|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๒
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้งานปลุกเสกวัตถุมงคลมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่หล่อหลวงพ่อทองคำเสร็จ ก็ต้องรีบวิ่งออกจากวัด ไปเสกหลวงพ่อแต้มที่วัดภาณุรังษี บางพลัด อันนั้นต้องถือว่าเป็นโชคของท่านอาจารย์พระมหาอุดร สุทฺธิญาโณ ป.ธ. ๙ มีด็อกเตอร์ห้อยท้าย เพราะว่าหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมท่านอยู่ด้วยตั้งแต่ก่อนหล่อพระ จนหล่อพระเสร็จ กระทั่งไปเสกพระท่านก็ยังไม่ไปไหน ถือว่าเป็นความเฮงของคนที่ได้วัตถุมงคลชุดนั้นไป
คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เจ้าของเอ็นซีทัวร์ โวยมาในไลน์ บอกว่าหลวงพ่อไปวัดภาณุรังษี ทำไมไม่บอก ? จะได้มากราบทำบุญด้วย ก็อาตมาคิดว่าไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าตอนแรกอาจารย์ท่านบอกว่าวันที่ ๔ แล้วก็เลื่อนมาเป็นวันที่ ๑๐ ทีนี้วันที่ ๙ วัดเราหล่อพระเสร็จ ต้องรีบวิ่งเข้ามา ในเมื่อกลัวว่ามาทัน ก็ไม่กล้ายืนยันกำหนดการกับใคร เพราะว่ากลัวพลาด ไปก็ไปแบบไม่ให้ท่านอาจารย์ท่านรู้ ไปบอกตอนอยู่หน้าประตูวัดว่า "ผมมาแล้วครับ" อาจารย์ท่านดีใจแทบแย่ อาตมาเองเป็นนิสิตที่มีอาจารย์เป็นทั้งพระ เป็นทั้งฆราวาส พอสอนไปสอนมา ท่านอาจารย์ก็กลับมาเป็นลูกศิษย์อาตมาอีกทีหนึ่ง ก็เลยไปนึกถึงที่ท่านอาจารย์จักรกฤษณ์ จันทร์ดำ ท่านบอกว่า "พระอาจารย์เล็กควรที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยสงฆ์" ถามว่า "ทำไมครับ ?" ท่านบอกว่า "ด้วยศักยภาพของท่าน ไปเรียนที่ไหน ผมมั่นใจว่าไม่เกิน ๓ เดือน ต้องได้เขาเป็นลูกศิษย์หมดทั้งมหาวิทยาลัยเลย" ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านอาจารย์มองจากตรงไหน แต่คราวนี้เนื่องจากว่าหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมท่านมาในงานหล่อพระ จนกระทั่งปลุกเสกท่านก็ยังไม่กลับ ซึ่งอาตมาอยากได้แบบนี้บ้าง แต่กลับต้องไปเสกให้วัดอื่น ที่วัดเราเวลาพุทธาภิเษกโดยปกตินี่ น้อยครั้งที่ท่านจะเสด็จมา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-04-2019 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 247 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา วันเป่ายันต์เกราะเพชร สมเด็จองค์ปฐมท่านมาเสกเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลดให้ ท่านขยายเหรียญเสียใหญ่เกือบจะเต็มศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย เห็นแล้วกลัวจะโดนล้มทับ
แต่ว่าวัตถุมงคลรุ่นนั้นก็ต้องบอกว่าทำน้อย ใครไหวตัวก็ได้ไป บางคนก็เกี่ยงว่าเหรียญใหญ่ ก็เขาให้ไว้ทำน้ำมนต์ โบราณเขาเสกน้ำล้างหน้ากันทุกวัน ที่บอกว่าตอนเช้าราศีอยู่ที่หน้า กลางวันราศีอยู่ที่อก ตอนเย็นราศีอยู่ที่เท้า มาจากตำนานสงกรานต์ ในเมื่อโบราณเขาเสกน้ำล้างหน้ากัน พระท่านสงเคราะห์ให้แล้ว ไม่ใช่ล้างหน้าอย่างเดียว อธิษฐานใช้ได้สารพัด อย่าลืมว่าสุริยันทรงกลดนี่ นอกจากยามเที่ยงแล้วยังมีรัศมีซ้อนอีกต่างหาก แทนความสำเร็จ แทนความเจริญรุ่งเรืองทุกอย่าง เมื่อวานนี้มีโยมมา บอกว่าจะขออนุญาตเอายันต์สุริยันทรงกลดไปสักใส่หลังตัวเอง ก็เชิญตามสบาย ไม่ได้ห้าม เขาบอกว่าช่วยเขียนแบบให้หน่อยได้ไหม ? มึงมีอารมณ์...มึงก็มาเขียนเองสิ...! โห...กว่าจะได้แต่ละยันต์ เขียนกันเป็นเดือน ๆ ยันต์สุริยันทรงกลดซ้อนอยู่ ๕ ชั้น ตั้งแต่พระพุทธเจ้าที่รายล้อมรอบอยู่พร้อมกับคาถาหัวใจพระรัตนตรัย อิสวาสุ เข้ามาก็เป็นคุณพระสงฆ์ คุณพระธรรม คุณพระพุทธ แล้วก็หัวใจโลกธาตุตรงกลาง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2019 เมื่อ 22:19 |
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อทองคำเป็นพระที่สวยสมบูรณ์มากจนแทบจะไม่ต้องแต่งเลย ตั้งแต่หล่อ จนกระทั่งเอาไปแต่ง แล้วยกกลับมาวัด อัญเชิญขึ้นมณฑป ใช้เวลา ๙ วันเท่านั้น แม้แต่อาตมาก็ยังงง ๆ ว่าเร็วขนาดนี้เลยหรือ ? ช่างเขาบอกว่าลวดลายทุกอย่างติดครบถ้วนสมบูรณ์ ที่เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือตัดเอารอยต่อกับชนวนออก แล้วค่อยขัดแต่งเท่านั้น จึงใช้เวลาน้อยมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2019 เมื่อ 22:19 |
สมาชิก 260 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้สามเณรอยู่ที่วัด ๘๐ กว่ารูป โดนตีทุกวัน แต่เณรบอกว่าทนได้ เพราะเดี๋ยววันที่ ๑๐ สึกแล้วจะได้เงิน ๒,๐๐๐ บาทเป็นทุนการศึกษา
ปกติเขามักจะไปบวชที่อื่นกัน ที่วัดท่าขนุนไม่ค่อยจะบวช เพราะว่าพระพี่เลี้ยงดุ ปีที่แล้วอาตมาให้ทุนการศึกษาหลังจบโครงการคนละ ๒,๐๐๐ บาท ปีนี้เลยแห่มาเสีย ๘๐ กว่าคน ให้ไปเป็นทุนการศึกษา แต่เขาบอกว่าจะเอาไปเล่นเกม มีการศึกษาวิดีโอเกมด้วยนะ..! พระพี่เลี้ยงก็ใจดีเหลือเกิน ฉันเช้าเสร็จก็เดินจงกรม ๑ ชั่วโมง พอนั่งสมาธินี่...เณรนอนสมาธิกันเสียครึ่งหนึ่ง พระพี่เลี้ยงเขาบอกว่านอนได้แสดงว่าสมาธิดี...ปล่อยยาวเลย จริง ๆ แล้วก็เป็นตามนั้น ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวก็จะหลับไม่ได้ แต่ว่าเป็นสมาธิแบบหยาบมาก เป็นปฐมฌานอย่างหยาบ คราวนี้พี่เลี้ยงเขาเข้าใจจึงปล่อยเลย ส่วนท่านที่ไม่หลับแสดงว่าทรงสมาธิไม่ได้ ก็ทนเดินจงกรมต่อไป แล้วก็มีพวกนุ่งขาวห่มขาว ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายอยู่ ๑๐ กว่าคน พวกนั้นเป็นเด็กที่ไปแก้ ร. ก็คือติดขัดส่งงานไม่ทันบ้าง ไม่ได้สอบเก็บคะแนนกลางภาคบ้าง อาจารย์บอกไปเลย ไปหาไม้เรียวหลวงพ่อวัดท่าขนุน ทนได้ ๑๐ วันกลับมาจะแก้ ร. ให้ ความจริงเด็กในกรุงเทพฯ น่าจะแก้ ร. ด้วยวิธีนี้บ้างนะ บังคับให้ไปแก้ ร. ที่วัดท่าขนุน เดินจงกรมภาวนาทั้งวันจนประสาทจะกินอยู่แล้ว..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-04-2019 เมื่อ 09:17 |
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในจำนวนโลหะทั้งหมด ชินกับทองคำรับพลังงานได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลโบราณส่วนใหญ่จะใช้เนื้อชิน เพราะว่าหาง่าย ราคาไม่สูง
คำว่า ชิน หรือ ชินะ เป็นภาษาบาลี คนไทยเรียกว่าตะกั่ว อย่างเจ้าเมืองท่าตะกั่วที่ไทรโยค ตำแหน่งก็คือพระชินติฏฐบดี คำว่าชินก็คือตะกั่ว ที่คนไทยเรียกว่าชินดิษฐ์ ต้นตระกูลนามสกุลชินดิษฐ์ ติฏฐะแปลว่าตั้งอยู่ ชินะแปลว่าตะกั่ว ตั้งอยู่ที่ท่าตะกั่ว คำว่า ติฏฐะ ตัวนี้ แปลได้อีกความหมายหนึ่งคือท่า อย่างเช่น ท่าน้ำ ท่ารถ ท่าเรือ ฯลฯ เพราะฉะนั้นชินดิษฐ์ หรือชินติฏฐะ ก็แปลว่าท่าตะกั่วตรง ๆ ก็ได้ โบราณเขาเก่ง เขาตั้งราชทินนามมาไพเราะ ทรงความหมายมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2019 เมื่อ 13:50 |
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
พูดถึงงานหล่อหลวงพ่อทองคำ "อาตมานั่งรับเงินในวันงานตรงนั้นเกือบ ๕ ล้านบาทสำหรับซื้อทองคำ แล้วก็รับทองคำ ทั้งทองแท่ง ทองรูปพรรณ รับอยู่ตรงนั้น ๙ กิโลกรัมกว่า ๆ วันเดียวตอนช่วงเช้าที่หล่อพระ ต้องเรียกว่าไม่ถึงวัน เพราะว่านั่งรับประมาณตอน ๖ โมงครึ่ง เสร็จแล้วก็ไปหล่อพระตอนเกือบ ๙ โมงครึ่ง ราว ๆ ๓ ชั่วโมงเท่านั้น
รับเงินสดไป ๔ ล้านกว่าเกือบ ๕ ล้านบาท แล้วก็ทองคำอีก ๙ กิโลกรัมเศษ ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือชนวนทองคำกับทองที่เหลือจากการหล่อ ซึ่งตอนนี้ช่างเขายอมแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว ปกติพวกช่างหล่อนี่เขาจะคำนวณโลหะเก่งมาก แต่คำนวณของวัดท่าขนุนเป็นอันต้องเจ๊งทุกครั้งเลย ตอนหล่อหลวงพ่อเงินคำนวณอีท่าไหนไม่รู้ เหลือเนื้อเงินมา ๕๐ กว่ากิโลกรัม งานหล่อหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำนี่ ขนาดให้หล่อเนื้อเงินองค์ใช้งานจริงไปก่อน เพื่อจะได้คำนวณทองคำที่ต้องใช้ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าน้ำหนักองค์เงินคูณด้วย ๑.๘ จะเป็นน้ำหนักองค์ทองคำ ตัวเลขเป๊ะ ๆ แน่นอนอยู่แล้ว ยังพลาดไปอีก ๒๐ กว่ากิโลกรัม ต้องขอบคุณท่านทั้งหลายที่แอบมาหย่อนใส่เบ้า โดยที่ไม่รู้ว่าใครต่อใครบ้าง แต่ท่านอาจารย์บ๊ะหย่อนลงไป ๕ บาท...! ถ้าอยากรู้ว่าท่านไปตอนไหนแล้วไปถาม ท่านก็คงบอกว่า “กูก็ขี่ไม้กวาดไปสิวะ..!”"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-04-2019 เมื่อ 21:46 |
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
"ที่แน่ ๆ ก็คือปกติแล้วเทวดาที่รักษาในงานของวัดท่าขนุน ถ้าไม่ ๘ องค์ ก็ ๑๒ องค์ งานนี้ไปจำนวนมหาศาลมาก อาตมาเห็นคนเยอะ รับปัจจัยเท่าไรคนก็ไม่หมดสักที ถามท่านว่ามากันเท่าไร ? ท่านบอกว่า "ประมาณ ๓,๐๐๐ ครับ"
“สามพันอะไรวะ ? รับเท่าไรไม่รู้จักหมด” ท่านบอกว่า “ไอ้ ๓,๐๐๐ นี่พวกผมมา ส่วนชาวบ้านมากันเป็นหมื่น” น่าเหยียบไหม ? อาตมาก็คิดว่าคนมา ๓,๐๐๐ คน ประกาศไปด้วยความมั่นใจมาก จาก ๘ หรือ ๑๒ องค์ที่เคยมาดูแลเวลามีงาน กลายเป็น ๓,๐๐๐ องค์ เพราะว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านเสด็จมาเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2019 เมื่อ 13:54 |
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านอาจารย์วันชาติ วัดป่าพระพุทธบาทเขาน้อย เห็นอาตมาช่วยท่านอาจารย์โนรี วัดหนองหญ้าปล้อง สร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔๐ ศอก ท่านก็คิดว่า ‘เฮ้ย...เล็กไปหน่อย ถ้ากูสร้างนี่เอา ๕๐ ศอกเลย’ เสียงสาธุลั่นทั้งฟ้าเลย เทวดาโมทนา ฉิบหายแล้ว..! ท้ายสุดก็เลยต้องทำ
คนซวยกลายเป็นอาตมา ช่วยท่านอาจารย์โนรีสร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔๐ ศอกไป ๘ ล้านกว่าบาท ของท่านอาจารย์วันชาตินี่ทยอยให้ไปปีละล้าน ๆ ปาไป ๕ ล้านบาท บอกท่านว่าพอแล้ว ที่เหลือไปหาเองก็แล้วกัน เขาทำเองทำไมเดือดร้อนถึงอาตมาด้วยก็ไม่รู้ ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2019 เมื่อ 13:55 |
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
"ตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก จริง ๆ แล้วเป็นความคิดของหลวงพ่อวิโรจน์ วัดสระพัง ท่านบอกว่า "เฮ้ย...ลงทุนประมาณ ๑๐ ล้านเท่านั้นเอง เดี๋ยวพวกเราหากันมาให้ได้ ๑๐ คน คนละล้านก็อยู่แล้ว" ก็ดึงคนโน้นมาบ้าง คนนี้มาบ้าง คนนั้นมาบ้าง โดยเฉพาะอาตมาซึ่งเขาถีบให้ออกนำเป็นหัวหน้า
อาตมาถวายไป ๑ ล้านบาท ท่านอื่นทั้งหมดรวมตัวกันถวายไป ๑ แสนบาท คราวนี้ก็บรรลัยสิ ๑ ล้านกับอีก ๑ แสนบาทอยู่ใต้พื้นดินหมดเลย เป็นแค่ฐานรากเท่านั้น ไม่มีโผล่พ้นดินขึ้นมาเลย ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องหากฐินหาผ้าป่าไปให้ รวม ๆ แล้วหมดไป ๘ ล้านกว่าบาท ได้องค์พระขึ้นมาเรียบร้อย คราวหน้าถ้าพรรคพวกกลุ่มนี้ชวนอีก อาตมาบอกว่าอย่าไปเชื่อมัน เพราะว่าถึงเวลาก็ประเภทโดดร่มหนีกันหมด ปล่อยให้อาตมาเครื่องบินตกตายอยู่คนเดียว อาตมามีนิสัยว่าถ้าทำอะไรต้องทำให้เสร็จ ไม่ใช่ทำแล้วครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะว่าผิดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การทำงานแล้วไม่คั่งค้างนั้นเป็นอุดมมงคล"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2019 เมื่อ 13:57 |
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกว่าจะเอาเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลดเนื้อทองคำมาวางในตู้ให้คนดูเล่น ๆ แต่ปรากฏว่าโดนบูชาไปหมดเกลี้ยงแล้ว ทำไว้แค่ ๓ เหรียญ เหรียญละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ถามว่าทำไมเหรียญละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ? ราคานี้เกือบจะไม่ได้อะไร เพราะว่าแต่ละเหรียญนี้น้ำหนักทองคำเกือบ ๒๐ บาท"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2019 เมื่อ 19:43 |
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้คุณสุรีย์ (ผู้รับเหมา) กำลังให้ช่างทำพื้นหินขัดหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกที่หน้าวัด เขากะว่างวดนี้ลงน้ำยากันซึมแบบไม่เสียดาย แล้วค่อยขัดหินอีกชั้นหนึ่ง ดูว่าจะรั่วอีกไหม ? เขายืนยันว่าเสร็จทันสงกรานต์ จะส่งงานวันที่ ๘ นี้ คราวนี้แต่วันที่ ๘ อาตมาไม่อยู่ ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์พอดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2019 เมื่อ 10:39 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
"อาตมาเกี่ยวข้องกับการเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๓๐ ตอนนั้นเพิ่งจะได้พรรษาที่ ๒ หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นประธานสงฆ์ในการตักน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง บริเวณหน้าโรงเรียนพระสุธรรมยานเถรวิทยา เพราะว่าเป็นที่เกิดของสมเด็จพระปฐมบรมมราชชนก คือคุณพระพินิจอักษร (ทองดี) พระราชบิดาในรัชกาลที่ ๑ ช่วงนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นประธานอยู่
ครั้งที่ ๒ ปี ๒๕๕๔ เมื่อ ๘ ปีที่แล้ว เสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตอน ๘๔ พรรษา ฉลองอายุ ๗ รอบของพระองค์ท่าน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ ๓ ในชีวิต สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีเพิ่งถวายฎีกามา นิมนต์ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ในชีวิตถ้าเกี่ยวข้องกับการเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงก็ ๓ ครั้งด้วยกัน ตอนแรกสำนักพุทธฯ มาถวายฎีกา บอกว่าไม่ต้องก็ได้ เพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีท่านนิมนต์ไว้เรียบร้อยแล้ว เขาบอกไม่ได้ครับ เพราะว่าถือเป็นหน้าที่โดยตรงของสำนักพุทธฯ เพราะฉะนั้นถึงจะรับฎีกาจากใครแล้วก็ตาม สำนักพุทธฯ ก็ต้องออกฎีกาอีก ๑ ฉบับ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-04-2019 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ก็เลยเกี่ยวข้องอยู่กับของพวกทางวัฒนธรรม พวกการทอผ้ามือ วันก่อนก็เพิ่งจะมีงานวันรักการอ่านคนกาญจนบุรี สภาวัฒนธรรมของอาตมาก็เอาผ้ากะเหรี่ยงกับสินค้ามอญไปออกงาน สร้างอาคารเรือนกะเหรี่ยงหนึ่งหลัง เรือนมอญหนึ่งหลัง เอาของไปขาย คนทอผ้าก็ทอไม่ทัน สะสมสินค้ามาตั้งหลายเดือน แค่วันเดียวขายเกือบหมดแล้ว
สินค้าเขาใช้ภาษาง่าย ๆ ว่าทำมือ ก็คือทอด้วยมือ ทอด้วยกี่เอว กว่าจะได้แต่ละผืนก็ช้า ต้องอาศัยเครื่องทอเข้ามาช่วย ตอนนี้ทางด้านชาวมอญห้วยเขย่งขอกี่ทอผ้ามา ๑๐ ชุด ในงบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท อาตมาบอกเอาไป ๕ ชุดก่อน เพราะว่า ๕ ชุดนี้ก็คือ ขอดูว่าคุณเอาจริงแค่ไหน ? สัมฤทธิผลของงานเป็นอย่างไร ? ควรแก่การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ ? เพราะฉะนั้น..ปีนี้เอาไป ๕ ชุดก่อน ถ้าทำแล้วผลงานออกมาดี ปีหน้าจะเพิ่มให้อีก ๕ ชุด จะได้เป็นโครงการต่อเนื่องไปอีกปีหนึ่งด้วย อาตมาเองก็ไม่ต้องจ่ายทีเดียว ๒๐๐,๐๐๐ บาท เขาเองก็จะได้รู้ว่าเขาเอาจริงกันเท่าไร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-04-2019 เมื่อ 22:45 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
"ส่วนศูนย์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงบ้านไร่ป้าขอด้ายมา เพราะว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขามีกี่เอวกันเองอยู่แล้ว อาตมาก็มีหน้าที่ซื้อด้ายให้ พยายามบอกเขาแล้วว่าให้เปลี่ยนสีบ้าง ถ้าหากว่าเป็นสีทึบ ๆ คนซื้อไม่ค่อยอยากได้ ต้องสีสด ๆ อย่างแดง ฟ้า เขียวสด เหลืองสด ฯลฯ นักท่องเที่ยวเห็นก็แย่งกัน สีพวกนี้จะหมดก่อนเพื่อนเลย
แต่ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือผ้ากะเหรี่ยง น้องเล็กเขาซื้อมาชุดหนึ่ง เอาไว้ใช้ในงานวัฒนธรรม เขาย้อมสีได้ดีมาก ซักแล้วสีไม่ตกเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขามีวิธีย้อมแบบไหน อยู่ยงคงทนมาก สีไม่ตกเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2019 เมื่อ 10:46 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
"อาทิตย์ก่อนไปร่วมสัมมนากับทาง ศ.ศ.ป. คือศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ คณะของ ศ.ศ.ป. มาที่บ้านหนองเจริญของลุงโจ-ป้าลอน ซึ่งป้าลอนได้รับบันทึกชื่อเป็นครูศิลป์ของแผ่นดินในด้านงานจักสาน ที่เขาสัมภาษณ์มีอยู่จุดหนึ่งก็คือ ทางเรามีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมกี่แห่ง ? แล้วมีการประสานงานรวมเป็นเส้นทางวัฒนธรรมเดียวกันหรือเปล่า ? มีนักท่องเที่ยวมาประมาณเท่าไร ? มีคนมาดูงานเท่าไร ?
อาตมาบอกไปว่าโยมต้องทำความเข้าใจก่อนว่า งานทางวัฒนธรรมเป็นงานที่คนต้องสนใจจริง ๆ ถึงจะมาดู นักท่องเที่ยวปัจจุบันนี้แบ่งเป็น ๓ พวกด้วยกัน พวกหนึ่งเที่ยววัด ก็จะมีเส้นทางไหว้พระ ๙ วัดกาญจนบุรี ซึ่งวัดท่าขนุนเป็นหนึ่งใน ๙ วัดนั้น อีกพวกหนึ่งเที่ยวธรรมชาติ ไปป่า ไปเขา ไปล่องแพ ไปขี่ช้าง ฯลฯ ส่วนพวกสุดท้ายท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ที่น่าสงสารคือมีน้อยที่สุด ถ้าหากว่าเราเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมขึ้นมาแล้วมีนักท่องเที่ยวน้อย เขาก็จะขาดกำลังใจ ตอนช่วงนี้ต้องพ่วงอยู่ในชุมชนคุณธรรมที่มีวัดเป็นแกนนำ จะต้องหาทางเอาสินค้าทางวัฒนธรรมมาตั้งไว้ในวัด คนมาเที่ยววัดก็จะได้เจอสินค้าไปด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2019 เมื่อ 02:14 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
"คราวนี้อาตมาเองก็เพิ่งจะจัดงานตลาดชุมชน เอาสินค้าทางวัฒนธรรมมาลงตอนช่วงงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ทำให้เห็นข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่งว่า สินค้าพวกนี้ต้องมีเวลาในการสะสม ก็คือให้เขาทอ ให้เขาจักสาน ให้เขาผลิต ถึงเวลาก็ต้องเว้นระยะ สะสมสินค้าพอแล้วถึงจะได้ไปออกจำหน่ายใหม่
เพราะฉะนั้น...งานต่อไปก็เลยเว้นไปออกวันที่ ๑๕-๑๗ มิถุนายน ซึ่งเป็นงานฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาเอง ให้ชาวบ้านเขามีเวลาสะสมสินค้า งวดนี้ขายในวัด ไม่ขายหน้าวัดแล้ว หน้าวัดเอาไว้จอดรถ ขายในวัดอย่างไร ? เรามีซุ้มอยู่อย่างน้อย ๆ ก็ ๙ ซุ้ม แล้วกางเต็นท์เพิ่ม ก็น่าจะได้สัก ๑๐ กว่าร้าน ไม่ถึง ๒๐ ร้านก็ใกล้เคียง แล้วก็ให้แต่ละชุมชนเอาสินค้ามาลง ไม่รู้ว่าจะมีใครยืนระยะได้ครบ ๓ วันบ้าง เหตุที่ยืนระยะไม่ครบ ๓ วันเพราะว่าเวลาคนมา เห็นอะไรแล้วชอบใจก็มักจะกวาดทีเดียวหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2019 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
"บางทีเขาทอผ้าอยู่ตั้งหลายเดือนกว่าจะได้สัก ๕-๖ ตัว บางคนสั่งทีหนึ่ง ๓ ตัว แทบจะหมดเลย แต่ว่าพวกผ้าทอมือราคาจะแพงหน่อย ชุดหนึ่งราคาเป็นพัน ถ้าหากว่าทอเครื่องก็จะได้รูปแบบงานที่ดูดีกว่า สวยกว่า แล้วก็ทำได้เร็วกว่า แต่ว่าขาดความเป็นธรรมชาติ ก็คือผ้าทอมือจะมีพวกปมด้าย ที่ต้องต่อ ต้องมัด แล้วแต่เหตุการณ์ ซึ่งฝรั่งจะชอบมากกว่า เขาเห็นว่าเป็น Handmade จริง ๆ แต่ถ้าใช้เครื่องทอนี่เส้นด้ายไม่มีรอยต่อ บางทีเขาก็ไม่ชอบ ไปชอบของทำยาก...ถึงแพงก็สู้
ถ้าหากว่าทอมือบางทีตัวหนึ่ง ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ บาท แต่ทอเครื่องตัวหนึ่งอาจจะเหลือแค่ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ทอกันแทบตายเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้สักตัวหนึ่ง โยมมาถึงใช้เวลา ๒ นาทีตัดสินใจซื้อไปแล้ว คนทอผ้าก็นั่งเคว้ง แล้วจะเอาอะไรมาขายอีก ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2019 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาชอบเครื่องรางเพราะว่าทำยาก ส่วนอาจารย์บ๊ะท่านชอบเหรียญ อาตมาก็เลยผ่องถ่ายเหรียญไปให้ท่านอาจารย์บ๊ะ ไปนั่งส่องเอา ตัวเองก็เก็บเครื่องรางต่อไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2019 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าหากว่าใจสบายร่างกายจะทรุดโทรมช้า ถ้านับเพื่อนร่วมรุ่นหรือรุ่นน้องที่ระดับ ๕๐-๖๐ ปีด้วยกัน อาตมาจะแก่ช้าหน่อย ที่แก่ช้าเพราะว่ามัวแต่ทำงาน...ลืมเวลา ไม่ได้ไปนั่งนึกถึงเวลาว่าผ่านไปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ลืมนึกไป ในเมื่อลืมนึกไปก็เท่ากับว่า เวลาของเรายังไม่ทันจะผ่านไป ก็เลยแก่ช้าหน่อย ลองทำกันดูนะ..เผื่อว่าจะทำได้
หลวงพ่อเมียะ อดีตเจ้าอาวาสวัดสะพานลาว ท่านบอกว่า “อาจารย์เล็กเขาไม่แก่หรอก เขาไม่เครียด เขามีสตางค์” ปรากฏว่าหลวงพ่อชนะ วัดเสาหงส์บอกว่า “มีสตางค์นั่นแหละตัวเครียดเลย ไม่รู้ว่าจะโดนปล้นเมื่อไร” สรุปว่าคนอื่นมีสตางค์แล้วเครียดเพราะว่ากลัวโดนปล้น ส่วนวัดท่าขนุนมีสตางค์แล้วไม่เครียด เพราะว่าไปถึงก็ใช้หมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2019 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
"ต้องขอบพระคุณอย่างยิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนลูกศิษย์ไม่ให้เก็บเงิน มีเท่าไรใช้ให้หมด ทำหนี้เอาไว้เยอะ ๆ ยิ่งดี เงินมาจะได้ไม่คิดว่าเป็นของเรา เออ...วิธีนี้เข้าท่า เพราะว่าตั้งแต่ทำมาพอไม่มีเงินเหลือเก็บแล้วสบายใจ ไม่ต้องเครียด มีเท่าไรใช้แค่หมด ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครปล้นหรือเปล่า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2019 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|