กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-05-2022, 07:19
นักเดินทางสังสารวัฏ นักเดินทางสังสารวัฏ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2016
ข้อความ: 77
ได้ให้อนุโมทนา: 139
ได้รับอนุโมทนา 2,965 ครั้ง ใน 205 โพสต์
นักเดินทางสังสารวัฏ is on a distinguished road
Default เรื่องพระพุทธศาสนา และอารมณ์ของพระโพธิสัตว์

๑.ตามที่ผมได้ศึกษาปริยัติ และคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อเล็ก และได้ทำสมาธิเจริญสมถะ และวิปัสสนา จากประสบการณ์ของผมการทำสมาธิและเจริญวิปัสสนา
ตอนแรกเราก็ทำสมาธิเช่นอานาปานสติ เพื่อสร้างสติ
การที่เรามี สติ คือการรู้ตัวว่าเราตอนนี้กำลังคิดอะไร ตอนนี้อารมณ์ใดเกิดขึ้นอยู่ในจิต อารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในจิตเรียกว่าธรรมารมณ์ หรือในด้านอภิธรรมและปรมัตถธรรม จะเรียกว่าเจตสิก คืออารมณ์ของจิต พอเราทำสมาธิไปนาน ๆ เราจะมีมหาสติ คือ เป็นคนไม่เผลอ รู้ตัวตลอดเวลา พอจิตมีมหาสติ เราก็รู้เท่าทันธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิต ทั้งฝ่ายกุศล หรืออกุศล คือรู้ตัวว่าตอนนี้เรากำลังคิดในด้านดีหรือชั่ว หรือภาษาพระเรียกว่ากุศลธรรม และอกุศลธรรม กุศลธรรมก็เช่น คิดอยากตอบแทนพระคุณของพระรัตนตรัย มีความรู้สึกเกรงกลัวต่อบาปที่กำลังคิด ซึ่งก็คือหิริ และโอตตัปปะ อกุศลธรรมก็เช่น คิดจะเบียดเบียนคนอื่น มีอารมณ์โกรธ อาฆาต เป็นต้น

พอจิตมีสมาธิดีเช่นจิตทรงฌาน จิตก็มีมหาสติ พอจิตมีมหาสติ จิตก็มีปัญญามากรู้เท่าทันอารมณ์ต่าง ๆ ว่าอารมณ์ใดเป็นอารมณ์กุศล อารมณ์ใดเป็นอกุศล และจิตก็มีความเร็วกว่าเจตสิก คือจิตเร็วกว่าอารมณ์กุศล และอารมณ์อกุศล พอมาถึง ณ จุด ๆ นี้ จิตก็พอใจอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว คืออยู่กับอานาปานสติ เพราะเห็นประโยชน์ของความสุขเฉพาะหน้า คือสุขอยู่กับปัจจุบัน เพราะถ้าจิตไม่อยู่กับอานาปานสติ อีกสักพักมันก็ฟุ้งซ่าน และพอมาถึงตอนนี้ จิตก็มีมหาสติ มีสมาธิ มีปัญญามาก และธรรมดาของจิตก็มีอารมณ์คิดเป็นธรรมดา แต่จะคิดเฉพาะหน้า คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ อะไรที่เป็นโทษก็ไม่ไปยุ่งกับมัน เพราะถ้าไปยุ่งกับมัน เช่นไปคิดปรุงแต่งในด้านของอารมณ์อกุศลธรรม เช่นคิดอยากโกรธ อยากจะด่า อยากจะเบียดเบียนคนอื่น อารมณ์เหล่านี้ก็เหมือนกับไฟ พอไปโดนมันก็ร้องจ๊าก อันนี้ผมเปรียบเทียบให้ผมฟังนะครับ สรุปง่าย ๆ ทำสมาธิให้ดี สติก็มากขึ้นคือรู้ตัวมากขึ้น และพอเรารู้ตัวว่าอารมณ์ไหนที่เป็นกิเลสเข้ามาแล้ว ก็ต้องหยุดคิด หรือถ้าจิตไวจริง ๆ ก็สามารถไม่รับเข้ามาได้เลย และการที่จะทำให้จิตไว ต้องเริ่มจากการมีสมาธิที่ดีก่อน พอสมาธิดีแล้ว ก็เจริญวิปัสสนา เอาตัวปัญญาใช้หาเหตุหาผล เห็นโทษของอกุศลธรรม หรืออารมณ์ชั่ว ๆ ที่จะทำให้จิตเราเศร้าหมองเป็นต้น พอเราเห็นชัดเจน เราก็ไม่ยุ่งกับมัน สมมุติอารมณ์กิเลสเกิดขึ้น และเรารู้ตัว เราก็ไม่ไปคิดไปปรุงแต่งต่อ อารมณ์พวกนี้มันก็หายไป และในการใช้ชีวิตจริงผมก็มีสติรู้ตัวมากขึ้น สมมุติผมอยู่กับเพื่อนก็ต้องมีการกระทบ ทำให้เกิดอารมณ์โกรธ แต่พอผมรู้ทันผมก็ทำแบบหลวงพ่อสอน เอาจิตจับอานาปานสติตลอดเสมอ ๆ

เรื่องที่ผมเล่ามาจากที่ได้ศึกษาและได้ทำสมถะเจริญวิปัสสนาตามความเข้าใจของผม อยากให้หลวงพ่อยืนยันว่าผมเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ถูกอยากให้หลวงพ่อชี้แนะแก้ไขครับ

๒. ถ้าร่างกายเราเจ็บป่วยหนัก ๆ ไม่สามารถทำสมาธิได้ แต่ตัวปัญญาเห็นชัดเลยว่า ไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม เพราะมีแต่ทุกข์ มีแต่ความลำบาก พูดง่าย ๆ ไม่อยากเกิดอยู่ในวัฏสงสาร อยากไปแดนพระนิพพานจุดเดียว ถ้าตายแบบนี้จะไปแดนพระนิพพานได้ไหมครับ ต่อให้ตอนนั้นไม่มีสมาธิ

๓. ผมเคยอ่านเจอที่หลวงพ่อบอกประมาณว่า การที่พวกเราปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องแปลก และในฐานะที่หลวงพ่อก็เคยเป็นพระโพธิสัตว์ สร้างบารมีมามาก และได้เจอพระโพธิสัตว์จริง ๆ มามากเช่น หลวงพ่อวัดท่าซุง คำถามคือ เราจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าตัวเราปรารถนาพุทธภูมิจริง ๆ ไม่ใช่ปรารถนาพุทธภูมิเพราะโลกธรรม ๘ พูดง่าย ๆ ปรารถนาพุทธภูมิเพื่ออยากให้คนอื่นชมว่าเราดี เห็นเราเป็นผู้ประเสริฐ ให้คนเขาเกรงใจเป็นต้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นักเดินทางสังสารวัฏ : 17-05-2022 เมื่อ 16:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน
เด็กใต้ (18-05-2022), ถิรธรรม (17-05-2022), เถรี (17-05-2022), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (17-05-2022), ไพเดช (17-05-2022), สุธรรม (17-05-2022)
  #2  
เก่า 17-05-2022, 12:59
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,766
ได้ให้อนุโมทนา: 268,842
ได้รับอนุโมทนา 838,053 ครั้ง ใน 12,778 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : ตามที่ผมได้ศึกษาปริยัติ และคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อเล็ก และได้ทำสมาธิเจริญสมถะ และวิปัสสนา จากประสบการณ์ของผมการทำสมาธิและเจริญวิปัสสนา
ตอนแรกเราก็ทำสมาธิเช่นอานาปานสติ เพื่อสร้างสติ การที่เรามี สติ คือการรู้ตัวว่าเราตอนนี้กำลังคิดอะไร ตอนนี้อารมณ์ใดเกิดขึ้นอยู่ในจิต อารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในจิตเรียกว่าธรรมารมณ์ หรือในด้านอภิธรรมและปรมัตถธรรม จะเรียกว่าเจตสิก คืออารมณ์ของจิต พอเราทำสมาธิไปนาน ๆ เราจะมีมหาสติ คือ เป็นคนไม่เผลอ รู้ตัวตลอดเวลา พอจิตมีมหาสติ เราก็รู้เท่าทันธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิต ทั้งฝ่ายกุศล หรืออกุศล คือรู้ตัวว่าตอนนี้เรากำลังคิดในด้านดีหรือชั่ว หรือภาษาพระเรียกว่ากุศลธรรม และอกุศลธรรม กุศลธรรมก็เช่น คิดอยากตอบแทนพระคุณของพระรัตนตรัย มีความรู้สึกเกรงกลัวต่อบาปที่กำลังคิด ซึ่งก็คือหิริ และโอตตัปปะ อกุศลธรรมก็เช่น คิดจะเบียดเบียนคนอื่น มีอารมณ์โกรธ อาฆาต เป็นต้น

พอจิตมีสมาธิดีเช่นจิตทรงฌาน จิตก็มีมหาสติ พอจิตมีมหาสติ จิตก็มีปัญญามากรู้เท่าทันอารมณ์ต่าง ๆ ว่าอารมณ์ใดเป็นอารมณ์กุศล อารมณ์ใดเป็นอกุศล และจิตก็มีความเร็วกว่าเจตสิก คือจิตเร็วกว่าอารมณ์กุศล และอารมณ์อกุศล พอมาถึง ณ จุด ๆ นี้ จิตก็พอใจอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว คืออยู่กับอานาปานสติ เพราะเห็นประโยชน์ของความสุขเฉพาะหน้า คือสุขอยู่กับปัจจุบัน เพราะถ้าจิตไม่อยู่กับอานาปานสติ อีกสักพักมันก็ฟุ้งซ่าน และพอมาถึงตอนนี้ จิตก็มีมหาสติ มีสมาธิ มีปัญญามาก และธรรมดาของจิตก็มีอารมณ์คิดเป็นธรรมดา แต่จะคิดเฉพาะหน้า คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ อะไรที่เป็นโทษก็ไม่ไปยุ่งกับมัน เพราะถ้าไปยุ่งกับมัน เช่นไปคิดปรุงแต่งในด้านของอารมณ์อกุศลธรรม เช่นคิดอยากโกรธ อยากจะด่า อยากจะเบียดเบียนคนอื่น อารมณ์เหล่านี้ก็เหมือนกับไฟ พอไปโดนมันก็ร้องจ๊าก อันนี้ผมเปรียบเทียบให้ผมฟังนะครับ สรุปง่าย ๆ ทำสมาธิให้ดี สติก็มากขึ้นคือรู้ตัวมากขึ้น และพอเรารู้ตัวว่าอารมณ์ไหนที่เป็นกิเลสเข้ามาแล้ว ก็ต้องหยุดคิด หรือถ้าจิตไวจริง ๆ ก็สามารถไม่รับเข้ามาได้เลย และการที่จะทำให้จิตไว ต้องเริ่มจากการมีสมาธิที่ดีก่อน พอสมาธิดีแล้ว ก็เจริญวิปัสสนา เอาตัวปัญญาใช้หาเหตุหาผล เห็นโทษของอกุศลธรรม หรืออารมณ์ชั่ว ๆ ที่จะทำให้จิตเราเศร้าหมองเป็นต้น พอเราเห็นชัดเจน เราก็ไม่ยุ่งกับมัน สมมุติอารมณ์กิเลสเกิดขึ้น และเรารู้ตัว เราก็ไม่ไปคิดไปปรุงแต่งต่อ อารมณ์พวกนี้มันก็หายไป และในการใช้ชีวิตจริงผมก็มีสติรู้ตัวมากขึ้น สมมุติผมอยู่กับเพื่อนก็ต้องมีการกระทบ ทำให้เกิดอารมณ์โกรธ แต่พอผมรู้ทันผมก็ทำแบบหลวงพ่อสอน เอาจิตจับอานาปานสติตลอดเสมอ ๆ

เรื่องที่ผมเล่ามาจากที่ได้ศึกษาและได้ทำสมถะเจริญวิปัสสนาตามความเข้าใจของผม อยากให้หลวงพ่อยืนยันว่าผมเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ถูกอยากให้หลวงพ่อชี้แนะแก้ไขครับ
ตอบ : ถูกในตอนนี้

ถาม : ถ้าร่างกายเราเจ็บป่วยหนัก ๆ ไม่สามารถทำสมาธิได้ แต่ตัวปัญญาเห็นชัดเลยว่า ไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม เพราะมีแต่ทุกข์ มีแต่ความลำบาก พูดง่าย ๆ ไม่อยากเกิดอยู่ในวัฏสงสาร อยากไปแดนพระนิพพานจุดเดียว ถ้าตายแบบนี้จะไปแดนพระนิพพานได้ไหมครับ ต่อให้ตอนนั้นไม่มีสมาธิ ?
ตอบ : ถ้าเห็นตามนั้นจริง ๆ จิตจะเป็นสมาธิเอง

ถาม : ผมเคยอ่านเจอที่หลวงพ่อบอกประมาณว่า การที่พวกเราปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องแปลก และในฐานะที่หลวงพ่อก็เคยเป็นพระโพธิสัตว์ สร้างบารมีมามาก และได้เจอพระโพธิสัตว์จริง ๆ มามากเช่น หลวงพ่อวัดท่าซุง คำถามคือ เราจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าตัวเราปรารถนาพุทธภูมิจริง ๆ ไม่ใช่ปรารถนาพุทธภูมิเพราะโลกธรรม ๘ พูดง่าย ๆ ปรารถนาพุทธภูมิเพื่ออยากให้คนอื่นชมว่าเราดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เห็นเราเป็นผู้ประเสริฐเป็นต้น ?
ตอบ : คนปรารถนาจริงจะรีบทำโดยไม่เสียเวลามาถามอยู่แบบนี้..!

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2022 เมื่อ 04:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว