กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-07-2021, 20:24
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,599
ได้ให้อนุโมทนา: 216,277
ได้รับอนุโมทนา 740,139 ครั้ง ใน 36,071 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-07-2021, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,401,179 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ก่อนอื่นก็ต้องแสดงความยินดีกับหลวงตาวัชรชัย ที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าเลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่พระราชภาวนาพัชรญาณ วิปัสสนาวิธานธุราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี ต้องบอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ที่เกิดจากโบสถ์วัดท่าซุงรูปแรกที่ได้เป็นพระราชาคณะ เพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล วิ.) ท่านบวชจากที่อื่น แล้วหลวงพ่อพระครูสุรินทร์ส่งมาจำพรรษาและช่วยงานหลวงพ่อวัดท่าซุง

ส่วนวันนี้ กระผม/อาตมภาพไปประชุม ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ก็คือเป็นการประชุมสัมมนาในโครงการขยายช่องทางการจราจรถนนสาย ๓๒๓ ช่วงอำเภอทองผาภูมิ-สังขละบุรี เป็น ๔ ช่องทางการจราจร ต้นทางก็คือบ้านท่าขนุน ปลายทางก็คือสะพานรันตี ซึ่งตรงจุดนี้เมื่อฟังทางผู้รับผิดชอบได้แจ้งเหตุผลและเนื้อหาต่าง ๆ คร่าว ๆ แล้ว ก็ได้ทำหน้าที่ของผู้เข้าร่วมประชุม ด้วยการให้คำแนะนำไปหลายอย่างด้วยกัน

ประการแรกเลยก็คือ ทางผู้รับผิดชอบโครงการมาเก็บข้อมูลการจราจรช่วงระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งอาตมภาพยืนยันว่าเป็นการเก็บข้อมูลที่ผิดพลาด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์..! เพราะว่าเป็นช่วงที่ไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาด การจราจรลดน้อยถอยลงไปมหาศาล แล้วทางโครงการยังต้องทำเผื่ออีก ๒๐ ปีข้างหน้า ซึ่งถ้าหากว่าตัวเลขผิดขนาดนี้ ก็ลำบากแน่ จึงแจ้งเขาไปว่าอย่างน้อยต้องคูณด้วย ๑๐ ถึงจะเป็นจำนวนจราจรที่เคยใช้งานจริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2021 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-07-2021, 22:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,401,179 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการที่สอง การทำโครงการไม่ครอบคลุมพอ ก็คือทำแค่สามแยกทองผาภูมิไปถึงแค่จุดพักรถสะพานรันตี ระยะทาง ๖๔ กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือเนินช้างร้อง ซึ่งเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก

และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเนินช้างร้องก็คือ เวลาวันหยุดหรือวันนักขัตฤกษ์ รถจำนวนมหาศาลจะต้องวิ่งไปวัดหลวงพ่ออุตตะมะ ถ้าหากว่าด้านหน้าเป็น ๒๒ ล้อสักคันหนึ่ง รถข้างหลังก็ติดยาวหลายกิโลเมตร เพราะว่าเป็นการจราจรที่ขึ้น ๑ ช่องทาง ลง ๑ ช่องทางเท่านั้น และถ้าทำเพื่อการขนส่งหรือว่าการท่องเที่ยว ทางด้านสายตรงควรจะทำให้ถึงวัดหลวงพ่ออุตตะมะ ทางด้านข้างก็คือทำไปถึงด่านพระเจดีย์สามองค์ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องเสียเวลามาศึกษาอีกกัน ๑ รอบ ซึ่งจะเป็นการผลาญงบประมาณเสียเปล่า ๆ หรือว่าเขาตั้งใจเช่นนั้นก็ไม่รู้ ? เพราะว่าส่วนที่สำคัญที่สุดที่ชาวบ้านเดือดร้อนกันอยู่ กลับทำโครงการไปไม่ถึง

ข้อต่อไปที่ได้ให้คำแนะนำไปก็คือ เส้นทางช่วงตั้งแต่น้ำตกเกริงกระเวียไปจนถึงเนินช้างร้อง มีดินสไลด์เป็นประจำทุกปี ซึ่งบางทีก็ลงมาปิดกั้นการจราจรไปทั้งเส้นทางเลย ต้องเสียเวลา
หลาย ๆ วันเพื่อมานำออกกัน

ประการต่อไปก็คือ ช่วงหน้าฝนลำห้วยอู่ล่องรองรับน้ำไม่ไหว จะมีน้ำล้นผ่านถนนช่วงบ้านวังเกียงอยู่เสมอ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เขาไม่สามารถที่จะมีได้ ถ้าไม่เข้ามาประชุมชาวบ้านในพื้นที่

อีกส่วนหนึ่งก็คือ อาตมาได้ขอทางเขาว่า โครงการของคุณเป็นโครงการขยายช่องทางการจราจรเป็น ๔ ช่องทาง แต่จากการที่คุณบรรยายมา บอกว่าขยายแค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งตรงนี้อาตมาก็เข้าใจ เพราะว่าบางช่วงนั้นเป็นถนนเลียบขอบเหว ถ้าต้องขยายเป็น ๔ ช่องทางนี่ลำบากหนักหนาสาหัส และต้องใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว

แต่จากสามแยกทองผาภูมิผ่านหน้าวัดท่าขนุน ไปจนถึงหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลท่าขนุน เป็นส่วนที่เป็นหน้าเป็นตาของถนนสายนี้ ขอให้ทำช่วงนี้ให้เป็น ๔ ช่องทาง ถ้าหากว่าติดขัดด้วยอะไร ทางด้านหน้าวัด อาตมภาพพร้อมที่จะทุบ จะรื้อ จะทำใหม่ให้..!


ทางด้านผู้จัดการโครงการยืนยันว่า ตรงจุดนี้เขามีโครงการที่จะขยายเป็น ๔ ช่องทางอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นโชคดีของวัดท่าขนุน เพราะว่าไม่อย่างนั้นก็ต้องมาระแวงว่าเมื่อไรเขาจะขยายถนน แล้วมากระทบกับทางวัดอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2021 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-07-2021, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,401,179 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนหนึ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเกิดผลกระทบแน่นอน อย่างที่อาทิตย์ก่อนที่เขามาขอติดตั้งเครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนที่พระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ของวัดท่าขนุน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตรงนี้ไม่ใช่แค่มลพิษทางเสียง และฝุ่นควันจากการก่อสร้างเท่านั้น ยังมีผลกระทบต่อแหล่งน้ำ ป่าไม้ สัตว์ป่า และประชาชนตลอดเส้นทาง

ยังโชคดีที่ฝ่ายวิศวกรออกแบบบอกว่า ได้คำนึงเผื่อถึงรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่ยังมีพลังอยู่ ถ้าเขาไม่ได้พูดถึงตรงนี้ ก็จะบอกกับเขาเหมือนกันว่า ไม่ว่ารอยเลื่อนเหมืองสองท่อ หรือว่ารอยเลื่อนด่านพระเจดีย์สามองค์ ต้องมีผลกระทบต่อการออกแบบแน่นอน จะต้องออกแบบเผื่อเอาไว้ด้วย

ตรงจุดนี้ พวกเราทั้งหลาย ถ้าหากว่าได้เข้าไปร่วมอยู่ในลักษณะของประชาพิจารณ์ หรือว่าในส่วนของการประชุมสัมมนาก็ตาม จำไว้เลยว่า ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือสติสัมปชัญญะ ถ้าขาดสติเมื่อไร เราจะโดนเขาลากไปตามเกมทันที

อย่างเช่นอาตมภาพ เคยไปฟังเขื่อนแห่งหนึ่งบอกว่า ตนเองกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นมา ๔,๐๐๐ ล้านบาทเพื่อสร้างเขื่อน เพราะว่าต้องการที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตร ๒ ล้าน ๕ แสนไร่ทางด้านล่าง กระผม/อาตมภาพยกมือขัดคอเดี๋ยวนั้นเลย บอกว่า

"คุณไม่จริงใจแล้วแบบนี้ การกู้เงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท ดอกเบี้ยปีละเท่าไร ? เงินต้นต้องคืนปีละเท่าไร ? สิ่งเดียวที่คุณจะคืนเขาได้คือต้องขายไฟ..! เพราะฉะนั้น..การที่คุณยกเอาประโยชน์ต่อการเกษตร ๒ ล้าน ๕ แสนไร่มา นั่นเป็นการบังหน้า แต่เจตนาคือคุณจะขายไฟ อาตมาไม่ได้กินหญ้า เพราะฉะนั้น..ช่วยเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-07-2021 เมื่อ 19:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-07-2021, 23:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,401,179 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าในเรื่องพวกนี้ บางทีถ้าหากว่าเรารู้มากไป ก็ไม่เป็นที่ชอบใจของคนอื่น แต่ขอยืนยันกับท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณรหรือฆราวาสก็ตาม ถ้าหากว่าเราฟังด้วยสติสัมปชัญญะที่มั่นคง การแยกแยะเนื้อเรื่องและเหตุผลจะเร็วมาก ท่านที่ทำไม่ถึงตรงนี้ก็ยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้าถึงเมื่อไร จะเห็นว่านอกจากประโยชน์ทางธรรม ซึ่งเราต้องการความรู้เท่าทัน รัก โลภ โกรธ หลง แล้ว ประโยชน์ทางโลกคือ ช่วยให้เรารู้เท่าทันเรื่องราวต่าง ๆ และมีการตัดสินใจที่เร็วขึ้นมาก ซึ่งเป็นของแถมที่ควรจะมีด้วย เพราะถ้าหากว่าการฝึกปฏิบัติธรรมของเราไม่สามารถใช้งานในทางโลกได้ ก็ถือว่าไม่สมบูรณ์

ดังนั้น...ถ้าหากว่าพวกเราเป็นผู้ที่มี สติ สมาธิและปัญญา ที่มั่นคง แหลมคม ว่องไว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือว่าทางธรรม เราสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะประโยชน์ที่เราพึงหวัง ก็คือการที่สามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน

เรื่องราววันนี้ แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับในพื้นที่ ก็คือทางวัดท่าขนุนก็ตาม แต่ว่าหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เราจะใช้ในการพินิจพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็ดี ในการที่จะใช้ สติ สมาธิ ปัญญา ในการระงับยับยั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ตลอดจนกระทั่ง ลด ละ เลิก จากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำไปใช้งานจริงได้ในชีวิตประจำวัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ถือว่าเราทั้งหลายปฏิบัติธรรมแล้วก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งเจริญพรบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลาย ทั้งที่นี่และที่บ้านไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-07-2021 เมื่อ 19:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว