กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-09-2022, 17:40
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,962 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-09-2022, 23:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพไปร่วมการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดตะคร้ำเอน หมู่ที่ ๖ ตำบลตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ช่วงเช้า แล้วก็ลากยาวมาจนถึงพิธีปิดเมื่อสักครู่นี้เอง

เมื่อเสร็จจากพิธีปิดแล้ว ก็ได้เดินทางมายังวัดท่ามะขาม เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของงาน ซึ่งพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลเพื่อที่จะหาทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม

กระผม/อาตมภาพนั้น ในตอนแรกขอให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ แต่ว่าท่านไม่อยากจะมีภาระรัดตัวจนกระทั่งทำอย่างอื่นได้ยาก จึงได้ขอให้พระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ.๓) อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท อดีตเจ้าอาวาสวัดธุดงค์สมเด็จ อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส โยกย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดราษฎร์ประชุมชนารามแห่งนี้ โดยที่พระมหานันทวัฒน์ท่านรับปากว่า จะช่วยในเรื่องของการบูรณปฏิสังขรณ์ทุกอย่าง โดยขอให้กระผม/อาตมภาพเป็นประธานอุปถัมภ์

ในงานนี้การเป็นประธานอุปถัมภ์นั้น ถือว่าเป็นประธานอุปถัมภ์ที่สบายที่สุด เนื่องจากว่าศักยภาพของพระมหานันทวัฒน์ หรือว่าพระอาจารย์มหาเอ หรือว่าหลวงพ่อมหาเอของหลายท่านนั้น มีศักยภาพเกินกว่าความเป็นเจ้าอาวาสไปมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการสอนธรรมนำปฏิบัติ ที่ท่านมีความคล่องตัวมาตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส เมื่อถึงเวลามาบวช บรรดาท่านที่เคยติดตามกันมาตั้งแต่สมัยฆราวาส ก็ให้การอุปถัมภ์ค้ำจุนกันต่อมา จนกระทั่งสามารถตั้งเป็นคณะกันขึ้นมาได้ โดยเฉพาะมีการเปิดบ้านสุมโนในการสอนกรรมฐานและภาวนาพระคาถาเงินล้านเป็นประจำ

ดังนั้น..หน้าที่ของประธานอุปถัมภ์อย่างกระผม/อาตมภาพ หลัก ๆ เลยก็คือทำหน้าที่ตรวจงาน และบวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคล เพื่อให้ท่านนำไปหาทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวัดราษฎร์ประชุมชนารามแห่งนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2022 เมื่อ 01:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-09-2022, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

งานนี้เมื่อมาตรวจการณ์แล้วก็เห็นว่า มีการสร้างรูปท่านปู่ท่านย่า ซึ่งถ้าหากว่าเป็นสายหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็จะทราบดีว่าท่านปู่ท่านย่านั้นเป็นใคร แต่ถ้าหากว่าเป็นสายอื่นได้ยิน ก็อาจจะงง ๆ อยู่บ้าง

ท่านปู่ก็คืออดีตชาติของพระเจ้าพังคราชแห่งเมืองโยนกเชียงแสน ท่านย่าก็คือพระนางพังครานี พระราชินีแห่งนครโยนกเชียงแสน ซึ่งทั้ง ๒ สองท่านนั้น ในอดีตชาติเคยเป็นบิดามารดาของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงมาก่อน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อเกิดมาชาตินี้ ท่านไปสบายอยู่ข้างบน จึงให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อหลวงพ่อฤๅษีฯ ตลอดมา แล้วก็มาถึงลูกหลานของหลวงพ่อฤๅษีฯ อย่างพวกกระผม/อาตมภาพหรือว่าพระอาจารย์มหาเอด้วย

ดังนั้น..การสร้างรูปท่านปู่ท่านย่าขึ้นมาบูชา นอกจากเป็นเทวตานุสติแล้ว ก็ยังถือว่าเป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทิตา จากการที่ท่านให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์มาโดยตลอด ลูกหลานจะได้มีรูปของท่านเอาไว้กราบไหว้บูชา

โดยเฉพาะการสร้างครั้งที่แล้ว ซึ่งตอนที่พระอาจารย์มหาเอท่านมอบรูปท่านปู่ท่านย่าให้ เมื่อถ่ายรูปออกมาก็มีภาพปาฏิหาริย์ ที่รูปท่านปู่ท่านย่าสว่างไสวกว่าปกติจนเห็นได้ชัด แต่ว่าองค์นั้น กระผม/อาตมภาพได้มอบให้กับหลานรัก ก็คือลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ไปแล้ว

อีกส่วนหนึ่งที่เห็นก็มีรูปหล่อของพระอนุรุทธเถระ ซึ่งพระอนุรุทธเถระนั้นจะว่าไปแล้ว ท่านเป็นพระผู้เป็นเอตทัคคะในทางทิพจักขุญาณ

แต่ว่าส่วนหนึ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลยก็คือ พระอนุรุทธเถระนั้น ท่านเป็นต้นตำรับของการอธิษฐานว่า "ขอให้ความไม่มีจงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าเลยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" จนกระทั่งชาติต่อ ๆ มาที่ท่านเกิดมา มีความสมบูรณ์บริบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แม้กระทั่งมาเกิดเป็นอนุรุทธราชกุมารในศากยวงศ์ ก็ไม่เคยประสบความขาดแคลนแม้แต่ประการเดียว ไม่รู้แม้กระทั่งว่าอาหารนั้นเกิดขึ้นที่ไหน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2024 เมื่อ 13:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-09-2022, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในการสนทนากันระหว่างราชกุมารในศากยตระกูลนั้น เมื่อตั้งปัญหากันขึ้นมาว่า "ภัตคืออาหารนั้น เกิดขึ้นที่ใด ?" เจ้าชายภัททิยะมีประสบการณ์สูงสุด เพราะว่ากษัตริย์สมัยนั้นต้องทำนาด้วย ได้ให้คำตอบว่า "ภัตนั้นเกิดขึ้นในนา" เจ้าชายกิมพิละไม่มีประสบการณ์อย่างนั้น แต่เคยเห็นข้าทาสบริวารขนข้าวออกมาจากยุ้ง ให้คำตอบว่า "ภัตนั้นเกิดขึ้นในยุ้ง" เจ้าชายอนุรุทธไม่เคยเห็นในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น นอกจากเป็นอาหารสำเร็จรูปอยู่ในสำรับแล้ว จึงให้คำตอบว่า "ภัตนั้นเกิดขึ้นในจาน"..!!!

โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแข่งขัน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือ "เปตอง" แต่สมัยนั้นบาลีใช้คำว่า "ลูกขลุบ" ในเมื่อมีการแข่งขันโยนลูกขลุบ อนุรุทธราชกุมารพ่ายแพ้ต้องเสียขนม ซึ่งแต่ละวันจะได้รับพระราชทานมาให้แก่เพื่อนฝูงไปแทน เมื่อถึงเวลาจึงบอกให้คนรับใช้ไปขอขนมมาจากพระราชมารดา

เมื่อพระราชมารดาเห็นว่าลูกเอาแต่เล่นลูกขลุบ แล้วก็แพ้พนันอยู่เรื่อย ขอขนมอยู่เรื่อย จึงอยากจะสอนให้ลูกรู้ว่า สิ่งที่ต้องการนั้นบางทีก็ไม่ได้อย่างใจ จึงได้เอาถาดเปล่าใบหนึ่งรอง ถาดเปล่าใบหนึ่งคว่ำไว้ แล้วส่งให้คนรับใช้ซึ่งทำสีหน้างง ๆ ว่า พระมเหสีจะเล่นอะไร ? ปรากฏว่าพระมเหสีได้ตอบว่า "ถ้าหากราชกุมารถามว่า ขนมไม่มีหรือ ? ให้ตอบไปว่า นี่คือขนมไม่มี..!"

ปรากฏว่าด้วยบุญเก่าที่อนุรุทธราชกุมาร ในอดีตได้อธิษฐานเอาไว้หลังจากทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วว่า
"ขอให้ความไม่มีจงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าเลยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" ทำให้เทวดาทั้งหลายไม่สามารถที่จะทนอยู่ได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องมีด้วยอำนาจบุญ จึงได้เนรมิตขนมทิพย์จนเต็มถาด ให้ราชกุมารได้เสวยแทน

เมื่อเปิดถาดขึ้นมา ปรากฏว่ากลิ่นหอมของขนมทิพย์นั้นขจรขจายไปไกลมากเป็นพิเศษ ดังนั้น..พระอนุรุทธเถระจึงได้ถามคนรับใช้ว่า "ขนมนี้เรียกว่าขนม ?" คนรับใช้ก็ตอบตามที่พระมเหสีกำชับไว้ว่า "นี่คือขนมไม่มี" อนุรุทธราชกุมารเสวยแล้วอร่อยมากเป็นพิเศษ จึงไปต่อว่าพระราชมารดาว่า "วันก่อน ๆ ไม่รักลูกหรืออย่างไร ถึงได้ไม่เคยทำขนมไม่มีนี้ให้ แต่ว่าวันนี้กลับทำมาให้ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2022 เมื่อ 01:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 18-09-2022, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระราชมารดาเป็นผู้ที่มีความฉลาด สมกับที่เป็นมเหสีของวงศ์กษัตริย์ ทราบว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดด้วยบุญของลูก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงได้ล้างถาดเปล่าสะอาด ใบหนึ่งตั้ง ใบหนึ่งคว่ำ แล้วให้คนรับใช้นำไปถวายอนุรุทธราชกุมารทุกวัน อนุรุทธราชกุมารก็ได้เสวยขนมทิพย์เทวดาเนรมิตอยู่ทุกวัน

นี่คือแรงอธิษฐานที่คำว่า
"ขอให้ความไม่มีจงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าเลยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" จึงทำให้การสร้างรูปพระอนุรุทธเถระนั้น ถือว่าเป็นการสร้างที่เหมาะสมมาก

อีกประการหนึ่ง พระอนุรุทธเถระนั้นเป็น ๑ ในพระเถระสำคัญหลายองค์ ที่ได้สงเคราะห์พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ มา ในลักษณะของการเป็นครูบาอาจารย์ ช่วยแนะนำความรู้ในด้านต่าง ๆ ประกอบไปด้วยพระโมคคัลลานเถระ พระสารีบุตรเถระ พระอนุรุทธเถระ พระอานนทเถระ พระมหากัจจายนเถระ เป็นต้น ในเมื่อท่านเองเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็เท่ากับว่าเป็น "อาจารย์ปู่" ของบรรดาลูกศิษย์หลานศิษย์อย่างพวกเราด้วย

อีกส่วนหนึ่งที่พระอาจารย์มหาเอท่านได้สร้างไว้นั่นก็คือพระสมเด็จยอดบายศรี ซึ่งท่านได้รวบรวมเอาบรรดาบายศรีที่ใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ มาตากแห้ง บดเป็นผงเอาไว้แล้วนำมาเป็นส่วนผสม ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสงสัยว่าพระสมเด็จยอดบายศรีนั้นสำคัญอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพอยากจะยกตัวอย่างหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เจ้าของพระปิดตาอันดับหนึ่งในประเทศไทย ที่ราคาไปถึงเลข ๘ หลัก..! ก็คือถ้าหากว่ามีคนต้องการและเป็นองค์ที่สวยจริง ๆ เขาสู้ราคากันหลายสิบล้าน..! หลายองค์ซื้อขายกันแพงกว่าสมเด็จวัดระฆังเสียอีก..!

หลวงพ่อแก้ว เมื่อท่านทำบายศรีบวงสรวง ท่านจะปั้นรูปพระปิดตา ๓ องค์หันหลังชนกัน มีรูอยู่ตรงกลางแล้วเสียบไว้บนยอดบายศรีเสมอ เป็นการถวายพุทธบูชาด้วยสิ่งที่เลิศที่สุด ด้วยสิ่งที่สูงที่สุด โดยเฉพาะเชื่อกันว่า พระยอดบายศรีนั้นสามารถที่จะพลิกชีวิต เปลี่ยนชะตา กลับร้ายกลายดี ปรารถนาสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะประสบความสำเร็จสูงสุดในหน้าที่การนั้น ๆ
ซึ่งราคาพระปิดตายอดบายศรี "สามเกลอ" บ้าง "สี่เกลอ" บ้างนั้น แพงกว่าราคาพระปิดตาทั่วไปอยู่มาก

เมื่อพินิจพิจารณาดูแล้ว การจัดสถานที่ก็เรียบร้อยดี วัตถุมงคลทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เนื่องด้วยครูบาอาจารย์หรือว่าปู่ย่าตาทวดของเรา วัตถุมงคลพิเศษที่สร้าง ก็มาจากผงยอดบายศรีในแต่ละพิธีที่เก็บไว้ กระผม/อาตมภาพก็วางใจว่า งานบวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคลในวันพรุ่งนี้นั้น จะเป็นงานที่ไม่หนักใจเลย เพราะว่าท่านทั้งหลายที่มีความเนื่องกันมาตั้งแต่ต้น ทำให้สามารถที่จะขอให้ท่านมาช่วยเสกให้วัตถุมงคลเหล่านั้น ประกอบไปด้วยพุทธบารมี ธัมมบารมี สังฆบารมี บารมีแห่งพรหมเทวดา บารมีแห่งครูบาอาจาย์อย่างเต็มเปี่ยมได้อย่างแน่นอน

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2024 เมื่อ 13:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว