กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-05-2021, 20:48
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,524
ได้ให้อนุโมทนา: 215,913
ได้รับอนุโมทนา 736,869 ครั้ง ใน 35,896 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-05-2021, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้ทาง ผอ.นุ้ย (พญ.นวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ มาตรวจความพร้อม แล้วก็ทดสอบทิศทางลมของโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุน ที่ต้องทดสอบทิศทางลม ก็เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙

ส่วนทางด้านชุมชนนั้น ก็แบ่งสันปันส่วนกันตามที่ผมมอบหมายให้ ก็คือ ๓ ชุมชนจะส่งคนมาช่วยกันทำอาหาร เพื่อไปมอบให้กับทางโรงพยาบาล อสม. แล้วก็ด่านตรวจ ทุกวันจันทร์ พุธ แล้วก็ศุกร์ ความจริงก็อยากจะทำให้ทุกวัน แต่กลัวว่าเขาจะเบื่อเสียก่อน ก็เลยปล่อยให้ไปหากินเองบ้าง เกิดอยากกินก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ขึ้นมา แล้วดันไปเจอผัดกะเพราไข่ดาวก็จะหมดอารมณ์

โรงทานต้านภัยโควิด-๑๙ ตามพระดำริสมเด็จพระสังฆราชของวัดท่าขนุนก็จะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ ในส่วนอื่น ๆ นั้น ถ้าหากว่า
พวกเรามีอะไรพอที่จะสนับสนุนได้ ก็ให้ช่วยกันทำ ช่วยกันดูแล

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากกล่าวถึง คือ ระยะนี้ถ้าหากว่าใครนั่งใกล้ผม ก็จะเห็นว่าเวลาเจริญกรรมฐาน ทำวัตร หรือว่าฉันเช้า ฉันเพล ผมจะนั่งขัดสมาธิอย่างเดียว ก็เพราะว่าเดือนก่อนอาการปวดหลังร้าวลงไปที่สะโพก ไปหาหมอกายภาพบำบัด หมอบอกว่าเกิดจากการที่ผมนั่งพับเพียบมา ๔๐ กว่าปี ทำให้กล้ามเนื้อยึดตึงไปข้างหนึ่ง เพราะว่าเวลาเรานั่งพับเพียบ ก้นกบจะลอยด้านหนึ่ง หลังจากซ่อมแซมมาแล้ว ก็เลยต้องนั่งขัดสมาธิ เพื่อให้ก้นกบเสมอกัน หรือไม่ก็นั่งเก้าอี้ห้อยขาแบบนี้ก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2021 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-05-2021, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในส่วนที่ผมนั่งพับเพียบมาตลอด ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จนถึงอายุ ๖๒ ปี ก็เพราะว่าเห็นครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านตำหนิญาติโยมที่นั่งขัดสมาธิต่อหน้าท่าน แล้วก็ดุเอาแรง ๆ ด้วย ผมก็เกิดความสงสัย จนกระทั่งมาฝึกมโนมยิทธิได้ ถึงได้เข้าใจว่า เวลาพระพุทธเจ้าท่านเสด็จ เราควรจะอยู่ในท่าที่ให้ความเคารพมากที่สุด ซึ่งการนั่งพับเพียบย่อมดูว่า ให้ความเคารพมากกว่าการนั่งขัดสมาธิอยู่แล้ว

ในเมื่อกำหนดภาพพระเป็นปกติ ก็เท่ากับว่าอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ผมก็เลยเคยชินกับการนั่งพับเพียบ ก็ไม่นึกว่านานไปจะทำให้ร่างกายชำรุดได้ขนาดนี้ ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่าก่อน ๆ หน้านี้ บางทีผมต้องจะใช้มือดันเอวตัวเอง เพราะจะขัดไปด้านหนึ่ง พอดันเข้าที่ก็หายชั่วคราว แล้วเดี๋ยวก็เป็นอีก โดยเฉพาะเวลานั่งนาน ๆ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าพวกเรายังเข้าไม่ถึงการเคารพในคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ก็จะไม่เข้าใจว่าเราต้องทรมานทรกรรมร่างกายขนาดนั้นเชียวหรือ ? ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ ความเคารพความศรัทธาในพระรัตนตรัยที่ออกมาจากใจ กาย วาจา ใจ ของเราจะไม่ล่วงเกินต่อคุณพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ถ้าใครทำมาถึงตรงนี้ จะเข้าใจว่าสิ่งที่ผมพูดหมายถึงอะไร พูดง่าย ๆ ก็คือ แม้แต่ชีวิตก็สละเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชาได้ แล้วทำไมแค่นั่งพับเพียบจะทำไม่ได้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2021 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-05-2021, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อ ๓-๔ วันก่อน พวกท่านจะเห็นว่า ผมปฏิเสธฎีกานิมนต์พระทางวัดใหม่ศรีสุทธาวาส จังหวัดนครสวรรค์ ที่มานิมนต์ผมไปงานพุทธาภิเษก แล้วให้ผมเป็นผู้กำหนดวันเองด้วยว่าสะดวกวันไหน เหตุที่ผมปฏิเสธไป เพราะว่าผมเคยกำหนดไปให้แล้วครั้งหนึ่ง ก็คือวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ แต่ปรากฏว่าพอมีเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ทางวัดก็ยกเลิกงานไปหน้าตาเฉย

ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นการกระทำที่ถูก แต่เป็นการกระทำที่นึกถึงแต่ตัวเอง..ไม่ใช่ลืมนึกถึงผม แต่ลืมนึกถึงพระพุทธเจ้า เพราะว่าท่านให้ผมเป็นคนกำหนดเวลาในการทำพิธีพุทธาภิเษก ผมก็ต้องกราบอาราธนาพระพุทธเจ้า เพื่อขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ คุณบอกวันเวลามาชัดเจน แล้วอยู่ ๆ ยกเลิกไป ไอ้ที่บรรลัยก็คือผมเอง..!

สมมติว่าพวกคุณสามารถทูลอัญเชิญในหลวงเสด็จมาวัดได้ พอใกล้เวลาเสด็จคุณก็บอกว่ายกเลิก แล้วจะให้พระองค์ท่านกำหนดวันเวลาเพื่อที่จะเสด็จมาใหม่ พวกคุณลองคิดดูว่าหัวจะขาดไหม ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมถึงได้ปฏิเสธไป ก็คืออย่าหวังอีกเลยว่าผมจะกำหนดกฎเกณฑ์วันเวลาอะไรให้อีก เพราะว่าช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นว่าผมเสียหายมากที่สุดจากการกระทำแบบมักง่ายของท่าน..!

ถ้าโทรปรึกษาหารือผมสักนิดเดียว ผมก็จะแนะนำให้ทำพิธีแบบเล็ก ๆ ก็คือนอกจากพระเกจิอาจารย์ที่นิมนต์แล้ว พยายามควบคุมคนอย่าให้เกิน ๕๐ คน แล้วมีการเว้นระยะ เพราะว่าตอนนั้น ศบค.ยังไม่ได้ประกาศในเรื่องของการควบคุมไม่ให้เกิน ๒๐ คน ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างจะจบลงด้วยดี งานของท่านก็ได้ วัตถุมงคลพุทธาภิเษกแล้วก็ส่งให้ผู้จองได้ ผมเองก็ไม่เสียหายที่กราบอาราธนาพระให้แล้วโดนยกเลิก

ในเมื่อความเคารพในพระรัตนตรัยต่างกันขนาดนี้ ผมก็เลยเห็นว่าถึงสงเคราะห์ไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะท่านคงไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึง จึงได้ปฏิเสธไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2021 เมื่อ 05:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-05-2021, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางอย่างไม่ใช่การเล่นตัวนะครับ อย่างเช่นโยมถามว่า "จะมีการเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไร ?" แล้วผมบอกว่า "ไม่รู้" ก็เพราะว่าไม่รู้จริง ๆ เนื่องจากว่าการเป่ายันต์เกราะเพชร ตามสายของพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หรือว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ต้องให้พระพุทธเจ้าอนุญาตเท่านั้น ถ้าพระองค์ไม่ได้อนุญาต เราพยายามทำพิธีอย่างไรก็ไร้ผล เพราะว่ายันต์เกราะเพชรก็คือบารมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งสงเคราะห์ต่อคนหมู่มากที่มีจิตศรัทธา

หลวงพ่อวัดท่าซุงเตือนนักเตือนหนาในวันที่ครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชรว่า อย่าใช้กำลังของตัวเองอย่างเด็ดขาด ต่อให้มีความคล่องตัวในอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ขนาดไหนก็ตาม จะได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ของพระท่าน เมื่อทำไปแล้วสงเคราะห์คนได้ไม่ทั่วถึง ถ้าหากว่าเขาเป็นอะไรไป ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นแก่ส่วนรวม ไม่ใช่แค่เรา เพราะเขาจะเหมาหมดว่าพระพุทธศาสนาหาดีไม่ได้

ที่กล่าวถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่า ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายอยู่นานไป อาจจะต้องไปเป็นเจ้าอาวาส อาจจะต้องไปเป็นครูบาอาจารย์แนะนำลูกศิษย์ หรือว่าญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ทางบ้าน หรือว่าอยู่ต่างประเทศ นานไปเมื่อเราปฏิบัติจนมีความชำนาญมากขึ้น ก็อาจจะต้องแนะนำคนอื่นเขาต่อ สิ่งแรกเลยที่จะลืมไม่ได้ก็คือ ความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าจุดนี้ทำไม่ได้ การเข้าถึงมรรคผลส่วนอื่นก็ไม่ต้องหวัง เพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาข้อแรก ในการเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า ต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2021 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 10-05-2021, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนนี้ ถ้าหากว่าญาติโยมท่านใด ถึงเวลาฟังพระเทศน์ ถึงเวลาสวดมนต์ไหว้พระ แล้วยังนั่งขัดสมาธิเอาตามสบายอยู่ ก็ขอให้รู้ว่าสภาพจิตของท่านยังหยาบอยู่มาก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นการปรามาสในคุณพระรัตนตรัย ซึ่งจะปิดกั้นหนทางที่จะเข้าถึงมรรคผลของเรา

ต้องระมัดระวังกาย วาจา ใจ ของตนเอง ขัดเกลาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป พูดง่าย ๆ ก็คือยิ่งทำต้องยิ่งละเอียด ไม่ใช่ไม่ทันจะทำอะไรก็ทำตัวอย่างไรก็ได้ อย่างไรก็ได้นั้นสำหรับผู้ที่เข้าถึงจนมั่นคงแล้ว แต่ส่วนมากท่านก็ยังไม่ทิ้งแนวการปฏิบัติที่ถูกต้อง เพราะว่ามักจะมีผู้ปฏิบัติเลียนแบบทำตาม จึงต้องทำเป็นเนติ เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ที่เขาจะทำตาม

ดังนั้น..ในส่วนของพระภิกษุสามเณรหรือว่าญาติโยม เราจึงต้องขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเราให้ละเอียดขึ้นเรื่อย ๆ ให้รู้เท่าทันกิเลสมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าให้เขาหลอกเราจนเดินทางผิด หรือว่าทำในสิ่งที่ผิด ซึ่งจะทำให้หนทางเข้าสู่มรรคผลของเราช้าลงโดยใช่เหตุ แล้วถ้าเกิดพลาดพลั้งลงอบายภูมิไป ก็จะเป็นการเสียเวลาครั้งใหญ่ในการที่จะฝ่าฟันให้พ้นจากห้วงวัฏสงสาร

วันนี้ก็ขออนุญาตฝากข้อคิดให้แก่พระภิกษุสามเณร และเจริญพรแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-05-2021 เมื่อ 09:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว