เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๕

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๕

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องบอกว่าหลายงานต้องยกเลิกไป เพราะว่าเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ตัวใหม่แพร่เร็วมาก แม้ว่าเชื้อโอไมครอนจะอันตรายน้อย แต่ไม่ติดได้จะเป็นการดี รอจนกระทั่งเชื้อโรคพัฒนากลายเป็นโรคประจำท้องถิ่นเสียก่อนถึงจะปลอดภัย

แต่คราวนี้ก็มักจะมีบรรดาผู้หวังดีและประสงค์ร้าย ก็คือไปยืนยันว่าวัตถุมงคลวัดท่าขนุนกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ รายล่าสุดที่สมควรโดนทุบก็คือ บอกว่าไปงานกับเพื่อน เมื่อกลับมาแล้วปรากฏว่าเพื่อนติดเชื้อไวรัส แต่ตัวเองไม่ติด ทั้ง ๆ ที่อยู่ในงานเดียวกัน และสัมผัสกับผู้เสี่ยงมาด้วยกัน

เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วเป็นความเชื่อเฉพาะตัว แต่ที่จำเป็นจะต้องมากล่าว ก็เพราะไปยืนยันว่าวัตถุมงคลวัดท่าขนุนกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ ซึ่งตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพเองยังไม่กล้ายืนยัน อยากจะยืนยันอยู่ก็คือว่า การฉีดวัคซีน การใส่หน้ากาก และการล้างมือบ่อย ๆ น่าจะช่วยได้ดีกว่าวัตถุมงคลอีก

เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายก็มักจะมั่นใจจนขาดสติ ในเมื่อขาดสติ ปัญญาก็ขาดไปด้วย โดยที่ไม่ได้คิดว่าเราสร้างบุญสร้างกรรมกันมา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ช่วงที่บุญยังรักษา พระหรือพรหม หรือเทวดา ท่านก็ปกป้องคุ้มครองเราได้ แต่ถ้าหากว่าวาระกรรมมาถึง ต่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหนก็เอาไม่อยู่ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะประมาท

หลายท่านก็ส่งคำถามเข้ามาในข้อความส่วนตัวว่า วัตถุมงคลรุ่นไหนของหลวงพ่อดีที่สุด ? อันนี้ก็เวรละ..! ถ้าหากว่ายึดตามแนวที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงให้ไว้ วัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายจะดีที่สุด แต่คราวนี้ยังไม่รู้ว่ารุ่นสุดท้ายของกระผม/อาตมภาพจะมาถึงเมื่อไร ?

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาพระ หรือพรหม หรือเทวดา ท่านสงเคราะห์ให้ในการปลุกเสกวัตถุมงคล ถ้าเคยให้เท่าไร ครั้งต่อไปก็จะให้ไม่ต่ำกว่านั้น มีอย่างเดียวก็คือ ถ้ามีพิเศษอะไร ท่านจะบอกเพิ่มเติม

[เถรี]

ดังนั้น...หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงเคยบอกกับอาตมาว่า "ใครจะหาเหรียญรุ่นแรกของข้า แกไม่ต้องไปบ้าตาม ให้แกหารุ่นสุดท้ายเอาไว้" ซึ่งถ้าพิจารณาตามแนวทางที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ ก็ควรที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว ได้รับการสงเคราะห์มากขึ้น หรืออาจจะเท่าเดิม

แล้วก็ยังมีนักเล่นวัตถุมงคลหลายท่านที่ถือหลักคล้าย ๆ กัน แต่เขาถือหลักในลักษณะที่ว่า วิชาการที่ศึกษามา ยิ่งซักซ้อมก็ยิ่งชำนาญมากขึ้น ดังนั้น...การปลุกเสกวัตถุมงคลต่าง ๆ รุ่นสุดท้าย ต้องถือว่าผู้ทำชำนาญที่สุด ก็ควรที่จะมีอานุภาพที่สุด ซึ่งดูแล้วว่าหลักการของเขาก็เข้าท่าดี

คราวนี้บางส่วนที่ท่านทั้งหลายจะต้องระมัดระวังในตรงนี้ อยากจะเตือนเอาไว้ล่วงหน้า เพราะว่าปีใหม่ไม่มีโอกาสได้พูด ความจริงก็อยากจะฝากไปให้รัฐบาล แต่ดูท่าว่ารัฐบาลจะรับไม่ไหว ก็คือให้ระมัดระวังในเรื่องของสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน เพราะว่าตอนนี้ทั้ง ๒ ประเทศเป็นยักษ์ใหญ่ของโลก ขยับตัวเมื่อไร ก็โลกสะเทือนเมื่อนั้น แล้วก็อยู่ในลักษณะ "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" โดยที่สหรัฐนั้น นอกจากจำนวนอาวุธมากกว่าแล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรเหนือกว่าจีนเลย

ยิ่งเทคโนโลยีต่าง ๆ แล้ว จีนนำขาด ถึงขนาดสหรัฐต้องใช้วิธีการสกปรก อย่างเช่นว่าจับตัว เมิ่งหว่านโจวไปกักขังไว้ถึง ๓ ปี ซึ่งเมิ่งหว่านโจวก็คือซีอีโอของหัวเว่ย แล้วก็มีการกดดันไม่ให้บรรดาประเทศต่าง ๆ ที่เป็นลูกน้องของตนเอง ใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย

การตอบโต้กลับของประเทศจีน เพราะว่าจีนมีดีอยู่ในมือของตนเอง สำหรับในเรื่องนี้ ส่วนที่เห็นชัดที่สุดก็คือ แร่หายากที่ใช้ในผลิตภัณฑ์นาโนต่าง ๆ อยู่ในมือของประเทศจีนเกินครึ่ง..!

ประการต่อไปก็คือเทคโนโลยี 5G ของจีนนั้น มีการจดสิทธิบัตรเอาไว้เกิน ๒๐๐ ใบ..! เราลองคิดดูว่า ถ้าหากว่าใครจะทำเทคโนโลยี 5G ไม่ว่าจะคิดค้นอย่างไรก็ตาม ก็คงจะไม่เกินจาก ๒๐๐ กว่าอย่างที่ประเทศจีนเขาคิดค้นได้ และจดสิทธิบัตรเอาไว้

ก็แปลว่า ถ้าคุณไป "แบน" หรือ "บอยคอต" หัวเว่ย ก็เท่ากับคุณแบนตัวเอง เพราะว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นได้ แล้วตอนนี้จีนก็ขยับไปที่ 6G แล้ว ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า 5G ต่างจาก 4G ตรงไหน ? เทคโนโลยี 5G นั้น คิดง่าย ๆ ว่าเร็วกว่า 4G ร้อยเท่า แล้วถ้า 6G ก็จะเร็วกว่าพันเท่า.! คิดกันง่าย ๆ แค่นี้

[เถรี]

ตอนนี้จีนเท่ากับว่าเป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยี 5G ที่สหรัฐพยายามสกัดทุกวิถีทาง แต่ว่าต้องทำให้ตัวเองเจ็บตัวไปด้วย แล้วประเทศ "ลูกกระจ๊อก" หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแคนาดาที่จับตัวเมิ่งหว่านโจวก็ดี หรือว่าเป็นออสเตรเลียที่ประกาศเป็น "คอหอยกับลูกกระเดือก" ก็ตาม ตอนนี้เทคโนโลยีการสื่อสารทั้งหมดตายสนิท..! คุณใช้ของเก่าไปก็แล้วกัน เพราะว่าจีนไม่ยอมอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี 5G เหล่านี้ ก็ต้องเรียกว่าเป็นการตอบโต้กันทางการค้าที่ทันเกมทันการณ์ แต่ว่าส่วนกระทบหนักมักจะเกิดขึ้นกับบ้านเรา

บุคคลที่จะบริหารบ้านเราให้ไปได้โดยไม่ลำบาก ในช่วงสภาพของโลกที่เป็นอย่างนี้จะต้องทันเกมทันการณ์ และรัฐบาลต้องเป็นผู้นำ แต่ปัจจุบันนี้ในบ้านเรา เอกชนเป็นผู้นำ มีอิทธิพลในการชี้นำรัฐบาลสูงมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ยากที่เราจะไปแข่งขันกับใคร เนื่องเพราะว่ารัฐบาลเท่ากับ....ถ้าใช้สำนวนนักการเมืองก็คือเป็น "เป็ดง่อย"

ดังนั้น...ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายพิจารณาตรึกตรองดูว่ากิจการงานที่ทำอยู่ มีอะไรที่จะเกิดผลกระทบจาก "ช้างสารชนกัน" ตรงนี้ เราจำเป็นจะต้องวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคให้ชัดเจน และคิดในแง่ร้ายที่สุดเอาไว้ก่อนว่า ถ้าหากว่าสงครามเย็นและสงครามการค้าเปลี่ยนมาเป็นสงครามใช้อาวุธ แค่สงครามการค้าเราก็แย่แล้ว ถ้าเป็นสงครามใช้อาวุธขึ้นมา เราจะทำอย่างไรดี ?

อีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องของการประท้วงรัฐบาล เพราะว่าชาวบ้านเห็นว่ารัฐบาลบริหารงานไม่เป็น ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอยู่ในลักษณะที่ว่า กดดันให้ประชาชนทำตามคำสั่ง แต่ว่าบรรดาลูกท่านหลานเธอทั้งหลายไม่มีใครทำตาม ก็เหมือนกับสองมาตรฐาน ประเภท "ปากว่าตาขยิบ" จะทำให้ประชาชนที่โดนกดดันมานานแล้วปะทุขึ้นมา ลักษณะเหมือนกับน้ำเดือดที่ต้องดันฝากาน้ำให้เผยอขึ้น

ถ้ามีเหตุการณ์ลักษณะอย่างนั้นขึ้นมา ก็อย่าเผลอไปมีส่วนร่วมกับใครในการที่จะไปประท้วงรัฐบาลก็ดี หรือเห็นดีเห็นงามกับฝ่ายประท้วงก็ตาม เพราะว่ารังแต่จะซ้ำเติมสถานการณ์ให้หนักขึ้น

ในส่วนนี้สำหรับท่านทั้งหลายแล้ว ถ้าเป็นเรื่องของการป้องกันอันตราย ก็ต้องหาวัตถุมงคลที่เหมาะแก่สถานการณ์เอาไว้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ส่วนที่กำลังควานหากันให้ควั่กเลยก็คือหลวงพ่อสุคโต เพราะว่าพระท่านให้พรเอาไว้ว่า ถ้าอยู่ติดบ้านก็คือรักษาได้ทั้งบ้าน ถ้าอยู่ติดรถก็คือรักษาได้ทั้งรถ ทรัพย์สินเสียหายไม่เป็นไร แต่ให้ชีวิตรอดไว้ก่อน

[เถรี]

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่ไปแสวงหาส่วนที่เม็ดเงินกลับเป็นทอง ซึ่งตรงนี้จะเป็นนิสัยคนละอย่างกับกระผม/อาตมภาพ เพราะนิสัยอาตมภาพค่อนข้างจะเถรตรงและหัวรั้น เพราะฉะนั้น...ถ้าเป็นตัวกระผม/อาตมภาพเองจะเลือกเม็ดเงินมากกว่า อานุภาพเหมือนกัน แถมถูกกว่าด้วย ในเมื่อไม่ยอมกลับ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็แปลว่านิสัยตรงกัน และที่แน่ ๆ ล็อตสุดท้ายกระผม/อาตมภาพส่งให้ "กิฟท์จัง" ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่าใครช้าก็เป็นอันว่าอด เพราะว่าที่เหลือจำหน่ายอยู่ที่วัดก็มีแค่ไม่กี่องค์ และมีคนมาบูชากันทุกวัน

อีกส่วนหนึ่งที่ท่านทั้งหลายจะแสวงหาแล้วให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ก็คือบรรดาเหรียญเต่า เพราะว่าเราต้องการความคล่องตัวในเรื่องของลาภผลเงินทอง ใช้ควบกับการภาวนาพระคาถาเงินล้านของพวกเรา ถ้าหากว่าเป็นเหรียญเต่าแล้ว จะเป็นรุ่นไหนก็ได้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพขนไปเข้าพิธีใหม่หมด ได้รับการสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์บ้าง ได้รับการสงเคราะห์พิเศษตามวาระบ้าง ถ้าเราใช้ควบกับพระคาถาเงินล้านให้เป็นปกติ ก็จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำมาหากิน

ในสถานการณ์โลกและสถานการณ์ประเทศชาติที่ค่อนข้างจะฝืดเคือง เดือดร้อนกันไปหมด ถ้าจะให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ก็คือวัตถุมงคลด้านป้องกัน และวัตถุมงคลที่ช่วยให้เรามีความคล่องตัวในการทำมาหากิน

จะบอกว่ามีในส่วนของผ้ายันต์พญาเต่ามังกรเงินล้านด้วย ซึ่งทางวัดมีอยู่แค่ไม่กี่ผืน เพราะว่าส่วนใหญ่มอบให้กับทางวัดท่ามะขามและวัดสี่แยกเจริญพรไป ท่านใดที่ชอบของสวยของงาม จะบูชาผ้ายันต์พญาเต่ามังกรเงินล้านก็ติดต่อได้ตามสถานที่ดังกล่าวมา ส่วนของทางวัดขออนุญาต "อม" ไว้ก่อน เพราะว่ายังไม่อยากจะออก เนื่องจากว่าถ้าหมดแล้วก็หมดเลย แม้แต่หลวงพ่อสุคโตก็ "ล็อต" สุดท้ายหมดแล้ว เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านรุ่นต่าง ๆ ก็เหลืออย่างละไม่เท่าไร

ก็ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าผ่านวาระที่ประเทศชาติของเราลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะโรคภัยไข้เจ็บก็ดี หรือว่าภาวะสงครามการค้า ตลอดจนกระทั่งจะไปถึงสงครามอาวุธก็ตาม ให้หาวัตถุมงคลที่ตนเองมั่นใจแล้วภาวนาไว้ทุกวัน ส่วนที่จะช่วยได้มากที่สุดคือการภาวนา เพราะว่าวัตถุมงคลนั้นส่งพลังเป็นปกติอยู่แล้ว สำคัญตรงที่ใจของเราเปิดรับ ศรัทธามาก กำลังใจเปิดรับมาก ก็มีผลมาก ศรัทธาน้อย กำลังใจเปิดรับน้อย ก็มีผลน้อย

ขออย่างเดียวว่าอย่าไปยืนยันกับใครว่า วัตถุมงคลวัดท่าขนุนสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ เพราะว่าบุญกรรมแต่ละคนสร้างมาไม่เท่ากัน โดนเข้าไปเมื่อไร ความซวยจะมาเยือนโดยไม่รู้ตัว..!

วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)