กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-04-2022, 08:40
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,275
ได้รับอนุโมทนา 739,957 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 30-04-2022, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ วันนี้ก็เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของทางที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร คือ มีการวางศิลาฤกษ์เรือนวิริยะ ที่เป็นอาคารอเนกประสงค์เพิ่มเติมขึ้นมาจากส่วนอื่นที่มีอยู่แล้ว

ในส่วนที่เราท่านทั้งหลายได้ร่วมบุญ ร่วมกันสร้างสถานที่นี้มาตั้งแต่ต้น สิ่งที่ทำสำเร็จไปแล้วก็คือพระวิหารสมเด็จองค์ปฐม และ วิหารหลวงปู่ใหญ่โลกอุดร แล้วส่วนหนึ่งก็คือกุฏิที่พัก แต่ว่ายังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ดังนั้น...ในวันนี้ที่พวกเราจะมาพร้อมใจร่วมใจกันสร้างถาวรวัตถุ เป็นวิหารทานในพระพุทธศาสนาอีกชิ้นหนึ่ง ก็คือเรือนวิริยะที่จะเป็นอาคารเอนกประสงค์ไว้ใช้งาน

ความจริงจะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพเกรงว่า จะไม่ทันกับสภาวะของบ้านเมือง หรือว่าของโลกเราในปัจจุบัน เพราะว่าในช่วง ๓ ปี ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๖๒ เป็นต้นมา เกิดภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำให้กิจกรรมของวัดต่าง ๆ ต้องสะดุดหยุดยั้งลง แม้กระทั่งการทำมาหากินของญาติโยมทั้งหลายก็มีอุปสรรค ทำให้เราไม่สามารถที่จะสนับสนุน เสริมสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาได้อย่างเต็มที่

แล้วมาตั้งแต่
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็เกิดภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งจะว่าไปแล้ว นั่นก็คือว่าที่สงครามโลกครั้งที่ ๓ ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ หนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะพวกพลังงานต่าง ๆ ราคาแพงขึ้นไปอีกมาก ในเมื่อเราใช้เงินเท่าเดิม แต่ซื้อสิ่งของไม่ได้มากเท่ากับในอดีต ความยากลำบากในความเป็นอยู่ก็จะมีมากขึ้น

จากแต่เดิมที่หลวงพ่อนิลท่านได้ปรารภไว้ ก็คือจะใช้สถานที่นี้ในการทำการเกษตร ลักษณะของเกษตรทฤษฎีใหม่ตามรอยศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพื่อเอาไว้รับภาวะสงครามที่จะเกิดขึ้น แต่ด้วยความที่ทุกอย่างช้ากว่าความตั้งใจ ทำให้ภาวะสงครามเกิดขึ้นก่อน แต่ว่าถาวรวัตถุที่เราตั้งใจไว้นั้นไม่เสร็จ หรือว่าเสร็จไม่ทันตามที่ตั้งโครงการไว้ ดังนั้น...ก็เลยจะทำให้สิ่งต่าง ๆ ต้องล่าช้าลงไปอีก

ตรงส่วนนี้นั้น ญาติโยมทั้งหลายอย่าได้ตั้งความหวังไว้กับวัดวาอารามที่ใดที่หนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่ว่าถ้าใครมีที่มีทางที่เว้นว่างอยู่ ให้พยายามปลูกผัก ปลูกข้าว เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่อะไรไว้บ้าง ถึงเวลาการขาดแคลนอาหารขยายตัวแผ่กว้างออกไป อย่างน้อยเราก็พึ่งพาตัวเองได้ในส่วนหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2022 เมื่อ 18:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-04-2022, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องบางอย่างถ้าหากว่าบอกเร็วเกินไป บางทีเราท่านทั้งหลายก็จะไม่เฉลียวใจ โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพ บางทีบอกเพื่อนฝูงไปเขาก็ไม่ฟัง อย่างเช่นทางวัดสี่แยกเจริญพร ที่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหา บอกเขาให้หยุดการก่อสร้างตั้งแต่ ๒ ปีที่แล้ว แต่ก็ยังดื้อทำมา ทำให้กระผม/อาตมภาพต้องไปแบกภาระแทนอยู่ ๒ ปีเต็ม ๆ แล้วปีนี้ก็มานั่งบ่นเข้าหูอยู่เกือบทุกเดือนว่า "วัดเงียบเป็นวัดร้างเลย..!"

ถ้าหากว่าเราดูจากสภาพปัจจุบัน บางทีจะเห็นว่าเรื่องของสงครามนั้นเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เพราะว่าในสภาพของโลกาภิวัตน์ การสื่อสารทุกอย่างสามารถถึงกันในระยะเวลาไม่นาน เมื่อเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนของมุมโลกก็ตาม ก็จะทำให้มีผลกระทบต่อส่วนอื่นไปทั้งหมด

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นอกจากการเตรียมพร้อมแล้ว ก็คือถ้าสามารถปลูกผัก ปลูกข้าว เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ รอเอาไว้บ้างก็ให้ทำ หรือถ้าบางท่านจะเก็บเสบียงอาหารแห้งบางส่วนเอาไว้ ก็ค่อย ๆ ทยอยเก็บไป โดยเฉพาะถ้าเป็นข้าวสาร ก็ให้ซื้อหาที่เป็นการบรรจุแบบสูญญากาศ เพราะว่าจะเก็บได้นานกว่า

แต่ว่าส่วนที่จำเป็นที่สุดสำหรับพวกเราก็คือ ความมีสติ มีสมาธิที่มั่นคง เพื่อที่เวลาเกิดอะไรขึ้น จะได้ไม่แตกตื่นจนถึงขนาดขาดสติจนทำอะไรไม่ถูก ก็แปลว่าเราท่านทั้งหลาย ต้องเน้นในเรื่องของศีล สมาธิ และปัญญาเป็นหลักไว้ จากที่เคยทำเล่น ๆ แบบแก้บน ก็ควรที่จะต้องทำจริงจังกันได้แล้ว

โดยเฉพาะถ้าหากว่าสภาวะฉุกเฉินแผ่กว้างไปทั่วโลก พระภิกษุสามเณรหรือแม้กระทั่งแม่ชีก็จะต้องเป็นที่พึ่ง เป็นหลักให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องขัดเกลา ฝึกฝน ให้กาย วาจา ใจ ของเราอยู่ในกรอบของไตรสิกขา คืออยู่ในกรอบของศีล ของสมาธิ ของปัญญา โดยเฉพาะการเจริญในพุทธานุสติ ควบกับอานาปานสติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2022 เมื่อ 18:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 30-04-2022, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยอานาปานสติ สร้างกำลังสมาธิหรือฌานสมาบัติให้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าทำได้ในเบื้องต้นก็คุ้มครองตัวเองได้ ทำได้ในเบื้องกลาง นอกจากคุ้มครองตัวเองแล้ว ยังคุ้มครองหมู่คณะได้ ถ้าทำได้เต็มที่ นอกจากคุ้มครองตัวเอง คุ้มครองหมู่คณะแล้ว บางทียังถึงขนาดคุ้มครองประเทศชาติ หรือคุ้มครองโลกได้

ส่วนในเรื่องของพุทธานุสตินั้น เราหมายเอาธัมมานุสติ และสังฆานุสติเอาไว้ด้วย ก็คืออาศัยบารมีคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นต้นเป็นประธาน ทำให้พรหมเทวดาทั้งหลายไม่อาจจะปฏิเสธที่จะดูแลรักษาสถานที่ของเราหรือว่าตัวบุคคลอย่างเรา

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พรหมเทวดามีความเคารพในพระรัตนตรัยเป็นปกติ เมื่อที่ใดที่หนึ่งหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน แล้วยึดถือคุณพระรัตนตรัยเป็นใหญ่ ท่านก็ต้องช่วยคุ้มครอง เหมือนอย่างกับเป็นภาคบังคับ

ตรงจุดนี้ ถ้าท่านทั้งหลายดูในบทสวดที่เขาเรียกว่า สวดแจง ซึ่งกล่าวถึงสุปปิยปริพาชกกับลูกศิษย์ของท่านเอง ที่เดินตามคณะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า

ปรากฏว่าปริพาชกแค่ไม่กี่คน ส่งเสียงโวยวายไปตามกำลังใจของตน แต่พระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์หมู่ใหญ่ถึง ๕๐๐ รูป แม้ว่าเสด็จไปมากขนาดนั้น ก็สงัดเงียบประหนึ่งไม่มีผู้คน

เมื่อถึงเวลาเข้าสู่ที่พัก สุปปิยปริพาชกก็ชวนพรหมทัตมาณพที่เป็นลูกศิษย์ว่า "เราเข้าไปพักอยู่ใกล้ ๆ พระสมณโคดมกันเถอะ" พรหมทัตมาณพก็สงสัย ถามอาจารย์ของตนเองว่า "อาจารย์ด่าพระพุทธเจ้ามาตลอดทาง แต่ทำไมเวลาพักจะเข้าไปพักบริเวณเดียวกัน ?" สุปปิยปริพาชกตอบแบบน่าเตะมาก บอกว่า "สมณโคดมอยู่ที่ไหน พรหมเทวดาก็รักษา เราไปอยู่ใกล้ ๆ ก็พลอยปลอดภัยไปด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2022 เมื่อ 18:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 30-04-2022, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องทำความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตั้งใจรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธ์บริบูรณ์ พยายามสร้างสมาธิให้เกิดแก่ตนให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และท้ายที่สุดต้องระลึกรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ไม่ใช่ว่าจะต้องตายเพราะภาวะสงครามหรือว่าโรคระบาดที่ยังมาไม่ถึง แต่อาจจะต้องตายลงไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ในเมื่อเราจะต้องตาย สิ่งเดียวที่เราควรจะยึดไว้เป็นหลัก ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

ถ้าใครสามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกา ดังที่กระผม/อาตมภาพกล่าวมาแต่ต้นนี้ ก็จะช่วยให้ท่านทั้งหลายสามารถผ่านพ้นภาวะของโรคระบาดและสงครามใหญ่ไปได้ ต่อให้ลำบากก็จะไม่ลำบากมากเหมือนกับคนอื่นเขา

วันนี้จึงอาศัยเวลาที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ บอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2022 เมื่อ 18:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว