กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-03-2011, 10:38
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,886 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default ทำงานรอความตาย แต่ตายเปล่า

ทำงานรอความตาย แต่อย่าตายเปล่า
ขอตายเป็นครั้งสุดท้าย


สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

๑. “อย่าหนักใจเรื่องงาน เพราะงานทางโลกเป็นไตรลักษณ์ไม่มีใครทำเสร็จสมบูรณ์ได้ งานทางโลกที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้วคือภาระที่จะต้องเลี้ยงดูขันธ์ ๕ หรือร่างกายนั้นทุกข์อยู่แล้ว”

๒. “ให้พิจารณาเข้าหากฎของธรรมดา เพราะไม่มีงานไหนที่จักไม่มีอุปสรรค ไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นธรรมดาของโลก” (อุปสรรคหรือปัญหาคือทุกข์ คนฉลาดเขาพิจารณาทุกข์เป็นอริยสัจ ซึ่งเป็นปัญญาสูงสุดในพุทธศาสนา และมีแต่เฉพาะพุทธศาสนาเท่านั้น)

๓. “อย่าลืม คำว่างานนี้ (งานทางโลกที่นอกเหนือจากภาระที่ต้องดูแลเลี้ยงดูขันธ์ ๕) เป็นงานอดิเรก ทำไปวันหนึ่ง ๆ ก็เป็นการทำเพื่อพระนิพพานโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำงานรอความตาย ตายเมื่อไหร่ต้องพร้อมที่จักทิ้งไปได้ตลอดเวลา หมายความว่าเป็นผู้ไม่ประมาทในความตาย พร้อมตาย และซ้อมตายไว้เป็นปกติธรรม มีมรณาควบอุปสมานุสติอยู่เสมอ

๔. “เรื่องการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุก็เป็นธรรมดา ถึงคราวเคราะห์อกุศลกรรมให้ผลก็ต้องเจ็บ พวกปุถุชนจักมีความประมาทในชีวิตมาก ถ้าหากจักถึงตายก็ตายเปล่าเพราะตั้งตัวตั้งใจกันไม่ทัน โดยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับนับถือความตาย ไม่เคยคิดว่าตนเองจักตาย ทั้ง ๆ ที่คนอื่นเขาตายให้เห็นอยู่เป็นปกติทุกวัน”

๕. “จริง ๆ การเกิดขึ้นมาก็ก้าวไปหาความตายทุกวัน ขณะจิตใดขณะจิตหนึ่ง มีความตายรออยู่ได้ทุก ๆ โอกาส ไม่ขณะจิตใดก็ขณะจิตหนึ่งต้องตายแน่ ๆ จักต้องยอมรับอย่างนี้ จึงจักเข้าถึงความเป็นจริงได้

๖. “ปกติจิตปุถุชนนี้ฝืนความเป็นจริง หลักธรรมปฏิบัตินี่จักต้องปฏิบัติเข้าหาความเป็นจริง ให้แน่ใจว่าร่างกายนี้ต้องตายแน่ ๆ ในขณะจิตใดก็ขณะจิตหนึ่ง ยอมรับนับถือกฎธรรมดาของร่างกายเอาไว้ และปักหลักไว้อย่างมั่นคง เราตายในขณะจิตใดขณะจิตหนึ่งก็ตามที เราพร้อมที่จักไปพระนิพพาน(ด้วยอุบายง่าย ๆ ว่า รู้ลม-รู้ตาย-รู้นิพพาน)

๗. “แต่ในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่นี้ พยายามตรวจดูศีล-สมาธิ-ปัญญา อย่าให้พร่องไปจากจิตหรืออารมณ์ได้แม้แต่ขณะจิตหนึ่ง อย่าลืมนะ คำว่าเผลอจักต้องมี เผลอแล้วก็ตั้งต้นใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจิตจักชินอยู่ในความดีของหลักธรรมปฏิบัติเหล่านี้ เมื่อนั้นอารมณ์ศีล-สมาธิ-ปัญญาจักทรงตัว คำว่าคิดชั่วมันจักไม่ยอมคิดเลย

๘. “พวกเจ้าลองทำดู เมื่อแน่ใจว่าจิตนี้ชินแล้วกับความดีของศีล-สมาธิ-ปัญญา ก็ลองให้จิตคิดชั่วดู จิตมันจักคิดได้ไม่นาน มันก็จักตัดอารมณ์นั้นทิ้งไป แล้วหันมาคว้าอารมณ์ศีล-สมาธิ-ปัญญาอันทรงตัวตามเดิมเข้าไว้ตามความจริง

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว