กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-11-2022, 18:46
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,612
ได้ให้อนุโมทนา: 216,308
ได้รับอนุโมทนา 741,194 ครั้ง ใน 36,098 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-11-2022, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของทางคณะสงฆ์ไทย เพราะว่าเป็นวันที่กำหนดให้มีการสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอก (สนามหลวง) ประจำปี ๒๕๖๕ เป็นวันแรก ซึ่งจะต้องมีพิธีเปิดตามสนามสอบต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ

คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี โดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ให้แบ่งสนามสอบของจังหวัดกาญจนบุรีออกเป็นแค่ ๒ สนามเท่านั้น เพื่อความสะดวกในการควบคุมดูแล ก็คือสนามสอบที่ ๑ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) สนามสอบที่ ๒ วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร ทั้ง ๒ สนามนั้นต่างก็มีคณะกรรมการ ตลอดจนกระทั่งผู้อำนวยการสนามสอบ ช่วยดูแลอยู่อย่างเข้มงวดและใกล้ชิด

กระผม/อาตมภาพและคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้นขึ้นอยู่กับสนามสอบที่ ๑ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) แต่ว่าเมื่อทำพิธีเปิด และได้เยี่ยมสนามสอบทั้ง ๒ ส่วน ก็คือส่วนของนักธรรมชั้นเอกและนักธรรมชั้นโทเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร ซึ่งเป็นสนามสอบที่ ๒ ในฐานะพระสังฆาธิการฝ่ายอำนวยการไปตรวจเยี่ยมสนามสอบ และถวายปัจจัยสนับสนุนสนามสอบด้วย ซึ่งการกระทำแบบนี้นั้นก็เป็นการแสดงออกซึ่งน้ำใจ ของบรรดาเจ้าคณะพระสังฆาธิการฝ่ายปกครองต่าง ๆ ที่จะมีต่อการสอบในแต่ละปี

กระผม/อาตมภาพซึ่งให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาของคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก จึงไม่รับงานอื่น นอกจากว่าจะมีงานที่รับเอาไว้ก่อน แล้วเกิดกำหนดงานสอบของทางแม่กองธรรมสนามหลวงมาชนกันพอดี ถ้าอย่างนั้นก็จะมอบหมายให้เลขานุการมาทำหน้าที่แทน แล้วกระผม/อาตมภาพไปยังงานที่ได้รับเอาไว้ แต่ถ้าหากว่ารู้ล่วงหน้าก็จะไม่รับงานใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากจะมาเป็นกรรมการอำนวยการสอบแล้ว ก็ยังร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลในนามคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิด้วย ส่วนของปัจจัยนั้น มอบให้สนามสอบในนามของตนเอง ก็เรียกว่า "งานหลวงก็ไม่ให้ขาด งานราษฎร์ก็ไม่ให้เสีย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2022 เมื่อ 00:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-11-2022, 23:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทำการเยี่ยมสนามสอบครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ก็ได้เดินทางกลับไปพักที่วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม ปล่อยให้คณะกรรมการคุมห้องสอบปฏิบัติหน้าที่ของตนไป กระผม/อาตมภาพเองก็มาดูแบบพระสมเด็จคำข้าว วัดท่าขนุน ซึ่งได้ให้ทางผู้ออกแบบเขียนเป็นพระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร

เหตุที่ได้แบบเช่นนั้นมาก็เพราะว่าได้รับคำบอกกล่าวจากครูบาอาจารย์ว่า ในเรื่องของพระสมเด็จคำข้าวนั้นเป็นไปในเรื่องของลาภผลโดยตรง แต่ว่าในระยะนี้ตรงกับสงครามใหญ่ จึงต้องเน้นการป้องกันเอาไว้ด้วย ในลักษณะของ "เศรษฐีสงคราม" ก็คือรวยด้วย เอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ด้วย คาดว่าถ้าหากว่าทำเสร็จในช่วงไหน แล้วหาวันเวลาที่เหมาะสมได้ ก็จะทำการบวงสรวงพุทธาภิเษก กราบขอบารมีพระท่านสงเคราะห์อีกวาระหนึ่ง

ความจริงจะว่าไปแล้ว พระสมเด็จคำข้าววัดท่าขนุนรุ่นนี้ พระท่านสงเคราะห์ให้ตั้งแต่ตอนทำผงอย่างเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเสกซ้ำก็ได้ แต่ว่าที่เสกซ้ำนั้นก็เป็นไปตามที่ครูบาอาจารย์ได้ให้แนวทางเอาไว้ว่า "เพื่อรักษากำลังใจของคนที่รับไปบูชา" บุคคลที่กำลังใจอ่อน ถ้าไม่เห็นพิธีกรรมใหญ่สมบูรณ์ตามรูปแบบ ก็อาจจะขาดความเชื่อมั่น ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองนั้นไม่ได้ใส่ใจบุคคลประเภทนี้อยู่แล้ว

แต่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้วางอุเบกขา ท่านมีเมตตากรุณาเป็นปกติ ตั้งใจสงเคราะห์ต่อหมู่คนโดยถ้วนหน้า จึงได้มีคำสั่งมาให้จัดการบวงสรวงพุทธาภิเษกอีกวาระหนึ่ง กระผม/อาตมภาพจึงจำเป็นที่จะต้องทำตามไป เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคำสั่งของครูบาอาจารย์ย่อมเหมือนกับประกาศิต เรามีหน้าที่รับมาใส่เศียรเกล้าแล้วปฏิบัติตามเท่านั้น ไม่ต้องไปสงสัยอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าสิ่งที่ครูบาอาจารย์หรือว่าพระท่านบอกมา ย่อมพอดี พอเหมาะ พอสม ทั้งสิ้น

แบบเดียวกับการสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๑ ศอกที่หน้าวัดท่าขนุน ซึ่งท่านสั่งให้ทำฐานขึ้นไปในขนาดเท่าไร และขณะเดียวกันก็ไม่ให้สร้างอาคารคลุมพระไว้ด้วย

ในตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ไม่สบายใจ กราบทักท้วงครูบาอาจารย์ไปว่า ตามที่เคยสั่งเอาไว้ก็คือ ถ้าหากว่าสร้างพระเมื่อไร อย่าให้ตากแดดตากฝน แต่ว่าคำสั่งครั้งนี้ก็คือ นอกจากจะไม่ให้ปิดทองหรือว่าลงสีทองแล้ว ยังให้ลงเป็นสีขาว และไม่ให้สร้างอาคารคลุมไว้อีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2022 เมื่อ 00:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-11-2022, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเอง ตอนแรกก็ทำไปด้วยความไม่สบายใจ แต่พอสำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ถึงได้เข้าใจ เพราะว่าถ้าเปรียบเทียบกับพระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๑ ศอก ที่ถอดพิมพ์ไป ๒๐๐ กว่าองค์ทั่วประเทศไทยแล้ว ของวัดท่าขนุนสวยงามโดดเด่นที่สุด ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ก็เด่นสง่างดงามประทับใจผู้พบเห็นเสมอ

ดังนั้น..ในเรื่องของพระหรือว่าครูบาอาจารย์ท่านสั่งอย่างไร กระผม/อาตมภาพก็จะทำตามอย่างนั้น เนื่องเพราะว่าถ้าทำเป็นรู้ดี ไปคัดค้านเมื่อไร สิ่งที่ปรากฏออกมาก็จะบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า คำสั่งของครูบาอาจารย์นั้นสมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว เราไปเติมเข้าก็เกิน ไปตัดออกก็ขาด

เรื่องของหลักธรรมก็เช่นเดียวกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกประการ ถึงพร้อมด้วยอรรถ คือเนื้อความ และพยัญชนะ คือความงามของอักขระหรือว่าความสอดคล้องของภาษา ก็แปลว่า สมบูรณ์บริบูรณ์ในทุก ๆ ด้าน เป็นเรื่องที่เรามีหน้าที่ปฏิบัติตามอย่างเดียว ไม่ใช่มาสงสัยว่าน่าเป็นอย่างนั้น ควรเป็นอย่างนี้ หรือว่าอย่างโน้นเรียกว่าอะไร อย่างนี้เรียกว่าอะไร

อย่างที่มีญาติโยมหลายท่านพยายามตั้งคำถามมา ต้องเรียกว่าถามไปแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น การที่เรียกว่าสิ่งนั้นคืออะไร ไม่ได้สำคัญ สำคัญอยู่ตรงที่ว่าท่านทั้งหลายทำได้ตามนั้นหรือไม่ ถ้าหากว่าทำได้เมื่อไร ก็จะสิ้นสงสัยไปเอง เพราะว่าคำพูดและตัวหนังสือนั้น ไม่สามารถอธิบายสภาวธรรมที่แท้จริงได้

สภาวธรรมที่เกิดขึ้นในใจนั้นเป็นปัจจัตตัง บุคคลที่ปฏิบัติถึงจึงจะเข้าใจและรู้แจ้งเห็นจริงตามนั้น เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าได้กระทำในลักษณะยึดมั่นถือมั่น เนื่องเพราะว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็คือ เมื่อเราไปปฏิบัติถึงระดับไหน ก็จะไปยึดมั่นว่า ธรรมะที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนก็ดี ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ดี ที่แท้ก็คืออย่างนี้เอง โดยที่ไม่ได้คิดพิจารณามากไปกว่านั้น เพราะความยึดติด หรือว่าทิฏฐิมานะของตน

จนกระทั่งการปฏิบัติผ่านพ้นไป แล้วก้าวเข้าสู่ระดับที่ละเอียดกว่า สูงกว่านั้น ก็จะเห็นว่า อ้าว..คราวที่แล้วเราผิดนี่นา แล้วก็ไปยึดมั่นถือมั่นอีกว่าจุดที่ตนเองเข้าถึงนั้นว่า ต้องใช่อย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าตราบใดที่ท่านทั้งหลายยังมีกำลังใจอยู่ในลักษณะอย่างนี้ โอกาสที่จะเข้าถึงความดีที่แท้จริงก็จะมีน้อยมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2022 เมื่อ 00:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-11-2022, 23:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือมีบุคคลที่มักจะสอบถามเกี่ยวกับสภาวะพระนิพพานว่า มีลักษณะเป็นดินแดนหรือไม่ ? หรือว่ามีสภาพสูญ เรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพเคยอธิบายไปแล้ว และขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า บุคคลที่เข้าไม่ถึงอารมณ์พระนิพพาน พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ถกเถียงกันก็เป็นไปตามกิเลสในใจของตนเท่านั้น

ลักษณะเดียวกับที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรียบไว้ว่า เต่าสามารถขึ้นไปบนบก เมื่อท่องเที่ยวดูสิ่งต่าง ๆ จนครบถ้วนตามที่ตนเองต้องการแล้ว ก็ลงน้ำไปบอกกล่าวให้ปลารู้ แต่ทำอย่างไร ปลาก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการไปถึงได้

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าปลาไม่สามารถที่จะขึ้นจากน้ำไปได้ ต่อให้มีปลาพันธุ์พิเศษอย่างปลาตีน ก็ขึ้นจากน้ำได้แค่ระยะใกล้ ๆ ฝั่งเท่านั้น ไม่สามารถที่จะมีประสบการณ์ชัดเจนแบบเดียวกันเต่า

แล้วถ้าหากว่านกมาบอกกับปลาว่า สภาพของโลกนี้เป็นอย่างไร สภาพของท้องฟ้าเป็นอย่างไร ก็ไม่ต้องไปหวังเลยว่าปลานั้นจะเข้าใจ เพราะว่าแม้ปลาจะอยู่กับน้ำ แต่ว่าแม้แต่น้ำที่ตนเองอาศัยอยู่ ก็ไม่แน่ว่าจะมองเห็น การปฏิบัติธรรมจึงเป็นเรื่องของปัจจัตตัง ความรู้แจ้งเฉพาะตนที่ปฏิบัติเข้าถึงเท่านั้น คำพูดและตัวหนังสือเป็นสิ่งที่หยาบจนเกินไป ไม่สามารถที่จะอธิบายสภาวธรรมที่แท้จริงได้

กระผม/อาตมภาพเองนั้นก็คงต้องมีภาระในการเฝ้าสนามสอบ คอยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งเป็นเจ้าภาพในการถวายภัตตาหารเพลไปจนกว่าที่จะสอบเสร็จ ยกเว้นว่างานใด ถ้าหากว่ารับปากผู้คนเอาไว้ก่อนหน้าที่จะมีกำหนดการสอบครั้งนี้ ก็จะมอบให้เลขานุการมาปฏิบัติหน้าที่ในสนามสอบแทน ตนเองก็จะเดินทางไปตามงานที่รับปากเขาเอาไว้ แล้วกลับมาดูแลสนามสอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2022 เมื่อ 00:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว