กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-11-2022, 19:41
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,275
ได้รับอนุโมทนา 739,967 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-11-2022, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ วันจันทร์อีกแล้ว กระผม/อาตมภาพกลับจากงานช้ากว่าพวกท่าน เพราะว่าต้องไปร่วมพิธีทอดผ้าป่าเพื่อสมทบทุนโครงการกองทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ซึ่งเป็นฎีกาหลวง ในงานต้องใช้พัดยศด้วย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ทรงสนับสนุนด้านการศึกษาของคณะสงฆ์อย่างจริงจังมาก แล้วพระองค์ท่านพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ก็ทรงศึกษาเองด้วย ให้ทางคณะสงฆ์ส่งพระที่มีความสามารถทางด้านบาลีเข้าไปถวายคำแนะนำ แล้วก็พระที่มีความสามารถด้านวิปัสสนากรรมฐาน เข้าไปถวายคำแนะนำ

คราวนี้เมื่อพระองค์มอบทุนการศึกษาแก่ทางคณะสงฆ์ ทางคณะสงฆ์ก็ไม่อยากเป็นภาระให้พระองค์ท่านลำบากอยู่ฝ่ายเดียว จึงจัดโครงการทอดผ้าป่าสมทบกองทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยขึ้นมา

วันนี้มีพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ทางคณะสงฆ์ของเราร่วมด้วยช่วยกัน ๑๓ อำเภอ รวมแล้วก็ได้ ๘๐๐,๐๐๐ กว่าบาท ทางด้านท่านผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วน รวมกันมาได้ ๓๐๐,๐๐๐ กว่าบาท ก็ได้ราว ๆ ๑ ล้านกับเศษอีกนิดหน่อย ไปสมทบกองทุนใหญ่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แต่กระผม/อาตมภาพห่วงเรื่องการจัดพระไปควบคุมห้องสอบธรรมศึกษา ก็เลยขออนุญาตผู้บังคับบัญชาว่าขอกลับวัดก่อน เพราะว่าออกมาเป็นอาทิตย์แล้ว..!

คราวนี้พอกลับมาก็ได้ข่าวว่า ท่านทั้งหลายบางท่านที่กลับมาแล้วไม่ยอมกักตัว แปลว่าอะไร ? ได้ยินว่าเห็นความสำคัญของหมามากกว่าเพื่อนพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาสในวัด..! ก็คือจำเป็นต้องไปดูแลหมา เมตตาหมามาก แต่ไม่เมตตาต่อเพื่อนพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาสในวัดเลย

กระผม/อาตมภาพยังสงสัยอยู่ว่าท่านใช้หัวแม่ตีนข้างไหนคิด...! ไปสอบอยู่ตั้งหลายวัน ถ้าหมามีปัญหา ก็คงตายไปหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณกักตัววันสองวันเพื่อความปลอดภัยของคนอื่น แล้วหมาจะชิงตายไปเสียก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2022 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-11-2022, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลักษณะของการคิดแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่วัดท่าซุงก็มี คือหมาติดเชื้อพิษสุนัขบ้า พระช่วยกันจับเอาไปขังกรงไว้ ก็มีคนร้องไห้จะเป็นจะตาย สงสารหมาที่โดนขัง พอถามไปด้วยความหมั่นไส้ว่า "ถ้าหากว่าหมากัดพระกัดเณรเข้าแล้วจะว่าอย่างไร ?" แกตอบว่า "ก็เป็นกฎของกรรม..!" กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจว่า นั่นก็เอาหัวแม่ตีนข้างไหนคิดเหมือนกัน

เพราะว่ากฎของกรรมนั้น เราจะยอมรับก็ต่อเมื่อแก้ไขจนทุกวิถีทางแล้ว หมดสิ้นกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ แล้วแก้ไขไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นถึงจะยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม ไม่ใช่ว่าวิธีแก้ไขง่าย ๆ มีอยู่แล้วก็ไปยอมรับกฎของกรรม ประเภทนั้นก็โง่ขนาด..! ยังต้องเกิดลำบากไปอีกนาน

โดยเฉพาะเมื่อมาอยู่ร่วมกันในคณะสงฆ์ของเรา ก็ต้องเคารพเชื่อฟังกันตามลำดับอาวุโส ไม่ใช่ "กูฟังเฉพาะหลวงพ่อคนเดียว" บางท่านหนักกว่านั้นอีก หลวงพ่อบอกมา "ถ้ากูยังไม่มั่นใจ กูก็ไม่ทำ" แล้วท่านรู้หรือไม่ว่า ถ้าทำตัวแบบนั้นก็แปลว่าโดนอาบัติรับประทานอยู่ทุกวัน เพราะว่าไม่เอื้อเฟื้อต่อพระวินัย แล้วไอ้คนโดนอาบัติกินอยู่ทุกวัน แล้วก็ไปปลงอาบัติ

นะ ปุเนวัง กะริสสามิ ต่อไปกระผมจะไม่ทำอย่างนี้อีก

นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ ต่อไปกระผมจะไม่พูดอย่างนี้อีก

นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ ต่อไปกระผมจะไม่คิดอย่างนี้อีก


แล้วก็ไปทำต่อ ก็เท่ากับว่าโกหกอยู่ทุกครั้ง อาบัติก็รับประทานเข้าไปอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้น..จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงเอาดีไม่ได้สักที

ก็เพราะว่าถ้าศีลของเราไม่บริสุทธิ์ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่สมาธิจะทรงตัว ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว ก็ไม่ต้องไปหวังว่าจะไปหาปัญญาที่ไหนมาได้ อะไรที่ทำ อุตส่าห์มีคนเมตตาช่วยตักเตือน ช่วยบอกกล่าว แทนที่จะรับรู้รับฟังแล้วปฏิบัติตาม กลับไปรั้นอีก ไอ้ลักษณะนี้
กระผม/อาตมภาพไล่ออกจากวัดมามากแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2022 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-11-2022, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกประการหนึ่งก็คือ เราจะต้องจัดพระไปช่วยคุมห้องสอบธรรมศึกษา แต่ว่าหลายท่านก็ลา ซึ่งการลาตามสิทธิ์นั้น กระผม/อาตมภาพไม่เคยว่ากล่าวกัน จะไปตามสิทธิ์ของคุณก็เชิญตามสบาย แต่ให้ดูตาม้าตาเรือหน่อยได้ไหม ? ว่าช่วงไหนวัดมีงาน ช่วงไหนวัดไม่มีงาน โดยเฉพาะงานที่สำคัญในระดับนี้ เรากลับเอาเรื่องส่วนตัว ก็คือลาไว้ก่อน ก็แปลว่าเราเห็นแก่ตัวเองมากกว่าเห็นแก่วัด

กระผม/อาตมภาพเองบวชครั้งแรก กว่าจะลาได้ก็ผ่านไป ๘ เดือนกว่า เพราะว่าต้องรอจังหวะให้ทางวัดงานว่าง แล้วมีใครต้องบอกกล่าวไหม ? ก็ต้องคิดเอง พิจารณาเอง เมื่อคิดพิจารณาแล้ว เห็นว่าจังหวะเวลายังไม่เหมาะสม ก็อดทนรอไปก่อน ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยไป ไม่ใช่ว่าไม่ได้ใช้วันลาแล้วจะขาดทุน..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครที่คิดเสียสละเพื่อวัดวาอาราม ส่วนใหญ่แล้วโอกาสที่จะถึงมรรคถึงผลจะมีมากกว่า เหตุที่กระผม/อาตมภาพกล้าบอกกล่าวอย่างนี้เต็มปากเต็มคำ ก็เพราะว่าเป็นกำลังใจที่ไม่ยึดติดในตัวกูของกู เรื่องของกูเก็บเอาไว้ก่อน เอาเรื่องของวัดวาอาราม เรื่องของคณะสงฆ์ก่อน ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ แปลว่าท่านลดสักกายทิฏฐิและมานะลงไปได้มาก เป็นผู้ที่ควรต่อหลักธรรม

ดังนั้น..หลายอย่างพวกเราบางทีก็ปัญญาน้อย สายตาแคบสั้น ไม่ได้คิดพิจารณาให้รอบคอบ นี่ก็ยังไม่เท่าไร เพราะว่าก่อนหน้านี้มีที่แย่กว่านี้ ก็คือตรงกับงานวัดเมื่อไรกูก็ลา แต่พอเป็นงานวัดอื่นกลับขอไปช่วยเขาทำ..!

พูดง่าย ๆ ว่าอยู่อาศัยวัดไปวัน ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะทำบุญ ทำคุณ ทำประโยชน์อะไรให้กับสถานที่เลย เป็นบุคคลที่บกพร่องในหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแรง เพราะว่าขาดความกตัญญูต่อสถานที่ซึ่งตนเองอยู่อาศัย ขาดความกตเวทิตา คือ ไม่ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ตอบแทนต่อสถานที่นั้น ๆ เพราะฉะนั้น..เราไม่จำเป็นที่จะต้องมากล่าวถึงความกตัญญูกตเวทิตาต่อตัวบุคคลเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2022 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-11-2022, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพไม่ได้ต้องการให้ทุกคนมากตัญญูอยู่แล้ว แต่ว่าคิดถึงสถานที่ คือวัดวาอารามของเราก่อนได้ไหม ? แค่ช่วยกิจการงานของวัดก่อนแล้วค่อยไป ก็คงจะไม่ช้าจนเกินไปนัก แต่กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้บังคับอะไร ถ้าหากว่าคิดไม่เป็น กำลังใจคิดจะลาไปในช่วงแบบนี้ก็ตามใจ ไปตามสิทธิ์ของคุณ แต่ว่าถึงเวลาแล้วก็พิจารณาด้วยว่า ถ้าเราเอาแต่ตัวเองแบบนี้ โอกาสที่เราจะขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีขึ้นก็เป็นไปได้ยาก

สมัยก่อนกระผม/อาตมภาพก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องของการที่พระเอางานทางด้านคันถธุระ คือศึกษาเล่าเรียนตลอดจนกระทั่งทำงานทำการเพื่อส่วนรวม เพราะตั้งใจเอาแต่ด้านวิปัสสนาธุระ ก็คือตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลอย่างเดียว แต่ปรากฏว่าคิดผิดไปถนัดใจ เพราะว่าการปฏิบัติแบบนั้น เราไม่มีเครื่องทดสอบอะไรเลย ได้แค่นั่งเงียบ ๆ อยู่อย่างเดียว

แต่การศึกษาเล่าเรียน ตลอดจนกระทั่งการทำงานอื่น ๆ จะมีแรงกระทบอยู่เสมอ ถ้าเราปล่อยได้วางได้ ก็มีโอกาสเข้าถึงมรรคถึงผลได้ง่ายกว่า แล้วในสิ่งที่มาทดสอบนั้น ถ้าเราผ่านแล้วเขาจะไม่มาแบบเดิมอีก ก็ต้องหาแง่หามุมใหม่ที่เรายังไม่รู้เท่าทันมาใช้ทดสอบเราต่อไป

ดังนั้น..การที่เรานั่งแล้วบอกว่าจิตใจสงบ แต่พอกระทบแล้วก็พังไม่เป็นท่า เทียบกับท่านที่ตั้งสติไว้กับงานการหรือการศึกษาตรงหน้า แรงกระทบเข้ามา สามารถจัดการได้ ไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าใครจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ก็ต้องแล้วแต่ท่านแต่ละรูปแต่ละคนว่ามีกำลังใจแบบไหน หรือว่ามีแนวคิดอย่างไร ในฐานะครูบาอาจารย์
กระผม/อาตมภาพก็มีหน้าที่แค่ชี้ทางออกบอกทางถูกให้ ส่วนท่านทั้งหลายจะเดินตามหรือไม่เดินตาม ก็แล้วแต่พวกท่านจะไปพิจารณากันเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2022 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว