กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-07-2021, 20:49
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,581
ได้ให้อนุโมทนา: 216,249
ได้รับอนุโมทนา 739,383 ครั้ง ใน 36,033 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-07-2021, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,702 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้กระผม/อาตมภาพก็มีภารกิจหลายอย่างด้วยกัน ตั้งแต่เช้ามาจนกระทั่งเกือบ ๖ โมงเย็น ส่วนที่สำคัญก็คือการร่วมประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งเป็นการประชุมผ่านระบบซูมออนไลน์

ในการประชุมก็ถือว่าทั่วไป แต่ว่าก่อนประชุมเป็นเวลาที่สนุกสนานมาก เพราะว่าเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำเอาเพื่อนฝูงไม่ได้เจอหน้าเจอตากันมานาน ต่อให้มีการคุยไลน์คุยโทรศัพท์กันอยู่ ก็ไม่เหมือนกับเห็นหน้า ดังนั้น...๕๓๖ รูปที่ประเดประดังกันเข้าไปในระบบซูม ก็เลยทักทายกันอย่างชนิดที่ใครฟังทันก็ทัน ฟังไม่ทันก็แล้วไป..!

หลังจากนั้นก็กลับมาเพื่อจ่ายเงินเดือนเพื่อการศึกษา ให้กับพระนิสิตที่อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิทั้งหมด ๒๘ รูปด้วยกัน ถ้าถามว่ารูปละเท่าไร ? ถ้าหากว่าเป็นปริญญาตรีก็ ๓,๐๐๐ บาท ปริญญาโทก็ ๕,๐๐๐ บาท โปรดอย่าคูณตัวเลข..เดี๋ยวจะช็อก...!

ในส่วนนี้ไม่ขอกล่าวถึง ในส่วนที่จะกล่าวถึงก็คือช่วงที่จะฉันเพล มีญาติโยมท่านหนึ่งมาจากอำเภอท่ามะกา มีสารพันปัญหาจดมาเป็นหน้ากระดาษเพื่อที่จะถาม คราวนี้ท่านทั้งหลายต้องพิจารณาดูด้วยว่า พวกเราเองที่เป็นนักปฏิบัติธรรม สิ่งที่ควรถามที่สุดคือเรื่องผลการปฏิบัติธรรมของเรา

แต่คำถามของเขาก็คือ "หลวงพ่อเคยเป็นมาลาเรียแล้วรักษาอย่างไรครับ ?" "คุณหมอนพพรรักษาโรคเอดส์ได้จริงหรือไม่ครับ ?" อาตมาอยากจะถามกลับว่า "มึงถามแล้วได้อะไรวะ ?" คุยกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ปัญหาที่เป็นชิ้นเป็นอันกลายเป็นไปอยู่ท้ายสุด ก็คือ "ถ้าผมคิดจะฆ่าตัวตายอีก ควรจะทำอย่างไรครับ ?"

ความจริงเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่เขากลับจัดลำดับความสำคัญไว้ท้ายสุดเลย เพราะเห็นว่าเรื่องไร้สาระทั้งหมดเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า..!

บุคคลที่อยู่ในลักษณะอย่างนี้ จะว่าไปแล้ว ถ้าปฏิบัติธรรมจะได้ผลเร็วมาก เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จะโดนกิเลสมารชักนำให้หลงเตลิดเปิดเปิงไปเรื่อย เรื่องโน้นเรื่องนี้เรื่องนั้นสำคัญทั้งนั้น แต่เรื่องการปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ของตนเองกลับไม่มี
โดยเฉพาะไปเข้าใจผิดว่าการฆ่าตัวตายถือว่าเป็นนิพพิทาญาณหรือไม่ ?!!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-07-2021 เมื่อ 17:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-07-2021, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,702 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นิพพิทาญาณเป็นวิปัสสนาญาณขั้นสูงมาก ปฏิบัติไปถึงระดับนั้นแล้วจะเกิดความเบื่อหน่าย เบื่อหน่ายทั้งร่างกายนี้ เบื่อหน่ายทั้งสิ่งของทั้งหลายในโลกนี้ และเบื่อหน่ายแม้กระทั่งโลกนี้ ตลอดจนกระทั่งวัฏสงสารที่ยาวไกลหาต้นหาปลายไม่ได้นี้

ส่วนใหญ่แล้วพอนิพพิทาญาณเกิดขึ้นมักจะจัดการไม่ถูก ในเมื่อจัดการไม่ถูก ด้วยความที่เป็นอารมณ์เบื่อหน่ายที่เราไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง เราก็ไปผลักไสทิ้งไปเลย หารู้ไม่ว่าทิ้งเอาโคตรเพชรไปโดยที่ไม่เห็นคุณค่าเลย..!


ถ้าอารมณ์นิพพิทาญาณเกิดขึ้น ต้องตั้งสติและใช้ปัญญาพิจารณาว่า เราทำอะไรนิพพิทาญาณนี้ถึงเกิดขึ้นได้ ? แล้วพยายามสร้างเสริมขึ้นมาใหม่ ให้นิพพิทาญาณนั้นอยู่กับเราให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะยาวนานได้ เพื่อตอกย้ำตัวเราให้เบื่อจริง ๆ เพราะว่าถ้าเรายังเบื่อไม่จริง เราก็ยังไม่อยากที่จะไปให้พ้น เราก็แค่ผลักไสอารมณ์นี้ทิ้งไปเท่านั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จะเสียของดีไปโดยใช่เหตุ แต่ถ้าเราเบื่อจริง ๆ กำลังใจไม่ต้องการอะไรแล้วจริง ๆ ก็แค่ต่อท้ายนิดเดียวว่า ถ้าตายเมื่อไร เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว การที่เราจะไปพระนิพพานได้ เท่ากับเราตัดการเวียนตายเวียนเกิดนับชาติไม่ถ้วนลงไปได้ ถ้าเปรียบกับการเวียนตายเวียนเกิดนับชาติไม่ถ้วนที่ไม่เห็นต้นเห็นปลาย การมีชีวิตอยู่แค่ชาตินี้ชาติเดียว เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เหมือนกับกะพริบตาครั้งเดียวเท่านั้น ทำไมเราจะอยู่กับร่างกายนี้ไม่ได้ ?

เราก็จะเห็นว่าธรรมดาของการเกิดมาเป็นแบบนี้ ธรรมดาของการเกิดมาต้องเจอสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแล้วพบกับสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน เมื่อเป้าหมายชัดเจนแล้ว คราวนี้ก็ภาวนาต่อไปเลย โดยเอาอารมณ์ใจเกาะพระนิพพานเป็นหลัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2021 เมื่อ 01:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-07-2021, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,702 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่านิพพิทาญาณไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการฆ่าตัวตายเลย การฆ่าตัวตายนั้นมาจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือจัดการกับนิพพิทาญาณไม่ถูกต้อง เข้าใจผิด หลงผิด เบื่อหน่ายว่ามีร่างกายนี้ก็เลยต้องทำลายทิ้ง..!

ประการที่สองก็คือ ต้องมีกรรมเก่าเนื่องมาด้วย ถ้าไม่มีตรงจุดนั้น ไม่มีใครอยากทำลายชีวิตตัวเองทิ้ง ถ้าสามารถก้าวข้ามนิพพิทาญาณไปได้ ก็จะกลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ ก็คือปล่อยวางทุกเรื่อง โดยเฉพาะการปรุงแต่ง ในเมื่อจิตใจหยุดการปรุงแต่ง ทุกอย่างก็หยุดหมด ดับหมด ในเมื่อเข้าถึงนิโรธคือความดับ พระนิพพานก็เต็มอยู่ในใจของเราเอง แล้วยังมีใครจะฆ่าตัวตายอีก ??

ดังนั้น...ในส่วนที่เขาเข้าใจผิด ถ้าหากว่าหาครูบาอาจารย์แนะนำไม่ได้ เขาจะกลับไปฆ่าตัวตายจริง ๆ..! แต่สรุปว่าไอ้เจ้านี่ซวยหรือโชคดีก็ไม่รู้ที่มาเจอกับกระผม/อาตมภาพเข้า ก็เลยโดนด่าหูตูบไป "มึงเกิดมาเสียชาติเปล่า โง่บรรลัยเลย..!"

บุคคลทั้งหลายประเภทนี้ จะบอกว่าโชคดีก็โชคดี จะบอกว่าโชคร้ายก็โชคร้าย โชคดีก็คือถ้าตั้งใจปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา จะเกิดผลเร็วมาก โชคร้ายก็คือในเมื่อจะหลุดพ้นไปได้ กิเลสมารก็ต้องขวางเราสุดชีวิต

ผมเจอมาหลายท่านที่โดนขัดขวางในลักษณะอย่างนี้ มีอยู่ท่านหนึ่งวิสัยเก่ามาทางพุทธภูมิ ต้องการสงเคราะห์สัตว์โลก ทุกวันนี้ก็นั่งสร้างวัตถุมงคลไปเรื่อยอย่างละ ๕ ชิ้น ๑๐ ชิ้น ทุกอย่างเป็นสุดยอดวัตถุมงคลทั้งหมด เพราะโดนกิเลสหลอกให้ทำ เพื่อที่จะช่วยชาวบ้านอย่างโน้น เพื่อที่จะช่วยคนเดือดร้อนอย่างนี้

ความรู้และทิพจักขุญาณชัดเจนขนาดนั้น แต่ปัญญากลับไม่พอ ไม่ได้พิจารณาว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น ไม่มีอะไรที่ช่วยในการขัดเกลากิเลสของตัวเองเลย
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก โดยเฉพาะท่านที่มาทางสายพุทธภูมิ ถ้าหลงทางไปแล้ว กลับยากด้วย เพราะกำลังใจของตนเองสั่งสมบารมีไว้มาก มีความเข้มแข็งมาก ความเข้มแข็งของกำลังใจ ถ้าหากว่าผิดมุมนิดเดียวจะกลายเป็นความดื้อรั้น คนอื่นพูดให้ตายกูก็ไม่เชื่อ เพราะว่ากูรู้เห็นเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-07-2021 เมื่อ 17:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-07-2021, 23:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,702 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น การรู้เห็นที่เป็นของแถมในการปฏิบัติ ถ้าจัดการไม่ถูกก็จะทำให้เสียหายใหญ่โตมาก เพราะว่าเราจะไปยึดติดอยู่กับตรงนั้น

เหตุที่ผมใช้คำว่า "ของแถมของการปฏิบัติ" เพราะว่าถ้ากำลังใจของเราสงบถึงระดับ การรู้เห็นจะมาเอง เพราะว่าสภาพจิตของเราที่กระเพื่อมอยู่ตลอดเวลาก็เหมือนกับน้ำ ถ้าน้ำกระเพื่อมอยู่ เราไม่สามารถที่จะส่องดูอะไรได้ชัดเจน แต่ถ้าน้ำนิ่งจะสะท้อนเงาทุกอย่างรอบข้างลงไป ชัดเจนแจ่มใสเหมือนของจริงทุกประการ

ดังนั้น..พอจิตสงบเมื่อไร ความรู้หรือเครื่องรู้จะเกิดขึ้น ยิ่งใครมีวิสัยมาทางด้านวิชชา ๓ หรืออภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ก็ยิ่งเกิดมาก แต่ว่ายิ่งรู้เห็นมากเท่าไร ชัดเจนเท่าไร ก็ยิ่งโดนหลอกง่ายเท่านั้น อย่างที่ผมเคยเปรียบให้พวกท่านทั้งหลายฟังว่า เราเห็นคนไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย แล้วก็จะโดนเขากระทืบตาย เพราะว่าเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่..! แล้วเราเห็นเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมาจริงไหม ? จริง..แล้วเรื่องที่เราเห็นจริงไหม ? ไม่จริง..เพราะว่าเขาถ่ายหนังกันอยู่

ดังนั้น..การที่พวกเราปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยกลับเป็นเรื่องที่ปลอดภัย..โดนหลอกยาก อย่างที่นักอ่านสามก๊กหลายท่านบอกว่า ขงเบ้งหลอกได้เฉพาะคนฉลาด เพราะว่าคนฉลาดคิดมาก ถ้าหากว่าเป็นคนโง่ ขงเบ้งหลอกไม่ได้ เพราะว่าคนโง่ไม่คิดอะไร บอกอะไรก็เชื่อเช่นนั้น

หลายครั้งถ้าหากว่าท่านฟังธรรมของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จะได้ยินท่านบอกว่า "ให้ปฏิบัติธรรมแบบโง่ ๆ ครูบาอาจารย์บอกเท่าไร ให้ทำแค่นั้น ยิ่งฉลาดฟุ้งซ่านมากเท่าไร ก็ยิ่งได้ผลช้ามากเท่านั้น"

บริวาร ๒๕๐ รูปของพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรสมัยที่ยังเป็นอุปติสสมาณพและโกลิตมาณพ ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุพระอรหันต์หมดเลย โกลิตมาณพคือพระโมคคัลลานะใช้เวลาคิดอยู่ ๗ วัน กว่าที่จะบรรลุอรหัตผล พระสารีบุตรหนักกว่านั้นอีก คิดอยู่ ๑๕ วัน ไม่มีมุมไหนให้สงสัยแล้ว ถึงได้บรรลุพระอรหันต์กับเขา

เราจะเห็นว่ายิ่งฉลาดมาก ยิ่งเข้าถึงธรรมยาก เพราะว่าคนฉลาดต้องคิดให้รอบคอบ คิดให้ทั่วถึงก่อน เรื่องของการปฏิบัติธรรมจึงควรที่จะทำแบบคนซื่อหรือคนโง่ แล้วเราจะเข้าถึงธรรมได้ง่ายกว่า

ดังนั้น..การที่วันนี้มีญาติโยมมาถามปัญหา แม้กระทั่งลำดับความสำคัญของปัญหาก็ยังจัดวางผิด จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก ต่อให้โดนด่าไปก็ยังคาใจอยู่ และก็อาจจะเสียเวลาอีกนาน จึงเป็นเรื่องที่แล้วแต่เวรแต่กรรม ก็ขอเล่าประสบการณ์ที่ได้พบมาให้กับพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-07-2021 เมื่อ 17:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว