กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-04-2022, 23:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,827 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๕


__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-04-2022, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,827 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของวันมหาสงกรานต์ ซึ่งทางวัดท่าขนุนทำมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ก็คือจะมีการบังสุกุลอัฐิ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หลังจากนั้นก็มีการเพิ่มในส่วนของการสะเดาะเคราะห์ขึ้นมา

ญาติโยมทั้งหลายต้องเข้าใจว่า คำว่า เคราะห์ คือกรรมเก่าที่เราได้สร้างไว้ในอดีต โดยเฉพาะเศษกรรมจากการละเมิดศีล ๕ กรรมในการละเมิดศีล ๕ นั้น ส่วนใหญ่เราชดใช้ในอบายภูมิมาแล้ว พอมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เหลือในส่วนของเศษกรรม นับไปแล้วก็เหมือนกับเขาตามเก็บดอกเบี้ย ที่จะตามมาทวงพวกเราก็คือเศษกรรมเหล่านี้

คราวนี้การทำสะเดาะเคราะห์นั้น เราต้องเข้าใจว่า คำว่า สะเดาะ คือทำให้หลุดไป ซึ่งไม่มีวิธีไหนที่ทำให้กรรมดีหรือกรรมชั่วหลุดไปจากเราได้ แต่ว่าในส่วนที่เราทำนั้นก็คือ ในเมื่อมีกรรมชั่วอยู่ เราก็สร้างกรรมดีขึ้นมาบ่อย ๆ

ถ้าเปรียบกรรมชั่วเหมือนกับน้ำเกลือ เราเอากรรมดีที่เหมือนกับน้ำจืดเติมลงไปเรื่อย ๆ น้ำเกลือไม่ได้ไปไหน แต่ถ้าเติมน้ำจืดได้มากพอ น้ำเกลือก็ไม่สามารถจะแสดงรสเค็มออกมาได้ ดังนั้น...ในเรื่องของการทำความดีหนีความชั่วจึงเป็นเรื่องของเหตุและผลตามปกติ เพียงแต่คนที่เข้าใจเหตุผลอย่างชัดเจน แล้วสามารถชี้แจงต่อคนอื่นก็มีน้อย

การที่เราจะสะเดาะเคราะห์นั้น หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ ท่านแนะนำไว้หลายประการด้วยกัน

วิธีแรกเลยก็คือปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยตนเอง ก็แปลว่าถ้าหากว่าเราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างจริง ๆ จัง ๆ ท่านบอกว่าอาศัยบุญใหญ่ที่เราปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น เคราะห์กรรมต่าง ๆ จะตามมาได้ไม่เกิน ๒๕ เปอร์เซ็นต์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2022 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-04-2022, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,827 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วิธีการต่อไปก็คือให้ถวายสังฆทาน หมายถึงถวายสิ่งหนึ่งประการใด จะมีคุณค่ามากหรือคุณค่าน้อยตามกำลังที่เราหาได้ ที่เรามีได้ ให้แก่สงฆ์ ๔ รูปขึ้นไป นับว่าเป็นสังฆทาน ไม่ว่าจะเป็นขนมชิ้นหนึ่ง น้ำแก้วหนึ่ง ถ้าเห็นพระท่านฉันอยู่ ๔ รูป ถวายเข้าไปตรงกลางก็ถือเป็นสังฆทานไปเลย

อานิสงส์ของสังฆทานนั้น มีมากกว่าทานปกติเป็นแสนเท่า เพราะว่าเป็นทานค้ำจุนพระพุทธศาสนา เนื่องจากว่าถ้าให้เลือกได้ ญาติโยมทั้งหลายก็เลือกที่จะทำบุญกับพระดีที่ท่านไว้ใจได้ ถ้าหากว่าอย่างช่วงที่ผ่านมา ทุกคนก็อยากทำบุญกับหลวงพ่อคูณ ถ้าเป็นไปในลักษณะอย่างนั้น ปัจจัย เครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ก็จะไปตกอยู่ในจุดเดียว พระหนุ่มเณรน้อยอื่นก็มีหวังได้อดตายกันแน่..!

แต่ถ้าเราถวายเป็นสังฆทาน คำว่า สังฆะ คือหมู่สงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ผู้ใดมาอยู่ในที่นั้นถือว่ามีส่วนในทานนั้นทั้งหมด ในเมื่อพระหนุ่มเณรน้อยทั่วไปมีกินมีใช้ สามารถดำรงรักษาขันธ์นี้เอาไว้ได้ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมจนเกิดมรรคเกิดผล นำไปสั่งสอนให้ญาติโยมทั้งหลายให้ปฏิบัติได้ถูกต้องต่อไป ก็จะยังพระพุทธศาสนาของเราให้เจริญรุ่งเรือง

สังฆทานจึงเป็นทานค้ำจุนพระพุทธศาสนา มีผลานิสงส์ยิ่งใหญ่กว่าทานปกติเป็นแสนเท่า เมื่อเราสร้างความดีใหญ่ขนาดนี้ ก็ย่อมทำให้หนีกรรมชั่ว ห่างออกไปได้อย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง

วิธีการต่อไปก็คือ ท่านให้ปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่า ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าท่านมีอุปฆาตกรรมที่เป็นเศษกรรมปาณาติบาตเข้ามาตัดรอนชีวิต ถ้าเราปล่อยให้เขารอดชีวิต เท่ากับเราต่ออายุของตัวเอง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่มีอุปฆาตกรรมตรงนี้มา การปล่อยให้เขารอดชีวิต ให้เขามีความสุข มีความสะดวกสบาย ถ้าผลบุญนี้มาสนองเมื่อไร ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็จะสะดวกคล่องตัวไปหมด

วิธีการต่อไป ท่านให้ทำบังสุกุลตาย บังสุกุลเป็น ซึ่งความจริงก็คือการระลึกถึงมรณานุสติ คือรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย

ดังนั้น...เราจึงไม่ควรประมาท ต้องเร่งทำความดีให้มากเข้าไว้ เพื่อหนทางแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของเรา จะได้สั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ หรือถ้าสามารถเดินจนสุดทาง หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้เลยก็ยิ่งดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2022 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-04-2022, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,827 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วิธีการสุดท้าย ท่านบอกว่าให้จัดงานศพตัวเอง ก็คือทำเหมือนกับว่าเราได้ตายไปแล้ว จัดงานศพให้แก่ตัวเอง นิมนต์พระมาสวดพระอภิธรรม มารับสังฆทาน ทำบุญอุทิศส่วนกุศล บางทีผีก็โง่กว่าที่เราคิด เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเขาตรงไปตรงมา ในเมื่อบอกว่าบุคคลนี้ตายไปแล้ว เขาก็เลิกติดตาม เลิกมาทวง

แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเล่าให้พวกเราส่วนใหญ่ฟังไปว่า ที่เขาจะมาเอาเด็กคนหนึ่งอายุ ๑๘ ปี กระผม/อาตมภาพก็เลยเขียนเลข ๑๐ กับ เลข ๘ ต่อกันให้เขาดู (๑๐๘) บอก "นี่..อายุ ๑๘ ต้องเท่านี้" แล้วผีเขาก็ดันเชื่อ ปล่อยให้เด็กคนนั้นรอดไปได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องอยู่จนแก่หงำเหงือกหรือเปล่า !!?

วิธีการทั้งหลายเหล่านี้ วันนี้เราจะเอามาประยุกต์เข้าด้วยกัน ก็คือจะมีการเขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด ใส่ไว้ในโลง สวดพระอภิธรรม มีการบังสุกุลตาย แล้วก็บังสุกุลเป็น เท่ากับว่าญาติโยมทั้งหลายได้ทำการสะเดาะเคราะห์ใหญ่ ด้วยการตั้งจิตตั้งใจฟังในพระอภิธรรม ๗ บท ซึ่งเป็นหลักธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเทศน์แล้ว มีผู้บรรลุมรรคผลมากที่สุด คือพรหมเทวดาที่ฟังพระอภิธรรม ๗ บท บรรลุมรรคผลไป ๘๐ โกฏิ..!

สมัยก่อนพระอภิธรรม ๗ บทนั้น ใช้ในงานมงคลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญบ้าน ขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน โกนจุก บวชนาค แต่มาในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการนำมาสวดถวายในงานพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งสวรรคตด้วยเหตุเรือพระประเทียบล่ม ก็เลยทำให้เกิดภาพจำของคนส่วนใหญ่ว่าพระอภิธรรมใช้งานศพ แล้วก็ยึดถือกันสืบ ๆ มา

สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนแก่พวกเรานั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่วิเศษทั้งหมด ถ้าเราเคารพเลื่อมใสจริง ๆ เข้าถึงเหตุถึงผลจริง ๆ จะรู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีผลานุภาพยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่กรรมชั่วใด ๆ จะตามติดได้ เปรียบเสมือนกับแสงสว่าง ซึ่งเป็นข้าศึกของความมืด คือกรรมชั่วทั้งหลายโดยตรง เมื่อแสงสว่างปรากฏขึ้น ความมืดก็ย่อมสลายไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2022 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-04-2022, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,827 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงสอนให้บรรดาสาวกทั้งหลายยอมรับกฎของกรรม เพราะว่าถ้าท่านไม่ยอมรับกฎของกรรม ก็ไม่สามารถเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้ ตรงนี้ก็เลยทำให้พวกเราไม่ได้ใช้พลานุภาพของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อานุภาพของศีล สมาธิ ปัญญา และอานุภาพต่าง ๆ ที่มีอ้างไว้ในมงคลจักรวาลน้อยหรือว่ามงคลจักรวาลใหญ่ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเรายอมรับกฎของกรรม

แต่ว่าวันนี้ สิ่งที่เราทั้งหลายทำก็คือ การที่จะมาเจริญพระกรรมฐาน อันดับแรกเลย เห็นพระประธาน คือเจริญในพุทธานุสติ

อันดับที่สอง เห็นพระสงฆ์ คือเจริญในสังฆานุสติ

เราทั้งหลายได้รับศีล ๘ ไปแล้วและตั้งหน้าตั้งตารักษา แปลว่าเราเจริญในสีลานุสติ

แล้วเราจะได้ฟังพระอภิธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือธัมมานุสติ

ระลึกว่าเราจะถึงแก่ความตายเป็นมั่นคง แปลว่าเราปฏิบัติในมรณานุสติ ตั้งใจว่าถ้าตายลงไป เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว เป็นอุปสมานุสติ

เราจะสร้างบุญใหญ่มโหฬารหลายต่อหลายประการด้วยกัน ในพิธีการสวดบังสุกุลอัฐิและสะเดาะเคราะห์ในวันนี้ ดังนั้น...สิ่งที่เราทำจึงมีบุญมหาศาล ประกอบกับท่านทั้งหลายก็ยังมีการทำบุญเป็นทานบารมีอีกต่างหาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2022 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 15-04-2022, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,827 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อรวมกันขึ้นมาแล้ว ก็ย่อมมีกำลังที่สูงพอ พาให้เราหนีห่างจากเคราะห์กรรมที่พยายามจะตามทวงอยู่ ก็แปลว่าสามารถรอดพ้นไปได้ชั่วขณะหนึ่ง จะกี่เดือนกี่ปี ก็แล้วแต่เวรกรรมที่เราสร้างไว้มากน้อยเท่าไร

ถ้าเรายังเป็นผู้ไม่ประมาท กระทำความดีเหล่านี้ให้ต่อเนื่องไปได้ เราก็สามารถหนีห่างจากเคราะห์กรรมไปเรื่อย จนกระทั่งเราสร้างความดีท่วมท้นล้นกรรมชั่ว เหมือนกับเติมน้ำจืดลงไปจนน้ำเค็มไม่มีรสแล้ว

ท้ายสุดถ้าเราสามารถทรงกำลังใจของเรา ในลักษณะรู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ไม่เกาะร่างกายตนเอง ไม่เกาะร่างกายคนอื่น ไม่เกาะวัตถุธาตุสิ่งของใด ๆ และไม่เกาะในโลกนี้อีก เราก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

ดังนั้น...ท่านทั้งหลายจงตั้งจิตตั้งใจด้วยความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัย ตั้งใจน้อมจิตน้อมใจฟังพระอภิธรรมที่พระสงฆ์หมู่ใหญ่จะทำการสาธยายมา ต่อให้ฟังไม่เข้าใจก็ให้รู้ว่านั่นเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอาใจจดจ่ออยู่ที่เสียงสาธยายธรรมนั้น แล้วปฏิบัติตามเสียงที่อาตมาจะบอกกล่าวเป็นระยะไป เพื่อที่ช่วยให้ท่านทั้งหลายสร้างเหตุที่สมควร จะได้มีผล คือหลุดพ้นจากเคราะห์กรรมได้ชั่วคราว

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านหันหน้าเข้าหาหมู่สงฆ์ ตั้งอกตั้งใจฟังพระอภิธรรม ๗ บท ต่อด้วยมาติกา หลังจากนั้นจะบอกว่าให้วางกำลังใจอย่างไร ตอนพระท่านทำบังสุกุล..นิมนต์พระสวดพระอภิธรรมได้เลยครับ


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2022 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว