กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-02-2025, 20:01
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,835
ได้ให้อนุโมทนา: 221,738
ได้รับอนุโมทนา 786,420 ครั้ง ใน 38,599 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-02-2025, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,998
ได้ให้อนุโมทนา: 156,615
ได้รับอนุโมทนา 4,464,765 ครั้ง ใน 35,606 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ มาลาเรียมาตามนัด..! ด้วยความที่วันนี้ต้องประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ โดยเฉพาะวาระที่สำคัญที่สุดก็คือ การจัดงานประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาท และทำบุญอุทิศอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน ซึ่งต้องการความชัดเจนจากคณะกรรมการทุกฝ่ายว่า เรื่องของงานในหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละฝ่ายไปถึงไหนกันบ้าง เพราะว่าเหลือเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ในเมื่อเจองานหนัก ไม่ได้พักผ่อน ช่วงนั้นมาลาเรียจึงลงกระเพาะ หลายท่านก็จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพประชุมไปก็เดินเข้าส้วมไป..!

ความจริงมาลาเรียลงกระเพาะจะอาเจียนเป็นหลัก พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านอาเจียนเวลา ๔ โมงเย็นทุกวัน อาเจียนทีเป็นกระโถน ๆ แล้วท่านก็ไม่ทราบว่าท่านเป็นมาลาเรียลงกระเพาะ ท่านแค่คิดว่าเป็นไข้ธรรมดา เนื่องเพราะว่าท่านไม่ได้เข้าป่ามาเกิน ๓๐ ปีแล้ว แต่ด้วยความที่เชื้อมาลาเรียพอฝังอยู่ในตัวของเรา ถ้าพักผ่อนไม่พอ หรือว่าอากาศเปลี่ยนก็จะอาละวาด..!

กว่าที่วาระกรรมของท่านจะหมดลง แล้ว "พระ" สามารถบอกได้ว่าต้องใช้ยาอะไรรักษา ก็ลากยาวมาถึงจนก่อนท่านมรณภาพแค่ปีเศษ ๆ เท่านั้น พอรักษาหายจากมาลาเรีย ร่างกายของท่านก็บวม ๆ ยุบ ๆ อยู่ ๓ - ๔ วาระ แล้วก็มรณภาพ พูดง่าย ๆ ก็คือหมดโรคก็หมดอายุไปด้วย..! ทำเอาบุคคลที่ประมาท ไปคิดว่าหลวงพ่อท่านจะอยู่ ๑๒๐ ปี "ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า" ไปตาม ๆ กัน..!

โดยเฉพาะบรรดาพระในวัด ๒๐ พรรษา ๑๐ กว่าพรรษา เสียเวลามานั่งร้องห่มร้องไห้ เพราะว่าไม่ยอมเร่งรัดกำลังใจตนเอง ปล่อยให้กระผม/อาตมภาพที่ตอนนั้นเพิ่งจะ ๗ พรรษาต้องกลายเป็นหลักของวัด..!

กระผม/อาตมภาพเป็นมาลาเรียตั้งแต่ตอนอายุ ๒๒ ปี แต่ด้วยความที่เป็นคนหนุ่ม ร่างกายแข็งแรง ก็เลยฝืนไว้ ไม่อาเจียน เพราะรู้ว่าถ้าอาเจียนเมื่อไรจะหมดแรง แล้วโดยปกติพอคนเป็นมาลาเรียลงกระเพาะก็จะกินอะไรไม่ได้ เพราะว่าอาเจียนออกมาหมด กระผม/อาตมภาพก็ยัด ๆ ๆ ๆ เข้าไป แล้วก็กลั้นไว้ ไม่ให้อาเจียน..!

ด้วยความที่แข็งแรงมาก สามารถกลั้นอยู่ ไม่อาเจียน ก็เลยไปลงกระเพาะด้วยวิธีถ่ายแทน ตั้งแต่นั้นมา พอเป็นมาลาเรียลงกระเพาะ ก็จะต้องวิ่งเข้าส้วมเป็นปกติ ใครที่รับเชื้อมาลาเรียต่อจากกระผม/อาตมภาพ ก็จะเกิดอาการเดียวกัน เพราะว่าเชื้อพัฒนาไปแล้ว แล้วด้วยความที่โดนเชื้อมาลาเรียทั้ง ๒ ชนิด ก็คือขึ้นสมองและลงกระเพาะ ซึ่งผลัดกันทำงาน พอลงกระเพาะเสร็จก็ขึ้นสมอง ขึ้นสมองเสร็จก็ลงกระเพาะ แล้วพวกนี้มารยาทดีมาก ก็คือตอกบัตรทำงานตามเวลา นอกเวลาไม่ทำ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2025 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-02-2025, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,998
ได้ให้อนุโมทนา: 156,615
ได้รับอนุโมทนา 4,464,765 ครั้ง ใน 35,606 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..พวกท่านจะเห็นว่า ระยะหลัง ๆ ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริง ๆ กระผม/อาตมภาพแทบจะไม่ออกงานกลางคืนเลย เพราะว่าเป็นช่วงที่มาลาเรียกำเริบ ไม่อยากต้องไปนั่งทนลำบากอยู่ในงานของเขา เพราะว่าต้องฝืนกิริยาเอาไว้ อย่างเมื่อวานพวกท่านก็เห็นว่ากระผม/อาตมภาพนั่งไม่ติดเลย พอถึงเวลาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จ ก็ต้องวิ่งกลับไปฉันยาแล้วรีบนอน นึกว่ารอดแล้ว..ที่ไหนได้..วันนี้โดนอีก..!

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า เรื่องของความเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นแค่เศษกรรมจากปาณาติบาตเท่านั้น เพราะว่าส่วนใหญ่ต้นทุนเราไปชดใช้ในอบายภูมิมาแล้ว ท่านลองคิดดูว่าถ้าลงนรกไป จากขุมใหญ่ขึ้นมา ไม่ว่าจะขึ้นทิศใดทิศหนึ่งก็ตาม ก็จะเจออุสสุทนรก ๔ ขุมรออยู่ จากอุสสุทนรก ๔ ขุมที่รออยู่ ไม่ว่าท่านจะขึ้นมุมใดมุมหนึ่งก็ตาม จะเจอยมโลกีย์นรกอีก ๑๐ ขุมรออยู่ เขาเก็บกันเป็นชั้น ๆ แบบนี้ยังไม่หมดเลย กรรมที่เหลือยังต้องมาเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานตามจำนวนที่เราฆ่า แล้วพอมาเกิดเป็นมนุษย์ เศษกรรมก็ยังตามมาสนองอีก

ถ้าเรื่องปาณาติบาตก็เจ็บไข้ได้ป่วย อายุสั้นพลันตายเป็นปกติ

ถ้าหากว่าเป็นกรรม
อทินนาทาน ก็จะสูญเสียทรัพย์สินด้วยน้ำท่วม ไฟไหม้ ลมพัด แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด จะต้องเอาสักอย่างหนึ่งจนได้..!

ถ้าเป็นกรรมของ
กาเมสุมิจฉาจาร เป็นคนหาความเชื่อถือไม่ได้ พูดอะไรไม่มีใครฟัง ถึงฟังก็ไม่สนใจ ดูท่ากระผม/อาตมภาพจะมีกรรมตรงนี้เยอะหน่อย พูดอะไรไปพวกท่านไม่ค่อยจะสนใจกัน..!

ถ้าหากว่าเป็นกรรมของ
มุสาวาท ก็จะโดนเขาหลอกลวง สูญเสียผลประโยชน์กันมาก ๆ อย่างประมาณโดน "คอลเซ็นเตอร์" เขาหลอก ทั้ง ๆ ที่บางคนจบแพทย์มาแท้ ๆ ไอคิวอยู่ในระดับสุดยอดของประเทศ แต่โดนหลอกไปที ๒๐๐ - ๓๐๐ ล้านบาท เหลือเชื่อว่าเศษกรรมจะทำให้เป็นไปขนาดนั้น

ถ้าหากว่าเป็นเศษกรรมของ
สุราเมรย ก็เป็นอันว่า มีโรคปวดหัวเป็นประจำ ถ้าหากว่าเมามากกว่านั้น ก็โรคประสาทรับประทาน คิดแล้วคิดเล่าไม่รู้จักเลิก คิดจนกระทั่งบางคนน้อยใจ ซึมเศร้า ฆ่าตัวตายไปเลยก็มี ถ้าหากว่าประเภทเมาเช้ากลางวันเย็น หัวไม่วางหางไม่เว้น เมาได้ตลอดวันก็บ้าไปเลย ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่านั่นเป็นแค่เศษกรรมเท่านั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2025 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-02-2025, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,998
ได้ให้อนุโมทนา: 156,615
ได้รับอนุโมทนา 4,464,765 ครั้ง ใน 35,606 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้การที่แต่ละชาติซึ่งเราเกิดมา เศษกรรมทั้งหลายเหล่านี้จะตามสนองอยู่ตลอดเวลา ยังโชคดีที่ว่าเราไม่ได้สร้างกรรมอย่างเดียว แต่ว่าสร้างบุญกุศลเอาไว้ด้วย เมื่อถึงเวลาก็มีผ่อนหนักเป็นเบาบ้าง ไปรับในส่วนที่ดีบ้าง กลายเป็น "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน" แต่สำหรับกระผม/อาตมภาพแล้วน่าจะชั่วเป็นร้อยที ดีเป็นร้อยหน คือเผลอเมื่อไร โรคภัยไข้เจ็บก็รับประทาน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง

โรคมาลาเรียนี่แสลงหนักอยู่ ๒ เรื่อง เรื่องแรกก็คือ
อากาศที่เปลี่ยนแปลง เรื่องที่ ๒ ก็คือพักผ่อนไม่พอ คราวนี้จะพักก็ไม่ได้ อย่างเมื่อครู่นี้กว่าจะออกมาได้ ท่านทั้งหลายทำวัตรรอบแรกเกือบเสร็จแล้ว ก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพต้องไปทำหนังสือขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานต่าง ๆ มีการขอนักแสดง คือขอไปไม่มาก แค่ ๒๐ กว่าเกือบ ๓๐ หน่วยงาน ขอรถรับส่งนักแสดง

คราวนี้การขอก็ต้องขอให้มีเทคนิค ก็คือขอความอนุเคราะห์รถรับส่งนักแสดง พร้อมด้วยพลขับและน้ำมันเชื้อเพลิง..! ทางด้านหน่วยงานเขาจะได้ "จำหน่าย" คำว่าจำหน่ายในภาษาของราชการก็หมายถึงจ่ายออกไป
"จำหน่าย สป." คือ จำหน่ายสิ่งอุปกรณ์ ได้แก่ส่วนควบของรถยนต์คันนั้น อย่างเช่นว่าน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น เหล่านี้เป็นต้น

ขอน้ำดื่ม เขื่อนวชิราลงกรณซึ่งปกติขอได้ไม่จำกัด ตอนนี้ขอได้เต็มที่งานละไม่เกิน ๗๐๐ ขวด..! น่าจะเกิดจากว่ามีคนขอมาก ๆ แล้วเอาไปจำหน่ายกระมัง ? ส่วนของเทศบาลตำบลทองผาภูมิของเราให้ ๒,๐๐๐ ขวด ส่วนที่เหลือก็ต้องไปขอจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๑๑ ตัวย่อคือ นพค.๑๑ ถามว่าของเราเองก็มีเยอะแยะ ทำไมต้องไปขอเขาด้วย ? อะไรขอได้ให้ขอเอาไว้ก่อน ของเราเองเก็บสำรองเอาไว้ ยังไม่รู้ว่าแล้งปีนี้จะยาวนานแค่ไหน ถึงเวลาคนอื่นมาขอ เราจะได้มีให้เขาบ้าง

เรื่องพวกนี้เป็นที่น่าหนักใจว่านอกจาก
สภาพเศรษฐกิจตกสะเก็ด เงินทองหายาก ข้าวของแพงแล้ว ถึงเวลาหน้าแล้งก็แล้งหนัก ถึงเวลาหน้าฝนก็ท่วมหนักสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลควรจะแก้ไขเป็นอย่างยิ่งเลยก็คือบริหารจัดการน้ำให้ดี ท่านทั้งหลายเชื่อไหมว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ มาถึงตอนนี้ ๑๔ ปีผ่านไป การบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด ด้วยการเปิดเขื่อนภูมิพลระบายน้ำออก เพื่อที่จะได้รับน้ำใหม่ เนื่องจากว่าน้ำท่วมตลอดทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคเหนือ จนป่านนี้เขื่อนภูมิพลยังสำรองน้ำได้ไม่เท่าเดิมเลย ทั้งที่ผ่านไปแล้ว ๑๐ กว่าปี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2025 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-02-2025, 21:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,998
ได้ให้อนุโมทนา: 156,615
ได้รับอนุโมทนา 4,464,765 ครั้ง ใน 35,606 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านทั้งหลายสงสัยว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ? ลองไปถามเจ้าหน้าที่เขื่อนดูว่า ท่านจะได้รับคำตอบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพบอกหรือเปล่า เขื่อนภูมิพลความจริงถ้าไม่ใช่ที่ตรงนั้นเหมาะสมที่สุด ก็ไม่น่าสร้างเลย เพราะว่าบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า rain shadow อยู่ใต้เงาฝน พอความชื้นโดนพัดพามา เมฆโดนพัดพามา จะเหินข้ามภูเขาตรงบริเวณนั้นไปหมด ฝนตกก็ติดอยู่อีกฟากเขาหนึ่ง มาไม่ถึงฝั่งนี้ ก็แปลว่าถ้าน้ำจากที่สูงกว่าจังหวัดตากไม่ไหลลงมาให้ เขื่อนภูมิพลก็ไม่มีน้ำ..!

แต่ด้วยความที่เป็นเขื่อนแรกของประเทศไทย การชลประทานของเราให้สุดยอดขนาดไหนก็ตาม จากความที่ไม่มีประสบการณ์ ดูแต่สถานที่เหมาะสมในการสร้าง ทำให้เขื่อนแข็งแรงพอที่จะรับปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลได้ เขาก็ตกลงใจว่าสร้างตรงนี้แหละ กว่าจะรู้ก็ผ่านไปหลายปี ฝนมาทีไรเลยหัวไปทุกที ดังนั้น..
การบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งทุกรัฐบาลควรที่จะให้ความสนใจ เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าหน้าแล้ง สามารถที่จะผันน้ำแจกจ่ายให้ทุกคนได้ หน้าฝนสามารถระบายน้ำได้ทัน แค่สองอย่างนี้ชาวบ้านก็อยู่เย็นเป็นสุข ไพร่ฟ้าหน้าใสกันแล้ว

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ โครงการส่วนใหญ่ของท่านก็คือเรื่องน้ำ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรง
"ทันฟืนทันไฟ" ทันเหตุการณ์มาก พระองค์ท่านบอกว่า "พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันต้องเป็นป่า" เนื่องเพราะว่าจะมีน้ำได้ ต้องมีป่า พระองค์ท่านจึงมีสารพัด โครงการป่ารักน้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ฯลฯ

เรื่องดี ๆ เหล่านี้รัฐบาลของเราทำไม่เป็น เป็นแต่แจกเงิน..! น่าสงสารมาก เงินที่แจกลงไปต่อให้กี่แสนล้านบาทก็ตาม เหมือนกับโยนก้อนกรวดก้อนเดียวลงทะเล กระเพื่อมนิดหนึ่งก็หายไปแล้ว แต่ก็ยังดีสำหรับผู้ที่ติดหนี้นอกระบบ อย่างน้อย ๆ ก็มีให้เจ้าหนี้ได้ทวงสักหน่อยหนึ่ง ส่วนไอ้ที่เหลือไม่ต้องไปหวัง..!

ภาษิตจีนเขาบอกว่า "น้ำจอกเดียวไม่สามารถดับไฟทั้งคันรถได้" สมัยก่อนเขาทำสงคราม เอาฟืนเอาฟางสุมไปบนเกวียน เสร็จแล้วก็จุดไฟ เข็นเข้าไปเผาเมืองกัน เพราะฉะนั้น..ถ้ามีน้ำถ้วยเดียวย่อมดับไฟไม่ได้อยู่แล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2025 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 04-02-2025, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,998
ได้ให้อนุโมทนา: 156,615
ได้รับอนุโมทนา 4,464,765 ครั้ง ใน 35,606 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนที่สำคัญของบ้านเราเมืองเรา ถ้ากระผม/อาตมภาพเป็นรัฐบาลเอง ก็จะแก้ไขเรื่องปัญหาปากท้องประชาชนเป็นอันดับ ๑ เรื่องการศึกษาเด็กเป็นอันดับ ๒ ส่วนอื่นช้ากว่านั้นได้ เพราะว่าทุกวันนี้เด็กไทยของเราเรียนภาษาไทย แต่เขียนภาษาไทยไม่ถูก พูดภาษาไทยไม่ชัด ตกกระทั่งภาษาไทย..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าระบบการศึกษาบ้านเรา เหมือนอย่างกับเป็นระบบทดลอง ใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ "กูจะต้องของขึ้น" หาหลักสูตรใหม่ ๆ หาวิธีการใหม่ ๆ มาให้เด็กเรียนกัน แล้วเขายังลดการเรียนการศึกษาลงไปเรื่อย..!

ในเรื่องของการศึกษา คุณจะไปหวังว่าเขาจะไปศึกษานอกห้องเรียน ไม่ต้องหวัง ในเมื่อลดเวลาการศึกษาในห้องเรียนไปเรื่อย คุณภาพการเรียนของเด็กเราก็ด้อยลงไปเรื่อย เนื่องเพราะว่าล่าสุด ไอ้ที่เขาว่าใช้ระบบ
"ควายเซ็นเตอร์" เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง แล้วเด็กที่ไหนไม่อยากสบายบ้าง ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าเป็นโรงเรียนที่เข้มงวด เก็บค่าเล่าเรียนแพง ๆ พ่อแม่ก็ยอมสู้ หวังให้ลูกตัวเองเก่ง ส่วนที่เหลือทั่ว ๆ ไปก็แล้วแต่เวรแล้วแต่กรรม..!

รู้สึกวันนี้กระผม/อาตมภาพป่วยจนเพ้อแล้ว..! เพราะว่าไปยุ่งไอ้เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ว่าโยมที่เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการท่านหนึ่ง ถึงเวลาก็มากราบ มาไหว้ มาขอความคิดเห็น กระผม/อาตมภาพก็บ่นไปทุกครั้ง ไม่รู้เอาไปกรอกหูท่านรัฐมนตรีได้สักเท่าไร เพราะฉะนั้น..วันนี้ก็อาศัยบ่นผ่านบันทึกเสียงธรรมนี่แหละ เผื่อที่จะไปเข้าหูท่าน จะได้ทำงานกันเป็นบ้าง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2025 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว