กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-06-2021, 20:29
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,937 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-06-2021, 22:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้กระผม/อาตมภาพจัดการประชุมสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ มีรายจ่ายฉุกเฉินขึ้นมา ก็คือต้องสำรองจ่ายในเรื่องการทอผ้าไป ๒๐,๐๐๐ บาท จริง ๆ แล้วในส่วนนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นเงินที่ต้องจ่าย แต่ไม่ใช่จ่ายตอนนี้ แต่เนื่องจากว่าในระยะนี้ชาวบ้านไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เพราะว่าสินค้าจำหน่ายไม่ได้ ก็เลยจำเป็นที่จะต้องขอเบิกทุนสำรอง ก็เลยกลายเป็นรายจ่ายของผมเพิ่มขึ้นเป็นปกติ

อย่างเมื่อวานนี้ก็มีญาติโยมท่านหนึ่ง ต้องการค่าเทอมให้ลูกสาวที่เรียนอยู่ราชภัฏแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ค่าเทอมสูงมากถึง ๖๐,๐๐๐ บาท แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาขอเฉย ๆ เขาเอามีดหมอเทพศาสตรา ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์มาด้วย ผมดูแล้วว่าเป็นของแท้ ก็เลยรับเอาไว้ คืออยากจะช่วยเขาอยู่แล้ว แต่เมื่อมีของตอบแทนด้วย ก็ถือว่าการช่วยเหลือของเราไม่ใช่การช่วยเปล่า ๆ

จะว่าไปแล้วมีดหมอหลวงพ่อเดิมผ่านมือผมมาเกือบ ๒๐ เล่มแล้ว เลือกที่ตัวเองพอใจ เก็บเอาไว้ทุกขนาดแล้ว เล่มที่เพิ่มมานี่ก็เท่ากับเป็นส่วนเกิน แต่เราลองนึกดูว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่หมดหนทางแล้ว สิ่งที่ตัวเองเคารพนับถือในตระกูลก็ยังต้องเอามาเปลี่ยนเป็นเงิน เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า ค่อนข้างจะขมขื่นหรือเจ็บช้ำน้ำใจอยู่มาก

เรื่องนี้กล่าวไปแล้วไม่ได้ดิสเครดิตรัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลก็พยายามเต็มที่แล้ว ที่จะช่วยให้บ้านเราเมืองเราไปต่อให้ได้ ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่า ไม่เกิน ๑๒๐ วันน่าจะเปิดประเทศได้ แต่คราวนี้คนจนไม่มีกินนี่..วันเดียวก็ไปไม่ได้ ถ้า ๑๒๐ วันนี่อาจจะตายเสียก่อน..!

ดังนั้น...ถ้าหากว่ามีอะไรที่พอจะช่วยเหลือเจือจานกันได้ก็ต้องช่วย แล้วในส่วนนี้ผมก็ต้องใช้เงินส่วนตัวด้วย เพราะว่าเท่ากับเราบูชาวัตถุมงคล ไม่สามารถที่จะใช้เงินสงฆ์ได้ ก็เล่นเอาเงินส่วนตัวหายไปเป็นแถบ..! ตอนเก็บทีละ ๒๐ บาท ทีละ ๑๐๐ บาท ตอนจ่ายกลับจ่ายทีหนึ่งหลายหมื่น ก็ต้องบอกว่าถือว่าทำบุญไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2021 เมื่อ 01:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-06-2021, 22:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนนี้ที่อยากจะบอกกล่าวแก่ท่านทั้งหลายก็คือว่า ในช่วงระยะเวลาที่ญาติโยมเขายากลำบาก อะไรที่เราพอจะช่วยเหลือกันได้ก็ต้องช่วย เพราะว่าเราอาศัยข้าวชาวบ้านเขากิน ถ้าชาวบ้านเขาไม่ใส่บาตรให้เราตั้งแต่วันแรกที่บวชเข้ามา เราก็คงอยู่มาไม่ถึงวันนี้

ดังที่จะเห็นได้ว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระดำริให้เปิดโรงทานต้านภัยโควิด ๑๙ สำหรับวัดที่มีศักยภาพพอ แล้วก็ให้ร่วมมือกับทางราชการในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ทางวัดท่าขนุนก็ทำทุกอย่าง เตรียมแม้กระทั่งโรงพยาบาลสนามเอาไว้รองรับ

จะว่าไปแล้ววัดวาอารามอีกจำนวนมากก็สามารถที่จะทำได้ แต่เขาเสี่ยงอย่างวัดท่าขนุนไม่ได้ วัดท่าขนุนสามารถจ่ายได้แม้แต่เงินบาทสุดท้าย โดยไม่กลัวว่าจะหาเงินไม่ได้ แต่วัดอื่นเขาจำเป็น เพราะว่าถ้าเงินหมดก็คือไม่เหลืออะไรเลย..! ดังนั้น...ตรงจุดนี้ ที่เมื่อวานผมบอกกับท่านทั้งหลายในเรื่องของพระคาถาเงินล้าน เป็นเรื่องที่พูดจริง ๆ ไม่ใช่มาล้อเล่นกัน เพราะว่าที่ทุกคนเห็นว่าผมรวย ก็เกิดจากพระคาถาบทเดียว ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น

ผมเองแค่มีแนวคิดว่า ในสมัยหลวงปู่ปานท่านมอบพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ให้กับลูกศิษย์ มีตัวอย่างก็คือ นายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร นายแจ่ม เปาเล้ง หรือว่านายเฉลิม คงทอง ให้หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านนำมาเล่าให้พวกเราฟังว่า ท่านทั้งหลายเหล่านี้ทำอย่างจริงจังแล้วก็เกิดผล จนกระทั่งนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของร้านขายยาตราใบโพธิ์ ที่ท่าเตียน จังหวัดพระนครในขณะนั้น (สมัยนั้นยังเป็นจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีอยู่ มายุคหนึ่งเปลี่ยนเป็นนครหลวงกรุงเทพธนบุรีได้ไม่นาน ก็เปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานคร)

นายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร เอ่ยปากปวารณากับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ว่าจะก่อสร้างอะไรก็ตาม ทางร้านขายยาตราใบโพธิ์จะสำรองเงินไว้ ๒๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้หลวงปู่ได้ทำงาน เราลองมาคำนวณดูว่า ในสมัยที่ก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ ๒๐ ชามก็ ๕๐ สตางค์ เทียบกับก๋วยเตี๋ยวสมัยนี้ตีเสียว่าชามละ ๒๕ บาทก็แล้วกัน ถือว่าถูกที่สุดในโลกแล้ว ก็แปลว่า ๕๐ สตางค์ เท่ากับเงิน ๕๐ บาท ถ้าหากว่า ๕ บาท ก็เท่ากับ ๕๐๐ บาท แล้ว ๒๐,๐๐๐ บาทจะเป็นเงินเท่าไร ? ๒ ล้านบาท..! เป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-06-2021 เมื่อ 20:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 17-06-2021, 22:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตัวผมเอง แม้ว่าจะมีหลายท่าน...ถ้าเอ่ยนามสกุลนี่พวกท่านสะดุ้งกันหมด ปวารณาเอาไว้ว่า ให้ผมสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ สิ้นเดือนให้โทรแจ้งไป เขาจะช่วยเคลียร์หนี้ให้ แต่ผมไม่เคยใช้ประโยชน์จากตรงนี้เลย ผมเองมีโยมปวารณา ๓๐ กว่าท่าน ก็คือให้ขออะไรก็ได้ แล้วที่ให้ขอในระดับที่ว่าสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ก็มีหลายคน แต่ผมไม่เคยขอ เพราะเชื่อในคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่ท่านบอกว่า "ภิกขุ...แม้จะแปลในความหมายหนึ่งว่าผู้ขอ แต่ก็ไม่ควรที่จะขอ ให้เราตั้งใจปฏิบัติตามสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนมา ถ้าญาติโยมไม่สงเคราะห์ เราก็ยอมอดตายไปเลย" ซึ่งผมก็ถือหลักการนี้มาโดยตลอด

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า วัดของเรามีระเบียบระบุไว้ว่า "ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร" ไอ้พวกที่ไปเรี่ยไรแล้วอ้างชื่อวัดท่าขนุน ไม่รู้ว่าวัดเรามีระเบียบนี้อยู่ เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเกิดความเสียหายมา ก็ไม่ถึงวัดท่าขนุนหรอก เพราะว่าระเบียบวัดของเราประกาศชัดอยู่แล้ว

ในเมื่อเป็นในลักษณะอย่างนี้ เมื่อพรรษาที่ ๗ ป้าชอ ที่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุงรู้จักดี ท่านชื่ออัญชัน ศุทธรัตน์ ปวารณาไว้ตั้งแต่วันแรกที่ผมบวช เดินมาเจอกัน ท่านบอกว่า "ท่าน...เมื่อไรจะขออะไรสักที ? โยมปวารณามา ๗ ปีแล้วนะ พระ
วัดสายธรรมยุต โยมไม่ได้ปวารณา ยังขอโยมอยู่ทุกวัน"

อาตมาต้องรีบบอกว่า "ป้า..ห้ามพูดอย่างนี้อีกเด็ดขาด ใครขอให้ตำหนิคนนั้นเป็นการเฉพาะตัว ถ้ายกทั้งสายธรรมยุต ท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจำนวนมหาศาลจะเสียหายไปด้วย" พอดีป้าชอถือมะขามป้อมดองมาถุงหนึ่ง ก็เลยบอกว่า "ในเมื่อป้าอยากให้ขอ อาตมาขอมะขามป้อมนั่นลูกหนึ่ง ถือว่าขอแล้ว" ถือมาทั้งถุงก็ขอลูกเดียวนั่นแหละ แล้วผมก็ไม่เคยขอใครอีกเลย เพราะมั่นใจในสิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก มั่นใจในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่า ถ้าหากว่าพวกเราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในศีล สมาธิ ปัญญา ญาติโยมที่เห็นตรงนี้ เขาจะมาสงเคราะห์เอง

แต่คราวนี้ดังที่กล่าวไปแล้วว่า วัดอื่นที่ท่านไม่ได้มาสายนี้ หรือว่าไม่ได้ปฏิบัติมาแบบนี้ ท่านไม่มีหลักประกัน และที่แน่ ๆ ก็คือใจไม่ถึงแบบผม..! ตรงนี้ขอชมตัวเอง เพราะว่าตรงจุดนี้ผมเป็นคนไม่กลัวจน ผมเคยยากจนมาก่อนชนิดที่แทบไม่มี
จะกิน คนเราถ้าเคยลำบากมาแล้ว จะไม่กลัวความลำบากอีกครับ หรืออาจจะเป็นนิสัยเฉพาะของผมก็ไม่รู้ บางคนอาจจะเคยลำบากมาแล้ว พอสบายแล้วก็ไม่กล้าที่จะลำบากอีกก็ได้ ในเมื่อท่านอื่นไม่มีหลักประกัน เราจะไปตำหนิเขาก็ไม่ได้ เราก็ได้แต่ทำไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นตัวอย่างให้เขาเห็น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-06-2021 เมื่อ 20:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 17-06-2021, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในปัจจุบันนี้ แม้แต่พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านก็ใช้วิธีนี้ ก็คือไม่เรียกไม่ร้องให้พระในปกครองของท่าน ๕๐๐ กว่าเกือบ ๖๐๐ วัด และอีก ๙๐ กว่าสำนักสงฆ์ทำแบบนี้ แต่ท่านทำที่วัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) ของท่านเอง พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เรียกร้องให้คุณทำ แต่ผมทำให้คุณดู ถ้าคุณมีน้ำใจจะทำตาม ผมก็ยินดีด้วย ถ้าไม่ทำตาม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

ผมเองเห็นท่านทำแล้ว ก็ถือหลักการแบบเดียวกัน ก็คือใครจะทำหรือไม่ทำไม่ว่า แต่เราทำเอาไว้ก่อน เพราะว่าหลักการอย่างหนึ่งที่คนเป็นครูบาอาจารย์จะต้องมี ก็คือ สอนให้จำ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ตายให้เป็น ส่วนนี้ก็คือการทำให้ดู

ครูบาอาจารย์จำนวนมากที่ผมพบมา ท่านทำให้ดูจริง ๆ ครับ แทบจะไม่ได้ใช้คำสอนอย่างเป็นทางการเลย ถ้าใครอยู่แบบขาดไหวพริบปฏิภาณ ไม่รู้จักสังเกต จะไม่ได้อะไรจากท่านเลย บางท่าน..ทั้งชีวิตท่านทำให้ผมดูอย่างเดียว หรือมีโอกาสได้รับคำสอนประโยคเดียว

อย่างหลวงปู่ดู่ วัดสะแก พระวัดท่าซุงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปกราบท่านกันนับครั้งไม่ถ้วน ท่านบอกผมแค่ว่า "ครูบาอาจารย์ของข้าสอนไม่มากหรอก ท่านสอนว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เป็นที่พึ่ง แค่นี้แหละครับ" ผมใช้มาจนทุกวันนี้ แล้วยังใช้ไม่หมดเลย หรือไม่ก็อย่างหลวงปู่มหาอำพัน (พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ วิ.) วัดเทพศิรินทราวาส ท่านก็สอนแค่เล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ท่านทำให้ผมดู

ดังนั้น..ในส่วนของการทำให้ดูจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะถ้าท่านทั้งหลายที่ยิ่งอยู่นานไป อันดับแรกเลย..รุ่นน้องครับ จะดูตัวอย่างจากรุ่นพี่ ถ้าท่านเป็นตัวอย่างที่ดีไม่ได้ ก็จะพาเขาเสียหายหมด แล้วหลังจากนั้น พอยิ่งอยู่นานไป ๆ ญาติโยมที่รู้จักมีมากขึ้น ๆ เห็นปฏิปทาของเราแล้วเกิดเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมา เขาก็จะทำตามแบบไม่รู้ตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2021 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 17-06-2021, 23:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยก่อนผมเคยสังเกตบรรดาลูกศิษย์แต่ละสาย ๆ ว่าเป็นอย่างไร สายธรรมกายก็จะแต่งตัวเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูสะอาดสะอ้าน ถ้าหากว่าสายสันติอโศก ก็จะมาแบบปอน ๆ ซอมซ่อสุด ๆ ถ้าหากว่าสายท่านอาจารย์ยันตระ ก็จะพูดน้อย ๆ ยิ้มน้อย ๆ เคลื่อนไหวช้า ๆ เลียนแบบครูบาอาจารย์มาโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว..!

ผมเห็น...ผมก็ อ๋อ..ที่แท้เป็นอย่างนี้ อยู่ใกล้แล้วก็ซึมซับกันเอง ผมเองก็ไม่รู้ว่าพวกท่านจะเลียนแบบผมไปบ้างหรือเปล่า ? แต่ว่าในส่วนที่รุ่นน้องก็ดี ญาติโยมก็ดี ถ้าเกิดความเคารพเลื่อมใสศรัทธา แล้วท่านนำพาเขาไปถูกทาง ก็จะเกิดความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ถ้าท่านพาเขาไปผิดทาง จะไม่ได้เสียโอกาสแค่ชาติเดียว เพราะถ้าใครไปผิดทางแล้วลงทุคติ จะเสียเวลาที่ยาวนานมาก..!

ถ้าลงนรกไป กว่าจะหลุดมาเป็นเปรต กว่าจะหลุดมาเป็นอสุรกาย กว่าจะหลุดมากเป็นสัตว์เดรัจฉาน กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ มันนานจนประมาณไม่ได้ กลายเป็นเราเองไปขัดขวางความเจริญของญาติโยมเขาด้วยปฏิปทาที่ไม่เอาไหนของเรา..!

ดังนั้น..ในวันนี้ที่ว่ามาส่วนใหญ่ก็คือ บอกให้สำหรับพระภิกษุสามเณรของเรา ส่วนญาติโยมไม่ว่าจะอยู่ที่นี่ก็ดี อยู่ทางบ้านก็ดี ให้ระมัดระวังไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าหากว่าเจอพระภิกษุสงฆ์ที่เราเลื่อมใสศรัทธา ขอให้ดูกันไปนาน ๆ อย่าเพิ่งรีบไปทิ้งที่อยู่ ทิ้งเบอร์โทร ทิ้งไลน์ ทิ้งอินสตาแกรมไว้ให้ท่าน เพราะกระผม/อาตมภาพเจอมาด้วยตัวเองว่า ท่านทั้งหลายเหล่านั้นตื๊อเช้า ตื๊อกลางวัน ตื๊อเย็น ให้ทำบุญนั่น ให้เป็นเจ้าภาพนี่ จนกระทั่งท่านเองรำคาญแล้วเสียไม่ได้ ก็ทำบุญไปเพราะตัดรำคาญ..!

ตรงจุดนี้อาตมภาพเจอมาตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาส เมื่อบวชเข้ามาก็เลยตั้งใจว่าจะไม่ขอใครแม้แต่บาทเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ญาติโยมบางท่านที่กำลังเผชิญเหตุการณ์ลักษณะนี้อยู่ ได้ยินก็จะเข้าใจทันที ท่านที่ยังไม่ได้พบเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าเผลอไปให้ที่อยู่ ให้เบอร์โทรไว้ แล้วจะรู้ว่าชีวิตนี้ขมขื่นขนาดไหน เพราะว่าหลายท่านทำตัวเป็นภิกขุ คือ "ผู้ขอ" จริง ๆ น่าเสียดายที่ท่านไม่มีครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงคอยสอนสั่ง ก็เลยทำให้มีความประพฤติที่น่ารังเกียจแบบนั้น

วันนี้สมควรแก่เวลาแล้ว ก็ขอเรียนถวายแก่กับพระภิกษุสามเณรและบอกกล่าวแก่ญาติโยมไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอเจริญพร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-06-2021 เมื่อ 20:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว