กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-06-2021, 20:53
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,094 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-06-2021, 23:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้มีเรื่องที่อยากจะพูดอยู่ ๒ เรื่อง เรื่องแรก..พวกท่านทั้งหลายอาจจะไม่เห็นความสำคัญเลย แต่ถ้าต่อไปข้างหน้าจะต้องไปปกครองไปดูแลคน แล้วจะรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญขนาดไหน

ก็คือวันก่อนพี่วิไลวรรณ (จีรภา ภูมิธเนศ) พี่สาวที่ผมคุ้นเคยตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาสมาหา เพื่อจะมานิมนต์ผมไปงานที่บ้าน แต่ปรากฏว่าพี่มุกดา (มุกดา เพชรชื่นสกุล) ไปรับงานนี้เอาไว้แทน ฟังดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร...แต่มีเยอะมากเลยครับ เพราะประการแรก...นั่นใช่หน้าที่ไหม ? วัดเรามีพระภัตตุเทศก์จัดกิจนิมนต์อยู่แล้ว

ประการที่สอง...คนที่เขาจะนิมนต์ผม เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเข้าช่องทางไหน แล้วดันเสนอหน้าไปรับไว้แทน..! แล้วถ้าหากว่าผมรับกิจนิมนต์ไป เขาก็จะเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเข้าทางนี้จะสะดวก ต่อไปก็จะมีคนเข้าทางด้านพี่มุกดา จะมีคนเข้าทางด้านเจ๊นี้ (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) เพื่อที่จะมาให้ถึงตัวผม ก็จะเป็นการสร้างมาเฟียขึ้นมาในวัด..!

เรื่องนี้พวกคุณอาจจะไม่เห็นความสำคัญ จริง ๆ แล้วสำคัญมาก เพราะว่าหลายวัดที่บรรลัยจนกระทั่งเจริญไม่ขึ้น ก็เพราะว่ามีญาติพี่น้องของตัวเองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเจ้าอาวาส มายุ่งเกี่ยวกับงานปกครองคณะสงฆ์ ท่านที่อยู่เก่า ๆ จะเห็นว่าผมด่าแม่ชีชื่น (แม่ชีชื่น ศรีสองแคว) ไปหลายรอบ ไอ้ตอนที่มีเรื่องแล้วไม่จัดการ โดยที่ยกข้ออ้างว่า "คนโน้นก็เด็กหลวงพ่อ คนนี้ก็เด็กหลวงพ่อ" ทั้ง ๆ ที่ระเบียบวัดของเราระบุไว้ชัดเจนว่า "ผู้ใดมาอ้างว่าเป็นเพื่อนพ้องพี่น้องของพระภิกษุสามเณรในวัดแล้วมาทำผิด ให้ขับออกจากวัด แล้วห้ามเข้าวัดอีกตลอดชีวิต"

พวกคุณจำไว้ให้แม่นเลยนะครับว่า เรื่องแบบนี้ถ้าปล่อยให้มีครั้งหนึ่งก็จะมีไปเรื่อย แล้วจะทำให้เกิดอิทธิพลขึ้นในวัด แล้วพอหยั่งรากลึกก็จะถอนยาก เพราะคนนิสัยตรงไปตรงมาอย่างผมนั้นไม่มี ผมเองแต่ไหนแต่ไรมา ถ้าญาติพี่น้องของตัวเองทำผิด ผมจะเล่นหนักกว่าคนอื่นเขา..! เพราะถ้าเอาญาติพี่น้องตัวเองอยู่ คนอื่นจะไม่มีใครกล้า

เพราะฉะนั้น..ขอให้ทุกคนจำเอาไว้เลยว่า อย่าให้มีเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาอีก มีเมื่อไรผมขับออกจากวัดทันที อะไรที่ไม่ใช่หน้าที่ อย่าไปยุ่ง คนที่ทำหน้าที่เขามีอยู่แล้ว ถึงเวลาถ้าหากว่ามีคนมาถามเรื่องอะไร ก็ชี้ไปว่าใครเป็นคนรับงานนี้ อย่าทำตัวเป็นหนุมานอาสาเพื่อต้องการได้หน้า..!

เรื่องของการอยู่วัดเพื่อปฏิบัติธรรม เราต้องยิ่งทำยิ่งละเอียด ผมย้ำกี่ครั้งแล้ว ? ถ้าเรื่องแค่นี้ยังมองไม่เห็นโทษ แสดงว่ากำลังใจหยาบมาก ยิ่งปฏิบัติไป ยิ่งต้องละตัวตนของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช่ต้องการเด่น ต้องการดัง ต้องการให้คนรู้จัก ต้องให้เขาให้ความสำคัญ ไอ้นั่นระยำทั้งนั้น..!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ต้องจำเอาไว้เป็นบทเรียนเลยว่า ต่อไปถ้าเราจำเป็นต้องปกครองหรือดูแลใคร ไม่ใช่มีแต่พระคุณหรือความเกรงใจเท่านั้น พระเดชก็ต้องมีด้วย อย่างวันนี้ผมบอกไปเลย ว่าผมไม่รับกิจนิมนต์นี้
จะเกิดปัญหาขึ้นอย่างไร ให้ไปแก้ไขกันเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-06-2021 เมื่อ 00:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-06-2021, 23:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องที่สอง ก็คือระยะนี้ที่มีคลิปหลวงพ่อฤทธิเดช กนฺตวณฺโณ เสกใบมะขามเป็นตัวต่อ แต่จริง ๆ ไม่ใช่ครับ...ไอ้นั่นคือแตนหางหมา แล้วอ้างว่าเป็นตำราหลวงปู่ศุข คราวนี้ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นใช่หรือไม่ใช่ ผมจะบอกแค่ว่าตำราหลวงปู่ศุขที่ผมศึกษามาไม่ใช่แบบนี้

ตำราหลวงปู่ศุข เขารูดใบมะขามมา แค่โปรยไปก็กลายเป็นต่อเป็นแตน บินว่อนไปหมดแล้ว ไม่ใช่ออกเสกมาจากปาก ส่วนที่เขาทำ จะใช่หรือไม่ใช่ ไม่ขอกล่าวถึง แต่ขอกล่าวถึงในข้อที่ทำให้พวกเราผิดศีล เพราะว่าไปละเมิดข้อห้ามที่พระพุทธเจ้าท่านบอก ก็คือแสดงอุตริมนุสสธรรมต่ออนุปสัมบัน ก็คือชาวบ้านทั่วไป ถ้าเป็นพวกคุณ ผมจะถามว่า "มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปทำอย่างนั้น ?" นอกจากอยากดัง..!

เรื่องนี้ที่เกิดขึ้น สาเหตุเพราะพระปิณโฑลภารทวาช ท่านเป็นชาวเมืองโกสัมพี แคว้นวังสะ ก็คือประเทศใหญ่ประเทศหนึ่งในสมัยนั้น มีเมืองหลวงชื่อโกสัมพี ท่านเรียนจบไตรเพทแล้วก็ตั้งสำนักของตนเอง แต่ท่านมีจริยาที่ไม่เหมือนคนอื่นอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือกินจุมาก บาตรขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะใหญ่กว่าบาตรเบอร์ ๙ สมัยนี้ บรรจุอาหารเต็ม ท่านกินได้หมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มก็หนึ่งบาตรใหญ่ จะเป็นข้าวสวยก็หนึ่งบาตรใหญ่ จะเป็นขนมก็หนึ่งบาตรใหญ่ ก็เลยไม่มีใครทนท่านได้ ทุกคนก็ทิ้งท่านไป สำนักก็ล้มละลาย..!

ท่านก็เลยเดินทางจากโกสัมพีเข้ามาสาวัตถี แล้วก็ได้พบกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เชตวันมหาวิหาร เห็นว่าสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคนให้การอุปถัมภ์ค้ำชู มีข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ ก็เลยเข้ามาบวช บวชไม่ได้หวังพ้นทุกข์เหมือนคนอื่น บวชเพราะหวังให้มีกิน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2021 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-06-2021, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ด้วยความที่ท่านปฏิบัติตนแบบไม่ระมัดระวัง อย่าลืมว่าบาตรสมัยก่อนเป็นบาตรดินเผา พอถึงเวลาเก็บบาตรใต้เตียง ท่านวางลงแล้วก็ผลักครูดเข้าไป พอถึงเวลาเอาบาตรออกมา ก็ดึงพรวดออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านห้าม เพราะว่าเป็นการประทุษร้ายบาตร ต้องอาบัติทุกกฏ

ท่านทำแบบนั้นทุกวัน จนกระทั่งบาตรเหลืออยู่ครึ่งใบ ก็ยังไม่เลิกความประพฤตินั้น ท้ายสุดบาตรนั้นเหมือนกับจานใบหนึ่ง คุณนึกเอาก็แล้วกันว่าบาตรสูงแค่ไหน สึกจนกระทั่งเหลือเป็นจานใบหนึ่ง พระพุทธเจ้าก็เลยอนุญาตให้ท่านมีสายโยก เพื่อที่จะถักและสะพายบาตรนั้นได้ ท่านก็เลยได้ชื่อว่า "ปิณโฑล" คือทำเพื่ออาหารบิณฑบาต คราวนี้ท่านมาจากตระกูลใหญ่คือตระกูลภารทวาช เขาเลยเรียกท่านว่าพระปิณโฑลภารทวาช

เมื่อเห็นว่าเวลาเหมาะสม พระพุทธเจ้าท่านก็ให้กรรมฐาน ท่านปฏิบัติไปไม่นาน ก็กลายเป็นพระอรหันต์ทรงปฏิสัมภิทาญาณ ด้วยความที่ในอดีตชาติท่านเคยเป็นราชสีห์มาก่อน ให้การอุปถัมภ์ค้ำจุนพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่ง พอถึงเวลาก็ส่งเสียงคำราม เพื่อไม่ให้สัตว์อื่นมารบกวนพระปัจเจกพุทธเจ้า มาในชาตินี้ท่านก็ยังติดนิสัยเดิม

เมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว ก็เที่ยวเดินถามเพื่อนพระว่า "ใครยังไม่รู้ธรรม จงมาถามเรา" แรก ๆ พระปุถุชนก็หมั่นไส้ ฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าต้องบอกว่า "ภารทวาชลูกเราบรรลุอรหัตผลแล้ว" ท่านอื่นถึงได้ยอมเชื่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2021 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-06-2021, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ราชคหเศรษฐีได้ปุ่มไม้จันทน์มา เกิดความคิดพิลึกว่า ในโลกนี้มีพระอรหันต์จริงหรือเปล่า ? ก็เลยให้นายช่างกลึงเป็นบาตร เสร็จแล้วก็เอาเชือกถัก ผูกไว้ปลายไม้ไผ่ ต่อขึ้นไป ๗ ชั่วลำไม้ไผ่ ประกาศว่า "สำนักไหนมีพระอรหันต์ ให้เหาะมาเอาบาตรนี้ ภายใน ๗ วันถ้าไม่มีใครเหาะมาเอาบาตรนี้ไปได้ ก็แสดงว่าไม่มีพระอรหันต์อยู่ในโลก"

พวกบรรดาเจ้าสำนักใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นปูรณกัสสปะ มักขลิโคสาละ อชิตเกสกัมพล นิครนถนาฏบุตร หรือปกุธกัจจายนะ ที่ประกาศตัวว่าเป็นพระอรหันต์ ต่างคนต่างก็มาเกลี้ยกล่อมขอให้ราชคหเศรษฐีถวายบาตรแก่ตน ราชคหเศรษฐียืนยันว่า "ถ้าพระคุณเจ้าเป็นพระอรหันต์จริง ก็ให้เหาะไปเอาลงมาเอง" จนกระทั่งถึงวันที่ ๗ ชาวเมืองก็เริ่มโจษจันกันว่า "ราชคหเศรษฐีเอาบาตรไปแขวนไว้ ๗ วันแล้ว ยังไม่มีใครเอาลงมาได้ โลกนี้น่าจะไม่มีพระอรหันต์แล้ว"

พอดีพระมหาโมคคัลลานะกับพระปิณโฑลภารทวาชบิณฑบาตอยู่ด้วยกัน ท่านต้องเข้าใจนะครับว่า คนที่คบหากัน ต้องนิสัยใกล้เคียงกัน ทั้ง ๒ ท่านเป็นผู้เลิศด้วยอภิญญาทั้งคู่ ก็เลยไปไหนไปกัน พระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า "ดูก่อนอาวุโสภารทวาช เธอจงเหาะไปเอาบาตรมา" พูดง่าย ๆ ก็คือท่านเองดังพอแล้ว ให้รุ่นน้องดังบ้าง..!

พระปิณโฑลภารทวาชพอได้ยินก็เลยเหาะไป แต่ไม่ได้ไปเปล่า ๆ เอาแผ่นหินใหญ่ที่ตนเองยืนอยู่ติดไปด้วย วนรอบเมืองแล้วก็ไปลอยอยู่บนเรือนของราชคหเศรษฐี อีกฝ่ายหนึ่งก็ตกใจ เพราะว่ากลัวหินใหญ่จะถล่มลงมาทับ ก็บอกว่า "นิมนต์พระคุณเจ้าลงมาประดิษฐานในเรือนเถอะ เดี๋ยวโยมจะให้คนไปเอาบาตรมาถวายเอง" ท่านก็เลยสลัดแผ่นหินกลับคืนไปที่เดิม แล้วก็ลงไปในเรือน ราชคหเศรษฐีก็นำเอาบาตรลงมา ใส่ภัตตาหารจนเต็มแล้วประเคนถวาย

ชาวบ้านก็โจษจันกันใหญ่ว่า พระปิณโฑลภารทวาช สาวกของพระสมณโคดมเป็นพระอรหันต์จริง เหาะได้จริง เสียงดังอื้ออึงจนกระทั่งถึงคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า เมื่อทราบเหตุจากพระอานนท์แล้ว พระองค์จึงได้ตรัสห้าม ก็คือห้ามพระแสดงฤทธิ์ ท่านตรัสเอาไว้ ต้องเรียกว่าเจ็บแสบมาก บอกว่า "ภิกษุแสดงฤทธิ์เพื่อลาภผล ก็เหมือนกับสตรีเปิดเผยอวัยวะเพศให้ผู้ชายเพื่อหวังเงิน ไม่ใช่กิจที่สงฆ์พึงจะกระทำ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2021 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 20-06-2021, 23:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่ท่านต้องห้ามเอาไว้นั้น เราอย่าลืมว่าพระอรหันต์มีตั้ง ๔ ประเภท มีเพียง ๒ ประเภทที่แสดงฤทธิ์แบบนั้น คือพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณและพระอรหันต์อภิญญา ๖ พระอรหันต์วิชชา ๓ ทำแบบนั้นไม่ได้ พระอรหันต์สุกขวิปัสสโกทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าพระพุทธเจ้าสนับสนุนให้แสดงฤทธิ์ คนจะไม่สนใจพระอรหันต์อีก ๒ ประเภท ศาสนาจะตั้งอยู่ได้ยาก นี่ประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่งสำคัญมาก การที่จะเข้าถึงมรรคผล ต้องมีความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จากใจจริง เพราะเห็นคุณพระรัตนตรัย ไม่ใช่เพราะเห็นฤทธิ์ ตรงจุดนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะว่าถ้าคนไปติดในฤทธิ์ตรงนี้ จะเข้าถึงมรรคผลไม่ได้

พระพุทธเจ้าทรงให้เอาบาตรนั้นไปทุบทำลายเสีย แจกจ่ายให้พระเอาไปทำเป็นยาหยอดตา แล้วตรัสสั่งห้ามไม่ให้พระใช้บาตรไม้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วถ้าภิกษุรูปใดพูดอวดอุตริมนุสสธรรม หรือแสดงอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน ให้ปรับอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระ แต่ถ้ามีอยู่ ปรับอาบัติทุกกฏ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าไม่มีขาดความเป็นพระไปเลย ถึงมีก็โดนอาบัติอยู่ดี

ดังนั้น...การที่ผู้ใดผู้หนึ่งมาแสดงฤทธิ์ โดยที่ผมก็ไม่เห็นว่ามีความจำเป็น แล้วก็ไม่เห็นว่าจะเป็นฤทธิ์อภิญญา ที่เกิดจากการเสกเป็นตัวต่อตัวแตน ก็มีอย่างเดียวก็คือทำหวังความดัง หวังลาภผลที่จะตามมา ก็คงเหมือนอย่างกับที่พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเอาไว้ว่า เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจพอ ๆ กับสตรีเปิดเผยอวัยวะเพศให้บุรุษเพื่อหวังเงิน ความจริงบาลีเขาเปรียบเทียบเอาไว้ไพเราะกว่านี้ แต่ผมพูดให้ฟังชัด ๆ เลย..!

ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณรของเราก็ดี หรือว่าญาติโยมที่นี่หรือทางบ้านก็ตาม ขอให้ทราบเอาไว้ว่า สิ่งที่ท่านทำในคลิปนั้นจะจริงหรือไม่จริงอาตมาไม่วิพากษ์วิจารณ์ แต่บอกให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่อาตมาศึกษามา และขณะเดียวกันก็ไม่เห็นความจำเป็นว่าทำไมต้องไปแสดงอย่างนั้น

ก็ขอเรียนถวายแก่ท่านทั้งหลาย แล้วก็แจ้งให้แก่ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้ เพื่อความกระจ่างว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่จริงอย่างไร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2021 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว