กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-03-2025, 19:40
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 484
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,253 ครั้ง ใน 969 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 13-03-2025, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,171
ได้ให้อนุโมทนา: 157,456
ได้รับอนุโมทนา 4,471,814 ครั้ง ใน 35,780 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพไปยุ่งอยู่กับเรื่องการอบรมพระอุปัชฌาย์ทั้งที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) และวัดสามพระยา วรวิหาร หลายวัน ความย่อหย่อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวัดก็มากขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเรื่องหน้าที่ของพวกเรา ก็คือการทำวัตรเช้า ทำวัตรค่ำ การบิณฑบาต เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาก็ขาด ตามใจตัวเอง เพราะว่ามีเงินจ่ายค่าปรับ..! ทำแบบนั้นเท่ากับว่าเรากำลังจะทำให้ตัวเองหลุดจากผ้ากาสาวพัสตร์ไปโดยใช่เหตุ..!

การทำวัตรเช้า ทำวัตรค่ำ คือการสร้างสมาธิเพื่อสู้กับกิเลส เนื่องเพราะว่า รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ นั้น อาศัยศีลอย่างเดียวก็ป้องกันได้แค่ระดับหยาบเท่านั้น ระดับกลางต้องอาศัยสมาธิเป็นเครื่องช่วยอย่างมาก จนกระทั่งถึงระดับละเอียด จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ คราวนี้เราไปทิ้งเครื่องมือในการสู้กิเลส โดยหวังความสบายเป็นที่ตั้ง ก็เท่ากับหาที่ตาย..! เพราะว่าการที่ต้องสึกหาลาเพศไป ก็คือตายจากความเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา

ส่วนเรื่องของการตามใจปากตัวเองด้วยการสั่งอาหารมาฉัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะขี้เกียจบิณฑบาต หรือว่าตามใจปากอยากจะฉันของแบบนั้น ขอให้รู้ว่าท่านทำลายทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญาของตนเองไม่เหลืออะไรเลย เนื่องเพราะว่าอันดับแรกเลย ฝืนคำของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดจนแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงวางเอาไว้

ท่านทั้งหลายบวชเข้ามา พระอุปัชฌาย์อาจารย์ก็บอกชัดเจนแล้ว ปิณฑิยาโลปะโภชะนัง นิสสายะ ปัพพัชชา ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตคือการเที่ยวบิณฑบาต ส่วนคุณงามความดีของการเที่ยวบิณฑบาตนั้นมีมากจนพูดไม่หมด
กระผม/อาตมภาพจะไม่กล่าวถึงตรงจุดนั้น กล่าวถึงแค่ว่าเราละเมิดคำสอนของครูบาอาจารย์ที่บอกเราตั้งแต่วันแรกที่บวช

โดยเฉพาะการตามใจปากตัวเองคือการละเมิดศีล ทำไมกระผม/อาตมภาพถึงกล่าวอย่างนั้น ? เนื่องเพราะว่าการหักห้ามปากของตนเองไม่ให้กิน ไม่ให้ฉันในสิ่งที่ชอบ กับการหักห้ามตัวเองไม่ให้ละเมิดศีลนั้น ใช้กำลังใจเหมือนกัน เท่ากัน

ดังนั้น..
ใครที่ยังตามใจปากตัวเอง รับประกันได้ว่าศีลของท่านบกพร่องอย่างแน่นอน มีโอกาสเมื่อไรพลาดเมื่อนั้น เพราะว่าแค่ห้ามปากยังห้ามไม่ได้ แล้วจะไปห้ามกาย ห้ามวาจา ในเรื่องของศีลยิ่งเป็นเรื่องยาก ก็แปลว่าเรามีแต่สร้างความเสียหายให้กับตนเอง โดยที่หวังเอาความสบายเข้าว่า

ไม่ต้องไปกล่าวถึงประโยชน์ว่าการบิณฑบาตนั้นก่อประโยชน์ให้กับตนเองและญาติโยมอย่างไรบ้าง เอาแค่ว่าในสิ่งที่เราไม่ทำ ก็คือ
การที่เราละเมิดคำสั่งครูบาอาจารย์ ซึ่งคนประเภทนี้เอาดีไม่ได้แน่นอน จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายควรที่จะสังวรระวังเอาไว้ด้วย ไม่ใช่ว่านึกจะทำอะไรก็ทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2025 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 13-03-2025, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,171
ได้ให้อนุโมทนา: 157,456
ได้รับอนุโมทนา 4,471,814 ครั้ง ใน 35,780 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองกับพรรคพวกเพื่อนฝูงพี่น้องแค่ไม่กี่คน สมัยก่อนแบกระเบียบวัดเอาไว้จนหลังแอ่น สิ่งใดที่ครูบาอาจารย์สั่งคือสิ่งที่ต้องทำตลอดชีวิต โดยเฉพาะท่านบอกว่า "หมาของข้าสั่งครั้งเดียว มันทำตลอดชีวิต ถ้าข้าสั่งแล้วพวกแกทำตลอดชีวิตไม่ได้ก็เลวยิ่งกว่าหมา..!" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครที่รู้จักกำหนดจดจำ ทำตามที่ครูบาอาจารย์สอน ทำตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ ท้ายสุดก็ออกมาเป็นหลักให้แก่ญาติโยมเขาได้ ส่วนที่เหลือนั้นเอาตัวไม่รอดอย่างที่เห็น..!

โดยเฉพาะโลกยุคปัจจุบัน สิ่งยั่วยุเราให้หลุดจากศีลมีมาก เราไม่รู้จักสร้างกำลังเพื่อที่จะหักห้ามตนเอง ก็แปลว่าเราพร้อมที่จะตาย ไม่ต้องไปหวังเลยว่าบวชมาแล้วจะเอาดีได้ ก็ในเมื่อเรื่องหยาบ ๆ ที่เป็นแค่ระเบียบวินัย หรือว่าสิ่งที่จำเป็นที่ต้องปฏิบัติของพระภิกษุสามเณร เรายังทำไม่ได้ แล้วจะไปพูดอะไรถึงเรื่องของมรรคเรื่องของผล ที่เป็นเรื่องละเอียดกว่านั้นจนนับไม่ได้ ดังนั้น..หลายสิ่งหลายอย่างที่กระผม/อาตมภาพบอกพวกเราไปอยู่เสมอ แต่ก็มักจะกลายเป็นคำพูดผ่านหู แทบจะไม่มีใครสนใจนำมาปฏิบัติขัดเกลาตนเองอย่างจริงจังเลย

ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้แล้ว ที่เราปฏิญาณตนว่า "ขอรับผ้ากาสาวพัสตร์นี้มา เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน" ก็ไม่ต้องหวัง เพราะว่าระเบียบวินัยทุกอย่างก็คือการที่นำเราให้เดินตรงทาง ทางนี้ก็คือมรรค ๘ ซึ่งเป็นหนทางที่จะนำพาสัตว์ทั้งหลายไปสู่ความบริสุทธิ์ ย่อลงมาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา

ระเบียบวินัยทุกอย่างก็คือศีล ความตั้งใจเพียรพยายามรักษาเอาไว้ นั่นก็คือการสร้างสมาธิ เพราะว่าสภาพจิตที่เพียรระมัดระวัง ไม่ให้ตนเองละเมิดระเบียบหรือวินัย ก็คือการสร้างสมาธิโดยตรง แล้วแค่นั้นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะว่าเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเวลาในการชำระใจของตนเองอย่างเด็ดขาดและจริงจังทุกวัน

ดังนั้น..บรรดาผู้ที่เคยพบกระผม/อาตมภาพสมัยบวชอยู่ที่วัดท่าซุงจะเห็นความต่างอย่างชัดเจน เพราะว่าตอนนั้นกระผม/อาตมภาพแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เนื่องจากว่าปฏิบัติทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืนโดยไม่ได้สนใจเวลา คืนหนึ่งนอนเต็มที่ก็ไม่เกิน ๒ ชั่วโมง ที่เหลือก็ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรมชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก แล้วสิ่งที่พวกท่านทั้งหลายทำคืออะไร ? ตามใจปากตนเอง ละเมิดระเบียบ ละเมิดวินัย ละเมิดคำสั่งครูบาอาจารย์ แล้วหวังว่าตนเองจะได้ดี ก็น่าจะเป็นไปได้อยู่มั้ง ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2025 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-03-2025, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,171
ได้ให้อนุโมทนา: 157,456
ได้รับอนุโมทนา 4,471,814 ครั้ง ใน 35,780 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยิ่งอยู่นานไป เรายิ่งต้องเป็นแบบอย่างแก่รุ่นหลัง แล้วถ้าแบบอย่างบิด ๆ เบี้ยว ๆ เสียตั้งแต่แรก จะไปหวังให้รุ่นหลังได้ดีนั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องยึดหลักที่ว่า ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไรเราต้องทำอย่างนั้น ยถาการี ตถาวาที ทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ก็คือตรงไปตรงมา ไม่มีหน้าไม่มีหลัง จึงจะสมกับเป็นผู้ที่บวชมาเพื่อละกิเลส

อยากจะเก่ง อยากจะมีความสามารถ แต่ความเพียรต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แล้วจะไปสำเร็จอย่างที่ตนเองต้องการนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ กระผม/อาตมภาพเคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ต่อให้ลูกศิษย์เก่งแค่ไหนก็ตาม เมื่อรับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ อย่างเก่งก็ได้แค่ ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วพอตนเองนำไปถ่ายทอดต่อ ลูกศิษย์ก็รับไปได้แค่ ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของที่เราได้มา ก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย สามรุ่นผ่านไปก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว วิชาการความรู้ต่าง ๆ แทบจะไม่เหลือหลักเกณฑ์อะไรที่มั่นคงเลย..!

ดังนั้น..ถ้าจะให้ประสบความสำเร็จ มีอยู่อย่างเดียวก็คือ ต้องใช้ความเพียรพยายามเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ครูบาอาจารย์สอนมา เราอยากได้ครบ ๑๐๐ ถ้วนก็ต้องขยัน ใช้ความเพียรไป ๑๕๐ หรือ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ถึงจะได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว เราจะไปหวังว่ามีความรู้ความสามารถเท่าครูบาอาจารย์ที่เราเคารพเลื่อมใสนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้..!

จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายควรที่จะระมัดระวังให้มากกว่านี้
สิ่งที่เราคิด คำที่เราพูด การกระทำของเราทั้งหมดจะส่งผลต่ออนาคตของเราอย่างชัดเจน ถ้าไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ โอกาสที่จะเอาดีย่อมไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับพวกเราได้เลย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2025 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว