทำนั้น เราต้องการอะไร ? แล้วสิ่งที่เขาพูดนั้น ช่วยให้เราก้าวหน้าขึ้นหรือไม่ ? ถ้าไม่สามารถช่วยให้เราดีอะไรได้เลย ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติของเรา

เมื่อมารำลึกความหลังกันก็มาเฮฮากันอยู่ จนพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเดินมาถามว่า "สนุกอะไรกันหนักหนา ?" กราบเรียนท่านไปว่า "นี่เพื่อนร่วมรุ่นของผมทั้งหมดเลยครับ" ท่านยังทำท่าตกใจ..!

ดังนั้น..ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม เราจะทิ้งการปฏิบัติไม่ได้ โดยเฉพาะท่านที่เรียนหนังสือ ถ้าหากสมาธิไม่ทรงตัว การเรียนของเราจะไม่มีผล หรือเกิดการท้อถอย แล้วก็ไม่เอาอีก แต่ถ้าสมาธิทรงตัว ถึงจะเรียนยากขนาดไหนก็เรียนได้

ช่วงที่กระผม/อาตมภาพเร่งทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก เคยไม่ได้หลับไม่ได้นอนตลอด ๑๑ วัน ๑๑ คืน จนกระทั่งคิดว่าตนเองลืมเสียบปลั๊กเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออย่างไร ? เพราะอยู่ ๆ หน้าจอมืดไปหมด พอก้มลงไปมอง ก็เห็นไฟแดงอยู่ คือตัวเองหน้ามืดจนมองไม่เห็นอะไร แต่คิดว่าคอมพิวเตอร์ดับเพราะลืมเสียบไฟ..!

แล้วถามว่าทำไมต้องลำบากขนาดนั้น ? ความจริงก็อยากจะนอน แต่นอนลงไปทีไร คิดออกทุกทีว่าจะเขียนต่อว่าอย่างไร ก็ต้องลุกขึ้นมาทำก่อน ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสมาธิไม่พอ ไม่มีทางที่จะยืนระยะได้ ๑๑ วัน ๑๑ คืน เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเรียนเร็วกว่าคนอื่นเขา ตอนนั้นรุ่นพี่ไม่มีใครจบ ครูบาอาจารย์ท่านก็เลยมาเร่งรัดรุ่นของกระผม/อาตมภาพ โดยให้เวลาแค่ ๒ เดือน แล้ววิทยานิพนธ์ปริญญาเอกมีเวลาทำแค่ ๒ เดือน ไม่ตายก็บุญโขแล้ว..!

ดังนั้น..ในเรื่องของสมาธิจึงให้ประโยชน์ต่อเราในทุกด้าน และทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะความสงสัยทุกอย่างในการปฏิบัติ คำตอบเกือบทั้งหมดอยู่ในสมาธิทั้งสิ้น ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ เราจะได้คำตอบของเราเองโดยอัตโนมัติ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2024 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:27



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว