กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-11-2022, 20:37
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 319
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 17,590 ครั้ง ใน 791 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-11-2022, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ไปทำหน้าที่อำนวยการที่สนามสอบนักธรรมชั้นโท-ชั้นเอก (สนามหลวง) ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ณ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการสอบวันสุดท้าย

โดยธรรมเนียมแล้วก็จะมีการเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายกุศลแด่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งว่ากันไปแล้วก็คือ ผู้มีพระดำริในการสร้างตำรานักธรรมขึ้นมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีที่แล้ว ให้พวกเราได้ศึกษาเล่าเรียนกันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใด ๆ เลย..!

หลังจากทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้เดินทางกลับมายังวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม เข้าที่พักแล้วก็หมดสภาพ ตั้งใจว่าจะหลับตาพักผ่อนเล็กน้อย ปรากฏว่าวูบหายไปจากโลก..! มารู้ตัวอีกทีก็เลยเวลาบันทึกเสียงไปไม่น้อยเลยทีเดียว ต้องบอกว่าในลักษณะอย่างนี้ก็คือมโนสัญเจตนา ความมุ่งมั่นของใจนั้นหมดลง เพราะเห็นว่างานนั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายที่ศึกษาพระพุทธศาสนามามาก ก็จะทราบว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ทรงกล่าวถึงอาหารของสรรพสัตว์ทั้งหลายเอาไว้ ประกอบไปด้วย

ข้อที่หนึ่ง กวฬิงการาหาร ก็คืออาหารทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นว่า ข้าว กับข้าว น้ำ ขนม อย่างนี้เป็นต้น

ข้อที่สอง ผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจเข้าออก

ข้อที่สามคือวิญญาณาหาร อาหารที่เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ซึ่งเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นเครื่องช่วยชูใจของเรา หรือว่าค้ำจุนจิตใจของเราให้อยู่ได้ ถ้าขาดวิญญาณาหาร คือสัมผัสต่าง ๆ นี้ลงไปเมื่อไร เราจะเห็นว่าบางทีนักโทษเด็ดขาดที่โดนขังเดี่ยว ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน เฉาตายไปเลย เพราะว่าขาดอาหารชนิดนี้

อาหารชนิดสุดท้ายคือมโนสัญเจตนาหาร อาหารคือความมุ่งมั่นของใจ ตราบใดที่กำลังใจยังมุ่งมั่นผูกอยู่กับภาระงานต่าง ๆ ก็จะทำให้เรายังคงสามารถที่จะอยู่ได้ ถ้าหากว่าภาระตรงนี้หมดลงไปเมื่อไร บางคนก็ถึงกับสิ้นชีวิตไปเลยเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2022 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-11-2022, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นนาย Pheidippides ผู้ส่งสาส์นชาวกรีก ที่วิ่งส่งข่าวเรื่องการชนะศึกกองทัพเปอร์เซียที่เมืองมาราธอน ไปบอกที่กรุงเอเธนส์ เมื่อส่งข่าวเสร็จแล้วก็ล้มตายลงไปเลย เพราะว่าวิ่งไปถึงประมาณ ๔๐ กิโลเมตร นอกจากจะเหนื่อยมากแล้ว ความมุ่งมั่นของใจที่จะไปทำหน้าที่ของตนให้เสร็จสิ้นนั้น เมื่อได้แจ้งข่าวซึ่งชัยชนะแล้วกำลังใจก็คลายลง จึงถึงแก่ความตายไปเลย หรือว่าบุคคลที่เกษียณอายุแล้ว บางคนก็เฉาตายไปเลย เพราะว่ามโนสัญเจตนา คือความมุ่งมั่นของใจนั้นหมดลง

กระผม/อาตมภาพนั้นอายุกาลผ่านวัยเลยเกษียณมาหลายปีแล้ว เมื่อต้องกรำงานหนักติด ๆ กันหลายวัน พอรู้สึกว่างานนี้หมดลง เกิดเผลอสติ คลายกำลังใจออกตอนไหนก็ไม่ทราบ ? รู้อยู่อย่างเดียวว่าร่างกายเพลียมาก คิดว่าจะนอนภาวนาเอาแรงสัก ๒๐ - ๓๐ นาที แล้วลุกขึ้นมาทำงานทำการของตนเองต่อไป แต่ปรากฏว่าวูบหายจากโลกไปเกือบ ๒ ชั่วโมงเต็ม..! ตื่นขึ้นมานึกได้ว่าวันนี้ยังมีงานของตนเองค้างอยู่

ประการแรกก็คือ ต้องเข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ซึ่งได้ลงทะเบียนเข้าร่วมรายการไว้ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่ ๖ โมงเย็นถึง ๓ ทุ่ม ปรากฏว่าเลยเวลาไปประมาณ ๑ ชั่วโมง แต่ก็ยังดีที่เข้าร่วมรายการได้ทันท่วงที

แล้วขณะเดียวกัน ท่านผู้บรรยายก็ไม่ได้คุ้นเคยกันมาก ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะมีการเรียกหา "พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร." บางท่านก็ชวนสนทนาขอความคิดเห็นเป็นระยะเวลานาน ๆ เลยทีเดียว ในเมื่อเข้าระบบซูมเพื่อร่วมรายการเรียบร้อยแล้ว ค่อยมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเป็นลำดับต่อไป

ในทุกวันของการสอบนักธรรมสนามหลวงทั้งชั้นโทและชั้นเอกนั้น บรรดาพระสังฆาธิการต่าง ๆ ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพล มีลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ก็คือพระทศพล สุภทฺโท ท่านเป็นเลขานุการของเจ้าคณะตำบลหนองปลาไหล ทางด้านอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรีนี่เอง มาทำหน้าที่แทนผู้บังคับบัญชาของตน

ทุกครั้งที่มาก็จะหอบเอาข้าวหลามอร่อยของทางด้านนั้นมาร่วมถวายเพลทุกครั้ง ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะนำมาถวายพระอาจารย์เล็กทุกครั้ง ๆ ละ ๑ ห่อใหญ่ กระผม/อาตมภาพเมื่อรับมาแล้วก็นำไปแจกจ่ายลงในวงฉัน วงละ ๑ กระบอกไล่ไปจนกว่าจะหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2022 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-11-2022, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มาวันนี้กระผม/อาตมภาพโดนท่านทักท้วงว่า "หลวงพ่อน่าจะเก็บเอาไว้ฉันเองบ้าง" กระผม/อาตมภาพบอกกับท่านว่า "สิ่งหนึ่งประการใดที่ได้มา ผมไม่นิยมในการเก็บเอาไว้ใช้สอยหรือว่าบริโภคแต่เพียงผู้เดียว"

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น ท่านสั่งสอนเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่บวชว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้มา ให้คิดเสมอว่าเป็นสังฆทาน เพราะว่าพวกท่านทั้งหลายจำนวนมากที่ไม่มีความคล่องตัวในเจโตปริยญาณ ท่านก็จะไม่รู้ว่า ผู้ถวายนั้นอธิษฐานไว้ว่าเป็นสังฆทานหรือเปล่า ? จึงควรที่จะประกันความเสี่ยงด้วยการตั้งความคิดเอาไว้แต่แรกว่า เขาถวายเป็นสังฆทาน แล้วอย่างน้อย
เราก็ต้องนำไปแจกจ่ายให้พระภิกษุสงฆ์อื่น ๔ รูปขึ้นไป

ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าไม่ใช่ปาฏิปุคคลิกทาน คือการถวายเฉพาะตน แล้วเราไปกินไปใช้อยู่คนเดียว ก็จะเกิดโทษใหญ่แก่เราได้ ต่อให้เขาตั้งใจถวายจำเพาะเจาะจงตัวของเรา ก็อย่าได้คิดว่าเป็นของส่วนตัว เพราะว่าเราได้มาเนื่องจากครองเพศสมณะ ก็คือห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อธิษฐานถือเพศนักบวชของตนอยู่ ไม่ใช่ได้มาเพราะว่าเสน่หาทั่วไปแบบชีวิตฆราวาส จึงต้องคิดอยู่เสมอว่า แม้เขาถวายเป็นส่วนตัว เราก็จะยึดเป็นสมบัติส่วนตัวไม่ได้"


ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง กระผม/อาตมภาพจึงถนัดและเคยชินในการแบ่งปัน จนกระทั่งไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ว่าบางท่านก็ยังคิดอยู่ว่า "ในเมื่อถวายครูบาอาจารย์เป็นการแสดงกตัญญูกตเวทิตา แต่ว่าครูบาอาจารย์กลับเอาไปให้คนอื่นจนหมด"

ในส่วนนี้จะว่าไปแล้ว ก็ยังเป็นการวางกำลังใจที่ผิด ก็คือยังขาดอุเบกขาในจาคานุสติและทานบารมี ถ้าหากว่าท่านที่วางอุเบกขาเป็น ถวายไปแล้วก็แล้วกัน จะไม่ตามไปตรวจสอบว่าผู้ที่ได้รับไปนั้น ได้กิน ได้ใช้สิ่งของเราหรือเปล่า ถ้ายังติดตามตรวจสอบอยู่ แปลว่ากำลังใจของท่านยังเข้าไม่ถึงอุเบกขาในจาคานุสติและทานบารมี

ดังนั้น..ไม่ว่าสิ่งที่ญาติโยมถวายมา โดยกระผม/อาตมภาพรับต่อหน้าก็ดี หรือว่าที่ท่านทั้งหลายส่งทางไปรษณีย์ไปยังวัดท่าขนุนก็ตาม กระผม/อาตมภาพไม่เคยเก็บเอาไว้เป็นส่วนตัวเลย หากแต่ว่าจะนำเข้ากองกลางเสมอ สิ่งใดที่ไม่เกินกำลังก็แจกจ่ายด้วยตนเอง สิ่งใดที่เกินกำลังก็มอบหมายให้เลขานุการวัดท่าขนุนบ้าง ฆราวาสซึ่งทำหน้าที่และได้รับความไว้วางใจจากกระผม/อาตมภาพบ้าง นำไปเข้ากองกลาง หรือว่าช่วยแจกจ่ายให้แก่พระภิกษุสามเณร

โดยเฉพาะวัดของเรานั้น มีการแจกจ่ายอยู่เดือนละ ๒ ครั้ง จนกระทั่งทางพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาสได้บอกกล่าวกันในลักษณะขำ ๆ ว่า "วันเงินเดือนออก" บ้าง "วันเปิดร้านสะดวกซื้อ" บ้าง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทางวัดท่าขนุนของเรานั้น ได้ดำเนินตามรอยของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัด สิ่งหนึ่งประการใดที่ได้รับคำสั่งสอนมา ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติกันตลอดชีวิต ไม่ใช่ว่าทำไปครั้งสองครั้งแล้วก็เลิก ถ้าเป็นไปในลักษณะเช่นนั้น แปลว่า กำลังใจของท่านยังขาดความมุ่งมั่นต่อหน้าที่การงาน ขาดความมุ่งมั่นในการที่จะประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านก็ไม่ใช่บุคคลที่ควรแก่การบรรลุมรรคผลเลย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2022 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว