เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๕

[ตัวเล็ก]

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๕

[เถรี]

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ภารกิจสำคัญในวันนี้ก็คือ การเดินทางไปถวายน้ำสรงศพพระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูอดุลพิริยานุวัตร (หลวงปู่ชุบ ปญฺญาวุโธ) ที่วัดวังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

เมื่อกลับมาแล้ว ก็มาระลึกได้ว่า หลายวันก่อนนั้นได้พิจารณาความเป็นไปของโลกด้วยแนวทางโหราศาสตร์ ซึ่งคนส่วนหนึ่งนิยมกัน ก็ปรากฏว่าดาวพฤหัสบดีนั้นอ่อนกำลังลงและโดนตรึงด้วยดาวบาปเคราะห์

ถ้าในลักษณะนี้ ก็จะต้องทำนายว่า บรรดาพระเถระหรือว่าพระภิกษุซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ ส่วนใหญ่ก็จะมีอันเป็นไป ซึ่งน่ากลัวตรงที่ว่า ระยะเวลานั้นค่อนข้างจะนาน ดังนั้น...พวกเราจะเห็นว่า ในระยะนี้หลวงปู่หลวงพ่อที่ทรงคุณความดีนั้น ทยอยกันล่วงลับดับขันธ์ไปหลายต่อหลายรูป

ตรงจุดนี้จะว่าไปแล้ว บางทีก็ดีต่อสถานการณ์ของประเทศชาติและของโลก เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายที่ทรงคุณความดีนั้น เปรียบเสมือนกับน้ำ เมื่อท่านทิ้งขันธ์ไปก็เท่ากับเอาน้ำมาดับไฟ จะช่วยผ่อนเบาสถานการณ์ที่รุนแรงของประเทศชาติ หรือว่าของโลกลงไปได้บางส่วน

แต่ส่วนที่ต้องระมัดระวังก็คือว่า บางตำราก็อ่านดาวพฤหัสบดีเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูงด้วย ในเมื่อตำราเดิมอ่านกันมาแบบนี้ เราก็ต้องระมัดระวัง ช่วยกันประคับประคองดูแล โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่มีความรับผิดชอบต่อเจ้าพระยามหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จบรมพระราชชนนีพันปีหลวง หรือว่าองค์ในหลวง สมเด็จพระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงทุกพระองค์

เรื่องแบบนี้ใครจะว่างมงายก็ตาม แต่กระผม/อาตมภาพในสมัยที่เพิ่งจะบวชได้ไม่นานนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านได้บอกว่า "แกลองไปศึกษาตำราโหราศาสตร์เอาไว้บ้าง ของเขาก็ใช้ได้"

เมื่อกราบเรียนถามว่า "คำว่าใช้ได้ของหลวงพ่อนั้น ใช้ได้ประมาณเท่าไรครับ ?" ท่านบอกว่า "โหราศาสตร์นั้นเป็นการเก็บสถิติต่อเนื่องกันมาเป็นพันปี แล้วสรุปลงมาเป็นศาสตร์ เมื่อสามารถสรุปลงมาได้ ก็ย่อมมีหลักการที่ถูกต้องอยู่ประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากว่าใช้ทิพจักขุญาณ เราสามารถที่จะรู้ได้ถูกต้องประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์"

ครั้นกระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามว่า "แล้วอีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ละครับ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่า "อีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์นั้น เป็นพวกที่กำลังใจล้นเกิน นอกเหตุเหนือผล ต่อให้บอกว่าไม่ดีอย่างไร คนทั้งหลายเหล่านี้ก็จะมุ่งมั่นฟันฝ่าชนิดหัวชนฝา และเป็นการชนชนิดที่หัวไม่แตก ก็ฝาพังเสียด้วย..!"

[เถรี]

ในเมื่อคนมีกำลังใจล้นเกินแบบนี้ ไม่ว่าจะตำราไหนก็ไม่สามารถที่จะทำนายได้ทั้งนั้น เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ประกอบไปด้วยขันติบารมี วิริยบารมีอย่างสูงยิ่ง บอกว่าไม่ดีอย่างไร ก็พยายามทำให้ดีจนได้ แต่ถ้าหากว่าบอกว่าดี ก็ไม่ได้ใส่ใจ เนื่องเพราะว่าสิ่งทั้งหลายนั้นท่านได้ทำเป็นปกติอยู่แล้ว

ครั้นสอบถามอีกว่า "แล้วกระผมควรที่จะศึกษาทางด้านไหนก่อน ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็เมตตาบอกว่า "ให้ไปดูเลข ๗ ตัวและมหาทักษาเอาไว้เป็นหลัก" เมื่อได้ลองศึกษาดูแล้ว ก็ได้ขอเอาวันเดือนปีเกิดจากบุคคลรอบข้าง โดยเฉพาะญาติพี่น้อง หรือว่าบุคคลที่คุ้นเคย ซึ่งเราได้รู้จักวิถีชีวิตของเขาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อนำมาถอดออกมา ก็ปรากฏว่าเป็นไปตามตำราเสียส่วนใหญ่

แต่เพื่อความแน่ใจ ก็ต้องขอจากบุคคลอื่นที่เราไม่รู้จักมักคุ้นมากออกไป ทำให้สามารถที่จะรู้เห็นได้ว่า ตำราโหราศาสตร์นั้นเป็นเรื่องที่สามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง เพราะว่าสามารถบอกความเป็นจริงให้เราทราบได้ ซึ่งถ้าเอาตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านให้ตัวเลขไว้ ก็คือประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์

แต่เมื่อเกิดการบอกปากต่อปากออกไปว่า กระผม/อาตมภาพดูหมอแม่น ก็มีคนมากวนชนิดที่หัวไม่วางหางไม่เว้น จนกระทั่งต้องเลิกไปโดยปริยาย เนื่องเพราะว่าความต้องการของคนนั้น ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะสะดวกหรือไม่ เอาความพอใจของตนเป็นใหญ่ ถึงขนาดที่พอไม่ดูให้ ก็ด่ากระผม/อาตมภาพชนิดสาดเสียเทเสียมาแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเลิกเสียดีกว่า มาภายหลัง พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม หรือว่าหลวงพี่มหาเอของหลายท่าน ก็ได้ศึกษาวิชาการเหล่านี้สืบเนื่องมา แต่ก็สู้คนไม่ไหวเช่นกัน ท้ายสุดก็ต้องทิ้งการดูหมอ แล้วมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา

[เถรี]

ถ้าท่านทั้งหลายต้องการที่จะพึ่งพาเรื่องเหล่านี้ ปัจจุบันนี้ก็คงต้องพึ่งพาพระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม เจ้าอาวาสวัดพุทธพรหมยาน อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องเพราะว่าท่านใช้ตำราโหราศาสตร์ได้คล่องตัวระดับเป็นครูสอนคนอื่นได้เลย และอายุของท่านยังน้อย ยังมีเรี่ยวแรงพอที่จะต่อสู้กับความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุดของญาติโยมทั้งหลายได้อยู่

แต่ขอให้ทุกท่านเข้าใจว่า ในเรื่องของโหราศาสตร์นั้น ต่อให้ดูแม่นดูเก่งขนาดไหนก็ตาม ก็จะได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้บอกเอาไว้

เมื่ออยู่ในระยะที่สามารถกราบเรียนถามครูบาอาจารย์ที่ไม่มีตัวตนได้ว่า "โหราศาสตร์ทำไมถึงถูกต้องแม่นยำ ?" ก็ได้รับคำอธิบายว่า "ในเรื่องของโหราศาสตร์นั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องของกรรมนั่นเอง ก็คือคนเราทำกรรมดีกรรมชั่วมาใกล้เคียงกัน ก็จะได้เกิดในวัน เวลา หรือว่าสถานที่ใกล้เคียงกัน เพื่อที่จะรับผลบุญผลกรรมที่ตนเองสร้างมา บุคคลที่เกิดในวันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ ก็คือเกิดมาตามเวรตามกรรมที่ตนได้สร้างสมมาตั้งแต่อดีต"

"ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อถึงเวลา สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม ก็จะเกิดขึ้นใกล้เคียงกัน เพราะว่าทำบุญทำบาปมาใกล้เคียงกัน จึงสามารถที่จะสรุปลงมาเป็นตำราโหราศาสตร์ได้ในระดับหนึ่ง"

แต่ส่วนที่สามารถแก้ไขชะตาชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้จริง ๆ นั้น คือการปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

ทานที่จะมีอานิสงส์ใหญ่ ช่วยให้พวกเรามีกำลังที่จะหนีบาปหนีเคราะห์ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรที่จะเป็นระดับสังฆทาน วิหารทาน หรือว่าธรรมทาน

ในส่วนของศีลนั้น ถ้าท่านทั้งหลายสามารถตั้งหน้าตั้งตารักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ต่อเนื่องสัก ๗ วัน ๑๐ วัน หรือว่า ๑๕ วัน อานุภาพของศีลก็จะเริ่มปรากฏขึ้นมารักษาตัวเรา เพราะว่าการรักษาศีลนั้น มีผลมากกว่าการให้ทานเป็นร้อยเท่า

ยิ่งถ้าหากว่าท่านทั้งหลายได้ภาวนาชำระใจของตนให้ปราศจากกิเลสชั่วคราว คือ สามารถทรงสมาธิสมาบัติในระดับอัปปนาสมาธิ ตั้งแต่ปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ซึ่งกำลังของปฐมฌานละเอียดนั้น สามารถที่จะกดกิเลสใหญ่ คือ รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเราให้ดับลงไปชั่วคราว ก็เท่ากับว่าท่านชำระจิตของตนให้ผ่องใสจากกิเลสได้ แม้ว่าจะเป็นชั่วครั้งชั่วคราว แต่ก็เป็นมหากุศลอย่างยิ่ง

[เถรี]

ในเมื่อเราสร้างกุศลใหญ่ด้วยทาน ด้วยศีล ด้วยภาวนา ก็เท่ากับว่าเราหนีห่างจากเคราะห์กรรมทั้งหลายเหล่านั้นออกไปได้ในระยะหนึ่ง ถ้าสามารถที่จะกระทำได้ต่อเนื่องยาวนานพอ ก็ทำให้เคราะห์กรรมทั้งหลายเหล่านั้น เข้ามาสนองเราได้ยาก เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าได้มักง่าย เนื่องเพราะว่าการที่ท่านทั้งหลายมักง่าย ขี้เกียจทำความดีด้วยตนเอง ไปอาศัยสิ่งภายนอก อย่างเช่นว่า ในเมื่อดวงไม่ดีก็เปลี่ยนชื่อ

กระผม/อาตมภาพไม่ได้คัดค้านการเปลี่ยนชื่อ ถ้าทำแล้วรู้สึกว่าดีก็ทำไปเถิด แต่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า การเปลี่ยนชื่อนั้น เราจะแก้ไขดวง คือกรรมเก่าของเราได้น้อยมาก แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเปลี่ยนความประพฤติ จากที่เราเป็นผู้ที่กระทำแต่เวรกรรมต่าง ๆ หันมาให้ทาน รักษาศีล เจริญกรรมฐาน ก็จะทำให้เกิดบุญใหญ่ขึ้นมา ทำให้สามารถที่จะเสริมดวง ที่จะทำให้ท่านทั้งหลายมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตได้ง่ายกว่า

ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเห็นดีเห็นงาม จักกระทำตาม กระผม/อาตมภาพก็พลอยยินดีด้วย ว่าท่านทั้งหลายนั้นได้แก้ไขดวงของตนเองได้ถูกตามวิธีในพระพุทธศาสนาแล้ว

แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่ได้ทำตาม แล้วยังไปอาศัยเรื่องภายนอก อย่างเช่นว่าเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนฮวงจุ้ย มาใช้สิ่งของที่คิดว่าเสริมดวงตนเอง เช่น เสื้อผ้าสีนั้นสีนี้ ก็แล้วแต่ท่านจะประพฤติปฏิบัติ แต่ให้สังเกตดูว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ สามารถช่วยให้เราดีขึ้นได้ เท่ากับที่เรามาสร้างความดีตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนาหรือไม่ ?

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)