|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เมื่อวานที่หายไป กระผม/อาตมภาพมีงาน ก็คือ วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีเปิดเรียนภาคแรกของปี ๒๕๖๔ เนื่องจากเป็นอาจารย์ประจำ ที่ต้องรับสอนทั้งระดับประกาศนียบัตรและระดับปริญญาตรี ก็ต้องไปดูแลนิสิต
ส่วนใหญ่แล้วชั่วโมงแรกก็ทำความคุ้นเคยกัน โดยเฉพาะการปรับทัศนคติให้กับท่านทั้งหลายเหล่านั้นว่า การศึกษานั้นอย่าเรียนเพื่อจบ อย่าเรียนเพื่อให้ผ่าน อย่าเรียนเพื่อให้ชื่อว่าได้เรียนแล้ว แต่เรียนแล้วเราต้องรู้จริงและสามารถที่จะนำไปสอนต่อได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..อย่าเรียนเพื่อให้เข้ากับกติกาที่ว่า ถ้าหากว่าต้องการเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส เจ้าอาวาส หรือเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ ต้องเรียนระดับนั้น ระดับนี้ ตามมติของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี แต่ให้เรียนเพื่อให้เรามีความรู้ในพระพุทธศาสนาแตกฉานยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ในส่วนนี้ถ้าหากว่าครูบาอาจารย์ไม่บอกกล่าวไว้ก่อน บางทีบรรดานิสิตที่มาเรียนก็หลงทาง แทนที่จะเป็นภัณฑาคาริกปริยัติ หรือว่านิสสรณัตถปริยัติ ก็คือเรียนในลักษณะคลังเก็บความรู้ หรือว่าเรียนเพื่อนำไปสอนตนให้พ้นจากกองทุกข์ ก็จะกลายเป็นอลคัททูปมาปริยัติ เรียนแบบจับงูข้างหาง มีแต่จะทำให้ตนเองเป็นอันตรายเท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้ถ้าหากว่าครูบาอาจารย์เองไม่ชัดเจน ลูกศิษย์ก็จะหลงทางอย่างแน่นอน เพราะว่าแม่ปูเดินคด ลูกปูก็ต้องเดินคดตามไปด้วย อีกส่วนหนึ่งก็คือ ไปจ่ายเงินเดือนให้กับพระนิสิตของอำเภอทองผาภูมิทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ ๒๘ รูป รูปละ ๓,๐๐๐ บาท ก็เกือบแสนบาท นี่เฉพาะของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีเท่านั้น ยังไม่นับที่อื่น ถ้ารวมที่อื่นด้วย เดือนหนึ่งก็ตกแสนกว่า ถ้าค่าเทอมออกก็ตกล้านกว่าบาท..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2021 เมื่อ 01:15 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
คราวนี้พอจ่ายกันจนหมดเนื้อหมดตัว กลับมาพักที่วัดท่ามะขาม เพื่อที่จะรองานของวันนี้ ก็ปรากฏว่าทางด้าน พระครูวิโรจน์กาญจนเขต,ดร.กับไอ้ตัวเล็ก นัดกันมาจ่ายค่าวัตถุมงคลที่วัดท่ามะขามพอดี กระผม/อาตมภาพอยู่ตรงนั้น ก็เลยรับค่าวัตถุมงคลกลับมาแสนกว่าบาท ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่าผมทำพระคาถาเงินล้านเกิดผลมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว ยืนยันได้ครับ ไม่ว่าอย่างไรเงินก็จะไม่ขาดมืออย่างเด็ดขาด..!
เพราะฉะนั้น..ทุกวันนี้บางทีเพื่อนพระสังฆาธิการบอกว่าผมรวย "หลวงพ่อเล็กรวย พระอาจารย์เล็กรวย" ความจริงรวยไม่จริงครับ เพราะว่ามีเท่าไรก็ใช้แค่หมด ด้วยความที่มั่นใจในคุณของพระรัตนตรัยและอานุภาพของพระคาถาเงินล้าน ว่าเงินจะไม่ขาดมืออย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นคนอื่นใช้แบบนี้..มีสิทธิ์ตายครับ ถ้าไม่ได้มีพระคาถาเงินล้านคอยหนุนเสริมอยู่ รับประกันว่าไปไม่รอดอย่างแน่นอน ดังนั้น..ที่เรียนถวายพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งแจ้งให้กับญาติโยม ทั้งที่นี่และที่ฟังอยู่ทางบ้านได้ทราบ ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้่นว่า ในวาระที่ประเทศชาติของเราประสบความยากลำบาก เศรษฐกิจแทบจะขยับขยายตัวไม่ได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายภาวนาพระคาถาเงินล้านด้วยความมั่นใจจริง ๆ อย่างที่กระผม/อาตมภาพขอไว้ก็คือ ต่ำสุดให้วันละ ๑๐๘ จบ ไม่มากนะครับ เพราะว่าตอนที่ผมทำเต็ม ๆ จริง ๆ นั้น วันละ ๓๖๐ จบนี่ทำอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ ส่วน ๔๘๐ จบ ๖๐๐ จบ ๙๐๐ จบ ๑,๒๐๐ จบ ทำอยู่แค่อย่างละ ๒ - ๓ เดือนเท่านั้น ทำเพราะอยากจะรู้ว่าจำนวนที่เหมาะสมที่สุดกับตนเองอยู่ที่เท่าไร ถ้า ๑,๒๐๐ จบนี่มักจะใช้ในช่วงออกธุดงค์ ภาวนาช้า ๆ เอาคุณภาพ มีเวลาหยุดฉันภัตตาหารประมาณ ๑๕ นาที เริ่มตั้งแต่ตี ๓ ไปเลิกเอาประมาณ ๑ ทุ่มทุกวัน เดินจงกรมจนพื้นเป็นร่องเลย..! ดังนั้น..ทุกวันนี้ที่คนเห็นว่ากระผม/อาตมภาพรวย เป็นอานิสงส์จากการที่ทุ่มเทให้กับพระคาถาเงินล้านมาหลายปี อย่าลืมนะครับ..ว่าบรรดานักวิชาการมักจะบอกว่า เรื่องของเวทมนตร์คาถาเป็นเดรัจฉานวิชา อันนั้นใช่สำหรับนักวิชาการโง่ ๆ..! แต่โบราณาจารย์ท่านฉลาด ท่านปรับไสยศาสตร์มาเป็นพุทธศาสตร์ ก็คือ จะใช้เวทมนตร์คาถาอะไรก็ตาม ต้องไม่ทิ้งคุณพระรัตนตรัย ไม่ทิ้งคุณครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงบอกกับผมชัดเจนมากว่า "ที่ข้าสอนแกไป มีคนบอกว่าเป็นไสยศาสตร์ แต่ถ้าหากว่าแกไม่ทิ้งพระพุทธเจ้า ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไสยศาสตร์ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2021 เมื่อ 01:20 |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในเรื่องนี้ญาติโยมทั้งหลายที่ยังไม่ได้ทำ หรือว่าทำแล้วขาดความมั่นใจ ขอยืนยันว่าท่านทั้งหลายถ้าตั้งใจทำจริง โดยต่อเนื่องประมาณสัก ๒ เดือนขึ้นไปจะเริ่มเห็นผล แต่ว่าพระคาถานั้นเป็นบาทฐานของอภิญญา ต้องการคนที่จริงจังสม่ำเสมอ ทำกันแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้ง ๆ ถ้าหากว่าเราทำโดยจริงจังสม่ำเสมอ ทำทุกวัน ไม่เกิน ๒ เดือนจะต้องมีผลอย่างแน่นอน
เพียงแต่ตอนภาวนา ให้ตัดกำลังใจที่อยากรวยออกไปเสีย ก่อนทำอยากจะรวยเท่าไรก็ไม่เป็นไร แต่ตอนทำ/ตอนภาวนา..ให้เลิกคิด อยู่กับลมหายใจเข้าออกและการภาวนา ท่านก็จะได้ทั้งอานาปานสติที่เป็นกรรมฐานใหญ่ และได้ทั้งพุทธานุสติ ก็คือคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมอบพระคาถานี้ให้มา ถ้าหากว่านึกถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นพรหมเทวดาอยู่ข้างบน ก็ได้เทวตานุสติ นึกถึงหลวงปู่หลวงพ่อที่เมตตานำพระคาถานี้มาถ่ายทอดต่อก็ได้สังฆานุสติ ท่านทั้งหลายก็จะปฏิบัติธรรมที่เป็นกองกรรมฐานใหญ่หลายกองพร้อม ๆ กัน ปล่อยให้บรรดานักวิชาการเขาขยายความโง่กันต่อไป..! สำหรับวันนี้ท่านพระครูสังฆกิจพิมล ท่านดูแลศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมบันดาล ที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แต่เดิมท่านอยู่ที่วัดไตรมิตรวิทยารามนี่เอง ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้พระคาถาเงินล้านเป็นปกติ ได้มาขอให้ผมช่วยจารชนวนเพื่อสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าของทางสำนักปฏิบัติธรรม เพื่อหาทุนในการบูรณะสำนัก เพราะว่าสร้างมาหลายปี เริ่มหมดสภาพแล้ว หลวงพ่อสมเด็จฯ เมตตาส่งไปดูแล ก็ไม่ใช่ให้ไปเฝ้าที่เฉย ๆ ไม่ใช่ไปอาศัยวัด แต่ว่าต้องอยู่ให้วัดได้อาศัย ผมเองก็ได้จารชนวนไปให้แล้ว รอเวลาที่ท่านสะดวก ก็คงจะนัดหมายการปลุกเสกวัตถุมงคลกันอีกทีหนึ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2021 เมื่อ 01:23 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เรื่องพวกนี้ท่านที่เป็นนักวิชาการอย่างหนึ่ง ท่านที่ใจคอคับแคบอย่างหนึ่ง พอได้ยินก็มักจะ "ยี้" ใส่ โดยกล่าวว่าพระพุทธเจ้าสอนให้สร้างเครื่องรางของขลังหรือ ? อาตมาขอยืนยันว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ทำ แต่ครูบาอาจารย์ของพวกเราท่านฉลาด ไม่ได้โง่เหมือนกับคนถาม..! ท่านรู้ว่าเด็กหัดใหม่ต้องอาศัยเครื่องยึดเครื่องเกาะถึงจะหัดเดินได้
ทุกคนรู้ว่าคนที่วิ่งเก่งที่สุดในโลก เอาอย่างคาร์ล ลูอิส หรือยูเซน โบลต์ก็ได้ สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ แต่เด็กที่เพิ่งหัดเดิน จะให้วิ่งแบบนั้นได้ไหม ? ใคร ๆ ก็รู้ว่าการเรียนระดับปริญญาเอกถือว่าเป็นความรู้สูงสุดทางโลก เด็กยังไม่ได้หัด ก.ไก่ ข.ไข่ เลย จะสามารถที่ไปเรียนปริญญาเอกอย่างที่พวกท่านกล่าวถึงได้ไหม ? ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่รู้จริงถึงกลอุบายอันลึกซึ้งของโบราณาจารย์ ก็โปรดอย่าขยายความโง่ให้เป็นที่อับอายขายหน้าแก่คนอื่น จึงเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และแจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้ ขอเจริญพร พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2021 เมื่อ 01:25 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|