กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-02-2023, 18:36
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 327
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 17,910 ครั้ง ใน 799 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-02-2023, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีผู้ถามคำถามที่น่าสนใจ ความจริงกระผม/อาตมภาพเคยตอบไปหลายครั้งแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะว่าผู้ถามเป็นคนที่มาใหม่ หรือว่าผู้ถามไม่เข้าใจว่าอารมณ์ที่ตนเองพบอยู่นั้น ตรงกับสิ่งที่กระผม/อาตมภาพได้พูดไปแล้ว

ก็คือคำถามที่ว่า มีคนมาขอความช่วยเหลือบ่อย ๆ ก่อนหน้านี้เวลาช่วยเหลือใคร ก็รู้สึกว่าปีติชุ่มชื่นหัวใจ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกเฉย ๆ เหมือนตายด้านกับการมาขอความช่วยเหลือของผู้อื่น และบางคนเมื่อช่วยไปแล้ว รู้ดีว่าบุคคลนั้นจะต้องมาขอความช่วยเหลือซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างแน่นอน จึงมีการตัดบทว่า "ขอช่วยเหลือเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ คราวหน้าไม่ต้องมาอีก" ลักษณะของกำลังใจที่รู้สึกเหมือนกับตายด้าน วางเฉย สิ้นเยื่อขาดใย เป็นลักษณะของบุคคลที่เห็นแก่ตัว ตระหนี่ถี่เหนียวหรือไม่ ?

จะว่าไปแล้ว ผู้ถามก็มีกำลังใจที่ค่อนข้างละเอียด แต่ว่าละเอียดผิดที่ ก็คือแทนที่จะละเอียดในเรื่องของอารมณ์ธรรมะ กลับไปละเอียดในความระแวง ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งามหรือไม่ ?

การที่ท่านทั้งหลายได้ทำบุญก็ดี ได้ให้ทานก็ดี ได้ช่วยเหลือบุคคลหรือว่าสัตว์ก็ตาม ถ้าหากว่าเกิดความปีติ อิ่มอกอิ่มใจนั้น ขอให้ทราบว่ากำลังของท่านอยู่แค่ระดับอุปจารสมาธิเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าท่านทำไปแล้ว รู้สึกเฉย ๆ ไม่ยินดียินร้าย เหมือนกับตายด้าน สิ้นเยื่อขาดใย ขอให้ท่านรู้ว่าสิ่งที่ท่านทำนั้น ก้าวเข้าสู่ระดับของฌานแล้ว แปลว่าท่านทรงฌานในจาคานุสติได้แล้ว..!

เมื่อเราทรงฌานได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนตัดออกจากใจไปชั่วคราว จนกว่ากำลังของฌานนั้นจะลดลง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็จะรู้สึกเฉย ๆ ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ตนเองทำ ไม่ใช่การเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ความตระหนี่ถี่เหนียว

การที่เรารู้ว่าเขาจะมาขอความช่วยเหลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าหากว่าช่วยไปครั้งนี้จะมีครั้งหน้าอีกแน่นอน แล้วเราตัดบทไปว่าให้ความช่วยเหลือเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ต่อไปไม่ต้องมาอีก ลักษณะอย่างนี้เป็นการใช้ปัญญา หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประการต้องนำหน้าด้วยปัญญาทั้งสิ้น ถ้าหากว่าขาดปัญญา เราก็อาจจะประพฤติปฏิบัติผิดไปก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2023 เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-02-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเรารู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่รู้จักยืนหยัดด้วยตนเอง ดีแต่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น บางคนเห็นว่าเป็นความสามารถของตนด้วยซ้ำไป ที่สามารถเบียดเบียนคนอื่นได้โดยที่ไม่ต้องมีการชดใช้ใด ๆ ทั้งสิ้น บุคคลประเภทนี้เราก็ควรที่จะเว้นความเมตตากรุณา แต่ไปใช้อุเบกขาแทน ก็คือต้องใช้ปัญญาตัดเขาออกจากวงจรชีวิตของเราไปเลย ไม่เช่นนั้นเราเองอาจจะกำลังใจตก แล้วกลายเป็นเสียผลของการปฏิบัติไปเองก็ได้

ตรงนี้ถ้าหากว่าบางท่านถามว่า "แล้วเราจะแยกแยะอย่างไรว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความใจร้ายใจดำ ไม่ใช่ความตระหนี่ถี่เหนียว หากแต่ว่าเป็นฌานในการสละ คือจาคานุสติ ?" ก็ขอให้เราพินิจพิจารณาว่า เรายังเป็นผู้ที่ให้ทานได้ตามปกติ พร้อมที่จะให้อยู่เสมอ เพียงแต่ว่าให้แล้วเกิดความรู้สึกเฉย วางได้ ปล่อยได้ ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ทำอีก ถ้าลักษณะอย่างนี้ แปลว่าท่านทรงฌานในจาคานุสติกรรมฐาน แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ ก็ต้องพิจารณากันให้ดี ว่าเป็นความตระหนี่ถี่เหนียว ใจจืดใจดำ ขาดเมตตากรุณาหรือเปล่า ? เป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายต้องไปพิจารณากำลังใจของตนเอง

อีกคำถามหนึ่งก็คือว่าบุคคลผู้ถามนั้น "เบื่อการดำรงชีวิตอยู่เต็มทีแล้ว มีวิธีใดบ้างที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้เร็ว ๆ ?" เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าไปถามบางคน บางสำนัก อาจจะโดนชักนำให้ผิดเพี้ยนหลงทางไปเลย อย่างที่บางสำนักถึงขนาดมีการฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นจากสภาพนี้..!

ท่านทั้งหลายต้องพินิจพิจารณาดูก่อนว่า การดำรงชีวิตอยู่ของเรานั้น ถึงแม้ว่าจะน่าเบื่อสุดทนขนาดไหนก็ตาม ชีวิตเราก็ไม่เกิน ๑๐๐ ปีอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเราต้องทนทุกข์ยากลำบากไปจนถึงอายุ ๑๐๐ ปี แล้วสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ เปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดที่ต้องทุกข์ทนไม่รู้จบเป็นกัปกัลป์อนันตชาติ อายุคนแค่ ๑๐๐ ปีก็เหมือนกับหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้น แค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น ในเมื่อระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้ ?

อีกประการหนึ่ง ต้องใช้กำลังใจและกำลังปัญญาที่สูงขึ้นไปกว่านั้น ก็คือเราอยู่แค่วันนี้วันเดียว หรือว่าเราอยู่แค่ลมหายใจนี้ลมหายใจเดียว เมื่อหมดจากวันนี้ หรือหมดจากลมหายใจนี้ เราก็ไปพระนิพพานแล้ว ถ้าวางกำลังใจเช่นนี้ได้ ก็จะก้าวข้ามความเบื่อหน่ายทั้งหลายทั้งปวงไป เราเองก็จะก้าวข้ามจากนิพพิทาญาณไปเป็นสังขารุเปกขาญาณ กลายเป็นบุคคลที่ตั้งหน้าตั้งตาทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อที่ถึงเวลาจะได้จากไปอย่างสง่างามที่สุด เป็นบุคคลที่ไม่ได้ปรารถนาความตาย แต่เป็นบุคคลที่พร้อมจะตายอยู่ทุกเวลา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-02-2023 เมื่อ 00:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-02-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของบุคคลที่ต้องใช้ปัญญาบารมีเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว แม้แต่สมัยพุทธกาลก็ยังมีพระที่ท่านเข้าถึงนิพพิทาญาณ แล้วไปจ้างปริพาชกให้ฆ่าตนเองไปถึงประมาณ ๖๐ รูปด้วยกัน องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้รอบรู้จริงทุกอย่าง รู้ว่าวาระกรรมที่เคยฆ่าคนฆ่าสัตว์ใหญ่เอาไว้ เป็นอุปฆาตกรรมจะมาสนองพระทั้งประมาณ ๖๐ รูปนี้ ถึงเวลาต้องสิ้นชีวิตแน่นอน จึงได้แนะนำกองกรรมฐานที่ให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเข้าถึงธรรม

เมื่อถึงเวลาอุปฆาตกรรมมาถึง ขนาดไปขอให้ปริพาชกที่ไม่รู้บาปบุญคุณโทษฆ่าตัวเอง เพื่อที่จะได้พ้นจากความทุกข์ ก็ยังดีกว่าที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะตายเปล่าโดยที่ไม่ได้ธรรมะอะไรอยู่ในใจเลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้แนะนำหลักธรรม ให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นประพฤติปฏิบัติ จนก้าวเข้าไปถึงนิพพิทาญาณอย่างที่สุด แล้วก็ไปจ้างปริพาชกฆ่าตนเองตาย

หลังจากนั้นแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้อาศัยเหตุนี้ บัญญัติไม่ให้พระภิกษุสงฆ์ฆ่าตัวตาย เพราะว่าจะเป็นกรรมใหญ่ เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ฆ่าตัวตายนั้น ผลกรรมจะทำให้ต้องฆ่าตัวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปประมาณ ๕๐๐ ชาติเลยทีเดียว..!

ท่านที่เข้าถึงนิพพิทาญาณจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ปัญญาพิจารณา ให้เห็นว่าชีวิตของเราเป็นของน้อย มีอยู่แค่ชั่วลมหายใจเดียว หรือว่ามีอยู่แค่ชั่ววันเดียว พ้นจากนี้ไปเราก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง เข้าสู่พระนิพพานแล้ว เราก็จะก้าวข้ามความเบื่อหน่ายทั้งหลายทั้งปวง มีชีวิตอยู่ด้วยความรื่นเริงในธรรม คือพร้อมที่จะตายอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่เข้าถึงธรรมตรงระดับนี้ พึงระมัดระวังเป็นอย่างสูง ถ้าหากว่าเลี้ยวผิด ก็แปลว่าท่านอาจจะเสียชาติเกิด ต้องเสียเวลาเวียนวายตายเกิดอีกนานแสนนาน แต่ถ้าหากว่าเลี้ยวถูก ท่านก็มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้เลย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2023 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว