กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-09-2022, 18:18
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,274
ได้รับอนุโมทนา 739,785 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-09-2022, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดไร่แตงทอง หมู่ที่ ๑๕ ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลในงานทำบุญครบรอบ ๑๐๐ วันของท่านอาจารย์สายชล จิตฺตกาโร (พระครูปฐมจินดากร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง อดีตเจ้าคณะตำบลทุ่งลูกนก

ท่านอาจารย์สายชลเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ
กระผม/อาตมภาพ เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรี สาขาพระพุทธศาสนา ปริญญาโท สาขาการจัดการเชิงพุทธ แล้วท่านก็ขอหยุดเรียนแต่เพียงเท่านั้น เพื่อเอาเวลาไปพัฒนาวัดในส่วนที่ท่านตั้งใจเอาไว้ ก็คือว่าจะซื้อที่ดินรอบวัดเพิ่มขึ้นจนกว่าจะได้ในจำนวนที่พอใจ พร้อมกับหล่อรูปพระศรีอริยเมตไตรยหน้าตัก ๗๐ ศอก พร้อมกับสร้างวิหารถวาย และหล่อรูปพระอสีติมหาสาวกปีละ ๑ องค์ จนกว่าจะครบ ๘๐ องค์ แต่ว่าท่านมาป่วยด้วยโรคมะเร็งเสียก่อน แล้วก็เสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร

ท่านอาจารย์สายชลเป็นนักปฏิบัติธรรมที่กระผม/อาตมภาพให้ความเชื่อมั่นที่สุดรูปหนึ่ง ท่านเคยปฏิบัติไปจนถึงระดับที่กำลังใจจะตัดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ว่ามาฉุกใจคิดว่า ถ้าหากว่าท่านทิ้งทุกคนไปเลย บริษัทบริวารที่ติดตามกันมานับกัปกัลป์อนันตชาติก็จะขาดผู้นำ ท่านจึงได้ยั้งกำลังใจที่จะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าเข้าไว้ แล้วก็บำเพ็ญบารมีในฐานะพระโพธิสัตว์ของท่านต่อไป

ดังนั้น...ในเรื่องของสุคติจึงเป็นเรื่องปกติของพระโพธิสัตว์ที่มีกำลังใจสูงมากอย่างท่าน ซึ่งเพื่อนฝูงหลายท่านของกระผม/อาตมภาพก็ล้วนแล้วแต่มาสายพระโพธิสัตว์ทั้งสิ้น อย่างเช่นท่านพระครูไพโรจน์ภัทรคุณ เจ้าอาวาสวัดสระพัง เจ้าคณะตำบลดอนข่อย เป็นต้น

บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถือเอาความสุขของส่วนรวมมากกว่าความสุขส่วนตัว ทำอะไรทุกอย่างก็เพื่อคนอื่นอยู่เสมอ จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วต้องเหน็ดเหนื่อยกับภาระหน้าที่การงานต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาเป็นจำนวนมากต่อมากด้วยกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2022 เมื่อ 00:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-09-2022, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์สายชลนั้น จะว่าไปแล้วท่านก็แทบจะแบกจังหวัดนครปฐมไปครึ่งจังหวัด สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่อะไรก็ตาม ถ้าคณะสงฆ์จัดให้มีงานขึ้น วัดหนึ่งที่ทุกคนต้องนึกถึงก่อนเพื่อนก็คือวัดไร่แตงทอง เพราะว่าจะเป็นผู้ที่ทำการอุปถัมภ์ค้ำจุนให้งานนั้น ๆ สำเร็จลงได้ด้วยดี

อีกวัดหนึ่งในจังหวัดนครปฐมที่คณะสงฆ์จะนึกถึงก็คือวัดสว่างอารมณ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดแคแถว ของหลวงพี่แป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ เจ้าคณะตำบลบางกระเบา ซึ่งท่านก็ให้การอุดหนุน ให้การสนับสนุนแก่ทางคณะสงฆ์อย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด

จึงทำให้วัดไร่แตงทองนั้น ในอดีตที่โด่งดังด้วยบารมีของครูบาอาจารย์ คือ หลวงปู่หลิว ปณฺณโก เทพเจ้าเต่าเรือน ได้รับการสืบสานความเข้มขลังทางไสยเวทย์อาคมสืบต่อมา โดยท่านพระอาจารย์สายชล จิตฺตกาโร ลำดับต่อไปก็เหลือแต่ว่าศิษย์ท่านใดที่มารับความรู้ตรงนี้ไป แล้วจะบำเพ็ญบารมีของตนสืบสายครูบาอาจารย์ไปบ้าง คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้เห็นกันอย่างชัดเจน

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะเล่าให้กับญาติโยมฟังก็คือว่า ในวันนี้เป็นวันที่ทางเว็บไซต์วัดท่าขนุนได้เริ่มรอบการให้ทำบุญตามกระทู้ต่าง ๆ รอบที่ ๒ ของเดือน ซึ่งในกระทู้นั้นมีทั้งส่วนของการร่วมสร้างตลาดชุมชนริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้เซ็นสัญญาจ้างผู้รับเหมาให้ทำตลาดชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อที่จะได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่จำหน่ายสินค้าของประชาชนในชุมชน

โดยเฉพาะความตั้งใจก็คือว่า ให้สินค้าชุมชนของทั้ง ๗ ตำบลในอำเภอทองผาภูมิ ได้มาจำหน่ายที่นี่โดยทั่วถึงกัน ซึ่งเมื่อสั่งให้กันที่ออกมาเพื่อตั้งเป็นร้านค้าแล้ว ทางผู้รับเหมาแจ้งมาว่าจะได้ ๒๓ ร้านค้า แต่ว่าทองผาภูมิของเรามี ๗ ตำบลกับ ๑ เทศบาลตำบลทองผาภูมิ รวมแล้วเป็น ๘ แห่ง ความจริงก็น่าจะแบ่งสันปันส่วนกันได้แห่งละ ๓ ร้านค้า ก็แปลว่าจะต้องเป็น ๒๔ ร้านค้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2022 เมื่อ 00:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-09-2022, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่เนื่องจากว่าเทศบาลตำบลทองผาภูมินั้น เป็นไข่แดงของเทศบาลตำบลท่าขนุนอยู่ ทั้ง ๒ ตำบลนี้ซ้อนทับพื้นที่กัน กระผม/อาตมภาพจึงตัดสินใจว่า ให้ทั้ง ๒ หน่วยงานนี้รับไปรวม ๕ ร้านค้า เพราะว่าพื้นที่ซ้อนทับกันอยู่แล้ว ญาติโยมส่วนหนึ่งที่มีสินค้าประจำชุมชน ประจำตำบล ก็จะเป็นรายเดียวกัน ส่วนอื่น ๆ ก็รับไปตำบลละ ๓ ร้านค้า

ในส่วนนี้ก็ได้รับความเมตตาจากทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ อนุญาตให้ทางวัดท่าขนุนต่อเอาน้ำไฟส่วนที่บริการสาธารณะเข้าไปใช้ที่ร้านค้าชุมชนโดยไม่คิดมูลค่า เพียงแต่ว่าเราจะต้องจำกัดเอาไว้ อย่างเช่นว่าต้องมีหลอดประหยัดไฟร้านค้าละ ๑ ดวง ต้องมีปลั๊กสำหรับต่อไฟเอาไว้ร้านค้าละ ๑ แห่งเท่านั้น เป็นต้น และน่าจะต้องมีการเก็บค่าธรรมเนียม ค่าน้ำค่าไฟสักร้านละเล็กน้อย

ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารร้านค้าชุมชนริมฝั่งแม่น้ำแควน้อยไปแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการกำลังกำหนดข้อห้าม ตลอดจนกระทั่งข้อที่ต้องปฏิบัติตามของทางร้านค้าอยู่ ถ้าหากว่าสำเร็จเรียบร้อยแล้ว จะส่งมาให้กระผม/อาตมภาพพิจารณา ใช้อำนาจของประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ และประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ทำการออกเป็นคำสั่งเพื่อการปฏิบัติต่อไป

อีกส่วนหนึ่งก็คือ การสร้างพระพุทธรูปแก้วประจำพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งทางผู้ออกแบบคือทางบริษัทวันเพ็ญสตูดิโอนั้น ตอนแรกได้กำหนดออกแบบเอาไว้เป็นรูปพระวิสุทธิเทพ แล้วมีพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูปรายล้อมอยู่ ซึ่งเป็นการประชุมในการแสดงโอวาทปาฏิโมกข์

แต่เนื่องจากว่า เมื่อปรึกษาหารือกับทางด้านบริษัทซึ่งรับเหมาสร้างพระพุทธรูปแก้วแล้ว การสร้างพระวิสุทธิเทพนั้น จะมีปัญหาตรงเครื่องทรง ซึ่งประกอบไปด้วยลวดลายเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่าแกะสลักลวดลายแล้ว จะทำให้ความใสของแก้วน้อยนั้นลงไป เพราะว่าโดนเครื่องทรงไปบดบังการกระจายแสง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2022 เมื่อ 01:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 17-09-2022, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองก็พิจารณาว่า คำว่าพระวิสุทธิเทพนั้น ความจริงแล้วก็คือพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า ตลอดจนถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์บนพระนิพพาน ตรงนี้ญาติโยมส่วนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ก็จะทราบดีว่าพระองค์ท่านเป็นใคร แต่สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว ถ้าหากว่ามาชมพิพิธภัณฑ์ ก็จะประกอบไปด้วยคำถามอยู่เสมอ ซึ่งถ้าหากว่าต้องเสียเวลามาอธิบายกัน ก็คาดว่าทางมัคคุเทศก์จะต้องเหนื่อยมากทีเดียว

กระผม/อาตมภาพจึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบของพระวิสุทธิเทพมาเป็นรูปหลวงพ่อนาก ก็คือพระพุทธรูปที่สร้างจากทองคำ นาก เงิน และทองแดงผสมกันของทางวัดท่าขนุนแทน

โดยที่ทางบริษัทรับเหมาได้ไปทำการสแกนและกำหนดราคาลงมา ตอนนี้ขั้นตอนการสร้างอยู่ตรงที่ว่า ได้นำเอาแก้วคุณภาพดีที่สุด ซึ่งซื้อหามาเป็นแผ่นหนา ๆ ๓ นิ้ว ๔ นิ้ว ๕ นิ้ว ๖ นิ้ว แล้วแต่การใช้งาน มาติดด้วยกาวที่คุณภาพดีที่สุด

เมื่อติดแล้วจะไม่มีร่องรอยเหลือให้เห็น แล้วทิ้งเอาไว้เพื่อความแน่นอนเป็นระยะเวลา ๓ เดือน ก่อนที่จะนำมาแกะด้วยหุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะออกมาเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อนากเนื้อแก้ว หรือที่เรียกเป็นภาษาช่างว่าเนื้ออะคริลิค หน้าตักกว้าง ๑๓๐ เซนติเมตร ความสูงประมาณ ๒ เมตร พร้อมด้วยฐานบัวเล็บช้าง ตลอดจนกระทั่งฐานเขียงที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปแก้ว แล้วทางบริษัทก็จะนำไปส่งถึงวัดท่าขนุน และนำไปจนถึงฐานที่ตั้ง เพื่อประดิษฐานไว้ประจำพิพิธภัณฑ์ต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2022 เมื่อ 01:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 17-09-2022, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ในส่วนนี้ท่านทั้งหลายยังสามารถที่จะร่วมบุญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมบุญโดยการทำบุญแล้วแต่จะทำ หรือที่เรียกกันว่าเป็นการทำบุญตามศรัทธา ตลอดจนกระทั่งบูชาวัตถุมงคลเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามกระทู้ต่าง ๆ เพื่อที่จะร่วมบุญตรงจุดนี้

อีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องของการสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งตอนนี้ช่างรับเหมากำลังเร่งมืออยู่ เพราะว่าการส่งงวดงานตามกำหนดนั้นก็ได้ล่วงเลยมาเกือบ ๓ เดือนแล้ว ไม่สามารถที่จะส่งได้ เพราะว่าทางคณะกรรมการตรวจรับงานพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งประกอบไปด้วยทั้งพระภิกษุสงฆ์และฆราวาส ที่กระผม/อาตมภาพมอบให้มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจนั้น ยังพิจารณาแล้วเห็นว่างวดงานไม่ได้ตามสัญญาที่เซ็นเอาไว้ จึงต้องรอให้ทางผู้รับเหมาและผู้ออกแบบเร่งรัดงานให้สำเร็จลงตามงวด แล้วถึงจะได้จ่ายเงินงวดแรกให้

คาดว่าภายในอาทิตย์หน้านี้ก็จะต้องจ่ายให้กับทางผู้รับเหมา ๘ ล้านบาท แล้วต่อ ๆ ไปก็คงต้องไล่จ่ายไปทีละงวด ๆ ละ ๘ ล้านบาท จนกระทั่งครบ ๑๘ งวดแล้ว การส่งงานงวดสุดท้ายต้องจ่ายอีก ๑๑ ล้านบาท ช่วงนี้จึงเป็นระยะเวลาที่กระผม/อาตมภาพกำลังขะมักเขม้นในการสะสมเงินให้เพียงพอที่จะจ่ายได้อย่างน้อย ๓ หรือว่า ๔ งวด ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะหมุนเงินไม่ทัน

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2022 เมื่อ 01:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว