#21
|
|||
|
|||
บันทึก ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔
กรณีรักษาโรค กระดูกสันหลัง (ซึ่งรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันอาการยังไม่ดีขึ้นจึงรักษาด้วยพุทธคุณ) เรื่องของการรักษาโรค หรือจะช่วยเหลือคนอื่นนั้น ขั้นตอนแรกคือ ถามหลวงปู่ก่อนว่าคน ๆ นี้ช่วยเขาได้หรือไม่ ถ้าหลวงปู่บอกได้ ลุยไหนลุยกัน การจะช่วยเหลือคนอื่นหรือตัวเอง ยิ่งกำลังใจสูงมากเท่าไร การรักษาโรคก็จะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และคนที่จะช่วยให้กำลังใจเราสูงนั้นหาก ๑ เขาเป็นคนในครอบครัว ๗ ชั่วโคตร ๒ เขาเป็นคนที่บุญคุณกับเรา ๓ เขาเป็นคนที่หลวงปู่บอกให้ช่วย กรณีนี้เป็นน้องสาวคนนี้ที่มีอาการทางกระดูก เธอเป็นนางพยาบาล ซึ่งอาการโรคของเธอนั้นป่วย เธอได้ถามหมอใหญ่ที่เป็นอาจารย์หมอ แต่หมอก็ยังหาสาเหตุของโรคจริง ๆ ไม่ได้เสียที ป่วยมาได้สามปี หมอสรุปว่าน่าจะเป็นกระดูกเป็นรูปตัวเอส วันนี้เธอแวะเข้ามาเยี่ยม เลยจับทดสอบ การใช้พระขรรค์ในแบบที่เรียนมาจากหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ เริ่มต้นด้วยการน้อมจิตถึงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นที่สุด ขอให้หลวงปู่เมตตา น้อมนำอัญเชิญบารมีของสมเด็จองค์ปฐมบรมหาจักรพรรดิ พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เทวดา พรหมทุกชั้น น้อมกำลังบุญแผ่ให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ป่วยปวดหลังปวดกระดูก การรักษา ให้เธอนอนเหยียดปลายเท้าไปทางประตู (ทางทิศตะวันตก) ขณะที่อาราธนา สิ่งที่รู้สึกได้คือ โซ่ที่รั้งตัวน้องคนนี้ไว้ทยอยหลุดออกไป ใช้พระขรรค์จี้ไปที่กระดูกสันหลัง น้อมกำลังไป ทำอย่างนี้สามวาระ ใช้เวลาร่วมสิบนาที พร้อมทำน้ำมนต์ให้ดื่ม ให้เธอทำน้ำมนต์ด้วยตัวเอง กล่าวคำขอขมาพระรัตนตรัย ท่องบททำน้ำมนต์ด้วยตัวเอง เธออาการดีขึ้น สิ่งที่เจ็บที่ปวดหายไป ทั้ง ๆ ที่ก่อนมาแค่กดก็ปวด แต่ตอนนี้บิดหมุนตัวได้คล่อง โรคบางโรครักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่หาย การน้อมบุญบารมีแผ่ให้กับเจ้ากรรมนายเวรช่วยเหลือได้
กรณีนี้กำลังใจสูง เพราะเธอเคยให้ที่พักพิงอาศัย เคยให้ข้าวให้น้ำและรักษาผมตอนผมไม่สบาย ป่วยปางตายเมื่อครั้งวาระกรรมเข้า เรียกว่ามีบุญคุณกับผมกำลังใจจึงมีมากเป็นพิเศษและเธอร่วมบุญด้วยกันเสมอด้วย ดังนั้นผลบุญย่อมส่งผลด้วยการเนื่องกันมา แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หมอเสือ : 19-06-2013 เมื่อ 02:35 |
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หมอเสือ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
เหมือนกับเราติดคุกสิบปี เราไม่ยอมรับเราก็จะทุกข์กับคุกที่เราติด อิสระที่เคยมีทุกอย่างที่เคยทำมันมากำจัดเรา ยิ่งคิดหนีก็ยิ่งทุกข์ หากกระทำการแหกคุกอาจจะตายหรืออาจจะปางตาย แต่หากใจเรายอมรับผลที่ทำสำนึกผิดที่เราก่อ ใจเราวางได้ใจเราก็เป็นสุข กายเราก็เป็นสุขและเราก็ทำดี ก็จะมีการลดหย่อนผ่อนโทษจากสิบปีอาจจะเหลือห้าปีเจ็ดปี ขั้นตอนแรก การรักษาโรคด้วยพลังพุทธคุณนั้น ใจเราต้องยึดพระรัตนตรัยให้เต็มร้อย กล่าวคำมอบกายถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัย และกล่าวคำขอขมาพระรัตนตรัยเป็นภาษาไทย อาราธนาศีลแปด ขั้นตอนที่สอง นั่งสมาธิพิจารณาร่างกายการเจ็บป่วยให้ทุกข์จริง ๆ และยอมรับผลให้ได้ ขั้นตอนที่สาม เมื่อยอมรับแล้วก็สำนึกผิดเราจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ขั้นตอนที่สี่ น้อมนำบุญของเราที่เคยสร้างตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มอบให้หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤๅษี หลวงปู่ทวด หลวงพ่อดู่ ได้โปรดอนุโมทนาบุญและขอให้ท่านส่งกำลังบุญของเรารวมกับท่าน ให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ส่งผลอยู่ปัจจุบันและที่ทำให้เราเจ็บปวดหลัง ขอให้ท่านอนุโมทนาบุญ และเมื่ออนุโมทนาบุญแล้ว ขอให้อโหสิกรรม ให้มีผลนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้น ไปตราบเข้าสู่พระนิพพาน และขอให้อาการปวดหลังหายป่วยโดยฉับพลันทันที ขั้นนตอนที่ห้า ใช้น้ำมันชาตรีตามวิธีที่ใช้ กินวันละหนึ่งช้อนชาและสามารถนำมาทาแนวกระดูกที่ปวด ขั้นตอนที่หก แนะนำให้เสกข้าวเสกน้ำ โดยทำตามวิธีของพระพุทธกัสสป ถ้าหากโดนผี โดนวิญญาณ โดนไสยศาสตร์ อาการดังกล่าวก็จะดีขึ้นโดยฉับพลันทันที หากเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมอาการก็จะดีขึ้น แต่ก็ยังเจ็บปวดอยู่ แต่รู้ตัวว่าดีขึ้น ขอให้หายป่วยโดยฉับพลันทันทีครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หมอเสือ : 08-07-2013 เมื่อ 13:33 |
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หมอเสือ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
|||
|
|||
บันทึก ๕ พ.ค. ๕๑
มองดูพระคู่ชีวิตที่ได้รับมาจากครู ท่านเปลี่ยนสีจากสีดำสนิทเป็นสีแดง ผมให้น้องดูว่าอีกทีว่าเป็นสีแดงหรือไม่ น้องยืนยันว่ามองเป็นสีแดงจริง ๆ คงจะมีเรื่องราวเกิดขึ้น ร้ายหรือดีไม่รู้ “ตื่น ๆ ไฟไหม้บ้าน เอ็งจะนอนไปถึงไหน ?” ผมมองดูรอบตัว ไฟกำลังไหม้บ้าน ผมนึกได้ว่าต้องรีบไปบอกน้องชายก่อน ผมกำลังจะวิ่ง หลวงปู่ดู่ท่านจับแขนผมไว้ “ไม่ต้องแล้ว ข้าดับไฟให้เอ็งแล้ว” ผมสะดุ้งตื่นจากความฝัน มองดูรอบ ๆ ห้องนอน ไม่มีไฟไหม้ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เดินตรวจดูรอบบ้านก็ไม่มีไฟไหม้ สงสัยจะกินมากไป ฝันเห็นหลวงปู่ก็ใจชื้นแล้ว สิบห้าวันต่อมา หลังจากที่ผมตื่นนอนยามบ่าย มองดูนาฬิกาบอกเวลาสิบหกนาฬิกาสามสิบห้านาที ผมเปิดประตูบ้านออกไป “อยู่บ้านด้วยหรือ ? ป้านึกว่าไม่มีใครอยู่ รู้ไหมไฟไหม้ท้ายรถเรา ? ป้ากลับจากซื้อของ เห็นไฟลุกไหม้ท้ายกระบะ ป้าเรียกก็ไม่มีใครออกมา เห็นปิดประตูบ้าน ป้าเลยให้ลูกชายป้าปีนไปดับไฟ ดีนะที่ป้ามาทัน ไม่อย่างนั้นเรื่องใหญ่แน่” “ขอบคุณครับป้า” มองดูท้ายรถกระบะ น้ำท่วม หมอนเปียก มีรอยไหม้ที่แม็กลายเนอร์ ยาวเกือบห้าสิบเซนติเมตร ไฟคงจะเกิดจากขี้บุหรี่ติดหมอนที่ซักตากไว้ท้ายกระบะ โชคดีที่ป้าข้างบ้านมาเจอก่อน ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อลองนึกดูในฝันที่หลวงปู่ดู่ท่านเมตตาดับไฟให้ก็น้ำตาร่วง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด กำจัดทุกข์กำจัดภัยได้จริง ผมจับพระคู่ชีวิตมองดูสีท่าน ยังคงเป็นสีแดงอยู่ คิดว่าคงจะกลับมาเป็นสีดำ วันต่อมาผมป่วยนอนซม น้องชายบอกจะให้แฟนมาฉีดยา ให้รอออกเวรก่อน อาการป่วยครั้งนี้แปลก จับภาพพระ ท่องอิติปิโสฯ ที่เคยทำเคยสวดไม่ได้สักท่อน จะภาวนาพุทโธสามคู่ก็ไม่ไหว ท่าทางครั้งนี้จะป่วยหนักเอาเรื่อง ผ่านไปวันที่สองแฟนน้องชายก็ยังไม่มา จากที่ยังท่องพุทโธได้หนึ่งคู่ ตอนนี้พุทคำเดียวก็จะเลือนหายไปเสียแล้ว คงจะตายจริง ๆ ตายเป็นตาย ยอมแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่เกิดแล้ว มือกำพระไว้แน่น วันที่สามแฟนน้องชายออกเวรมาถึงประมาณทุ่ม ได้แค่ยาฆ่าเชื้อมาให้กิน ยาฉีดที่โรงพยาบาลหมด ยามาพรุ่งนี้ กว่าจะออกเวรก็เย็น ๆ ให้อดทนไว้ คืนวันที่สามย่างเช้าวันที่สี่ หลวงปู่ดู่ท่านมาเข้าฝันบอกว่าพ้นแล้ว กรรมคลายแล้ว เดี๋ยวก็หาย เลยขอหลวงปู่ดู่ท่านเมตตาดูเจ้ากรรมนายเวรหน่อยว่าเป็นอย่างไร ท่านเมตตาฉายภาพให้ดู ตัวใหญ่น่าจะสูงสองเมตรกว่า มาด้วยกันสองคน ใจชื้นขึ้น นึกภาพพระได้และภาวนาได้ ตกเย็นฉีดยาให้น้ำเกลือ เช้าวันที่ห้าวิ่งออกกำลังกายได้เหมือนเดิม มองดูพระคู่ชีวิตกลับดำสนิท การป่วยครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ถ้าอกุศลกรรมยังคงอยู่ ต้องรับกรรมไปจนกว่าจะหมด หรือจนกว่ากุศลกรรมเข้ามา ถึงจะหายป่วยไปได้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2013 เมื่อ 16:59 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หมอเสือ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
|||
|
|||
วันนั้นกำลังใช้มีดตัดเทียน เกิดพลาดมีดบาดเข้าตรงโคนนิ้วโป้งซ้าย มองดูเห็นเส้นเอ็นเนื้อที่แยกออกจากกันคล้ายกับเนื้อหมูที่โดนเฉือนด้วยมีดบังตอ มองดูเลือดค่อย ๆ ไหลออก ผมปิดแผลไว้ มองดูหน้าหิ้งพระเห็นใบตองที่บายศรีปากชาม นึกถึงคาถามหาประสานที่เคยอ่านในเว็บวัดท่าขนุน มือขวาเปิดคอมพิวเตอร์หาบทความที่หลวงพ่อเล็กบอกไว้
หลวงพ่อบอก “คาถามหาประสาน” ให้ คาถาบทนี้หากทำถึงที่สุด ต่อให้เกิดบาดแผลใหญ่ขนาดไหน ก็สามารถเป่าให้แผลนั้นประสานติดเป็นเนื้อเดียวกัน โดยไม่มีแผลเป็นหลงเหลืออยู่ ซึ่งดีกว่าศัลยกรรมสมัยใหม่หลายเท่า เพราะไม่ต้องเสียเงินสักบาท... คาถานี้มีเคล็ดสำคัญคือ ต้องใช้ใบตองสดปิดแผล แล้วกลั้นใจว่าคาถาเป่าลงไป ตัวคาถาว่าดังนี้... “วะโร วรัญญู วะระโท วะราหะโร อนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ” ผมเอาใบตองปิดที่แผล ท่องคาถาจนมั่นใจ เปิดออกมาแผลยังเหมือนเดิม แต่เลือดหยุดไหล ไม่เจ็บแผล เก็บของเข้าที่เข้าทาง ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะไปถึงโรงพยาบาล โดนเย็บไป ๕ เข็ม หมอบอกว่า นับว่าโชคดีไม่โดนเส้นเอ็นขาด แต่ตอนที่ผมเห็นเส้นเอ็นก็เกือบขาด โชคดีที่วันนั้นอินเตอร์เน็ตที่ห้องพักไม่เสีย ปกติจะติด ๆ ดับ ๆ มาเป็นพัก ๆ โชคดีที่หลวงพ่อบอกคาถาให้ลูก ๆ ไว้ใช้ในยามจำเป็น ขอบคุณพระรัตนตรัยที่ย้ำศรัทธาให้มั่นคงยิ่งขึ้น พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เหนือเศียรเกล้า แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หมอเสือ : 27-08-2013 เมื่อ 09:43 |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หมอเสือ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
|||
|
|||
บันทึกกรณีศึกษา ตอนแรก คุณพลอย(นามสมมุติ) หมอวิเคราะห์ว่าอาการของโรค น่าจะมีใครบีบคอ ทำให้เส้นเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง หมอคิดว่าทะเลาะกับแฟนตบตีกัน เข่าเขียว รอยจ้ำตามตัว พูดไม่ได้ อ่านได้แต่ออกเสียงไม่ได้
ผมได้รับโทรศัพท์จากญาติให้ไปช่วยน้าของหลานสะใภ้ เมื่อไปถึงผู้ป่วยนอนหลับอยู่ ญาติปลุกให้ตื่นขึ้นมา จึงรู้ว่าเธอพูดไม่ได้จริง ๆ ออกเสียงไม่ได้ เขียนหนังสือก็ไม่ได้ เจ็บปวดตามตัว ทั้ง ๆ ที่ห้าวันก่อนอาการยังปกติเหมือนคนทั่วไป ขั้นแรกผมให้กินน้ำมนต์ดูผล อาราธนาพระทำน้ำมนต์ กำลังพระท่านส่งตลอดเวลา พระท่านส่งกำลังให้แสดงว่าน่าจะโดนไสยศาสตร์หรือไม่ก็ผี ส่งกำลังจากหัวถึงปลายเท้าและมีพลังงานจากปลายเท้าขึ้นมา ผมอยากจะสื่อสารกับเธอ จึงให้เธอให้เขียนหนังสือเพื่อจะได้คุยกัน มือเธอเกร็งมากเขียนไม่ถนัดนักดูลายมือคล้าย ๆ เพิ่งหัดเขียน ผมเอาน้ำมนต์ลูบที่มือและให้ดื่มเพิ่ม มือเริ่มขยับ เริ่มเขียนได้ แต่ก็ยังคงเป็นลายมือเด็กอนุบาล เธอพูดคงจะดีกว่านี้เขียน ผมตั้งคำถาม เธอพยายามพูด แต่พูดไม่ได้ ออกเสียงไม่ได้ แค่เปล่งเสียง ก็ทำได้แค่ เออ ๆ ๆ ได้แค่นี้ ภาพปรากฏช่วงเสี้ยววินาทีให้ใช้ทองคำเปลว โชคดีวันนั้นติดไปด้วยผมใช้แผ่นทองคำเปลวที่เข้าพิธีเสาร์ห้าที่วัดท่าขนุน ให้กินไปหนึ่งแผ่น อาการเธอตอบสนองดีขึ้นจึง ให้กินอีกแผ่น พร้อมกับให้อธิษฐานว่าจะถวายสังฆทานกับหลวงพ่อเล็ก ให้อธิษฐานบุญ แผ่ให้ผี เจ้ากรรมนายเวร เทวดา ท้าวมหาราชทั้งสี่ หลวงพ่อทวด ผลดีขึ้นแต่ก็ยังไม่น่าพอใจ ผมใช้พระขรรค์โสฬสเข้าไปทะลวงอีก กินน้ำมนต์ซ้ำ สอนให้ออกเสียง เอ อี ไอ โอ เธอเริ่มไล่เสียงได้ น้ำตาแม่และญาติเอ่อนอง ยิ้มกับเสียงของเธอ แม้ว่าจะเป็นเพียงเสียงคล้ายเด็กหนึ่งขวบหัดพูดก็ตาม หลังจากนั้นก็เริ่มแนะนำการทำสมาธิ ให้จับภาพหลวงพ่อทวดเข้าไว้ในกาย ขยายคลุมไปที่ร่างกาย ให้หลวงพ่อทวดเปล่งแสงสว่างออกมา เธอทำได้สองรอบ แผ่บุญ เธอขอปากกากระดาษ เธอเขียนคำว่า “พระทวด” ลายมือมือแบบเด็กหัดเขียน ซึ่งคงจะหมายถึงหลวงปู่ทวด อาการดีขึ้นจากห้าวันที่แล้ว จากคนพูดไม่ได้ เริ่มไล่ระดับเสียง มือที่เกร็งเริ่มขยับไล่นิ้วได้ สีหน้าแววตาดีขึ้น จึงให้พระหลวงปู่ทวดไปองค์หนึ่งไว้ติดตัว ให้คาถา ว่าง ๆ ก็ให้ระลึกถึงคาถา ถ้ามีอะไรให้ขอหลวงปู่ทวดช่วย แม่เธอเล่าให้ฟังว่า ทุก ๒๑. ๐๐ น. จะมีผีมาทำร้ายเธอที่บ้าน พอเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล ผีก็ตามมาทำร้ายหนักกว่าเดิม บีบคอ กดหัว ทำให้มีอาการพูดไม่ได้ ทำให้หมอวิเคราะห์ว่าเป็นอาการของการทำร้ายร่างกาย หลังจากนั้นสามวันแฟนเธอโทรหาผม ขอให้ผมไปที่ห้องพักกับเขาด้วย เมื่อวานเขาโดนผีขังในห้องน้ำ ๒ ชั่วโมง..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2013 เมื่อ 14:41 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หมอเสือ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
|||
|
|||
ผ่านไปสามวัน แฟนเธอโทรศัพท์หาผม ขอร้องให้ไปช่วยเป็นเพื่อนกลับที่พัก เมื่อวานโดนขังในห้องน้ำร่วมสองชั่วโมง กลัวมาก ไม่กล้าไปคนเดียว ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลากลางวัน
ผมมาถึงโรงพยาบาล เธอแสดงให้ผมเห็นว่า อาการของเธอดีขึ้นมาก จากที่ไล่ระดับเสียงได้ในวันแรก วันนี้พูดได้เป็นประโยค วันนี้เธออยากให้ผมไปเป็นเพื่อนแฟนเธอ เมื่อถึงห้องพัก ไม่น่าจะมีอะไร ก็เป็นแค่อพาร์ทเม้นท์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป แฟนเธอเล่าว่า ด้านหลังกำลังทุบตึก เป็นไปได้ไหมว่าผีที่ว่าจะหนีมาอยู่ที่ห้องเขา เพราะเขาเคยได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังเหมือนคนอะไรคุยกัน หรือไม่ก็เป็นเสียงดังเหมือนมีคนเคาะอยู่หลังตู้เสื้อผ้า ตามหาต้นเหตุของเสียงไม่ได้ หาสาเหตุก็ไม่เจอ เมื่อมีเสียงเกิดขึ้นเจอแต่เรื่องซวย ๆ เช่น แฟนขับรถชน หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุ เข้าวัดทำบุญบังสุกุลก็หาย ทำให้นึกถึงการแก้ไขในการป้องกันผีไม่ให้เข้าในสถานที่ นำน้ำมันชาตรีเจิมที่ห้อง ขอบารมีพระ ครูอาจารย์ เทวดา พรหม ขอให้ท่านเมตตาป้องกันวิญญาณที่ไม่ดี ห้ามเข้าในพื้นที่ห้อง เปิดเทปบวงสรวงของหลวงพ่อฤๅษี ขอความเมตตาหลวงพ่อและท้าวมหาราช ช่วยเจรจาให้ผีอยู่ส่วนผี ท่านท้าวมหาราชเมตตา บอกช่วยให้ถวายสังฆทานชุดใหญ่ให้ท่านหนึ่งชุด จึงตกลงกับท่าน บอกแฟนเธอไปทำตามที่ท่านบอกเรื่องสังฆทาน กลับมาถึงโรงพยาบาลเธอนอนอยู่ แม่เธอปลุกเธอขึ้นมา ทำให้เห็นว่าอาการที่ว่าดีขึ้น แต่ยังมีปัญหาในช่วงที่เธอหลับไปแล้วตอนตื่นนอนใหม่ ๆ เธอออกเสียงไม่ได้ ต้องรอสักครึ่งนาทีระบบประสาทถึงจะดีตามลำดับ สักห้านาทีจะเริ่มเหมือนคนปกติ วันนี้เลยให้เธอร้องเพลงช้างให้ฟัง แม่วัยหกสิบปีเห็นลูกสาววัยสี่สิบร้องเพลงช้าง น้ำตาแม่ก็ไหลอีกครั้ง ชีวิตของคนเราดำรงอยู่ด้วยความไม่แน่นอน ความเจ็บป่วย ความตายเป็นของแน่นอน ให้ระลึกไว้เสมอ สิ่งที่ห้ามทำคือ ห้ามขับไล่ ถ้าเราไม่แน่จริง ส่วนมากยิ่งไล่ยิ่งเฮี้ยน แนะนำว่าเอาไว้ใช้ตอนสุดท้าย เพราะทะเลาะกับผีจะเหนื่อยมาก ผีไม่มีกลางวันกลางคืน ทำร้ายเราได้ทุกเวลา เน้นแผ่บุญเจรจาในสิ่งที่เขาต้องการจะดีกว่า วันนี้เลยแก้ด้วยวิธี ขอความเมตตาหลวงพ่อฤๅษีและท้าวมหาราชทั้งสี่ช่วยเจรจากับวิญาณ ถวายสังฆทานชุดใหญ่หนึ่งชุด ใช้น้ำมันชาตรีเจิมที่ห้องเพื่อป้องกันภัยจากผีต่าง ๆ สอนทำสมาธิ แผ่บุญคุ้มครองตัวเอง ทำน้ำมนต์ รักษาอาการหู คอ ลิ้น ฝึกออกเสียง ร้องเพลงช้าง หมออนุญาตให้กลับบ้านได้วันพุธ แพทย์บอกว่ากรณีนี้ที่พูดไม่ได้ มือขวาใช้การไม่ได้ น่าจะให้เวลาสามเดือนในการบำบัด พุทธคุณใช้เวลา ๔ วัน กรณีแบบนี้ในภาคอีสานมีเยอะครับ บางพื้นที่ก็เรียกว่าพรายขย้ำ พรายบีบ ผีบีบ แล้วแต่พื้นที่ใดจะเรียก ทางภาคอีสานจะแต่งพานขันธ์ ๕ ขันธ์ ๘ ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากกรรมที่มีร่วมกันมา ไม่อย่างนั้นผีคงจะทำร้ายร่างกายไม่ได้ถึงขนาดนี้ เราได้แต่ขอบารมีพระให้ช่วยเจรจา แผ่บุญกุศล จากวันที่รักษาถึงวันนี้ร่วมปีเศษ อาการดีขึ้นเกือบเป็นปกติ ติดตรงปากที่ยังเบี้ยว รักษาด้วยการบำบัดต่อไป ส่วนเรื่องผี ๆ ไม่เจอนับจากวันนั้น พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งกำจัดทุกข์ กำจัดภัยได้จริง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2013 เมื่อ 17:40 |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หมอเสือ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
|||
|
|||
ตอน ผีมาแล้วจ้ะ ครั้งที่ ๑
ในชีวิตหนึ่งเราจะได้ใช้คาถาเกี่ยวกับผีจริง ๆ สักกี่ครั้ง ฟังเรื่องราวของหลวงพ่อเล็กเล่าเรื่องผี เรื่องเทวดา เรื่องไสยศาสตร์ ฟังแล้วอยากจะเจออย่างท่านบ้าง จะเหมือนกันที่ท่านเล่าหรือไม่ ? จะกล้า ๆ กลัว ๆ หรือจะขวัญหนีดีฟ่อ อยากเจอ ๆ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖ ได้ขอเรียนวิชาถอนไสยศาสตร์กับท่านพ่อมนัส มนฺตชาโต มีทั้งคาถาปราบผี ไล่ผี แต่เป็นรูปแบบภาษาลาวและก็จำไม่ค่อยได้เนื่องจากคาถายาวมาก ๆ ก็หวังว่าจะได้ถอนไสยศาสตร์กับไล่ผีบ้าง คงจะสนุกไม่น้อย จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน ๕๖ พี่ใจลูกค้าดูดวงกับผมเป็นประจำ ได้เล่าว่าพ่อมีอาการแปลก ๆ คุ้มดีคุ้มร้าย จำใครในบ้านไม่ได้ และชอบปีนหนีออกจากบ้าน ไปชกต่อยคนที่เดินผ่านไปมาหน้าบ้านตัวเอง แพทย์แผนปัจจุบันวิเคราะห์โรคว่าเป็นอัลไซเมอร์ เป็นภาวะสมองเสื่อม หลง ๆ ลืม ๆ หนักข้อเข้าจำเมียตัวเองไม่ได้ ต่อยเมียตาเขียว เข้าทำนอง “สามีตีตา” ผมให้น้ำมนต์ไปหนึ่งขวดให้สวดอิติปิโสฯ ๗ จบ ต่อด้วย นะมะพะทะ ๑๕ รอบ ทุกครั้งที่ให้กินอาการจะดีขึ้น แต่ก็จะหนักข้อขึ้นทุกวัน ทุกคนในบ้านลงความเห็นว่าน่าจะมีอะไรมากกว่าอัลไซเมอร์เป็นแน่ เลยให้ผมไปรักษาพ่อ หวังว่าพุทธคุณจะช่วยได้บ้าง วันแรกผมเตรียมมีดหมอ พระขรรค์โสฬส มีดหมอชาตรี และอาราธนาพระหางหมาก พระคำข้าว เพราะเครื่องที่ติดตัวสิบกว่าองค์ ขอให้ท่านคุ้มครองเต็มอัตรา ผมเดินเข้าไปหาพ่อที่ห้องนอน (ต่อไปนี้ขอเรียกพ่อว่าป๋า) ป๋านอนเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ห้องนอนอับ ๆ แขนและข้อมือมีรอยฟกช้ำ คลาย ๆ กับโดนใครชกต่อยหรือโดนกดจนห้อเลือด ผมจึงบอกพี่ใจให้ปรับปรุงให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก พี่ใจเล่าว่า ป๋าจะมีอาการเดินทั่วบ้านไม่พูดจา ตาขวาง ๆ จำใครไม่ได้ตอนบ่าย ๆ และตอนเที่ยงคืน เมื่อคืนเดินรอบบ้านถึงตีสาม ผมมองดูป๋ามีอาการแปลก ๆ ไป จากที่นั่งหลังค่อมเปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรง ตาขวาง ไม่พูดไม่จา หลวงพ่อเล็กเคยเล่าว่า ถ้าผีเข้าจะมีอาการตาแข็ง ตาไม่กระพริบ ผมนั่งมองตาป๋า สักสองนาทีแกไม่กระพริบตาเลย จากที่ไม่มีแรง ป๋าเหมือนจะฮึดสู้ นั่งตัวตรงแต่ดูเกร็ง ๆ เหมือนหุ่นยนต์ ลูกสาวป๋าอีกคนเอาน้ำมาให้ป๋าดื่ม แต่ผมขอก่อนเสกคาถาก่อน หวังว่าป๋าคงจะกินเข้าไปแล้วดีขึ้น “พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ ศัตรูทั้งหลายวินาศสันติ พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ โรคภัยทั้งหลายวินาศสันติ” ผมเสกน้ำให้ป๋าดื่ม เหมือนป๋าไม่ยอมดื่ม ไม่ยอมอ้าปาก จนกระทั่งลูกยกน้ำให้ป๋าดื่มจนได้ แต่ก็เหมือนป๋าไม่กลืน อมไว้ในปาก แล้วก็ค่อย ๆ เอาลิ้นดันน้ำออกมาหกเลอะไปที่เสื้อ ตัวเหี่ยวลง นั่งหลังค่อม ทำให้เห็นว่าตรงหน้าอกป๋าห้อเลือด เหมือนกับชกต่อยใครมา ผ่านไปสองนาทีป๋ากลับมานั่งตัวตรงตาแข็ง พร้อมกับจะลุก ลูกป๋าถามป๋าจะไปไหน ? ป๋าไม่ตอบ พร้อมกับจะลุกขึ้น ลูกป๋าจับแขนป๋าให้นั่งลง ผมให้ลูกป๋าทำน้ำมนต์อีกรอบ ครั้งนี้ให้สวดอิติปิ โสฯ ๗ รอบ นะมะพะทะ ๑๕ รอบ พอป๋ากินน้ำมนต์เข้าไป เริ่มรู้สึกตัว ป๋าบอกไม่ไหว จะนอนแล้ว ป๋าเอนตัวลงนอน ป๋าพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เหมือนป๋าพูดไม่ออก ผมนั่งมองไปที่ป๋าอีกรอบ ภาพที่เห็นกลับกลายมีคนนั่งทับตัวป๋าอยู่ ภาพที่เห็นเป็นผู้ชาย อายุสักสามสิบกว่า ๆ เอาอย่างไรดีหมอเสือ ? สงสัยคงจะเป็นผีจริง ๆ ไม่ใช่อาการของโรคอัลไซเมอร์ นึกถึงคาถาขององค์สมเด็จฯ พระนามว่าเรวัตตะสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ลองดูไม่เสียหลาย “ข้าพเจ้าขอบารมีขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าเรวัตตะสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้โปรดปล่อยวิญญาณที่นั่งทับร่างกายของป๋าให้เป็นอิสระ และขอให้เขาอนุโมทนาบุญด้วย ให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี สาธุ สัมปะจิตฉามิ สัมปะจิตฉามิ สัมปะจิตฉามิ” ภาพที่เห็นวิญญาณออกไปนั่งข้าง ๆ ก้มลงกราบแล้วก็หายไป ผมเล่าเรื่องนี้ให้ลูกป๋าและเมียป๋าฟัง เขาก็คิดว่าน่าจะเป็นผีเหมือนกัน เพราะหลังจากชกเมียแล้ว ยังจะชกลูกสาวอีก และมีอาการห้อเลือด ตกสะเก็ดที่แขน ที่หน้าอก ขณะที่ผมกำลังนั่งดื่มน้ำ ป๋าเดินตัวลอยออกมาจากห้อง มานั่งข้าง ๆ ผม ป๋ากินอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก่อนที่ผมจะกลับ ป๋าสะกิดแขนผมบอกพาเพื่อนกลับบ้านไปด้วย หรือว่าผมหูฝาด ว่าอย่างไรนะครับป๋า ป๋าย้ำพาแขกกลับไปด้วย “งงครับ..งง” อีกสามวันต่อมาถึงรู้ที่ป๋าบอกคืออะไร ? แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2014 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หมอเสือ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|