กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-05-2023, 18:16
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,632
ได้ให้อนุโมทนา: 216,506
ได้รับอนุโมทนา 741,817 ครั้ง ใน 36,131 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-05-2023, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,853 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ แต่เช้ากระผม/อาตมภาพก็ต้องทำบวงสรวง เพื่อขออนุญาตสร้างป้ายหน้าวัด ให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน หลังจากนั้นก็ได้นำญาติโยมภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชนันทมุนี (ไสว สุขวโร ป.ธ.๔) เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี ที่มาเป็นประธานในงานครั้งนี้ เดินทางต่อไปยังวัดหนองโพธิ์ ตำบลดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อที่จะทำการปลุกเสกวัตถุมงคล

หลังจากนั้นก็วิ่งต่อไปยังวัดลูกแก ตำบลดอนขมิ้น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมรดน้ำศพและร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพคุณพ่อจรูญ กริ่งกาญจนา โยมพ่อของพระครูสุพัฒนกาญจนกิจ, ดร. เจ้าอาวาสวัดดอนขมิ้น เจ้าคณะตำบลดอนขมิ้น ที่เสียชีวิตด้วยอายุ ๙๐ ปี แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ วันนี้ไม่ขอกล่าวถึง

ส่วนที่จะกล่าวถึงก็คือ ญาติโยมที่มาสอบถามว่า "กระผม/อาตมภาพมีความเห็นอย่างไร ที่มีบุคคลเสนอแนวคิดว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ เพราะว่าเราเกิดมาก็ด้วยอำนาจของกามารมณ์ที่พ่อแม่มีต่อกันเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูบุตร บุตรธิดาไม่จำเป็นที่จะต้องสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่เลย เพราะว่าพ่อแม่ต้องทำตามหน้าที่ ?"

กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ถอนใจว่า คนเราช่างเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ไกลขนาดนั้น..! กระผม/อาตมภาพอยากจะสอบถามกลับไปว่า "ถ้าหากว่าพ่อแม่ทำตามหน้าที่ หน้าที่นั้นย่อมมีเวลาสิ้นสุดลง ถ้าหากว่าหน้าที่ของพ่อแม่สิ้นสุดลงจริง ๆ แล้ว ท่านทั้งหลายจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ?"

กระผม/อาตมภาพเวลาอบรมค่ายพุทธบุตร โดยเฉพาะเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา มักจะตั้งคำถามว่า "พวกท่านมักจะคิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าคิดว่าท่านทั้งหลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าตอนนี้
ปุบปับพ่อแม่ตายลงไปในฉับพลันทันที ใครคิดว่าสามารถเอาตัวรอดได้บ้าง ?"

ปรากฏว่านักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๔ ถึงปีที่ ๖ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คืออายุ ๑๖ , ๑๗ และ ๑๘ ปี ไม่มีใครยกมือรับคำเลยว่าสามารถเอาตัวรอดได้แม้แต่คนเดียว และแม้แต่ครั้งเดียว หลายสิบปีที่อบรมค่ายพุทธบุตรมา ยังไม่เจอเด็กคนไหนที่รับรองว่า ถ้าสิ้นพ่อแม่ลงไปทันทีทันใดในช่วงอายุเท่านี้ แล้วจะสามารถเอาตัวรอดได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2023 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-05-2023, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,853 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพอยากจะยกตัวอย่าง สมมติว่าเป็นเสือโคร่ง เสือโคร่งจะเลี้ยงลูกประมาณ ๒ ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะขับไล่ลูกให้ไปหากินเอง เพราะว่าในระหว่าง ๒ ปีนั้น ได้สอนวิธีการล่าทุกประการให้หมดแล้ว ถ้าหากว่าลูกตัวไหนดื้อ ก็จะโดนกัด โดนทำร้าย จนอาจจะถึงตายไปเลย..! เสือโคร่งมีอายุเฉลี่ยประมาณ ๑๕ ปี เลี้ยงลูกประมาณ ๒ ปี คนเราปัจจุบันนี้อายุขัยอยู่ที่ ๗๔ ปีเศษ กระผม/อาตมภาพให้ ๗๕ ปีเลย เพื่อที่จะได้คิดง่ายขึ้น

ถ้าเฉลี่ยว่า ๑๕ ปี เสือโคร่งเลี้ยงลูก ๒ ปี คนเราถ้าเลี้ยงลูกแบบเสือโคร่ง เราก็เลี้ยงลูกประมาณ ๑๐ ปี ถ้าหากว่าเด็กอายุ ๑๐ ปี ก็แปลว่าท่านทั้งหลายเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๔ หรือว่าเพิ่งจบชั้นประถมปีที่ ๔ เท่านั้น "มีใครสามารถรับรองได้บ้างว่า ถ้าพ่อแม่ไล่ท่านออกจากบ้านตอนอายุ ๑๐ ขวบ แล้วท่านสามารถเอาตัวรอดได้ เพราะว่าพ่อแม่หมดหน้าที่ของตนเองแล้ว..!?"

แนวคิดแบบนี้ ช่วงที่กระผม/อาตมภาพยังเป็นวัยรุ่น จนกระทั่งถึงรุ่นหนุ่ม เป็นแนวคิดที่บรรดาคอมมิวนิสต์เอามาล้างสมองคนไทยมาโดยตลอด ก็คือทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ทุกคนต้องเสมอภาคกัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใช้การไม่ได้ เพราะว่าคนเรานั้นสร้างบุญสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน จะให้เสมอภาคกันนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยทั้งในทางปฏิบัติและความเป็นจริง ก็ไม่นึกว่าจนป่านนี้แล้วยังมีคนที่มีแนวคิดแบบนี้อยู่อีก..!

ลักษณะของแนวคิดแบบนี้นั้น ปัจจุบันต่างประเทศที่เราว่าเจริญแล้วอย่างยุโรป หรือว่าอเมริกา มักจะทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ หรือว่าคนแก่ขาดที่พึ่ง เพราะว่าลูกหลานไม่ช่วยดูแล จึงต้องไปเข้าสถานสงเคราะห์คนชราของทางรัฐบาล อยู่อย่างเหงา ๆ ตายอย่างเหงา ๆ ไม่มีลูกไม่มีหลานคอยดูแลให้ คนแก่ทางยุโรปและอเมริกา เมื่อได้คนไทยไปเป็นเขยหรือเป็นสะใภ้ จึงมักจะรัก จะหลงลูกเขย หรือลูกสะใภ้คนไทยเป็นอย่างมาก เพราะพวกเราเคยชินกับการดูแลคนแก่ตามหน้าที่

จะว่าไปแล้ว แนวคิดของบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ตาม ถ้าหากว่าไม่สอดคล้องกับแนวคิด หรือคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่คนไทยยึดถือเป็นศาสนาหลักเกินกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ถือว่ามีความเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็คือเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะทุกข์ยากเพราะแนวคิดของตนเองก็มีอยู่มาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2023 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-05-2023, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,853 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวถึงหน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูกไว้ในเรื่องทิศทั้ง ๖ อยู่ในสิงคาลกสูตร ก็คือกล่าวว่าพ่อแม่มีหน้าที่คือ

ข้อที่ ๑ ห้ามปราม ป้องกันลูกจากความชั่ว ไม่เช่นนั้นแล้วความชั่วต่าง ๆ ก็จะเอาเราไปกินเสียก่อน ถ้าชาติปัจจุบันไม่ติดคุกติดตาราง อนาคตก็จะต้องตกสู่อบายภูมิ..!

ข้อที่ ๒ สั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความดี ความดีในที่นี้คือเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา และหลักธรรมความกตัญญูต่าง ๆ เป็นต้น

ข้อที่ ๓ ให้การศึกษาศิลปวิทยาการ เพื่อให้มีความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว

ข้อที่ ๔ เมื่อถึงวาระที่สมควร ก็หาคู่ครองที่เหมาะสมให้

และข้อที่ ๕ มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงเวลาอันควร

นี่คือหน้าที่ที่ถูกต้องอย่างแท้จริงของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ส่วนหน้าที่ของคนเป็นลูกนั้น พระองค์ท่านกล่าวว่า

ข้อที่ ๑ พ่อแม่เลี้ยงเรามา เราต้องเลี้ยงท่านตอบ นี่เป็นจิตสำนึกที่ทำให้ท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน..! องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เสวยพระชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน อย่างเช่นสมัยเป็นนกแขกเต้าก็ดี เป็นช้างก็ดี ยังมีความกตัญญูกตเวที เลี้ยงพ่อแม่ที่แก่ชราและตาบอดของตน เราเองถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติเช่นนั้น ก็แปลว่า มีความเป็นสัตว์เดรัจฉานมากกว่าความเป็นคน และยังสู้สัตว์เดรัจฉานบางตัวบางตนก็ไม่ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2023 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-05-2023, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,853 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อที่ ๒ ช่วยทำกิจการงานธุระของท่าน ก็คือพ่อแม่มีแต่แก่ลงไปทุกวัน ถึงเวลาเราก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของท่านบ้าง

ข้อที่ ๓ ดำรงวงศ์สกุลไว้ไม่ให้เสียหาย ก็คือเรามีหน้าที่ต้องรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล อย่าให้คนมาตำหนิว่าร้ายได้ ว่าครอบครัวนี้มีแต่ลูกอกตัญญู ครอบครัวนี้ไม่รู้จักดูแลพ่อแม่ตามหน้าที่..!

ข้อที่ ๔ ต้องประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท คำว่า ทายาท ในที่นี้ก็คือผู้ที่สมควรจะได้รับมรดก ถ้าเราประพฤติตนแบบสัตว์เดรัจฉาน ไม่เห็นบุญคุณ ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ คาดว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากมอบมรดกให้ ต่างประเทศจึงมีคนแก่ยกมรดกให้หมา ยกมรดกให้มูลนิธิการกุศล เป็นต้น บ้านเมืองที่ศิวิไลซ์ในลักษณะอย่างนั้น ท่านยังต้องการอยู่หรือ ?

ข้อสุดท้าย เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

นี่คือสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่อย่างแท้จริง เป็นหน้าที่ของลูกที่ปฏิบัติต่อพ่อแม่อย่างแท้จริง

ท่านทั้งหลายได้ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์แล้ว เราจะเอาเยี่ยงอย่างสัตว์เดรัจฉาน ไม่รู้จักสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ ไม่รู้จักเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อแก่ชรา ไปเอาแนวคิดว่าตนเองเกิดมาด้วยอำนาจของกามารมณ์เท่านั้น ก็แปลว่าท่านทั้งหลายไม่ได้ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานเลย..! อย่างบาลีที่ว่า

อาหาระนิททัง ภะยะเมถุนัญจะ สามัญญะเปตัปปะสุภีนะรานัง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2023 เมื่อ 01:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 21-05-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,853 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาหาระ คืออาหาร คือการกิน

นิททัง คือการนอน

ภะยะ คือ การกลัวภัย การรู้จักหลบหลีกอันตราย

เมถุนะ คือการเสพกาม เพื่อสืบต่อพืชพันธุ์

สามัญญะ ก็คือความเสมอกัน เป็นธรรมดา

เปตัปปะสุภีนะรานัง

ปะสุ คือ สัตว์

นะรานัง คือ คนทั้งหลาย

ดังนั้น..การกิน การนอน การหนีภัย การเสพกาม เป็นสิ่งที่เหมือนกันของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย

ธัมโมหิ เตสัง อะธิโก วิเสโส ธรรมเท่านั้นจึงทำให้เราต่างกันไป

ธัมเมนะ วีณา ปะสุภิสสะมานา ธรรมเท่านั้นที่จะจำแนกคนออกจากสัตว์ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2023 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 21-05-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,853 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพถ้ามีโอกาสจะเรียนถามท่านทั้งหลายว่า "ท่านเป็นคนอยู่ดี ๆ แล้วทำไมถึงเอาความเป็นสัตว์เข้ามาครอบครอง กาย วาจา ใจ ของตน ? ท่านมีความแตกต่างจากสัตว์ เพราะว่ามีความกตัญญู รู้คุณ ทำไมท่านถึงสลัดทิ้งความเป็นคน เพื่อกลายเป็นสัตว์ไปเต็มตัวอย่างนั้น ?"

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ขอฝากเป็นข้อคิด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองก็ดี จะเป็นบุคคลที่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวก็ตาม อยากจะให้ท่านทั้งหลายไตร่ตรองให้มาก ๆ
ประเทศชาติบ้านเมืองของเรายังน่าอยู่ เพราะเรามีหลักธรรมขององค์สมเด็จพระบรมครูบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า คอยกำกับแนวทางการประพฤติปฏิบัติของเรา

ถ้าเราจะสลัดสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทิ้งไป นำเอาความเป็นสัตว์เดรัจฉานเข้ามา ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านทั้งหลายอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่า แต่กลับกระโจนลงไปสู่ภพภูมิที่ต่ำกว่าด้วยความเต็มใจ
ถ้าอย่างนั้น กระผม/อาตมภาพและบุคคลทั้งหลายซึ่งเห็นดีเห็นงามตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คงจะได้แต่ปลงอนิจจัง ได้แต่แผ่เมตตา หวังว่าสักวันหนึ่งท่านทั้งหลายจักได้มีดวงตาเห็นธรรมกับผู้อื่นเขาบ้าง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2023 เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:36



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว