#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันเสาร์ที่ตรงกับวันที่ ๕ เท่านั้น แต่ว่ามีหลายคนไปเข้าใจว่าเป็น "วันเสาร์ ๕"
วันเสาร์ ๕ นั้นคือวันเสาร์ที่ตรงกับขึ้นหรือว่าแรม ๕ ค่ำ เพียงแต่ว่าถ้าหากไม่นับตามฤกษ์อมฤตโชค สำหรับผู้ที่มีวันเสาร์เป็น "วันลาภ" หรือวันว่า "วันชัย" แล้ว ในส่วนของครูบาอาจารย์ท่านใช้เฉพาะวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น จะเป็นเดือนไหนก็ได้ แต่ถ้าได้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ จะยิ่งดี ท่านเรียกว่า "กระทิงวัน" ก็คือวัน (ขึ้น ๕ ค่ำ) กับเดือน (๕) ตรงกัน แต่ถ้าหากว่าเป็นวันเดือนปีตรงกัน ก็คือวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง (ปีที่ ๕) อย่างเช่นปีนี้ที่ตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา เขาเรียกว่า "ตรีวัน" ก็คือเป็นวันที่แข็งกว่าปกติ ๓ เท่า การที่เขาเข้าใจผิด ถ้าเรามีโอกาสก็ช่วยชี้แจงให้ญาติโยมเข้าใจด้วยว่า วันเสาร์ ๕ ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ไม่ใช่ปล่อยให้เข้าใจผิดแล้วก็ถ่ายทอดผิด ๆ ต่อกันไปเรื่อย ถ้าลักษณะแบบนั้น นานไปก็เพี้ยนไปจนได้ วันนี้กระผม/อาตมภาพได้รับมอบหมายให้เป็นประธาน ในพิธีเปิดการอบรมนักธรรมชั้นตรีก่อนสอบประจำปี ๒๕๖๗ ในส่วนของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ปรากฏว่าคุณสมชาย เจ้าของแผงวัตถุมงคล ที่ตระเวนไปจำหน่ายให้กับพระภิกษุสามเณรของเราในงานต่าง ๆ ได้เปิดไอแพดให้ดูรูปว่า เมื่อวันเสาร์ ๕ ที่ผ่านมา ได้มาร่วมพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุน เมื่อเสร็จงานก็เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเพชรบุรี ไปถึงบ้านพอจอดรถก็ได้ยินเสียงดัง "เคร้ง" ยังนึกว่าเหยียบกะละมังข้าวหมา แต่ปรากฏว่าพอจะขยับรถแล้วขยับไม่ได้ ก็เลยต้องลงจากรถไปดู ผลปรากฏว่าเพลากลางของรถหลุดลงมา หัวทิ่มพื้นอยู่..! คุณสมชายบอกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่าไม่มีน็อตเหลือเลยแม้แต่ตัวเดียว พยายามเดินดูตั้งแต่บ้านไปถึงปากซอย ปากซอยมาถึงบ้าน ก็ไม่มีน็อตตกอยู่แม้แต่ตัวเดียว แล้วรถวิ่งไปได้อย่างไร ? โดยที่เพลากลางไม่มีน็อตยึดสักตัวหนึ่ง..! คุณสมชายแกมากราบ บอกว่า "ครูบาอาจารย์ยังเมตตาส่งจนถึงบ้านก่อนแล้วรถถึงพัง..!" ซึ่งความจริง ถ้าลักษณะอย่างนั้นคงพังไปตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ไปพังตอนถึงบ้าน ทำให้กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงเวลาบวงสรวงงานของวัด ส่วนหนึ่งที่ขอพรไว้เสมอก็คือ "ขอให้พระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชี ฆราวาส ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง ที่เดินทางมาร่วมงาน ขอให้เดินทางไปกลับโดยสะดวกปลอดภัย ถ้าหากว่าจะมีอุบัติเหตุอันตรายอะไร ก็ให้เสียหายแต่เฉพาะทรัพย์สิน อย่าให้เสียชีวิต ถ้ามีสิ่งหนึ่งประการใดที่ไม่เกินบุญที่สร้างมา ก็ขอให้ความปรารถนาของเขาทั้งหลายเหล่านั้นสำเร็จลงด้วย" ตรงนี้ใครจะเลียนแบบก็ไม่ว่า แต่กระผม/อาตมภาพถ้าหากว่าจัดงานวัด จะขอแบบนี้ทุกครั้งตอนบวงสรวง ก็เลยไม่ทราบว่าการขอแบบนี้หรือเปล่า ที่ทำให้คุณสมชายขับรถไปจนถึงบ้านแล้ว เพลากลางถึงได้หล่นลงมา..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2024 เมื่อ 01:30 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แต่ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ฝีมือของกระผม/อาตมภาพที่ไปทำอย่างนั้น เนื่องเพราะว่าคนเราทุกคนมี "เทวดาประจำตัว" หรือว่า "เทวดาที่รักษาตัวเรา" อยู่แล้ว เมื่อถึงเวลามีงาน ส่วนแรกก็คือกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รองลงมาก็ขอบารมีท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นใหญ่ในหมู่พรหมทั้งหมด แล้วก็ขอบารมีท่านปู่พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในหมู่เทวดาทั้งหมด มีท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ เป็นที่สุด ให้ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่ทุกคนได้ขอหรือว่าตั้งใจอธิษฐานเอาไว้
ถ้าเป็นเช่นนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมหรือไม่ก็ท่านปู่พระอินทร์ ไม่ก็ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านก็จะมอบหมายให้เทวดาประจำตัวหรือว่าเทวดาที่รักษาตัวเราเป็นผู้ดูแล ก็ต้องบอกว่าเทวดาที่รักษาตัวคุณสมชายน่าจะมีกำลังสูงมาก ถึงสามารถที่เอารถที่เพลากลางไม่มีน็อตเหลือสักตัวเดียวไปถึงบ้านได้ เพราะว่าพอจอดแล้วก็ขยับรถไม่ได้ เนื่องเพราะว่าเพลากลางหลุดลงมา คาอยู่กับตัวเหล็กที่รองรับอยู่..! วันนี้ที่อยากจะพูดถึงอีกส่วนหนึ่งก็คือที่มีพระท่านถามว่า "ดวงมีการขโมยกันได้ด้วยหรือ ?" พวกเราส่วนใหญ่พอฟังอะไรแล้วไม่ค่อยจะใช้ปัญญาคิด หรือถ้าคิดก็ไม่มั่นใจ ก็เลยมาถามครูบาอาจารย์ ในเรื่องของดวงก็คือบุญหรือกรรมเก่าที่เราทำเอาไว้ แล้วจะส่งผลดีหรือร้ายตามเวรตามกรรมที่เราสร้างมา คราวนี้ทางด้านนักปราชญ์แต่โบราณโดยเฉพาะชาวอินเดีย เขามีการศึกษาเรื่องการโคจรของดวงดาวและวันเดือนปีเกิดของผู้คน จนสามารถสรุปลงมาเป็นโหราศาสตร์ได้ แต่ถ้ากล่าวกันในทางพุทธศาสตร์ก็คือ บุคคลที่เกิดวันเดือนปีใกล้เคียงกัน ก็เพราะว่าสร้างบุญสร้างกรรมมาใกล้เคียงกัน ถึงเวลามีอะไรดีหรือว่าร้ายเกิดขึ้น ก็มักจะเกิดขึ้นคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าในเรื่องของโหราศาสตร์นั้น เราต้องไม่ลืมว่าเต็มที่ก็ดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพเป็นคนพูด แต่เป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอก เพราะว่าช่วงนั้นท่านสั่งให้กระผม/อาตมภาพไปศึกษาวิธีการดูดวง จะเป็นเลข ๗ ตัวก็ได้ มหาทักษาก็ได้ กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะเป็น "เด็กไฮเปอร์ฯ" ก็คืออยู่นิ่งไม่ค่อยเป็น ท่านกลัวว่าถ้าไม่มีอะไรจะทำเดี๋ยวจะไปรื้อวัดทิ้ง..! ก็เลยให้ไปหัดดูดวง แล้วท่านก็บอกว่า "เต็มที่จะดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้ทิพจักขุญาณก็ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์" กระผม/อาตมภาพเรียนถามว่า "แล้วส่วนที่เหลือละครับ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "บุคคลประเภทนั้นกำลังใจล้นเกิน ดวงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ต่อให้บอกว่าไม่ดีอย่างไร พวกนี้ก็จะ "สู้หัวชนฝา" จนกระทั่งชนะดวงไปเอง ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกที่มาสายพระโพธิสัตว์"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2024 เมื่อ 01:36 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านต้องเข้าใจว่า ในเรื่องของดวงก็คือบุญกรรมที่เราทำมาในอดีต แล้วส่งผลให้กับเราในปัจจุบัน ก็เลยไม่มีการที่จะไปทดแทนกัน หรือว่าใช้แทนกัน หรือว่ายืมดวงใช้ก่อน เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเป็นสมัยก่อนที่เขายังทำไสยศาสตร์กันอยู่มากมาย ส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์ท่านจะเตือนในเรื่องของวันเดือนปีเกิดว่า อย่าไปให้หมอไสยศาสตร์รู้เข้า เพราะว่าเขาจะทำได้ผลมากกว่าปกติ ถ้ามีวันเดือนปีเกิดพร้อมกับสิ่งของที่เราเคยใช้ด้วย ก็จะยิ่งมีผลมากขึ้น..!
แต่กระผม/อาตมภาพโชคดีที่ว่า ใครได้วันเดือนปีเกิดไปก็อาจจะเดือดร้อนเอง เนื่องเพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นถอดออกมาแล้ว "อริเป็นมรณะ" ใครตั้งตัวเป็นศัตรูตายห่..หมด..! เพราะฉะนั้น..บางท่านที่สงสัยว่า "ทำไมกระผม/อาตมภาพทำยันต์เกราะเพชรขึ้นมาก ? ทำตะกรุดมหาสะท้อนขึ้นมาก ?" ก็เพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นอริเป็นมรณะ ถ้าหากว่าใครคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเอง..! ในเมื่อพื้นฐานดวงเป็นอย่างนี้ แล้วยังมีวิชาการเสริมเข้าไปอีก ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ใครคิดจะหาเรื่องก็แปลว่าหาที่ตายเอง..! เพียงแต่เตือนว่าเราท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังเอาไว้บ้าง แต่สมัยนี้ระวังยาก เนื่องเพราะว่าคุณจะสมัครเฟซบุ๊ก สมัครอีเมลอะไรก็ตาม เขาให้ใส่วันเดือนปีเกิดไปทั้งหมด ก็เท่ากับทุกคนในปัจจุบันนี้ มีสิทธิ์ที่จะเจอหมอไสยศาสตร์เล่นเอาได้ทั้งนั้น..! ดังนั้น..วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือภาวนาให้กำลังใจทรงตัว อย่างน้อยสุดก็ให้เป็นปฐมฌานละเอียด ถ้าทำได้ในระดับนี้ หมอไสยศาสตร์เก่งแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจของเราเท่ากับพรหม ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องของดวงขโมยกันไม่ได้ ยืมใช้ก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็คงจะมีประธานาธิบดีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว หรือไม่ก็มีนายกรัฐมนตรีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว เพราะว่าไปขโมยดวงเขามาใช้แทน แต่ว่าเรื่องของวันเดือนปีเกิดนั้น ถ้าหากว่าผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในไสยศาสตร์ เขายังทำไสยศาสตร์แล้วมีผลอยู่ โดยเฉพาะจะมีผลมากกว่าปกติ เพราะว่าระบุจำเพาะเจาะจง เพียงแต่ว่าบุคคลที่เกิดวันเดือนปีเดียวกันนั้นมี เรื่องที่เราต้องระมัดระวังมากกว่าวันเดือนปีเกิดก็คือ "เวลาตกฟาก" สมัยนี้เขาก็ไม่ตกฟากกันแล้ว สมัยก่อนส่วนใหญ่บ้านเรือนเป็นเครื่องผูก เครื่องสับ ไม่ใช่บ้านที่เป็นไม้จริงหรือบ้านคอนกรีตอย่างปัจจุบันนี้ ถึงเวลาก็สับฟากปูพื้น เด็กคลอดลงไปเขาจึงเรียกว่า "ตกฟาก" ก็คือเมื่อหล่นถึงพื้นก็นับเวลานั้นเป็นเวลาเกิด แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ามา ไม่มีอะไรเหนือกว่าคุณพระศรีรัตนตรัย เรายึดคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีการภาวนาอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะใครที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ภาวนาปลุกยันต์ไว้ทุกวัน ถ้าหากว่าใครอยากได้ดวงไปทำไสยศาสตร์ก็รีบประเคนให้เขาไปเลย อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับตนบ้าง..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2024 เมื่อ 01:41 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|