กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-04-2022, 09:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงสงกรานต์วัดท่าขนุน วันที่ ๑๓-๑๗ เมษายน ๒๕๖๕

ช่วงเช้าก่อนรับฟังพระธรรมเทศนาวันสงกรานต์ วันพุธที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕

คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมเขาอยากตะกายมาให้พระอาจารย์เล็กด่ากัน ? ส่วนใหญ่จะด่าตรงกับที่พวกเราทำกันอยู่ แต่ก็ไม่เคยจะหูตาสว่างกันสักที ด่าไปก็เท่านั้นแหละ..เหนื่อยเปล่า..!

ประมาณเก้าโมงตรง จะมีการแสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ ปีนี้ดีใจมาก เนื่องจากบรรดาพระมหาเปรียญกลับมา ทำให้กระผม/อาตมภาพไม่ต้องเหมาเทศน์สงกรานต์เองตลอด ๓ วัน ให้บรรดาคุณมหาท่านเทศน์แทน ส่วนเทศน์แล้วจะได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่อง ก็ให้ญาติโยมตัดสินกันเอาเอง แต่ถ้าจะบอกว่าลูกศิษย์เก่งกว่าอาจารย์ก็เป็นไปได้ยาก เพียงแต่ว่าให้พยายามทนฟังกันหน่อยก็แล้วกัน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลจะเข้าถึงมรรคผลได้นั้น
อันดับแรก..กำลังฟังธรรม
อันดับที่สอง..กำลังสวดสาธยายธรรม
อันดับที่สาม..กำลังพิจารณาธรรม ฯลฯ


เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าฟังเป็น จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถึงขนาดหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้ พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง การฟังด้วยดีย่อมก่อให้เกิดปัญญา เพียงแต่พวกเราจะมีปัญญาพอหรือเปล่านั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ช่วงเช้าก็เข้าสู่พิธีการทางสงฆ์ มีการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ ฟังพระเจริญพุทธมนต์ ถวายภัตตาหาร สังฆทาน เป็นต้น เจ้าหน้าที่เตรียมโลงไว้หรือยัง ? ถ้าเตรียมแล้วก็แบกมาได้เลย เตรียมการสะเดาะเคราะห์ในวันพรุ่งนี้ อย่างน้อย ๆ การระลึกถึงมรณานุสติก็เป็นกรรมฐานใหญ่ อานิสงส์ตรงนี้ช่วยให้เราห่างเคราะห์ห่างกรรมออกไปได้ระยะหนึ่ง

ดังนั้นคำว่า "สะเดาะเคราะห์" ไม่ได้แปลว่าทำให้หลุดหายไปโดยอานุภาพอื่นใด หากแต่ว่าหลุดหายไปโดยการกระทำของเราเอง ก็คือสร้างบุญใหญ่เพื่อหนีกรรม ถ้าอยากจะตัดเคราะห์ตัดกรรม ก็เขียนชื่อ เขียนนามสกุล วันเดือนปีเกิดใส่ลงไป เบอร์โทรกับไอดีไลน์ไม่ต้อง..! หรือถ้าอยากแช่งชักหักกระดูกใคร ก็เขียนชื่อ เขียนนามสกุลเขาใส่ลงไป เผาทิ้งไปเลย สิ่งชั่ว ๆ ในใจของเรา โดนเผาไปบ้าง จะได้เหลือน้อยลง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2022 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-04-2022, 09:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีก ๖ นาที พระสงฆ์จะขึ้นสู่อาสน์สงฆ์ ใครจะใส่บาตรก็ใส่ให้เรียบร้อยก่อน ที่นี่ใส่บาตรกันก่อนสวดมนต์ เพราะว่าที่อื่นเขาทำผิด พอถึงเวลาพระขึ้น "พาหุงฯ" ก็ไปใส่บาตรกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นกำลังตั้งใจฟังพระสวดเป็นสมาธิอยู่ดี ๆ ก็ต้องละจากสมาธิเพื่อไปใส่บาตร เพราะไปเชื่อตามที่โบราณเข้าใจผิด ๆ ว่า พอขึ้นบท พาหุงสะหัสฯ ก็แปลว่าพระชวนหุงข้าว คือให้ใส่บาตร คนเริ่มธรรมเนียมนี้นั้นบ้า..!

พาหุงสะหัสสะฯ แปลว่า ประกอบด้วยแขนตั้งพัน ก็คือพญามารจำแลงกายมา มีแขนตั้งพันข้าง ถืออาวุธหนึ่งพันอย่าง เพื่อที่จะมาขับไล่เจ้าชายสิทธัตถะให้ละจากบัลลังก์ เนื่องจากว่าถ้าท่านนั่งอยู่ต่อไป ก็จะบรรลุมรรคผลเป็นพระพุทธเจ้าเลย

ก็เลยทำให้คนตั้งแต่โบราณมาเสียประโยชน์ไปมาก เพราะว่ากำลังตั้งสมาธิฟังพระสวดอยู่ บางคนอาจจะได้มรรคได้ผลเสียด้วยซ้ำไป ก็ต้องคลายจากสมาธิไปใส่บาตร ในเมื่อเรารู้ว่าความเชื่อทั้งหลายเหล่านี้เป็นความเชื่อที่ผิด ก็ต้องแก้ไขให้ถูก ดังนั้นวัดท่าขนุนจึงให้ใส่บาตรให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยฟังเทศน์ฟังธรรม จะได้ไม่ต้องคลายสมาธิออกไป

สิ่งหนึ่งประการใด ถ้าหากว่าเป็นความถูกต้อง แล้วคนอื่นเขาทำผิดพลาด ต่อให้ส่วนใหญ่ทำผิด เราก็ต้องกล้าคัดค้าน กล้าแก้ไข ไม่เช่นนั้นแล้วก็ผิดไปยันลูกยันหลาน

อย่างเช่นว่าการตั้งโต๊ะหมู่บูชา แล้วมีโต๊ะกราบ เมื่อกระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาส ก็สั่งเอาออกหมดเลย เรียนถวายพระผู้ใหญ่ว่า การกราบแบบคนไทยเรียกว่าเบญจางคประดิษฐ์ ประกอบด้วยองค์ห้า ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า ต้องสัมผัสพื้นพร้อมกัน ถ้าตั้งโต๊ะกราบก็ไม่เป็นเบญจางคประดิษฐ์

เมื่อแนะนำไปหลาย ๆ ที่ ท้ายที่สุดส่วนใหญ่แล้วถ้าหากว่าอยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งประกอบไปด้วยกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร ก็เลียนแบบวัดท่าขนุน ด้วยการเอาโต๊ะกราบออก เพียงแต่ว่าใหม่ ๆ พระผู้ใหญ่ท่านไม่เคยชิน จึงต้องมีการนำเรียนถวายก่อน ว่าทำไมที่นี่ถึงไม่มีโต๊ะกราบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2022 เมื่อ 18:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-04-2022, 09:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกประการหนึ่งก็คืองานศพ เมื่อถึงเวลาพระหรือสามเณรหน้าไฟจูงศพขึ้นเมรุ บางคนญาติเยอะ ญาติโยมทั้งหญิงและชายเป็นร้อย ๆ ก็ไปแย่งพระเณรจูงศพ บางคนก็ดึงจนสายสิญจน์ขาดไปเลย..! การจูงศพเป็นหน้าที่ของพระเจ้าพิธี หรือว่าลูกหลานที่บวชสามเณรหน้าไฟ ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา

ญาติโยมที่ไปร่วมงานนั้น เขาเรียกว่า "ไปส่งศพ" ในเมื่อไปส่งศพก็เดินตามโลงศพไป ไม่ใช่ไปนำหน้าซ้ำยังจูงขึ้นเมรุอีกด้วย..!

มีสองคนเท่านั้นที่จะเดินนำหน้าได้ ก็คือลูกหลานที่ถือกระถางธูป กับรูปคนตาย หรือถ้าหากว่าจะทำให้ถูกต้อง ทั้งสองคนนั้นก็เดินตามโลงไปด้วย เมื่อโลงขึ้นสู่ที่ตั้งเรียบร้อยแล้ว ค่อยเอากระถางธูป หรือว่าตะเกียง พร้อมกับรูปผู้ตาย จัดเข้าที่ไป

หลังจากที่บ่นมาหลายปี ทางด้านนี้ก็เริ่มหายไป ไม่มีคนไปแย่งพระจูงศพอีก เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่กล้าแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูก ก็จะผิดไปเรื่อย จนกระทั่งผิดกลายเป็นถูก แล้วพอมีคนทำถูก ก็จะไปตำหนิเขาอีกว่าทำผิด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2022 เมื่อ 18:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-04-2022, 07:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกให้โยมหันหน้าหาหลวงพ่อทองคำ เพราะต่อไปจะมีการแสดงพระธรรมเทศนา (เสียงขยับเก้าอี้ดัง)

เชื่อไหมว่าถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพขยับเก้าอี้จะไม่ได้ยินเสียงเลย ก็แค่ยกลอยพ้นพื้น แล้วหมุนไปเข้าที่ก็จบแล้ว สภาพจิตของพวกเราหยาบเกินไป ไม่เหมาะที่จะเป็นนักปฏิบัติธรรมเสียด้วยซ้ำไป

วันก่อนกระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะด่านาคที่เดินตามไป โยมใส่บาตรกับข้าว ๑ ถุง ขนม ๑ ถุง น้ำ ๑ ขวด นาคจัดการหยิบกับข้าวกับขนมไป แล้วทิ้งน้ำเอาไว้ ให้อาตมาถือเดินไปเรื่อย จนกระทั่งพระท่านทนดูไม่ได้ ไปสะกิดบอก อาตมาถึงได้บอกว่า "จะไปบอกมันทำไม ? ปล่อยให้มันโง่ต่อไป จะดูว่ามันโง่ได้นานเท่าไร..!"

บางคนอาจจะคิดว่าทำไมใช้คำพูดรุนแรงขนาดนั้น ? คือบางคนถ้าไม่ด่าประจานในที่สาธารณะแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็จะไม่จำ และไม่นำไปแก้ไข ขนาดบางคนโดนด่าประจำ ยังไม่เอาไปแก้ไขเลย ถ้าไม่ได้อยู่ในหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ที่มีหน้าที่ต้องคอยขัดเกลา คอยสั่งสอน กระผม/อาตมภาพก็จะไม่ด่าให้เสียเวลา แต่คราวนี้อยู่ในหน้าที่อย่างนั้นก็จำเป็นที่จะต้องทำ

แต่บางคนที่เข็นไม่ไหวจริง ๆ กระผม/อาตมภาพก็ต้องปล่อยให้เป็น ปาปมุติ ผู้ที่พ้นแล้วจากบาปทั้งปวง คืออยากทำอะไรก็ทำไปเลย เพราะว่าวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ด่าไปเท่าไร ไม่เคยมีการแก้ไข ก่อนหน้านี้เด็กวัดอย่างเจ้าไพศาล อาตมาก็ด่าอยู่บ่อย ๆ แต่ด่าไปก็ไม่เคยจำเกินสองชั่วโมง ก็เลยเลิกด่า ทุกวันนี้อยากจะทำอะไรก็เรื่องของมึง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2022 เมื่อ 19:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 27-04-2022, 07:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปัจจุบันนี้อีกคนที่จะเลิกด่าก็คือทิดตรง พระเดินแถวบิณฑบาตไม่เกิน ๒๐ รูป ไม่เคยดูได้ทั่วว่าพระเณรรูปไหนมีกับข้าวคาบาตรคามืออยู่ แม้กระทั่งอาตมาเองยืนอยู่ตรงนั้น ทิดตรงก็เฝ้าอยู่ตรงนั้น พอโยมวางถุงกับข้าว ทิดตรงฉวยได้ปั๊บก็ไปเลย พอวางถุงขนมมาอาตมาก็ต้องหิ้วเอง ด่ากี่ครั้งก็ไม่เคยจำ เท่าที่สังเกตดูก็คือวันรุ่งขึ้นจำหน่อยหนึ่ง วันที่สองก็ไม่จำแล้ว..!

แม้กระทั่งในตลาด บอกว่าอย่าเดินบังกล้อง เพราะว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะถ่ายรูปพระ ก็บังเสียทุกกล้อง แม้กระทั่งกล้องของเมียตัวเองก็บังหมด ถ้ากระผม/อาตมภาพเป็นเมีย กลับไปจะตบให้หน้าหัน..! จนกระทั่งเพื่อนเรียกว่า "ไอ้ตรง" ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมชื่อนี้ถึงมาได้ ก็คือเพราะว่าเป็นคนเถรตรง ทำอะไรทำแค่เฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้สนใจที่จะทำให้ดีขึ้น ไม่ได้สนใจที่จะดูรอบข้างให้ครบถ้วนสมบูรณ์

เพราะฉะนั้น...บุคคลเหล่านี้อาตมภาพถือเป็นปาปมุติ ในเมื่อเข็นไม่ไป ก็หาทางไปเองก็แล้วกัน ต้องบอกว่าเมตตาแล้ว กรุณาแล้ว มุทิตาแล้ว พาไปไม่ไหวก็ต้องอุเบกขา แล้วถ้ากระผม/อาตมภาพอุเบกขา ก็จะอุเบกขาได้หนักกว่าคนทั่วไปด้วย ถ้าตราบใดที่ยังด่าอยู่ ขอให้รู้ว่าตัวเองยังพอที่จะเคี่ยวเข็ญขัดเกลาได้ เลิกด่าเมื่อไร ก็ไปนั่งน้ำตาไหลได้แล้ว เพราะว่าที่เหลือต่อไปนี้ จงทำเองเถิด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-04-2022 เมื่อ 19:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 27-04-2022, 07:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยมากคนทั่ว ๆ ไปจะไม่กล้าด่า ไม่กล้าว่าในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะว่ารักตัวเองมากเกินไป กลัวเขาจะเกลียดขี้หน้าเรา แต่กระผม/อาตมภาพในฐานะครูบาอาจารย์ ก็ต้องปากเปียกปากแฉะไปเรื่อย เพียงแต่พิจารณาแล้วว่าบางรายนี้ ต่อให้พูดจนปากฉีกถึงหู ก็ยังเป็นเหมือนเดิม เป็นคนที่เที่ยงตรงต่อปฏิปทาตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดจะเปลี่ยนตามใคร ถ้าอย่างนั้นก็ทางใครทางมัน แล้วก็ดันไม่เดินไปตามทางมัน แต่ดันเดินตามมาเรื่อย ๆ วันดีคืนดีจะถีบให้สักทีหนึ่ง..!

ผู้ใดรับหน้าที่ธรรมกถึก เตรียมขึ้นธรรมาสน์ได้แล้ว ทายกไม่จุดเทียนสักทีก็ไม่ขึ้นธรรมาสน์สักทีหนึ่งเหมือนกัน โบราณเขาเรียก "เทียนส่องธรรม" เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วโบสถ์ กุฏิ วิหาร ศาลา สมัยก่อนสร้างแบบมืด ๆ ทึม ๆ แล้วก็ไม่มีไฟฟ้าเหมือนกับสมัยนี้ จึงต้องมีเทียนเอาไว้เพื่ออ่านพระคัมภีร์เทศน์ สมัยนี้มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ว่าการจุดเทียนส่องธรรมเป็นประเพณีไปแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าการจุดเทียนในปัจจุบัน เป็นสัญญาณว่าให้ขึ้นธรรมาสน์ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2022 เมื่อ 19:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 27-04-2022, 07:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(หลังจากเทศน์วันสงกรานต์และการเจริญพระพุทธมนต์จบลง ต่อไปเป็นการถวายภัตตาหารแก่หมู่สงฆ์)

การถวายสังฆทานนั้นคำว่าสังฆะหรือหมู่สงฆ์ หมายถึงพระภิกษุสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป คราวนี้พระวัดท่าขนุนมีอยู่ ๔๐ กว่ารูป ก็ต้องบอกว่ามากกว่าหมู่สงฆ์ทั่วไปถึง ๑๐ เท่า ก็ต้องใช้คำว่า มหาสังฆทาน อานิสงส์จะมากกว่าทานทั่วไปเป็นแสนเท่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2022 เมื่อ 19:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 28-04-2022, 19:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันพุธที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕

เดี๋ยวเราเข้าสู่การปฏิบัติธรรมในช่วงบ่ายกัน การปฏิบัติธรรมนั้นหลักการที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำแล้วต้องรักษาอารมณ์ใจเอาไว้ได้ พวกเราทั้งหลายมีความดีเป็นพิเศษตรงที่ว่า ทำแล้วก็ทิ้งหมด...! ประมาณว่าลูกเศรษฐี ได้มาเท่าไร ก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่เหลือเลยสักบาท ไปหากินเอาข้างหน้า..!

ความจริงลักษณะอย่างนี้น่าจะเข้าถึงธรรมกันมาก เพราะว่าไม่มีความห่วงใย ไม่มีความกังวล แต่คราวนี้ที่พวกเราไม่สามารถจะเข้าถึงธรรมกันได้ ก็อย่างที่กล่าวไปเมื่อเช้า คือ กำลังไม่พอ เหตุที่กำลังไม่พอ ก็เพราะว่าใช้หมด ก็เป็นเหตุเป็นผลกันอยู่แค่นี้แหละ

สำคัญอยู่ตรงที่ว่า พวกเราเข็ดหรือยัง ? เข็ดหรือยังกับการที่ปฏิบัติธรรมไปแล้ว จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ฟุ้งซ่าน อยากเอาหัวโขกข้างฝา ทำไปเท่าไร กำลังดี ๆ อยู่ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ? เราทำตัวเราเองทั้งนั้น ไปโทษกิเลสไม่ได้นะ เพราะว่าเราไปเปิดช่องให้ ถึงเวลาก็ เต โสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา จะไปหวังว่ามารอย่าได้ช่องเลย ฝันไปเถอะ..มาทุกช่องนั่นแหละ..!

หน้าที่ของเราก็คือ ปิดช่องทางทั้งหลายเหล่านั้น สำรวม กาย วาจา ใจ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ทุกอย่าง เห็นคนอื่นทำสบาย ๆ ไม่ได้หมายความว่าเราทำอย่างนั้นแล้วจะได้อย่างเขา ที่เขาสบายได้ เพราะว่าเขาลำบากมาจนนับไม่ถ้วนแล้ว ของเราเองต้องลำบากก่อน แล้วค่อยไปสบายเมื่อปลายมือ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 28-04-2022, 19:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ต้องทุ่มเทกันชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก การที่เราเวียนว่ายตายเกิดมานับกัปป์นับกัลป์ไม่ถ้วน เกิดไม่รู้ว่ากี่ชาติกี่ภพแล้ว ถ้ากระดูกไม่เปื่อยสลาย ป่านนี้ก็ท่วมโลกไปยันดวงอาทิตย์แล้ว..! ที่พูดถึงนี่แค่คนเดียวเท่านั้นนะ เข็ดหรือยัง ? เมื่อครู่บอกแล้วว่าเข็ดหรือยัง กับการที่ปฏิบัติธรรมไปดี ๆ แล้วก็จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก จากพ่อเทวดา แม่นางฟ้า กลายเป็นหมาขี้เรื้อน..!

ถ้าเข็ดก็ต้องรู้จักระมัดระวัง สังเกตว่าคราวที่แล้วเราพลาดตรงไหน ถ้าหากว่าเราพลาดแล้วก็แก้ไข ถ้าหากว่าเข็ดแล้ว ต้องพยายามใช้ปัญญาที่พอจะมีอยู่ พิจารณาดูว่าเราพลาดตรงไหน แล้วระมัดระวังไว้ อย่าให้พลาดตรงนั้นอีก

โดยเฉพาะกำลังใจของเรา ต้องเข้มแข็งกว่านี้ ไม่ใช่พลาดทีก็ไปนั่งเสียอกเสียใจ ร้องไห้คร่ำครวญ การปฏิบัติพังไปเป็นเดือน ๆ ทันทีที่รู้ตัวว่าเราพลาด ก็ตั้งกำลังใจใหม่เลย ว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้มีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาไป

กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบไว้ว่า มีคนสองคนเดินมาด้วยกัน ล้มพร้อมกัน คนหนึ่งลุกได้ก็เดินต่อไปเลย ส่วนอีกคนหนึ่งก็นั่งคร่ำครวญอยู่นั่นแหละ "โอ๊ย...เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน ไม่น่าล้มเลย มาได้ตั้งไกลแล้ว" สองคนนี้ใครจะได้ระยะทางมากกว่ากัน ? ก็ต้องคนที่ล้มแล้วลุกไปต่อเลย

เพราะฉะนั้น…การทำความดีเราก็ต้องหัดหน้าด้านไว้ พลาดไปแล้วก็แล้วกัน ถ้าไม่พลาดเรานี่เก่ง..! แต่ถ้าพลาดเมื่อไร เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ระมัดระวังไว้อย่าให้พลาดตรงนั้นอีก เดี๋ยวเขาก็มามุมใหม่ ยิ่งล้ม..ยิ่งได้ประสบการณ์ ทำถูกได้กำไร ทำผิดได้บทเรียน ไม่มีเสียเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 03:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 28-04-2022, 19:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โบราณเขาบอกว่า "ผิดเป็นครู" ของพวกเราน่าจะเกินครู ไปอยู่ในระดับศาสตราภิชาน อภิชาน..ผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่ง ศาสตราภิชาน..ผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในความรู้แขนงนั้น แต่ถ้าหากว่าเป็นตำแหน่งพระราชทานจะเรียกว่าศาสตราจารย์..อาจารย์ผู้มีความรู้ ไม่ใช่ศาสดาจารย์ ศาสดาจารย์..อาจารย์ของพระศาสดา..ซึ่งไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เอง..!

ใช้ให้ถูกด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ถ้าเป็นอาจารย์พิเศษก็จะเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ รองศาสตราจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์พิเศษ บางมหาวิทยาลัยก็ใช้คำว่าศาสตราจารย์เกียรติคุณ หรือศาสตราภิชาน

เราว่าไปถึงตรงที่ว่า การทำความดีต้องหน้าด้าน แต่อย่าให้ใจด้าน ใจของเราต้องรู้ผิดชอบชั่วดี พร้อมที่จะแสวงหาความดีอยู่เสมอ แต่เราจะไม่มัวไปเสียอกเสียใจกับสิ่งที่พลาดพลั้งไปแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติต่อไป ถ้าทำอย่างนี้ได้ โอกาสก้าวหน้าจะมี ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้ก็อีกนาน พอได้ยินว่าอีกนาน ก็ใจหายแว็บ..นานเท่าไรก็ทุกข์เท่านั้น ถึงได้ถามพวกเราว่าเข็ดกันหรือยัง ?

ตราบใดที่ยังไม่เข็ด เราก็ยังไม่เอาจริง สวดมนต์ทุกวัน นั่งกรรมฐานเช้าเย็นนี่ยังไม่เอาจริงอีกหรือ ? ยังไม่เอาจริงหรอก ถ้าคนเอาจริงนี่ ทุกวินาทีเขาจะไม่ให้ใจหลุดจากความดีเฉพาะหน้าเลย แค่สวดมนต์เช้าเย็นนั้นยังห่างไกล นั่งกรรมฐานเช้าชั่วโมง เย็นชั่วโมงแถมเข้าไปด้วย วันหนึ่งได้ ๒ ชั่วโมง แล้วอีก ๒๒ ชั่วโมงเป็นอย่างไร ? ขาดทุนไหม ? ลองนึกถึงว่าเราว่ายทวนน้ำมาวันละ ๒ ชั่วโมง แล้วปล่อยไหลตามน้ำไป ๒๒ ชั่วโมง ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิด ก็รู้ว่าขาดทุนอย่างแน่นอน..!

เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมทำเท่าไรแล้วไม่ได้ผลสักที ก็เพราะว่าทำผิดวิธี ถ้าทำดีทำถูก ก็ไปนานแล้ว ไม่มานั่งอยู่นี่หรอก และก็น่าจะไปตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ไปว่าอะไรคนอื่นได้ อาตมาเองสมัยพุทธกาลยังไปดูเขาทำสังคายนาพระไตรปิฎกกันอยู่เลย แต่ก็ยังมานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ แสดงว่าไม่แน่จริงพอกันนั่นแหละ..!

ด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าเขาสังคายนาพระไตรปิฎกอย่างไร ? ลองย้อนอดีตไปดู ที่แท้ตัวเองก็ไปนั่งอยู่ด้วย ไปอาศัยกิน..! สมัยนั้นเป็นพราหมณ์ซึ่งถือว่าเป็นนักบวช ถึงเวลาเขาถวายอาหารพระสงฆ์ ก็พลอยได้กินไปด้วย ไม่ได้ไปด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างจริง ๆ จัง ๆ ตอนนั้นหยิ่งในความรู้ตัวเอง ว่าตัวเองรู้มาก ในเมื่อรู้มากแล้วทำไมต้องไปฟังคนอื่นด้วย ? ก็เลยพลาดของดีไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 03:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 29-04-2022, 15:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมเพิ่มอีกจำนวนมาก

"แล้วนี่มาจากไหนกัน ? เมื่อเช้าไม่ได้เยอะอย่างนี้ไม่ใช่หรือ ? ตั้งแถวดี ๆ ดูแนวด้วยว่าห่างกันเท่าไร แล้วแถวอยู่ตรงเส้นไหนของแผ่นกระเบื้อง ถ้ามีเชาวน์ไหวพริบหน่อยเดียว ก็เป็นอันว่าจบ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน ถ้าหากว่าขนาดบอกแล้วยังทำไม่ได้นี่ สมัยก่อนเป็น "ครูพักลักจำ" ไม่ได้

ครูพักลักจำ คือ คนที่อยากได้วิชาของเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาหวง เขาจะถ่ายทอดเฉพาะลูกศิษย์ที่เขามั่นใจในความประพฤติ หรือไม่ก็ให้เฉพาะคนในครอบครัว เราก็ต้องทำตัวเป็นคนเดินทาง ถึงเวลาไปขออาศัยเขานอน สมัยก่อนนี้แขกขึ้นได้ทุกบ้าน ไปบ้านไหนเขาก็ทักทายเรียกหา "เชิญกินข้าวกินปลาก่อน ถ้าจะไปทางไกลก็พักผ่อนก่อนพ่อคุณ"

คราวนี้พอเจ้าของบ้านทำอะไรให้เห็น เราก็แอบดูแล้วก็จำไว้ เก็บเอาไปทำเอง เขาถึงได้เรียกว่าครูพักลักจํา คือไปอาศัยพักอยู่กับเขา แล้วก็แอบจำความรู้เขามาใช้

เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าเชาวน์ไม่พอ ไหวพริบไม่มี ก็เป็นครูพักลักจำไม่ได้ แบบเดียวกับในเรื่องเล่าที่ว่า อาจารย์มีลูกศิษย์ ๒ คน แล้วก็มอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็โกรธ "ผมมั่นใจว่าผมเก่งพอกับเขา แล้วทำไมอาจารย์ไม่ให้ตำแหน่งผม ?"

พอดีเด็กน้อยวิ่งมาบอก "เจ้าคุณปู่..หมาออกลูกอยู่ใต้ถุน" ท่านก็เลยบอกลูกศิษย์สองคน "มึงลองไปดูซิ ใครจะไปก่อน ?" ไอ้คนเก่งก็ลงไปก่อน กลับมาอาจารย์ถาม "หมามีลูกกี่ตัว ?" ตอบ "ห้าตัวครับ" อาจารย์ถามต่อ "ตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว ?" คราวนี้ตอบไม่ได้

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 18:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 29-04-2022, 15:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต่อไปให้อีกคนไปดู คนนั้นลงไป ขึ้นมาถึงบอกเลย หมามีลูก ๕ ตัว ตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว สีอะไรบ้าง เห็นหรือยังว่าไหวพริบต่างกันแค่ไหน ? ยังไม่มั่นใจอีกใช่ไหม ? คราวนี้ให้ไปเก็บน้ำค้างยอดหญ้ามา อาจารย์จะทำน้ำมนต์รดให้ จะได้สำเร็จวิชา ส่งขันใบเบ้อเร่อให้คนละลูก ปรากฏว่าคนที่อวดเก่งได้น้ำค้างมาไม่กี่หยด อีกคนได้มาเต็มขันเลย จนคนที่อวดเก่งโมโหว่าอีกคนต้องไปแอบตักน้ำคลองมาแน่เลย

อาจารย์เลยถามว่า "แกทำอย่างไร ?" ลูกศิษย์คนนั้นก็ตอบ "ก็ไม่มีอะไรครับ ไปถึงผมก็เอาผ้าขาวม้ารูดพรืด แล้วก็บิดใส่ขัน" ในขณะที่อีกคนไปเขย่าเอาทีละหยด เห็นหรือยังว่าไหวพริบต่างกันแค่ไหน ? ดังนั้น...ตรงนี้ไม่มีตำแหน่งเจ้าสำนักให้ เอาไว้ตายแล้ว..ปล่อยให้ทะเลาะกันเอง..สนุกดี...!

กลับมาที่เรื่องการปฏิบัติของเรา ที่พวกเราปฏิบัติแล้วไม่ได้ผล อันดับแรกก็คือ ทำแล้วรักษาอารมณ์ใจไว้ไม่ได้ ไม่ยอมทุ่มเทให้กับการปฏิบัติอย่างจริงจัง เพราะว่ายังไม่เข็ด ถ้ารู้จักเข็ต จะรู้จักระมัดระวัง คนล้มแล้วเจ็บ ล้มบ่อย ๆ ก็ต้องระวังไม่ให้ล้มจนเจ็บอีก

ต่อมาก็จะเริ่มชนะบ้าง แต่บอกว่าชนะก็ไม่ใช่หรอก เริ่มแพ้น้อยลง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 18:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 29-04-2022, 15:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วต่อมาชนะกับแพ้ก็ก้ำกึ่งกัน คราวนี้จะสนุกมาก โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรม ลุ้นกันว่าคะแนนนี้เราจะได้ หรือว่ากิเลสจะได้ ดูหนังดูละครอะไรก็ไม่อยากดูหรอก ถึงเวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมเท่านั้น ใครมาคุยเรื่องนอกทุ่งนอกท่าไม่รู้จัก ลิซ่า Black Pink เป็นใครกูไม่รู้ โกโกวาทำนองอย่างไรกูไม่บอก บอกไม่ได้เพราะว่าไม่เคยฟัง ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างเดียว

คราวนี้ก็จะชนะมากกว่าแพ้ ความรอบคอบมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ ท้ายที่สุดก็จะไม่แพ้อีก อย่างที่เราต้องการ

แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงจุดนั้นได้ ก็หกล้มหกลุกกันนับครั้งไม่ถ้วน ครูบาอาจารย์กว่าจะมาเป็นครูบาอาจารย์ได้ ถ้าเป็นนักรบก็แผลทั้งตัว พลาดมาแล้วทั้งนั้น ถ้าไปดู Robert Ruark เขาเขียน The old man and the boy เขาบอกว่า "วัยเด็กเป็นวัยที่ลองผิดลองถูกด้วยความอยากรู้ วัยชราคือเอาประสบการณ์ที่ตัวเองรู้ผิดรู้ถูกแล้วไปสอนให้เด็ก" สรุปว่ากูผิดมาแล้วทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องมาแหกตาหรอก..กูรู้ทัน..ประมาณนั้น

ดังนั้น...ตรงจุดนี้พวกเราทั้งหลายส่วนใหญ่แล้วยังขาดบารมีอยู่มาก บารมี..กำลังใจที่ช่วยในการบรรลุมรรคผล ขาดอะไร ?
ขาดวิริยบารมี..ความเพียรไม่พอ
ขันติบารมี..ความอดทนไม่พอ
ปัญญาบารมี..รู้ไม่เท่า ไล่ไม่ทัน วิธีการงัดขึ้นมาใช้ไม่ได้ผล โดนกิเลสตบคว่ำคาเวที..!


ปัญญาบารมีไม่พอ รู้ว่าบกพร่องตรงไหนก็พยายามทำตรงนั้น ในเมื่อเราแก้ไขจุดอ่อนของเราได้ เดี๋ยวเขาก็มาช่องอื่นอีก เราก็ค่อยไล่แก้ต่อไป ปะจนไม่มีที่ให้ปะแล้ว ในที่สุดก็ไม่ต้องแก้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 18:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 01-05-2022, 10:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนสวดพระพุทธมนต์ถวายหลวงปู่สายช่วงเย็น วันพุธที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕

กระผม/อาตมภาพกลายเป็น "ผู้เสี่ยงสูง" อีกแล้ว เพราะว่าเมื่อตอนบ่าย ตั้งใจแค่จะไปดูเขาจัดสถานที่ถวายน้ำสรงศพหลวงพ่อพระครูเกษมกาญจนกิจ ปรากฏว่าไปถึง รถพยาบาลเอาศพมาส่งพอดี แล้วก็หาคนที่มีความชำนาญในการเปลี่ยนผ้าผ่อนให้กับพระท่านไม่ได้ กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องทำเอง

ว่ากันว่าท่านมรณภาพเพราะเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เปลี่ยนผ้าครองให้ท่าน โกนหนวดโกนเคราให้ท่าน เสร็จแล้วก็กลับมาหาพวกเรา เผื่อว่าถ้าได้เชื้อมา จะได้แบ่งปันกัน หลวงพ่อเป็นคนใจดี ไม่ค่อยหวงอะไร ได้อะไรมาก็เอามาฝากทุกคนทั่ว ๆ กัน..!

คราวนี้ท่านที่เคยมาวัดอาจจะรู้สึกว่าบรรยากาศแปลก ๆ เพราะว่าปกติ ๖ โมงเย็นก็ทำวัตร หลังจากนั้นประมาณ ๑๘.๕๐ น. ก็ทำวัตรอีกรอบหนึ่ง แต่เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันที่ ๑๓ ของเดือน เป็นวันที่จะมีการสวดพระพุทธมนต์ถวายหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ซึ่งท่านมรณภาพมา ๓๐ ปีแล้ว

ทางด้านวัดท่าขนุนตั้งแต่พระอธิการสมเด็จ วราสโย เจ้าอาวาสรูปต่อจากหลวงปู่สาย จนถึงพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต เจ้าอาวาสรูปต่อมา แล้วมาถึงพระครูวิลาศกาญจนธรรม จึงถือแบบธรรมเนียมว่า หลวงพ่อมรณภาพวันที่ ๑๔ กันยายน ก็เลยทำบุญถวายท่านทุกวันที่ ๑๔ ของทุกเดือน ด้วยการสวดมนต์เย็นวันที่ ๑๓ แล้วก็มีแสดงพระธรรมเทศนา ทำบุญใส่บาตรทุกวันที่ ๑๔

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2022 เมื่อ 18:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 01-05-2022, 10:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปกติแล้วระเบียบประเพณีอะไรที่เห็นว่าไม่เข้าท่าเข้าทาง เมื่อเป็นเจ้าอาวาส กระผม/อาตมภาพก็โละทิ้งหมด สมัยก่อนทางวัดท่าขนุนจะมีงานประจำปีช่วงวันมาฆบูชา ทำบุญกัน ๓ วัน ๓ คืน มาถึงรุ่นอาตมาขี้เกียจมาก เลยทำวันเดียว ใครอยากจะทำอีก ๒ วันให้ไปทำเองที่บ้าน..!

แต่ว่างานนี้เป็นงานที่
กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี ได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อครูบาอาจารย์ ก็เลยคงไว้ แล้วก็เป็นการผ่อนในส่วนของระเบียบวัด ที่ต้องให้มีทำวัตรเช้าเย็นรวมแล้ววันหนึ่งตั้ง ๓ รอบ พอวันที่ ๑๓ จึงให้เหลือแค่สวดมนต์เย็นเท่านั้น

แล้ววันที่ ๑๔ งานทำบุญ ก็จะถวายปัจจัยพระภิกษุสามเณร แล้วก็มีเงินประจำให้กับแม่ชี และฆราวาสที่อยู่ในวัด พูดง่าย ๆ ว่า "เป็นวันเงินเดือนออก" เพราะฉะนั้น..ทุกคนก็จะตั้งหน้าตั้งตารอวันที่ ๑๔ เพราะว่าเงินเดือนจะออก วัดท่าขนุนเงินเดือนออกสองรอบ คือรอบต้นเดือน กับรอบกลางเดือน เหตุที่ทำอย่างนั้น เผื่อว่าใครอยากซื้อหวย จะได้มีเงินไปซื้อ..! แต่อย่าให้เจ้าอาวาสรู้ ถ้าเจ้าอาวาสรู้ มีสิทธิ์โดนทันที..!

วันนี้ก็เลยเหลือแค่สวดมนต์เย็น คราวนี้เราต้องเข้าใจว่าการใช้ภาษานั้น เขามีระเบียบแบบแผนอยู่ว่า ถ้าเจริญพระพุทธมนต์ก็คืองานมงคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ งานทำบุญต่ออายุ งานถวายสังฆทานอะไร ก็ใช้ว่าเจริญพระพุทธมนต์

แต่ถ้างานที่เกี่ยวข้องด้วยผู้ตาย ไม่ว่าจะเป็นทำบุญ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ทำบุญครบรอบปี เขาจะใช้คำว่า สวดพระพุทธมนต์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2022 เมื่อ 04:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 01-05-2022, 10:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าเราได้ยินคนเขาใช้กัน จะได้เข้าใจ ถ้า "เจริญ" ก็แปลว่างานมงคล "สวด" เมื่อไรก็งานอวมงคล จะหาคนรู้ได้สักกี่คนกัน ? พระเณรเรายังใช้ผิดกันออกจะบ่อยไป อะไร ๆ ก็สวดมนต์ไว้ก่อน ก็แปลว่าอะไรก็เกี่ยวข้องกับงานศพไว้ก่อน..!

คราวนี้การที่ไปล้างหน้าศพ เปลี่ยนผ้า แต่งตัว นอกจากต้องมีความชำนาญแล้ว ยังต้องมีความกล้าอีกด้วย เพราะว่าหลายท่านกลัว กลัวทำไม ? ตอนที่โยมพ่อเสียชีวิต กระผม/อาตมภาพที่เคยนอนห้องเดียวกับท่านเพื่อดูแลท่านอยู่ตลอดหกปี ถึงจะเป็นห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ แต่พอคืนนั้นที่ไม่มีพ่ออยู่ด้วย รู้สึกเหมือนกับห้องนั้นกว้างสุดขอบฟ้าเลย..นอนไม่หลับ ท้ายสุดก็เลยคลานเข้าไปในมุ้งที่เขาเก็บศพ เข้าไปนอนอยู่ข้าง ๆ ค่อยหลับได้ แหม..เย็นดีจัง ถึงเวลาพิงถูกตัวศพก็เย็นเจี๊ยบเลย..!

ตอนหลวงปู่มหาอำพันมรณภาพ
กระผม/อาตมภาพก็นอนเฝ้าศพ ปิดไฟนอน ปรากฏว่าสักพักก็จะมีผู้เมตตามาเปิดไฟให้ เพราะว่าเขากลัวผี คนที่นอนอยู่ไม่กลัว แต่ต้องสะดุ้งตื่นทุกทีเพราะแสงไฟแยงตา อยากจะถามเหมือนกันว่า "แล้วจะเปิดหาต้นตระกูลบิดามารดาเอ็งหรืออย่างไร..!?" แต่เห็นว่าเขาหวังดี ก็เลยต้องเก็บคำผรุสวาทเอาไว้ แปลกใจว่ากระผม/อาตมภาพไม่กลัว แต่เขากลับกลัวแทน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2022 เมื่อ 18:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 01-05-2022, 10:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพมีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เป็นพยาบาลทหารอากาศ ยศสุดท้ายก่อนที่จะลาออก น่าจะเป็นนาวาอากาศโท ถ้าเป็นตำรวจก็ประมาณพันตำรวจโท ถ้าเป็นทหารบกก็พันโทหญิง เป็นคนกลัวผีมาก เป็นพยาบาลประสาอะไรวะ..กลัวผี ? เข้าห้องน้ำนี่ปิดประตูไม่ได้ ต้องเปิดไว้เตรียมวิ่งถ้าผีมา

ปรากฏว่าเวลาอยู่กับศพ แม่เจ้าพระคุณก็ประเภทสวมเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวให้ศพหน้าตาเฉย
กระผม/อาตมภาพถามว่า "แล้วไม่กลัวผีหรือ ?" เขาบอกว่า "ศพไม่ใช่ผี" เออ..แยกออกด้วย สรุปก็คือศพทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าศพไม่ใช่ผี..!

ก็น่าจะคิดแบบเดียวกับกระผม/อาตมภาพ ในเมื่อศพไม่ใช่ผี ก็เลยมีหน้าที่แต่งตัวศพ ล้างหน้า เช็ดตัว โกนหนวดให้ ถ้าหากว่าเพื่อนพระสังฆาธิการมรณภาพเมื่อไร แล้วพระอาจารย์เล็กอยู่ คนอื่นก็สบายใจ ไม่อย่างนั้นต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยมาแต่งตัวให้พระที่มรณภาพแทน

หลวงพ่อนวยท่านก็ประเภทไหน ๆ ก็เปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อน โกนหนวดโกนเคราให้ท่านจนหน้าตาผ่องใสดี ตอนเดินทางกลับท่านก็เลยตามมาด้วย ต้องบอก "โน่นเลยหลวงพ่อ..ศาลาวัดลิ่นถิ่นโน่น เขากำลังจัดงานศพอยู่ ไม่ต้องตามมาทางนี้..!" ท่านอายุ ๖๔ ปี มากกว่า
กระผม/อาตมภาพ ๑ ปี มรณภาพไปแล้ว..!

วันนี้นั่งคุยกัน หลวงพ่อชนะ (พระครูกาญจนชินธรรม) เจ้าอาวาสวัดเสาหงส์ อายุ ๕๙ ปี หลวงพ่อชัยนาม (พระครูสีลกาญจนคุณ) เจ้าอาวาสวัดหินดาด อายุ ๕๘ ปี หลวงพ่อสมจิตร (พระครูสุจิณบุญกาญจน์) เจ้าอาวาสวัดท่ามะเดื่อ อายุ ๖๕ ปี หลวงพ่อสมชาย (พระครูโกศลกาญจนวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดเชิงเขา อายุ ๖๗ ปี แล้วนั่งมองหน้ากัน วัดท่าขนุนก็ ๖๓ ปีแล้ว ใครจะเป็นคิวต่อไป ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2022 เมื่อ 18:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 01-05-2022, 10:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของความตาย ถ้าหากว่าเราเห็นเป็นปกติ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ว่าคนที่จะทำใจอย่างนี้ได้มี ๒ อย่างด้วยกัน

อย่างแรกก็คือ เห็นธรรมดา ในเมื่อเห็นธรรมดา ปัญญาถึง ก็ไม่กลัวความตาย

อย่างที่สองก็คือ ข่มเอาไว้ได้ พวกข่มเอาไว้ได้นี่สมาธิต้องดี ประมาณกระผม/อาตมภาพยุคแรก ๆ ที่โดนผีหลอก รู้สึกว่าสันหลังเย็นเจี๊ยบ ขนลุกเกรียว ๆ อยู่ตลอดเวลา ดูใจตัวเองแล้ว "นี่เอ็งกลัวผีนี่หว่า..!?" "เออ..กลัว" เพียงแต่กลัวแต่ไม่หนี ถ้าเขามาก็พร้อมที่จะเจรจาด้วย แต่ก็กลัว ระยะหลังนี่เลิกกลัวไปตอนไหนก็ไม่รู้ ?

เพราะฉะนั้น..ช่วงนี้อย่าเข้าใกล้
กระผม/อาตมภาพ เพราะว่าเป็นผู้เสี่ยงสูง ไปเปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อน เช็ดล้างศพที่มรณภาพ ซึ่งเขาเชื่อกันว่ามรณภาพเพราะเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ความจริงคนตายเชื้อโรคก็ตายหมดแล้ว อยู่ไม่ได้หรอก แบบเดียวกับคุณยายประคิณ สายชมจันทร์ สมัยที่คุณยายยังมีชีวิตอยู่ ก็ป่วยออด ๆ แอด ๆ ทั้งวัน คุณยายมีลูก ๕ คน ลูกทั้ง ๕ คนมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นทั้งนั้น

ที่เห็นต่อหน้าต่อตาก็คือ คุณพาโชค กระผม/อาตมภาพนอนอยู่ ห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน พี่สาวเขามาเรียก บอกว่า "โชคตากลับแล้ว ดูท่าจะไม่รอด นิมนต์หลวงพ่อไปดูหน่อยค่ะ" ก็เลยเข้าไป ปรากฏว่า "เขา" มารอรับแล้ว ถามผู้ที่มารับว่าเวลาเท่าไร เขาบอกว่าตีสาม ได้..พอทน..ก็เลยนั่งภาวนาเป็นเพื่อนอยู่จนตีสาม พวกที่มารับเขาทำงานตามเวลา ถ้าถึงเวลาแล้วไม่ได้ตัว เขาก็ต้องกลับ อาตมาไม่มีอะไรจะทำ ก็นั่งสัปหงกเป็นเพื่อนคนป่วย จนเลยตีสาม จากที่ป่วยเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็หายวันหายคืน ตอนนี้อ้วนปั้กเลย

แต่อย่าทำแบบนี้นะ ถ้าไม่ใช่ประเภทที่มีกรรมเนื่องกันมาจริง ๆ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ไปยุ่งด้วยหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2022 เมื่อ 04:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 02-05-2022, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในชีวิตเคยยุ่งไปแค่ไม่กี่คน คนแรกเป็นเด็กผู้หญิงเรียนชั้นมัธยม ตอนนั้นลงไปแถวบ้านเขาที่สุไหงโกลก พ่อแม่ก็อยากให้รู้ที่รู้ทาง ลูกสาวก็เลยเป็นไกด์พาหลวงพ่อเดินท่อม ๆ ดูโน่น ดูนี่ไปเรื่อย ไปจนถึงน้ำตก เดินอยู่ดี ๆ ลื่นพรวดไปกับน้ำตกเฉยเลย เล่นเอาพระต้องเผ่นพรวดลงไปคว้าขึ้นมา ปรากฏว่ามีไอ้ตัวดีผลักลงน้ำไป..!

ถามว่า "ทำไมวะ ?"
ผีเขาบอกว่า "ยายนี่หมดอายุแล้ว ต้องมาเอาไป"
ถามว่า "อายุเท่าไร ?"
เขาบอกว่า "สิบแปด"
ก็เลยบอกว่า "นี่คือเลขอะไร ?" ก็เขียนเลข ๑ กับ ๐
เขาบอกว่า "สิบ"
แล้วอาตมาก็เขียนเลข ๘ แล้วถามต่อว่า "แล้วนี่คือเลขอะไร ?"
เขาบอก "แปด"
เพราะฉะนั้น.."๑๐ คือสิบ แล้วนี่ (๘) คือแปด (๑๐๘) ยังไม่ถึงอายุเขา อย่าเสือกทะลึ่งมารับ !"

ปรากฏว่าผีโง่ไปหน่อย..ดันเชื่อ จากไปเลย ยายนั่นก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ อยู่ต่อไปเถอะ..หลวงพ่อไม่อยู่ด้วยหรอก..! แต่พวกเราอย่าไปหลอกผีแบบนี้นะ ถ้าจะหลอกผีแบบนี้ต้องมีต้นทุนพอ อันดับแรกก็คือ เราต้องไม่กลัวผี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2022 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 02-05-2022, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ถ้าหากจะว่าไปแล้ว เป็นของแถมในการปฏิบัติธรรม ก็คือพอจิตสงบก็เหมือนกับน้ำนิ่ง สามารถสะท้อนเงาทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างลงไปอย่างชัดเจน แต่ถ้าจัดการไม่ดีนี่ซวยมาก เพราะว่าจะติดอยู่แค่นั้นแหละ ไปไหนไม่รอด ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร ยิ่งโดนหลอกได้ง่ายเท่านั้น

เหมือนที่กระผม/อาตมภาพเคยยกตัวอย่างว่า เห็นเขาไล่ยิง ไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีด ลากปืนไปช่วย จะโดนเขากระทืบตาย เพราะว่าเขาถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมาจริงไหม ?..ก็จริง แล้วเรื่องที่เห็นจริงไหม ?..ไม่จริง

ดังนั้น..ถ้าใครมีประสบการณ์ภาวนาแล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ให้ใช้สติสัมปชัญญะอย่างมาก ๆ เลย สมัยก่อนที่อยู่วัดท่าซุงด้วยกัน พระพี่พระน้องเป็นสิบ ๆ ราย มีเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยเป็นหัวโจก ถึงเวลาหลังปฏิบัติธรรมรอบหนึ่งทุ่มแล้ว ก็มานั่งฉันน้ำปานะ มาเล่าถวาย วิเคราะห์วิจัยกัน อารมณ์ใจวันนี้เป็นอย่างไร ? เอ็งเห็นอะไรมา ? เอ็งเจออะไรบ้าง? ท้ายที่สุดทุกคนเหลือคาถาเหมือนกันบทเดียวว่า "กูไม่เชื่อ" จำไว้ให้แม่น ๆ เลยนะ "กูไม่เชื่อ" เชื่อเมื่อไร..โดนต้มเมื่อนั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2022 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว