กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-03-2024, 20:05
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 336
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,321 ครั้ง ใน 809 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-03-2024, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,406,089 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงนี้พวกเราลากันค่อนข้างจะมาก กระผม/อาตมภาพลองดูรายชื่อคร่าว ๆ ประมาณ ๒๐ รูป ถ้าเป็นวัดอื่นลากันขนาดนี้ก็ล่มจมไปแล้ว ยังดีที่พระของวัดท่าขนุนเราค่อนข้างจะมาก

ว่าแต่จองเหรียญเสริมปัญญากันทันหรือเปล่า ? ไอ้ตัวเล็กมักจะออกในเวลาที่เราไม่คิดว่าจะออก เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพกำลังอยู่ในงานของวัดถ้ำมงกุฎ (เขาทะลุ) ส่วนวันนี้กำลังอยู่ในงานศพของท่านวินเต ชาคโร พระลูกวัดหินแหลม กว่าจะรู้ว่าเปิดจองก็ปาไป ๒๐ กว่าหน้าแล้ว..! ก็เป็นเรื่องปกติ เนื่องเพราะว่าพวกเรายุติธรรมมากจนเกินไป ก็คือแม้แต่กระผม/อาตมภาพ ถ้าอยากได้ก็ต้องเข้าไปจองเอง

ในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น กระผม/อาตมภาพไม่ได้หนักใจ อะไรที่พระท่านสั่ง อย่างไรก็จำหน่ายได้ แต่ตอนนี้ที่หนักใจก็คือ เกรงว่าไม่ทันจะเสก สงครามก็จะปะทุรุนแรงเสียก่อน ท่านอย่าลืมว่าชุดนี้ก็คือเหรียญเสริมปัญญา ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือ ช่วยในเรื่องการเรียนการศึกษานั่นเอง

แต่เนื่องจากวันเสกคือวันเสาร์ ๕ ตรีวัน เป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีที่ ๕ คือปีมะโรง แล้วพอดีกับสภาวะโลกของเราค่อนข้างจะไม่ปกติ กระผม/อาตมภาพก็เลยตั้งใจจะกราบขอบารมีพระให้ท่านสงเคราะห์ ช่วยเหลือเรื่องการป้องกันอันตรายจากภาวะสงครามด้วย

แต่รู้สึกโลกเราจะสงบเกินไป ก็เลยมีผู้นำบางประเทศอยากรบมาก..! ต้องบอกว่าไอ้พวกไม่เคยลำบาก ไม่เคยอยู่แนวหน้า ไม่รู้หรอกว่าในสภาพแบบนั้นชีวิตแทบจะไม่มีราคาอะไรเลย กระผม/อาตมภาพอยู่แนวหน้าปีกว่า ทั้ง ๆ ที่โดยภารกิจแล้วคนละ ๑ ปีเท่านั้น

เหตุที่ต้องอยู่ถึงปีกว่า เพราะว่าตอนช่วงนั้นมีการปะทะต่อเนื่อง ข้างบ้านของเราคือกัมพูชา หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเขมร ได้รับความช่วยเหลือจากเวียดนาม หรือที่เรียกกันแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่าญวน ซึ่งตอนนั้นประเทศเวียดนามตั้งใจจะยึดประเทศไทยด้วย

พวกกระผม/อาตมภาพเองได้รับอบรมในการป้องกันพื้นที่ของเรา ถ้าทำตามแผน ต่อให้เวียดนามสามารถยกกองทัพทะลุทะลวงเข้ามาได้ ก็ไม่เกินสระบุรี เพราะว่าพวกเราทั้งหมดพร้อมที่จะเผยไม้ตายสุดท้ายในช่วงนั้น แต่ยังดีที่ว่าพื้นที่ชายแดนแถวตาพระยา อรัญประเทศ ไล่ไปจนถึงละหานทรายของบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ดินค่อนข้างอ่อนถึงอ่อนมาก ถามว่าอ่อนขนาดไหน ? ขนาดรถจอดอยู่เฉย ๆ ก็จมถึง "คัสซี" เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2024 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-03-2024, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,406,089 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องนี้ทางหน่วยที่กระผม/อาตมภาพสังกัดอยู่ มีรถจมไป ๒ คัน แล้วก็ขอทางกองร้อยข้างเคียง ส่งรถ "รสพ" ไม่ใช่รถรับส่งพัสดุภัณฑ์ โปรดอย่าเข้าใจผิด รถสายพานลำเลียงพล ไปช่วยดึงรถบรรทุก ที่เรียกง่าย ๆ ว่า GMC ขึ้นมา ปรากฏว่ารถสายพานทั้ง ๒ คันก็จมไปด้วย สรุปก็คือรถยนต์บรรทุกหรือที่เรียกกันว่า GMC มีของสิบเอกบุญยูร ทรัพย์อุปการ คันเดียวที่รอด เพราะว่าจอดอยู่บนถนน

ถามว่าทำไมไม่ไปจอดหลบแบบคนอื่นเขา ? สิบเอกบุญยูรบอกว่า จากประสบการณ์ที่เคยรบแถวเขาค้อ หินร่องกล้ามาแล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่สถานที่ซึ่งได้รับการบดอัด จนกระทั่งสามารถรับน้ำหนักรถได้ เราจะไว้ใจไม่ได้สักที่เดียว แกก็เลยยอมเป็นเป้าของอาวุธหนัก ด้วยการจอดรถเด่นหราอยู่บนถนนเลย ใครจะด่าก็ช่างมัน แล้วท้ายสุดก็รอดอยู่คันเดียว..!

ดังนั้น..ในเรื่องของการรบ ชีวิตของเราจะหมดไปตอนไหนก็ไม่รู้ พอ ๆ กับการปฏิบัติธรรมเลย อะธุวะ ชีวิตัง ธุวะ มะระณัง ใครที่ปฏิบัติธรรมสาย มจร. หรือบางทีเรียกสายพองยุบ จะต้องท่องกันทุกคน

อะธุวะ ชีวิตัง ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง

ธุวะ มะระณัง ความตายเป็นของเที่ยง

อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง ตัวเราจักต้องตายเป็นแน่แท้

อยู่ชายแดนตายง่าย ๆ จริง ๆ ขนาดหลบอยู่ในหลุมบุคคล โอกาสตายไม่มี ยิงอย่างไรก็ต้องเลยหัวไป แต่ปรากฏว่าลูก ค. ที่เราเรียกว่าปืนครก ความจริงปืน ค.ย่อมาจากเครื่องยิงลูกระเบิด เราเห็น "ค." ก็เลยเรียกว่าปืนครกก็แล้วกัน

หย่อนลงกลางหลุมพอดี ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ หาซากไม่เจอหรอก กลายเป็นเนื้อบดเละ ๆ อยู่ในหลุมนั่นแหละ ไม่ต้องเสียเวลาเอาขึ้นมา มีเครื่องหมายอะไรที่พอบ่งบอกได้ว่าเป็นตัวตนของเขา ก็เก็บไว้ให้ญาติสักชิ้นหนึ่ง ไอ้ที่เหลือก็กลบไปเลย..!

ในเมื่อชีวิตหาความเที่ยงไม่ได้ในศึกในสงคราม เมื่อไม่นานมานี้ อ่านคำสรุปหรือคำคมเกี่ยวกับภาวะสงครามว่า "สงครามก็คือการส่งคนหนุ่มที่ไม่รู้จักกันไปฆ่ากันตาย โดยที่คนแก่ ๆ สองสามคนที่รู้จักกันเป็นคนสั่ง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2024 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-03-2024, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,406,089 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ถ้าภาวะสงครามเกิด ทุกอย่างจะลำบากไปหมด แม้ว่าในยุคนี้สมัยนี้จะไม่ลำบากมากเท่ากับสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ แต่ก็น่าเป็นห่วง เพราะว่าบ้านเราซึ่งพื้นฐานเป็นประเทศกสิกรรม ก็คือเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้ทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตวแบบครอบครัว หากแต่ทำในลักษณะของการรับจ้างจากบริษัทใหญ่ ๆ ให้ทำ ผลผลิตทุกอย่างเป็นของบริษัทใหญ่เกือบทั้งหมด..!

แม้กระทั่งระยะหลังเรื่องของเมล็ดพันธุ์อะไรต่าง ๆ เขายังมีการจดลิขสิทธิ์ ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าในภาวะสงคราม สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือปัจจัย ๔ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค

ดังนั้น..เรื่องของอาหาร ใคร ๆ ก็ต้องกิน จะเป็นเวลา "กอบโกย" เนื่องเพราะว่าถ้าเรามีอะไรก็ขายได้ทั้งหมด แต่กลายเป็นว่าระบบการผลิตในเรื่องของการกสิกรรมในปัจจุบันไม่เหมือนก่อนนี้ ก็เลยทำให้ถึงเวลาแล้วผู้ที่จะกอบโกยจริง ๆ กลายเป็นบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งหมด..!

โดยเฉพาะคนไทยเราในปัจจุบันนี้ขี้เกียจเกินกว่าที่จะพูดได้ คือแม้กระทั่งจะปลูกพริก ปลูกมะเขือ ปลูกมะนาวเอาไว้สักต้นสองต้นก็ไม่มี อะไร ๆ ก็เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ..!

ปัจจุบันนี้ท่านทั้งหลายก็จะได้ว่ากระทั่งกล้วยหอมก็แบ่งลูกขายกันแล้ว กระทั่งไข่ที่ซื้อไปต้มที่บ้านเองได้ ก็ยังอุตส่าห์ไปซื้อไข่ต้มจากร้านสะดวกซื้อ ยอมซื้อของแพงเพื่อความสบายส่วนตัว กระผม/อาตมภาพเคยถามคนขับแท็กซี่คันที่เรียกไปส่ง ตอนช่วงนั้นทางรถไฟสายสีม่วงกำลังจะสร้างเสร็จ ถามว่า "ถ้าทางรถไฟสายนี้เสร็จ พวกโยมได้รับผลกระทบมากไหม ?"

เขาบอกว่า "ถ้าเป็นแท็กซี่แทบไม่มีผลกระทบเลยครับ ประการแรก ถ้าคุณขึ้นรถไฟฟ้าสัก ๓ คน ราคาก็เท่ากับแท็กซี่แล้ว ประการที่สอง รถไฟฟ้าส่งคุณถึงประตูบ้านไม่ได้..!" แล้วแท็กซี่ก็สรุปว่า "คนไทยขี้เกียจครับ ถ้ารถอะไรส่งถึงประตูบ้านได้ก็จะใช้รถแบบนั้น รับประกันว่าพวกผมไม่กระทบหรอก..!"

แล้วก็เป็นเรื่องจริง แต่คราวนี้ที่กระผม/อาตมภาพพูดมานี้ คือภาวะสงคราม ซึ่งจะกระทบกับคนทั้งโลก ต่อให้ขี้เกียจขนาดไหนก็กระทบ ดังนั้น..ถึงเวลาข้าวของทุกอย่างก็จะแพง ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าทองคำจะแพงแค่ไหน ให้สนใจว่าจะหาของกินได้หรือไม่ ?

ในเมื่อการผลิตของเราไม่ได้อยู่ในมือของตนเอง เราก็พึ่งพาตนเองแบบเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ ยังโชคดีที่คนทองผาภูมิของเรายังอยู่ในลักษณะการพึ่งพาตนเอง ดูได้จากช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดหนัก ๆ แทบจะไม่มีผลกระทบเลย ต่อให้เป็นผู้ที่เปิดร้านค้าขายอยู่ เขาก็มีไร่มีนาเป็นของตนเอง

แต่ว่าพี่น้องที่อื่นจะเป็นแบบคนทองผาภูมิหรือไม่ ? ส่วนนี้ก็ปรารภเพื่อฝากเป็นการบ้านเอาไว้ พูดมากไปเดี๋ยวก็จะโดนข้อหาทำให้ชาวบ้านเขาแตกตื่นอีก ตั้งใจจะพูดในเรื่องวัตถุมงคลของวัดท่าขนุนเท่านั้นเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2024 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
พุทธภูมิ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว