กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-07-2021, 20:25
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,065 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 30-07-2021, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ นอกจากวุ่นวายกับโรงพยาบาลสนาม และการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ แล้ว ส่วนหนึ่งที่พระเณรของเรา หรือว่าญาติโยมทางบ้านอาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ ก็คือสั่งให้สามเณรสึกไป ๒ รูป

ถ้าหากว่าทุกท่านโดยเฉพาะพระสังเกตจะเห็นว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสมอ จะไม่รอให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต จนกระทั่งแก้ไขได้ยากแล้วค่อยมาจัดการ ซึ่งเรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมองการณ์ไกล หรือว่ามองภาพรวมของพระพุทธศาสนาก็จะเข้าใจ

เนื่องเพราะว่าสามเณรอายุ ๑๘ ปี และ ๑๙ ปีแล้ว อายุขนาดนี้ แม้กระทั่งกฎหมายก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ เพราะว่าอนุญาตให้เลือกตั้งได้ ต้องรู้คิดว่าอะไรควร อะไรไม่ควร แต่คราวนี้บวชเป็นสามเณรมา แล้วก็ทำตัวตามสบายเหมือนฆราวาส การสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน ไม่สนใจ เรื่องนอนเรื่องกินนั้นสำคัญกว่า

อันดับแรกเลยก็คือ ทำให้เสียระเบียบ และอาจจะเป็นที่เลียนแบบทำตามของคนอื่น คือถ้ากระผม/อาตมภาพไม่จัดการไป บรรดาพระใหม่ที่เพิ่งบวชไม่นาน แล้วก็คิดสั้น เห็นว่าทำแบบนั้นแล้วสบาย เกิดเลียนแบบทำตามบ้าง ความเป็นวัดก็พังบรรลัยหมด

ประการที่สอง สำคัญยิ่งกว่านั้นอีก สามเณรคือเชื้อสายของสมณะ เป็นปูชนียบุคคลที่ชาวบ้านเขาเคารพนับถือ ถ้าไม่ทำตัวสมกับที่เขาเคารพนับถือ ตายไปเมื่อไร จะรู้ว่าโทษหนักแค่ไหน..!

ประการต่อไปก็คือ เรื่องแบบนี้จะหวังให้พ่อแม่อบรมลูกให้เปลี่ยนแปลงจริตนิสัยนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าอายุ ๑๘ - ๑๙ ปีนี่ฝังรากลึก กลายเป็นไม้แก่ดัดไม่ได้ไปแล้ว ต้องโทษว่าเป็นความผิดของพ่อแม่ด้วยที่เลี้ยงลูกแบบ "พ่อแม่รังแกฉัน" ก็คือประเคนความสะดวกสบายทุกอย่างให้ลูก โดยที่ไม่ได้คิดว่าถ้าตนเองปุบปับตายไป แล้วลูกจะอยู่อย่างไร ? เพราะว่า
นอกจากกินกับนอนแล้ว ก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเดียว..!

ดังนั้น...ถ้าหากว่าให้อยู่ต่อไป มีแต่โทษเกิดขึ้นมากกว่า อย่าลืมว่าสามเณรมีศีลมากกว่าฆราวาสทั่วไป ในเมื่อลงทุนด้วยต้นทุนที่สูงกว่า ถ้าขาดทุนก็ขาดทุนมากกว่า อยู่ต่อไปวันหนึ่งก็ขาดทุนวันหนึ่ง อยู่ต่อไปวันหนึ่ง โทษก็หนักขึ้นวันหนึ่ง ผมจึงต้องให้สึกตั้งแต่เนิ่น ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2021 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-07-2021, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนที่สามเณรว่ายังบวชไม่ครบตามที่พ่อแม่ตั้งใจไว้ ไอ้นั่นเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของอาตมา ปัญหาของที่นี่ก็คือเสียระเบียบวัด ญาติโยมเห็นก็เสื่อมศรัทธา อยู่ต่อไปก็เกิดโทษใหญ่แก่ตนเอง ส่วนปัญหาที่จะบวชอีกกี่วันนั้น เป็นปัญหาของเณร ไม่ใช่เป็นปัญหาของวัด ไปแก้ไขกันเอาเอง ส่วนเรื่องที่จะมาต่อรองขออยู่ต่อ ไม่ต้องคิดถึง ผมไม่เคยให้อะไรที่สร้างความเสียหายกับส่วนรวมต้องมาต่อรองกันสักครั้งเดียว..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรู้ว่า ผมอยู่แค่ชั้น ป.๒ ผมก็ทำงานทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว หุงข้าว ทำกับข้าว ซักผ้า รีดผ้า เพราะว่าต้องการแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เนื่องจากว่าพ่อแม่ทำงานหนักมาก มีลูกตั้ง ๑๓ คน แม้ว่าจะตายตั้งแต่ตอนเด็ก ๑ คน เหลือแค่ ๑๒ คน การหาเลี้ยงปากท้อง ๑๐ กว่าปากไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าพ่อแม่จะกลับบ้านมาก็ ๓ ทุ่ม ๔ ทุ่ม ซึ่งพวกผมที่เป็นเด็กนอนสลบไสลไปนานแล้ว ตี ๒ ตี ๓ ท่านออกไปอีกแล้ว พวกผมตื่นขึ้นมา..ไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่เลย..!

แล้วสิ่งที่พ่อแม่จะมาจ้ำจี้จ้ำไชสอนนั้น..ท่านไม่มีเวลา จึงขึ้นอยู่กับจิตสำนึก เราต้องรู้คิดด้วยตนเองว่าพ่อแม่เหนื่อยยากเพราะเราขนาดนี้ เราควรที่จะทำอย่างไรเพื่อทดแทนท่านบ้าง ? ผมก็เลยกลายเป็นเด็กที่ต้องเรียนเก่งโดยอัตโนมัติ เพราะว่าความเหนื่อยยากทั้งปวงของพ่อแม่นั้น ทันทีที่รู้ว่าลูกสอบได้ที่ ๑ เหมือนกับว่าท่านหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เห็นรอยยิ้มของท่านแล้ว ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทุ่มเทกับการเรียนนั้นไม่เสียเปล่า

อย่าลืมว่าผมอยู่ชั้น ป.๒ แม้ว่าสมัยนั้นจะเรียนกันตอน ๗ ขวบ ๘ ขวบ อยู่ชั้น ป. ๒ เต็มที่ก็ไม่เกิน ๑๐ ขวบ แล้วเณรทั้งสอง อายุ ๑๘ ปี กับ ๑๙ ปีแล้ว ไม่เคยคิดบ้างหรือว่า กว่าพ่อแม่จะเลี้ยงตนเองโตมาขนาดนั้น ท่านลำบากแค่ไหน ? แค่จะทำให้พ่อแม่ไว้วางใจด้วยการบวช และปฏิบัติตามระเบียบของวัด ตามศีลของเณร แค่นี้ทำไม่ได้ แล้วคิดว่าอนาคตจะมีไหม..!?

เพราะฉะนั้น..การที่ให้สึกไปไม่ใช่แค่ทางออกที่ดีที่สุด แต่ให้รู้ด้วยว่า ถ้าคุณอยู่ต่อไปในสังคม แล้วทำอะไรที่ไม่เหมือนเขา จะอ้างความสบายส่วนตัวที่พ่อแม่ให้มาไม่ได้ สังคมจะปฏิเสธคุณ ก็ได้แต่หวังว่าการโดนปฏิเสธจากวัดในครั้งนี้ ถ้าพอมีสมองอยู่บ้าง สามเณรจะต้องรู้จักคิดแล้ว ว่าถ้าไปทำที่อื่น ไม่ใช่ที่วัด ตนเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-07-2021 เมื่อ 07:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 30-07-2021, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะยุคสมัยของคนกินคนอย่างในปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่าคนเราส่วนหนึ่งแย่กว่าสัตว์เดรัจฉานอีก กฎเกณฑ์ของสัตว์เดรัจฉานก็คือ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะได้ครอบครองทรัพยากร โดยเฉพาะอาหาร แต่ก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนผู้ที่อ่อนแอกว่ามากไปกว่านั้น ผู้ที่อ่อนแอกว่าต้องไปหาทางเอาตัวรอดเอง

แต่สังคมปัจจุบันของเราเป็นสังคมของคนกินคน ที่บอกว่าร้ายกว่าสัตว์เดรัจฉาน ก็เพราะว่าถ้าคุณอ่อนแอแพ้พ่ายจะกลายเป็นเหยื่อเขาตลอดไป ไม่ใช่แค่ออกห่างจากผู้แข็งแรงแล้วจบ แต่คุณจะไม่มีที่ยืนในสังคม

พ่อแม่คนไหนที่เลี้ยงลูกในลักษณะแบบนี้ ขอให้คิดเสียใหม่ คิดโดยตรรกะธรรมดาว่า เราแก่กว่า เราต้องตายก่อนแน่ ถ้าหากว่าเราตายแล้วลูกไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ด้วยตนเอง นอกจากรอพึ่งพ่อแม่ ลูกจะต้องยากลำบากขนาดไหน ?

จำไว้ว่าเลี้ยงลูก ถ้ารักลูก โบราณบอกชัดแล้ว รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ถ้ามือหนึ่งถือขนม มือหนึ่งต้องมีไม้เรียว ไม่ใช่ยื่นแต่ขนมให้ตลอดเวลา แต่ไม้เรียวไม่มี ทุกวันนี้ถึงได้กลายเป็นลูกเทวดากันหมด

พอเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาในสังคม ก็ออกมาพูดว่า "ลูกฉันเป็นคนดี" การเป็นคนดีในสายตาของพ่อแม่ กับคนดีในสังคม เป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพราะโบราณบอกชัดแล้วว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" ด้วยความที่รักลูก พ่อแม่ก็เลยตาบอด มองข้ามความบกพร่องของลูกไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2021 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 30-07-2021, 21:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในยุคสมัยที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก จึงเลี้ยงลูกด้วยเงิน ทุ่มเทความสะดวกสบายทุกอย่างให้ กลายเป็นเท้าไม่แตะพื้น เกิดอะไรตูมตามขึ้นมา อย่างเช่นว่าแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิถล่ม ต้องพลัดจากครอบครัวเมื่อไร จะตายอย่างทุเรศมาก เพราะว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเดียว

ถ้ารักลูกจริง ต้องให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองให้ได้ตั้งแต่เล็ก ลำบากก่อนแล้วจะสบายเมื่อปลายมือ ทำอย่างนี้ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นความรักที่แท้จริง เป็นผู้ที่ไม่ประมาทต่อชีวิต ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะเกิดเรื่องของ "พ่อแม่รังแกฉัน" ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น แล้วเราเองนั่นแหละที่จะสร้างปัญหาให้แก่สังคม เพราะว่าเลี้ยงลูกในทางที่ผิด

เพราะฉะนั้น...ในเรื่องที่พระเณรของเรา บางทีไม่เห็นความสำคัญ คิดว่าธรรมดาของเด็กต้องเป็นอย่างนั้น แต่เรื่องนี้ไม่ได้ ขณะเดียวกันญาติโยมอาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ เด็กต้องมีดื้อบ้าง ซนบ้าง ขอบอกว่านี่ไม่ใช่เด็กทั่วไป แต่เป็นสามเณรและอายุ ๑๘ - ๑๙ ปีแล้ว จึงต้องจัดการ โดยที่ไม่ได้สนใจว่าญาติโยมจะคิดอย่างไร เพราะว่าอาตมภาพเห็นแก่พระพุทธศาสนาและส่วนรวมมากกว่า

จึงขอเรียนถวายแนวทางไว้ให้แก่พระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งเจริญพรให้แก่ญาติโยมได้ทราบเอาไว้ว่า ใครจะนำลูกหลานมาบวชที่วัดนี้ ต้องพร้อมโดนจับสึก หรือไล่ออกจากวัดได้ทุกเวลาด้วย..! ขอเจริญพร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2021 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว