|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่ง “อธิษฐานนานไม่ดี เอาสั้น ๆ การอธิษฐานเป็นการตั้งใจ ตั้งใจว่าเราทำบุญแล้วเราปรารถนาอะไรก็จบแล้ว อย่าอธิษฐานเผื่อมาก ถ้าเผื่อมากแปลว่ากำลังใจยังน้อย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:06 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “จำไว้ว่าให้คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในลักษณะอนุสติ คิดถึงความดีของท่าน ไม่ใช่ไปยึดตัวท่าน ถ้าไปยึดตัวท่านถึงเวลาไม่มีให้ยึดนี่ตายแน่..!
เรื่องของบุญเรื่องของทานก็เหมือนกัน ขอให้ได้ถวายเท่านั้น ขอให้ได้ทำเท่านั้น ส่วนทำแล้วถวายแล้วเขาจะไปทำอะไรก็เรื่องของเขา จะได้ถวายกับมือหรือไม่ได้ถวายกับมือก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเจตนาของเราก็ได้บุญแล้ว ไม่ใช่ว่าจะต้องยกประเคน ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อต้องใช้ต้องฉันให้เห็นถึงจะได้บุญ ถ้ากำลังใจห่วยแตกแบบนั้นก็ต้องเกิดอีกนาน..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนมีคนส่งรูปในห้องเรียนมาให้ดู ก็คือเด็กเปิดเทอมแล้วก็มีการนั่งเว้นระยะกันอย่างดีเลย ตอนกลับบ้านกลับไปแออัดยัดเยียดอยู่บนสองแถวคันเดียว สรุปว่าแล้วจะเว้นระยะไปทำอะไร ? ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “สรุปว่าคณะของท่านชรัสที่บอกว่าจะไปถวายผ้าป่าวัดที่ยากจน ๙ วัด แล้วก็ดันเลี้ยวไปถวายวัดท่าขนุนวัดหนึ่ง แล้ววัดท่าขนุนนี่ยากจนมากเลยใช่ไหม ? ...(หัวเราะ)... ก็เจตนาแต่แรกเขาบอกว่าจะถวายวัดที่ยากจน อาตมาอุตส่าห์หาให้เขาแล้ว ปรากฏว่าดันเอาวัดท่าขนุนเป็นวัดยากจน ดูถูกกันชัด ๆ..! ถ้าวัดท่าขนุนจนนี่วัดอื่นก็ไม่มีรวยหรอก..! ต้องบอกว่าถ้าช่วยคนอื่นได้นี่แปลว่ารวย วัดท่าขนุนรับช่วยเขาทั่วประเทศแล้วจะจนได้อย่างไร ?
สงสัยว่าพระเวรสังฆทานจะเป็นคนแนะนำ อาตมาอุตส่าห์ให้เขาเข้าไปที่เขตตำบลชะแลด้านเดียว นี่ดันจะถวายวัดธุดงค์สมเด็จกับวัดวังปะโท่ ทั้งสองแห่งไปคนละทิศคนละทาง เดินทางอย่างเดียวก็ปางตายแล้ว จากวัดท่าขนุนไปวัดวังปะโท่ ๒๒ กม. ไปกลับ ๔๔ กม. จากวัดท่าขนุนไปวัดธุดงค์สมเด็จ ๕๐ กม. ไปกลับก็เป็นร้อย กว่าจะถวายครบ ๙ วัดมีหวังตายแน่..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:09 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ จะหล่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ นี้ แล้วถ้าหากว่าช่างปั้นต้นแบบพระปางห้ามสมุทรทรงเครื่องได้ทัน ก็จะหล่อประมาณวันมาฆบูชาปีหน้า ซึ่งน่าจะเป็นปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือว่าต้นเดือนมีนาคม เพราะว่าปีหน้ามีเดือนแปดสองหน แล้วก็จะไปหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงินช่วงลอยกระทงของปี ๒๕๖๔”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:10 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “อะไรที่ไม่เคยชินถ้าทำสัก ๓-๔ ครั้ง เดี๋ยวก็จะชินไปเอง แรก ๆ ก็จะรู้สึกแปลก ๆ เดี๋ยวต่อไปจะดีใจที่เราได้ทำอะไรเร็ว ๆ เพราะว่าจะมีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นอีกมาก”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:10 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า “ต้องขออภัย...อยู่ที่นี่อาตมาไม่ค่อยเห็นแก่หน้าค่าชื่อใคร ใครยิ่งสนิทสนมยิ่งโดนหนัก ถ้าหากว่าสนิทกับอาตมาจะต้องรู้ดีว่าอาตมาไม่ยอมให้เสียระเบียบ เพราะฉะนั้น..ถ้าใครอ้างชื่ออาตมาแล้วจะทำให้เสียระเบียบ ก็เหวี่ยงออกจากบ้านไปเลย..!
อาตมาถือว่าถ้าเป็นคนคุ้นเคย เราต้องเข้มงวดกว่าคนอื่น ถ้าเอาญาติพี่น้องคนคุ้นเคยของตัวเองอยู่ คนอื่นก็เอาอยู่หมด เพราะว่าส่วนใหญ่ที่ทำให้เสียระเบียบมักจะเป็นคนคุ้นเคย ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความประพฤติที่ค่อนข้างจะแย่ เพราะว่ามักจะไม่เห็นพระเป็นพระ แต่จะเห็นพระเป็นญาติพี่น้องของตัวเอง ซึ่งของอาตมาไม่ใช่ ตั้งแต่พรรษาแรกมาจนป่านนี้ ถ้าเป็นญาติพี่น้องนี่จะโดนหนักกว่าเพื่อน..! ซึ่งโดยนิสัยของอาตมาถ้าใครมาทำผิดระเบียบก็มี ๒ วิธีที่จะจัดการ วิธีแรกคือปิดบ้านเติมบุญเลิกรับสังฆทานไปเลย เพราะว่าอาตมาเองอยู่ได้ วิธีที่สองก็คือขึ้นบัญชีดำ ห้ามคนนั้นมาอีก ใครอยากจะเป็นบุคคลในตำนานสามารถแจ้งตรงนี้ได้..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:11 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรของเรา ช่วงที่ผ่านมาได้ใช้งานเยอะมาก เพราะว่าพระที่เรียนบาลีของวัดท่าขนุนรูปหนึ่ง ท่านเรียนบาลีแล้วเครียดจนเส้นเลือดในสมองตีบ เสียค่ารักษาไป ๘๗,๐๐๐ บาท..!
ปกติถ้าเข้าโรงพยาบาลเอกชน อาตมาจะไม่จ่ายให้ แต่เนื่องจากว่าท่านอาการหนักมาก แล้วเอกชนมักจะมีเครื่องไม้เครื่องมือดีกว่า ก็เลยยอมจ่ายเพื่อให้ท่านรอด ไม่อย่างนั้นถ้าท่านแย่งกันเข้าโรงพยาบาลเอกชน อาตมาก็คงต้องตั้งทุนรักษาพยาบาลใหม่เพราะว่าของเก่าหมดเกลี้ยง..! ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ญาติโยมบางท่านไม่ได้นั่งเจริญกรรมฐานกันใกล้ ๆ รู้สึกว่ากำลังใจไม่ดี รักษากำลังใจไม่ได้ เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็จะได้ตั้งหลัก ยืนหยัดด้วยตัวเองเสียที จะส่งกำลังใจไปให้ ถ้ากลัวว่าไม่ได้อยู่ใกล้ ก็ซื้อหาจอโทรทัศน์สัก ๓๒ นิ้ว แล้วก็เปิดนั่งใกล้ ๆ ไว้ ถ้าหากว่าไม่มั่นใจก็เอาโฮมเธียเตอร์ไปเลย..! จอยักษ์ต่อเนื่องกัน ๑๒ จอ เปิดให้หน้าพระอาจารย์ใหญ่เต็มจอก็จบแล้ว ได้อยู่ใกล้กว่าปกติด้วย แต่ถ้าจะลงทุนขนาดนั้นก็น่าจะแพงมากเลยนะ..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:13 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของพระพุทธศาสนา โอกาสที่จะเป็นเหมือนเดิมนั้นยากมาก เพราะหลายสาเหตุด้วยกัน มีทั้งปลอมบวชเข้ามาเพื่อตั้งใจทำลายศาสนาพุทธ มีทั้งผู้ที่บวชเข้ามาขาดคุณภาพ เพราะว่าเป็นบุคคลที่เหลือเลือก สังคมข้างนอกเขาไม่ยอมรับ ก็เลยอาศัยบวช แล้วก็ยังคงมีนิสัยสันดานเหมือนเดิม ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธา
อีกประเภทหนึ่งก็คือ บุคคลที่บวชถูกต้องหมดทุกอย่าง แต่ทนสู้กิเลสไม่ได้ รัก โลภ โกรธ หลง ท่วมหัว ก็กลายเป็นผู้ทำลายศาสนาเองโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น..บุคคลคุณภาพที่จะบวชเข้ามาเพื่อยังพระศาสนาของเราให้มั่นคงนั้นมีน้อยลงไปทุกที บรรดาท่านทั้งหลายที่เอาแต่ตำหนิพระพุทธศาสนา ก็ไม่คิดที่จะบวชเข้ามาช่วยกัน มีแต่ด่าอย่างเดียว โอกาสที่พระพุทธศาสนาจะตั้งมั่นได้มั่นคงก็ยากแล้ว อย่าว่าแต่เจริญขึ้นเลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:13 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
“ปัจจุบันนี้มี สส.ยื่นร่างกฎหมายใหม่ จะให้บุคคลที่บวชพระต้องศึกษานักธรรมชั้นตรีและนวโกวาทให้คล่องตัวก่อนแล้วค่อยบวช ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปหาใครบวชหรอก เพราะว่าพระที่บวชยังต้องใช้เวลาทั้งพรรษาในการศึกษา
แล้วอีกอย่างหนึ่ง เรื่องกฎเกณฑ์ในการบวชนั้น มหาเถรสมาคมก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า พระอุปัชฌาย์อาจารย์ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร สัทธิวิหาริกคือผู้ที่จะเข้ามาบวชเป็นพระ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้นอกจากจะไม่ได้ศึกษาแล้ว ยังคิดว่าตัวเองฉลาด พยายามที่จะช่วยเหลือพระพุทธศาสนาด้วยการออกกฎหมายมาบังคับ กลายเป็นโง่แล้วขยัน..! ในเรื่องของพระพุทธศาสนานั้น อยู่ด้วยพระธรรมวินัยไม่ได้อยู่ด้วยกฎหมาย กฎหมายบ้านเมืองเราเคารพและปฏิบัติตาม แต่ว่าสิ่งที่ใช้ตัดสินความเป็นพระหรือไม่ใช่พระนั้น มีพระธรรมวินัยอยู่พร้อมสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว ถ้าท่านทั้งหลายกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา ระวังจะเกิดโทษหนักกับตัวเอง ก็คือไปบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ ไปเพิ่มเติมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้เพิ่มเติม เรียกว่าตายแล้วจะรู้ว่าโทษนี้เป็นอย่างไร แต่ก็มักจะเสียใจไม่ทันแล้ว”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ต้องบอกว่าเชื้อโรคเป็นเหตุ ก็เลยห่างกันไปเรื่อย ๆ แต่ได้พิสูจน์กำลังใจของเราว่าใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ให้คิดในแง่ร้ายเอาไว้ก่อนว่ายังใช้ไม่ได้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “แรก ๆ ก็ไม่ชินหรอก พอนาน ๆ ไปเดี๋ยวก็ชินไปเอง อะไรที่เป็นของแปลก ที่เป็นของใหม่ มีความดีอยู่อย่างก็คือเราต้องระมัดระวัง จะได้ทำไม่ผิดพลาด เป็นการสร้างสติเพิ่มเติมให้กับเรา ขณะเดียวกันก็ต้องควบคุม กาย วาจา ใจ ของเราให้สงบ ไม่หงุดหงิด ไม่รู้สึกโกรธ เท่ากับต้องเคี่ยวเข็ญตัวเองให้สร้างบารมีเพิ่มขึ้น”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ทุกคนยังต้องระวังตัว เพราะว่าเชื้อโรคจะยังอยู่กับเราอีกนาน ช่วงระยะเวลาประมาณ ๖-๗ เดือนที่ผ่านมา เชื้อโรคปรับตัวเองเปลี่ยนตัวเองไป ๖ รอบแล้ว เชื้อในปัจจุบันเป็นคนละตัวกับเชื้อครั้งแรกแล้ว แปลว่าใครทำวัคซีนอยู่นี่ไล่ไม่ทันหรอก เพราะฉะนั้น..ใส่หน้ากากก็ปิดปากปิดจมูกให้ดี เพราะว่าเชื้อโรคเข้าทางปากและจมูก ไม่ใช่ว่าปิดปากอย่างเดียว หรือว่าเอาไปรัดใต้คางไว้
บ้านเราต้องถือว่าโชคดีที่รัฐบาลดำเนินนโยบายได้ถูก เพราะว่าเอาหมอนำหน้า หมอย่อมรู้จักกับโรคดีที่สุด แล้วการคงพระราชกำหนดฉุกเฉินเอาไว้ก็มีบางคนไปค่อนแคะว่า หวงอำนาจ กลัวชาวบ้านเดินขบวนประท้วง ความจริงแล้วพระราชกำหนดฉุกเฉินไม่ใช่จะประกาศกันง่าย ๆ สถานการณ์ต้องเลวร้ายจริง ๆ เท่านั้น คราวนี้ถ้าไม่คงเอาไว้ อยู่ ๆ เชื้อโรคระบาดหนักรอบสอง แล้วเราไปประกาศใหม่ก็จะลำบากกว่าเดิม เพิ่งจะยกเลิกแล้วประกาศใหม่ ก็จะโดนด่ามากกว่านี้อีก เพราะฉะนั้น..มีวิธีเดียวก็คือปล่อยให้อยู่ยาวไปเลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
“คราวนี้พระราชกำหนดนี้มีความลำบากอยู่อย่างเดียวก็คือ ห้ามคนชุมนุมกันเกิน ๕๐ คน แล้วก็ห้ามอยู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะที่นี่...อยู่ในเขตนนทบุรีที่เป็นเขตระบาดหนัก ถ้าพวกเราติดตามข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ตั้งแต่แรก จะเห็นว่าเซียนมวยที่เป็น Super spreader ไปแพร่เชื้ออย่างหนักเลย ก็ไปจากนนทบุรีนี่แหละ..!
จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดสุดท้ายที่ได้รับการปลดล็อกเพื่อให้คนเดินทางไปมาได้ ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานท้องที่จึงต้องเข้มงวดกับบ้านเติมบุญ เพราะว่าคนจะมาเยอะ เขากลัวว่าถ้าระบาดขึ้นมาอีกครั้งเขาจะเดือดร้อนไปด้วย ใหม่ ๆ เราก็คงไม่เคยชินหรอก แต่ถ้าไปอีกสักพัก เราก็จะรู้สึกชินไปเอง”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:18 |
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
ถาม : ระหว่างเป็นข้าราชการกับค้าขาย หนูควรทำงานอะไรดีคะ ?
ตอบ : เลือกเอาเอง จะหลับตาจิ้มเอาก็ได้..! เรื่องของงานยุคนี้ไม่ต้องเลือกแล้ว มีอะไรก็โดดใส่ไว้ก่อนเลย ถ้ามัวแต่ไปเลือกอยู่ว่าจะเอางานที่เราชอบ หรือเอางานที่ดีสำหรับเรา อาจจะไม่ได้ทำอะไรเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:18 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
หลังจากพระภิกษุท่านทำสามีจิกรรม พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงเข้าพรรษาเราต้องไปทำสามีจิกรรม ซึ่งในอดีตก็คือการไปรายงานตัวต่อพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ในปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นพระผู้ใหญ่และเจ้าคณะปกครองด้วย
ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ จนถึงปัจจุบัน เป็นปีที่ ๕ แล้วที่วัดท่าขนุนบวชแบบอุกาสะฯ ซึ่งมีลักษณะของการยืน ๆ นั่ง ๆ แบบที่ญาติโยมเห็นพระท่านปฏิบัติเมื่อสักครู่ คือถ้าหากว่าโยมเข้าใจหรือว่าไม่เคยศึกษาแบบธรรมเนียมในพระไตรปิฎกมาก่อน ก็จะไม่ทราบว่าการยืนเป็นการแสดงความเคารพ มาสมัยนี้ของเราเปลี่ยนเป็นคุกเข่า เปลี่ยนเป็นกราบ ถ้าเราอ่านจะเห็นว่า ถึงเวลาพรหมเทวดามาถวายสักการะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วไปยืนในส่วนที่ควรข้างหนึ่ง ก็คือยืนในที่เหมาะสม การยืนเป็นการแสดงความเคารพ ปัจจุบันนี้กลายเป็นว่า การยืนดูแล้วแปลก ๆ ในสายตาพวกเรา เพราะว่าไม่เคยชินกัน เพื่อนพระอุปัชฌาย์บางท่านก็บอกว่า ถึงเวลาก็ให้นาคยืนค้ำหัวพระ อาตมาบอกว่า “ผมให้เขายืนนอกวงพระ” ...(หัวเราะ)... เสร็จสรรพเรียบร้อยเหลือแต่ตอนญัตติค่อยให้เข้ามานั่งในวง ของท่านเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกก็ให้มายืนในท่ามกลางพระ แบบนั้นก็จบเลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:20 |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “อะไรที่ไม่เคยชิน ทำบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง แต่อะไรที่เคยชินแล้ว ถ้าหากว่าทำแล้วไม่ดีต่อกาลเทศะก็ต้องแก้ไข ส่วนใหญ่แล้วคนอื่นเขาจะไม่กล้าว่า ไม่กล้าบอก เขาเกรงใจ คือรักตัวเอง กลัวว่าเราจะไม่พอใจ แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้น เราจะไม่มีวันแก้ไขตัวเองได้เลย แต่อาตมาเองในฐานะที่เป็นครูบาอาจารย์ ถ้าไม่บอก เกิดเราไปทำผิดที่อื่น แล้วบอกว่าเป็นลูกศิษย์สายวัดท่าขนุน อาตมาก็จะขายหน้าเขาด้วย เพราะฉะนั้น..ที่วัดท่าขนุนจะค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้
พระเณร ๓๐-๔๐ รูป ถ้าโยมไปถึงวัดแทบจะไม่เห็นอยู่ข้างนอกเลย หลายคนไปถามว่าพระวัดนี้มีเท่าไร ? พอบอกแล้วเขาตกใจ บอกว่าไม่เห็นพระเลย อาตมาบอกว่ามีหน้าที่สวดมนต์ภาวนาก็ทำไป ถึงเวลาหน้าที่ส่วนรวม ปัดกวาดทำความสะอาดวัดแล้วถึงจะมารวมกัน ถ้าใครฝืนระเบียบ มี ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือไปหาที่อยู่ใหม่ อย่างที่สองก็สึกหาลาเพศกลับไปทำตามใจตนเองที่บ้าน..! ถ้าท่านทั้งหลายถามว่าเป็นการเข้มงวดโหดร้ายไปหรือเปล่า ? ก็ต้องบอกว่า พระพุทธศาสนาของเราบอบช้ำมากแล้ว ก็เพราะการปล่อยปละละเลยของบุคคลที่เป็นครูบาอาจารย์ และการไม่รู้เรื่องอะไรเลยของญาติโยมที่เป็นอุบาสกอุบาสิกา ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่รู้ ทำต่อไปผิดพลาดอีก ก็กลายเป็นข้อตำหนิแก่คนอื่นเขาต่อไปอีก”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:22 |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
มีโยมมาขอขมาพระอาจารย์ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “เคยรู้ไหมว่าขอขมาเขาต้องมีเครื่องมืออะไรบ้าง ? จะขอขมาก็ไปหาดอกไม้ธูปเทียนมา ไม่ใช่มาแต่มือเปล่า ไม่เคยเรียนรู้แบบธรรมเนียมก็ต้องเรียนรู้ ต่อไปจะได้ทำให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นก็จะผิดไปเรื่อย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:22 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ที่นี่ไม่เอาใจใคร แต่เอาธรรมเป็นหลัก เอาเรื่องของกฎระเบียบเป็นหลัก กฎระเบียบเป็นของหยาบ หลักธรรมเป็นของละเอียด ถ้าสามารถปฏิบัติของหยาบได้ จึงจะเข้าถึงของละเอียดได้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:23 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|