#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนช้ากว่าเวลาปกติ เหตุก็เพราะว่าติดงานตั้งแต่เช้าจนค่ำ
ในช่วงเช้าเริ่มจากการรับบิณฑบาตจากนักท่องเที่ยวและญาติโยมทั้งหลาย ตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ซึ่งอาทิตย์นี้นักท่องเที่ยวก็มากเป็นพิเศษ หลังจากฉันเช้าแล้ว มานำญาติโยมทั้งหลายร่วมกันภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งในงานนี้ได้นำเอาข้าวปากหม้อมาเข้าพิธี เพื่อทำเป็นผงคำข้าวศักดิ์สิทธิ์ เอาไว้สำหรับสร้างวัตถุมงคลตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้สั่งเอาไว้ งานนี้พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเสด็จมาสงเคราะห์ตั้งแต่ต้นจนจบ สว่างไสวผ่องใสเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญอยู่ตลอดพิธี ช่วยเสกคำข้าวเพื่อที่จะนำไปเป็นผงสร้างวัตถุมงคลให้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ผู้เตรียมข้าวเอาไว้ก็เตรียมเอาไว้มากจนเกินไป โดยปกติแล้วการเตรียมข้าวปากหม้อก็คือตักออกมา ๑ ทัพพี หรือถ้าเป็นช้อน ก็คงจะประมาณ ๓ ช้อนโต๊ะเท่านั้น แต่นี่ทางแม่ครัวหุงแล้วตักมาให้เป็นกะละมัง..! ทางด้านเจ้าหน้าที่ก็จัดแจงอัดลงไปในโถแก้วจนแน่นปึ้ก ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าเทออกมาแล้ว ไม่สามารถที่จะตากแห้งได้ภายในวันสองวัน ก็น่าจะมีการขึ้นราอย่างแน่นอน แต่ได้ยินว่าจะมีการแก้ปัญหาด้วยการเกลี่ยลงมาในภาชนะ แล้วนำไปอบด้วยเตาไมโครเวฟให้แห้ง หลังจากนั้นแล้วค่อยตำเป็นผง ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี งานภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้น มีญาติโยมมาร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมาก ต้องบอกว่าศาลา ๑๐๐ ปี หลวงปู่สาย วัดท่าขนุนนั้น เล็กไปถนัดใจ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ของเราได้ทำการถ่ายทอดสดออกไปทั่วประเทศและทั่วโลก แต่ก็ยังมีญาติโยมจำนวนมากอุตส่าห์เดินทางมาร่วมภาวนาพระคาถาเงินล้านจนถึงวัดท่าขนุน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอันดับแรกเลย...ได้ร่วมการภาวนาพระคาถาเงินล้านในสถานที่จริงด้วยตนเอง ประการที่สองก็คือจะได้พบเจอกระผม/อาตมภาพตัวเป็น ๆ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2022 เมื่อ 02:21 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เนื่องเพราะว่ามีญาติโยมเป็นจำนวนมาก ซึ่งไปเจอกันตามงานต่าง ๆ ด้านนอก ได้บอกว่า "ไปถึงวัดแล้ว ไม่ได้เจอหลวงพ่อ" "ไปถึงวัดแล้ว ไม่ได้เจอกับพระอาจารย์" แต่ว่ามาเจอกันในงานนี้เอง ซึ่งตรงนี้ กระผม/อาตมภาพก็ไม่สามารถที่จะบอกกับท่านทั้งหลายได้ว่าอยู่วัดวันไหนบ้าง เหตุก็เพราะว่ามีงานด่วนของทางคณะสงฆ์เข้ามาอยู่เสมอ
โดยเฉพาะในระยะนี้เป็นช่วงของการประชุมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอต่าง ๆ ทั้ง ๑๓ อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี กระผม/อาตมภาพพยายามที่จะไปร่วมงานให้ได้ครบทุกอำเภอ แต่ก็ไม่เคยไปได้ครบแม้แต่ครั้งเดียว เหตุเพราะว่าจะต้องมีการติดงานสำคัญไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง ทำให้ไม่สามารถที่จะไปบรรยายถวายความรู้ให้แก่พระใหม่ที่เข้าโครงการอบรมในอำเภอนั้น ๆ จนทั่วถึงได้ อีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อถึงเวลาที่ผู้บังคับบัญชาท่านมีเวลา ก็จะนัดประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองตามลำดับไป อย่างเช่นว่า ประชุมภาค ประชุมจังหวัด ประชุมอำเภอ ประชุมตำบล ซึ่งต้องว่ากันไปตามลำดับ โดยเฉพาะการประชุมตำบลนั้น หลายท่านอาจจะคิดว่ากระผม/อาตมภาพเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ ใหญ่กว่าตำบลแล้ว ทำไมถึงยังต้องประชุมตำบลอีก ? เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในฐานะหนึ่งก็คือเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แปลว่าเป็นลูกคณะในเขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลท่าขนุนเขต ๒ เมื่อเจ้าคณะตำบลท่านเรียกประชุม เพื่อมอบนโยบายหรือถวายคำแนะนำต่าง ๆ ก็จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมประชุมในฐานะของเจ้าอาวาสในเขตนั้นด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งานด่วนทั้งหลายเหล่านี้เมื่อมีเข้ามา กระผม/อาตมภาพก็ได้บอกชัดต่อบรรดาท่านที่นิมนต์แล้วว่า ถ้ามีงานคณะสงฆ์เข้ามาในวันนั้น ก็จะ "เท" งานนิมนต์ แล้วถ้าหากว่ามีงานนิมนต์ มีงานคณะสงฆ์ แต่เป็นฎีกาหลวง ก็จะต้อง "เท" งานนิมนต์และงานคณะสงฆ์ เพื่อรับงานตามฎีกาหลวงอีกเช่นกัน ก็แปลว่าความสำคัญนั้นเป็นไปตามลำดับชั้น โดยเฉพาะไม่สามารถที่จะระบุได้ว่างานด่วนนั้นจะเข้ามาในช่วงไหนบ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2022 เมื่อ 02:29 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่จะไปหาถึงวัด ถ้าเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่สามารถที่จะรับรองได้ว่าไปแล้วจะเจอกระผม/อาตมภาพหรือไม่ ขอให้เชื่อเจ้าหน้าที่เขาเถอะว่าไม่ได้เป็นการพบยาก ไม่ได้เป็นการก่อกวน ไม่ได้เป็นการ "กวนตีน" ในความรู้สึกของบางท่าน แต่ว่าเขาบอกกับท่านอย่างแท้จริงว่าไม่สามารถที่จะรับรองได้ ให้ไปเสี่ยงดวงเอาเองก็แล้วกัน
หลังจากเสร็จสิ้นจากการภาวนาพระคาถาเงินล้าน กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้อยู่ฉันเพล เหตุเพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการหยุดยาว ถ้ามัวแต่รอฉันเพลอยู่ อาจจะรถติดสาหัสจนไปร่วมงานที่วัดอรุณราชวราราม วรมหาวิหารไม่ทัน จึงได้แต่คว้าขนมและผลไม้ชิ้นสองชิ้นขึ้นมาฉันบนรถ แล้วเดินทางฝ่ารถติดสาหัสสากรรจ์ไป จนกระทั่งถึงที่วัดอรุณราชวราราม วรมหาวิหาร เวลาประมาณบ่าย ๒ โมง ก็ถือว่าโล่งใจไปทีที่มาทันเวลา เมื่อไปถึงก็ได้กราบทักทาย ตลอดจนกระทั่งสนทนากับบรรดาหลวงปู่หลวงพ่อที่ได้รับกิจนิมนต์มาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อตี๋ วัดหูช้าง หลวงพ่ออ่าง วัดใหญ่สว่างอารมณ์ หลวงพ่อติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ เป็นต้น แม้กระทั่งรุ่นหลังสุดกู่อย่างท่านอาจารย์แจ้ วัดน้อมประชาสรรค์ ก็ยังมาร่วมวงสนทนากันด้วย จนกระทั่งได้เวลา ทางเจ้าหน้าที่ก็มานิมนต์ให้เข้าไปยังมณฑลพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลเนื่องในงานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์หลวงพ่อแจ้งจำลอง และงานเบิกเนตรรูปหล่อพญายักษ์วัดแจ้ง แต่เหตุที่ว่าการควบคุมงานนั้นไม่สำเร็จลงตามเป้าหมาย จึงทำให้รอบของกระผม/อาตมภาพนั้นต้องเลื่อนเวลาไปประมาณ ๓๐ นาที ทำให้ฝนฟ้าเริ่มพรำลงมาแล้ว แต่กระผม/อาตมภาพนั้นมั่นใจในบารมีของครูบาอาจารย์ว่าท่านสามารถอนุเคราะห์สงเคราะห์ได้ เมื่อน้อมจิตน้อมใจกราบขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ได้ กระผม/อาตมภาพก็เข้าสมาธิยาวไปเลย จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ ๑ ชั่วโมง ท่านพญายักษ์วัดแจ้งก็เตือนว่า "เลิกได้แล้วครับ จะเอาไม่อยู่แล้ว" ขอยืนยันว่า "เธอ" พูด "ครับ" กระผม/อาตมภาพจึงได้ทำน้ำมนต์ พรมรอบบริเวณพิธี โปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชาแล้วรับไทยธรรม หลังจากนั้นเมื่อขึ้นสู่ยานพาหนะ เพื่อเดินทางไปยังที่พัก ฝนฟ้าก็เริ่มลงเม็ดมาตามปกติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2022 เมื่อ 02:32 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ไม่ทราบเหมือนกันว่าในมณฑลพิธีนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่ว่าตลอดเส้นทางที่กระผม/อาตมภาพนั้นเดินทางนั้น ฝนฟ้าได้ตกลงมาไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเมื่อมาถึงกุฏิริมป่าช้า วัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี รอบบริเวณกุฏิก็ได้กลายเป็นทะเลเทียมไปเรียบร้อยแล้ว..!
ตรงจุดนี้ต้องขอยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า ในเรื่องของธรรมชาติ ลม ฟ้า ฝน ไฟ นั้น เราไม่สามารถที่จะห้ามได้ แต่ว่าขอให้เร็วขึ้น ขอให้ช้าลง ขอให้ไปซ้าย ขอให้ไปขวา ขอให้ไปบน ขอให้ไปล่างได้ แต่ถ้าหากว่าท่านตั้งใจไปห้ามเลย กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าจะได้ "รับคืน" หลายเท่าทีเดียว ก็คือถึงเวลาแล้วก็จะต้องมีการ "คิดมูลค่า" กันตามสิ่งที่เราได้กระทำไป ไม่ว่าจะหนักเบาเพียงแค่ไหน รับรองว่าได้ "รับคืน" อย่างมากมายสมกับที่เราได้ไปฝืนธรรมชาติ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ครูบาอาจารย์ท่านได้ตักเตือนเอาไว้หนักหนา และกระผม/อาตมภาพก็พยายามที่จะไม่ลืมอย่างเด็ดขาด..! แต่ว่าก็ยังมีหลวงปู่หลวงพ่อบางรูปบางท่าน ที่มั่นใจในความรู้ความสามารถของตนเอง ถึงเวลาก็ไปห้ามธรรมชาติเอาไว้เลย โดยที่ไม่ได้เข้าใจถึงเรื่องธรรมชาติว่าเป็นสิ่งที่ต้องคล้อยตาม เพียงแต่ว่าขอให้เร็วช้า หรือไปในทิศทางอื่นได้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อถึงเวลาท่านเดือดร้อนจากการกระทำของตนเอง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะโทษใครดี ? แต่กระผม/อาตมภาพนั้น เมื่อศึกษาเรียนรู้มาแล้ว ก็ไม่พยายามที่จะฝืนธรรมชาติด้วยประการทั้งปวง ต้องบอกว่าขอเอาตัวรอดแบบเท่ ๆ หล่อ ๆ ไปก่อน ไม่อยากที่จะมาเดือดร้อนด้วยการกระทำของตนเองในภายหลัง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2022 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
แม้กระทั่งบรรดาคาถาต่าง ๆ ที่ศึกษามา เพื่อห้าม ลม ฟ้า ฝน ไฟ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ใช้ ในขณะเดียวกันบางส่วนอย่างเช่นเรื่องของผีเจ้าเข้าสิง กระผม/อาตมภาพก็ไม่ไปขับไปไล่ แต่ว่าใช้วิธีเจรจากัน ถ้ามีสิ่งหนึ่งประการใดสามารถที่จะขอร้องและสามารถที่จะช่วยเหลือได้ ก็ยินดีที่จะทำให้ตามนั้น
แต่ถ้าหากว่ากันไม่รู้เรื่องจริง ๆ ในชีวิตกระผม/อาตมภาพเคยขับไล่อยู่ครั้งเดียว ก็คือผีที่มาหลอกบุคคลซึ่งอยู่ในองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เขตบ้านวังปะโท่ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือเขตตำบลห้วยเขย่ง เพราะว่าเจรจากันไม่รู้เรื่องจริง ๆ จึงได้ขีดเส้นไว้ว่าอีก ๓ ปีแล้วค่อยเข้ามาอยู่ในบริเวณนี้ แต่ว่าตอนนี้ให้ไปที่อื่นก่อน เพราะว่าทางราชการเขาขอร้องให้มาทำหน้าที่ตรงนี้ ในเมื่อเธอไม่ยอมเลิกความประพฤติ ก็ขอให้ออกพ้นพื้นที่ไป ครบ ๓ ปีเมื่อไร แล้วค่อยกลับมาตามเดิม ก็แปลว่าในชีวิตของกระผม/อาตมภาพนั้น ได้สร้างเวรสร้างกรรมกับผีเอาไว้เหมือนกัน ก็คือไปขีดวงห้ามเขาเข้าสู่บริเวณนั้นถึง ๓ ปีด้วยกัน หลังจากนั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรมว่าใครมาทีหลังก็เดือดร้อนกันไปตามเวรตามกรรมที่ตนได้สร้างเอาไว้ สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวกับญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2022 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|