กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-04-2023, 20:09
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 335
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,290 ครั้ง ใน 808 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-04-2023, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,669 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งโบราณเขาถือว่าเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับที่จะเอาไว้สร้างโบสถ์เท่านั้น โดยเรียกเป็นภาษาบาลีว่า อัฏฐเสาร์ นวศุกร์ ก็คือวันเสาร์ขึ้นหรือว่าแรม ๘ ค่ำ และวันศุกร์ขึ้นหรือว่าแรม ๙ ค่ำ

ฤกษ์พวกนี้จะว่าไปแล้วไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ดีเกินไป ดังนั้น..ถ้าหากว่าเอามาใช้งานทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี เหมือนกับว่าเราสามารถแบกข้าวสารได้ ๒๐ กิโลกรัม แล้วเขาโยนข้าวสารกระสอบละ ๑๐๐ กิโลกรัมมา เราก็อาจจะโดนทับตายได้..!

คราวนี้เมื่อทางด้านโรงงานส่งพระสมเด็จคำข้าววัดท่าขนุนทั้ง ๓ พิมพ์มา ซึ่งโดยปกติไม่ต้องทำพิธีแล้วก็ได้ แต่ว่าเพื่อที่บรรดาญาติโยมทั้งหลายจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น จึงมีคำสั่งให้จัดพิธีปลุกเสกขึ้นในวันนี้ นอกจากจะเป็นฤกษ์วันศุกร์ ๙ ค่ำแล้ว ตามตำราโหราศาสตร์ วันศุกร์ยังถือว่าเป็นวันเงินวันทอง

ฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครเกิดวันศุกร์ก็ต้องลำบากนิดหนึ่ง เพราะเขาถือว่าตั้งแต่อายุ ๑ ขวบจนถึง ๒๑ ปี เป็นเวลาเงินเวลาทองของตัวเอง แล้วเด็กเพิ่งเกิด จะไปทำอะไรเป็นเงินเป็นทองได้ ? ก็เท่ากับเสียเวลาฟรี ๆ ไปนาน พอถึงเวลาก็วนรอบไป เป็นวันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ กว่าจะวนกลับมาวันศุกร์อีกทีหนึ่งก็อายุตั้ง ๑๐๘ ปีไปแล้ว..! ถ้าอยู่ถึงก็ทำอะไรไม่ไหวอีกเหมือนกัน

คราวนี้วันศุกร์ ๙ ค่ำ นอกจากเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดแล้ว ฤกษ์วันศุกร์ยังถือว่าเป็นฤกษ์เงินทอง แล้วขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นวันข้ามปี เพราะว่าเปลี่ยนจากปีเก่าไปเป็นปีใหม่ภายในวันที่ ๑๔ นี้ ก็แปลว่าการเปลี่ยนผ่าน การข้ามผ่าน ถือว่าเป็นเคล็ดอย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้เราสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทุกอย่างได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-04-2023, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,669 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้ว ในเรื่องของการเสกวัตถุมงคล โดยปกติแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสกปิด ก็คือมาทำซ้ำ เนื่องจากว่าพระสมเด็จคำข้าวนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นทำผง อานุภาพที่แสดงออกมา ต้องบอกว่าหลายต่อหลายท่านที่รับได้ล้วนแต่บอกว่า "ไม่นึกว่าจะแรงขนาดนั้น..!"

โดยเฉพาะเพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพเอง ก็คือหลวงพ่อกิตติพัฒน์ (พระครูโสภณกาญจนพัฒน์) เจ้าอาวาสวัดห้วยสะพาน เจ้าคณะตำบลตำบลหนองโรง ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน สั่งจองตั้งแต่ยังไม่ทันจะเสร็จว่า "ผมเอาพิมพ์ปรกโพธิ์เล็ก ๒,๐๐๐ องค์..!"

พระครูกิตติพัฒน์ท่านเลื่อมใสหลวงพ่อวัดท่าซุงมาก นอกจากเก็บสะสมวัตถุมงคลหลวงพ่อวัดท่าซุงเองแล้ว ก็ยังมาแคะเอาที่กระผม/อาตมภาพไปอีกสองรอบ ได้พระสมเด็จคำข้าววัดท่าซุง รุ่น ๒ ไปรอบละ ๑๐๐ องค์ ท่านบอกว่า "อยากได้มากกว่านี้อีก..!"

แต่กระผม/อาตมภาพไม่มีให้แล้ว ท่านก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นเอาที่ท่านอาจารย์เสกเอง" ก็เลยจองมา ๒,๐๐๐ องค์ จองแบบยัดเยียดเงินให้ อาตมภาพเป็นคนที่ซื้อด้วยเงินไม่ได้..ถ้าจำนวนไม่มากพอ..! ก็เลยต้องยอมรับไว้ วันนี้เสกเสร็จแล้ว มอบหมายให้ไอ้ตัวเล็กไปแจกจ่ายให้กับคนที่จอง

วันพรุ่งนี้น่าจะมีเศษ ๆ ที่เหลือมาให้บูชากันที่นี่ แต่ขออภัย..ขึ้นราคาไปหนึ่งเท่า..! องค์ไหน ๑๐๐ บาทก็เป็น ๒๐๐ บาท องค์ไหน ๒๐๐ บาท ก็เป็น ๔๐๐ บาท แล้วก็น่าจะให้บูชากันในลักษณะจำกัดจำนวน ใครอยากได้ก็ไปวนรอบใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่ถึงคนหลัง ๆ นี่เป็นเรื่องที่บอกกล่าวเฉพาะพวกเราไว้ ณ ที่นี้

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของฤกษ์ผานาทีในวันสงกรานต์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพจะดูแค่วันธงชัยกับวันอธิบดี ซึ่งเป็นวันดี เหมาะที่จะทำกิจการงานต่าง ๆ แต่คราวนี้บางปีดวงแตกมาก บางทีวันธงชัยเป็นวันอุบาทว์ด้วย ก็คือดีครึ่งเสียครึ่ง ต้องเสี่ยงดวงกันเอาเองว่าจะอยู่ครึ่งดีหรือครึ่งเสีย..! ถ้าอย่างนั้นทั้งปีก็จะเหลือวันดีอยู่แค่วันเดียว เป็นต้น

จึงทำให้ทางด้านพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านนิยมฤกษ์พรหมประสิทธิ์มากกว่า ท่านบอกว่า "ฤกษ์พรหมประสิทธิ์เป็นฤกษ์ใหญ่ ถ้าฤกษ์อื่นบอกว่าไม่ดี แต่ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ว่าดี ให้ใช้ตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์" แม้กระทั่งฤกษ์อัฏฐเสาร์ นวศุกร์ ก็เป็นฤกษ์พรหมประสิทธิ์เช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-04-2023, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,669 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในเรื่องของฤกษ์ผานาทีวันเวลายังไม่พอ ยังมีความเชื่อในเกณฑ์ธาราธิคุณ ก็คือนาคให้น้ำ ว่าแต่ละปีมีพญานาคให้น้ำกี่ตัว ? แล้วก็มีหลักคิดง่าย ๆ ว่านาคให้น้ำมากเท่าไร น้ำก็น้อยเท่านั้น ซึ่งหลักคิดนี้เป็นหลักคิดที่เฮงซวยมาก..! เพราะว่าเอาอารมณ์ปุถุชนของพวกเราเข้าไปปนกับในส่วนของโลกทิพย์ ก็คือไปคิดว่านาคให้น้ำหลายตัวก็จะทะเลาะกัน เกี่ยงกัน เหมือนมนุษย์ทั่วไป ก็เลยให้บ้างไม่ให้บ้าง ทำให้ฝนแล้ง ถ้าหากว่านาคให้น้ำตัวเดียว ทำตามหน้าที่เต็มที่ บางทีก็น้ำท่วม..! เห็นชัด ๆ ว่าในเรื่องของโหราศาสตร์สายอินเดีย เอากิเลสคนเข้าไปรวมกับเรื่องของโลกทิพย์เต็ม ๆ..!

ใครศึกษาเรื่องราวของเทพเจ้าฮินดูจะเห็นว่ากิเลสมากกว่าคนทั่วไปอีก อย่างเช่นว่าพระอินทร์ไปเป็นชู้กับนางกาลอัคคี ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ฤๅษีโคดมชุบขึ้นมาเป็นเนื้อคู่ เราจะเห็นว่าพระฤๅษีเป็นบุคคลที่ทรงศีลทรงธรรม แต่ฤๅษีอินเดีย พอถึงเวลาปฏิบัติธรรมจนเกิดตบะ มีฤทธิ์มีเดช ก็ชุบหญิงสาวขึ้นมาจากกองไฟ แล้วก็สึกไปมีเมีย เจริญ..!

ปรากฏว่าพระอินทร์มาเป็นชู้ เกิดลูกมาก็ตัวเขียว ๆ พระอาทิตย์มาเป็นชู้ด้วย เกิดลูกมาตัวสีแดง..! ส่วนลูกของพระฤๅษีเองเป็นผู้หญิง ก็คือนางสวาหะ ไม่ว่าจะจีนหรืออินเดียก็ถือลูกผู้ชายเป็นใหญ่เหมือนกัน ฤๅษีก็เลยให้ลูกชายตัวเขียวขี่คอ อุ้มลูกชายตัวแดงไปด้วย แล้วก็จูงลูกสาวตัวเอง นางสวาหะก็บ่นกระปอดกระแปดว่า "ทีลูกคนอื่นทั้งให้ขี่คอทั้งอุ้ม ทีลูกตัวเองกลับให้เดิน" พระฤๅษีได้ยินก็แปลกใจ ถามว่า "เกิดอะไรขึ้น ?" ลูกสาวก็ฟ้องฉอด ๆ ไปเลยว่า "ถึงเวลาพ่อไม่อยู่ ก็มีไอ้ตัวเขียว ๆ แดง ๆ มาเป็นชู้กับแม่ แล้วก็เกิดน้องสองคนขึ้นมา..!" เด็กคนนี้รู้มากเกินไป..!

พระฤๅษีกำลังจูงลูกจะไปอาบน้ำ จึงอธิษฐานว่า ถ้าหากว่าลูกคนไหนเป็นลูกตัวเอง โยนลงน้ำแล้วให้ว่ายกลับมาได้ ถ้าเป็นลูกคนอื่น ขอให้กลายเป็นลิง วิ่งเข้าป่าไป ว่าแล้วก็จับลูกทั้ง ๓ คนโยนลงน้ำ ปรากฏว่าลูกชายสองคนกลายเป็นลิง ส่วนลูกสาวว่ายน้ำกลับมา คราวนี้ลูกเทวดา จะปล่อยให้ตกระกำลำบากก็ไม่ได้ พระอินทร์ก็เลยให้พระวิษณุกรรมไปเนรมิตเมืองขีดขินให้ แล้วก็ยกลูกชายขึ้นไปครองเมือง ก็คือพญาพาลี ส่วนลูกพระอาทิตย์ที่เป็นน้องชายนั้นก็คือพญาสุครีพ ให้อยู่ช่วยครองเมืองด้วยกัน

ที่เล่ามาตรงนี้พวกเราจะเห็นว่า ในเรื่องของเทพเจ้าของฮินดูนั้น ถ้าศึกษาแล้วจะเห็นว่ากิเลสท่วมหัวมากกว่าคนเราตั้งเยอะ..! แล้วคนฮินดูก็มักจะมีเทพเจ้าเอาไว้สำหรับประจบประแจงร้องขอเท่านั้น ทำอะไรถ้าเป็นที่พอใจของเทพเจ้า ก็จะได้รับพรอย่างนั้นอย่างนี้ บางทีพรที่ให้ก็พาให้พังบรรลัยไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว เพราะว่าให้ส่งเดช ในเมื่อให้ส่งเดช เกิดโทษขึ้นมาก็ต้องหาคนไปแก้ไข ลำบากลำบนมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรก็ไม่เคยเข็ด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-04-2023, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,669 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าศาสนาพุทธของเราเมื่อเกิดขึ้นมา พระพุทธเจ้าท่านสอนในเรื่องของเทวตานุสติ คือการระลึกถึงความดีของเทวดา แล้วไม่ได้นึกถึงเฉย ๆ หากแต่สอนวิธีการทำตนเองให้เป็นเทวดาด้วย

อย่างเช่นว่าถ้ามีศีล ๕ บริสุทธิ์บริบูรณ์ท่านก็จะเป็นเทวดานางฟ้าได้

ถ้ามีศีลบริบูรณ์ แล้วทรงฌานสมาบัติได้ ก็จะเป็นพรหมไปตามกำลังฌานของตนเอง

แต่ถ้าไม่นิยมการเกิด ถอนใจจากการยึดเกาะทั้งปวงได้ ก็จะกลายเป็นพระวิสุทธิเทพ เทวดาผู้บริสุทธิ์สิ้นเชิง เข้าพระนิพพานไป


เมื่อพระพุทธเจ้ามาชี้แจงแสดงเหตุในเรื่องของเทวตานุสติแบบมีเหตุมีผล และตนเองสามารถทำตนให้เป็นเทวดาได้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดาขั้นต้น ขั้นกลาง หรือขั้นสูงสุด จึงทำให้บุคคลที่มีปัญญาหันมานับถือพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก แล้วก็ทำให้พระพุทธศาสนาตั้งมั่นในชมพูทวีปมาได้

ที่เล่าให้ฟังก็เพราะว่า ในเรื่องของสงกรานต์นั้น เขากล่าวถึงเรื่องของเทวดาระดับกลาง ก็คือท้าวกบิลพรหม ไปพนันแล้วแพ้มนุษย์ ก็คือธรรมบาลกุมาร ต้องตัดศีรษะเพื่อบูชาปัญญาของธรรมบาลกุมาร หลายท่านก็จะสงสัยว่าทำไมถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนั้น ก็ขอให้เข้าใจว่าเทวดา พรหมของทางฮินดูนั้นกิเลสมากกว่ามนุษย์ทั่ว ๆ ไปอีก เพราะคนแต่งตำราก็คือมนุษย์ขี้เหม็นนั่นแหละ ตัวเองคิดอย่างไร ทำอย่างไร พูดอย่างไร ก็คิดว่าเทวดาก็คิดอย่างนั้น พูดอย่างนั้น ทำอย่างนั้น ก็สรุปได้ว่า ใครทำอะไรได้แค่ไหน ก็พูดแค่นั้น ก็ทำแค่นั้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2023 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว