กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 26-01-2011, 15:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขออีกครั้ง
ตอบ : ถ้าเป็นศาลพระภูมิเสาเดียว ให้อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน แต่ถ้าเป็นศาลสี่เสาให้อยู่ทิศใต้หรือทิศตะวันตก ให้เอาทิศของตัวบ้านเป็นหลัก

ถาม : เอาศาลที่สูงหรือเตี้ย ?
ตอบ : ปกติศาลพระภูมิ เขาเรียก ศาลเพียงตา อยู่เท่าระดับสายตาของเจ้าของบ้าน แต่ถ้าเป็นศาลสี่เสาหรืออากาศเทวดาหรือปุ่นเถ่ากง เราจะสร้างสูงต่ำแค่ไหนก็อยู่ที่เรา

ถาม : ศาลพระภูมิเจ้าที่ ไม่จำเป็นว่าหน้าต้องหันไปทางไหน ?
ตอบ: ถ้าถามซ้ำอีกหนจะมีรางวัลให้..! หันทางไหนก็ได้จ้ะ ทิศที่ดีที่สุดสำหรับพระภูมิเจ้าที่ คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน ถ้าไม่มีให้ใช้ทิศเหนือหรือทิศตะวันออก ใช้ได้แค่สามทิศเท่านั้น ถ้าไปใช้ทิศอื่น ผิดทิศผิดทางขึ้นมา อาจจะไม่รุ่งเรืองอย่างที่ต้องการ

ถาม : ไม่จำเป็นต้องหันหน้าออกจากบ้านใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ดูท่าอยากจะได้รางวัลจริง ๆ..! หันหน้าด้านไหนก็ได้ที่เราบูชาถนัด แต่ส่วนใหญ่คนจะไม่เข้าใจ พอเราบอกทิศ เขาก็ไปหันหน้าศาลไปทิศนั้น กลายเป็นตั้งศาลผิดทิศ และไม่ต้องไปฟังปากหอยปากปูด้วยนะ ว่าอย่างนั้นไม่ถูกอย่างนี้ไม่ถูก เขาเข้าใจผิด เขาจึงว่าของเราไม่ถูก

ถาม : เรื่องวันที่ตั้งศาล ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ใช้วันพฤหัส เดือนคู่ อย่างเดือนยี่ เดือนสี่ เดือนหก เดือนแปด เดือนไทยนะ ได้ข้างขึ้นยิ่งดี ถ้าเป็นเดือนแปดข้างแรมกับเดือนสิบข้างแรมเขาไม่นิยมกัน เขาถือว่าเป็นช่วงเข้าพรรษา ของอย่างนี้ถ้ารู้ก็ทำเอง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาใครมาช่วย...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 26-01-2011, 18:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้มีงานเข้ามาเยอะมาก หนูอยากรู้ว่านั่นเป็นงานจริง ๆ หรือแค่เข้ามาแล้วผ่านไป ?
ตอบ : อยู่ที่เราตกลงจะทำหรือไม่ ? ถ้าเราตกลงที่จะทำก็เป็นของจริง ถ้าไม่ตกลงที่จะทำก็แค่ผ่านไปเฉย ๆ

ถาม : ถ้าเราตกลงทุกเรื่อง จะไปรอดทุกเรื่องหรือไม่คะ ?
ตอบ : จะให้ทุกอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ได้อย่างไรละจ๊ะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยากจะเตือนก็คือว่า ถ้าทุ่มเทด้วยตัวเองได้ก็จะดีที่สุด อย่าไว้วางใจคนอื่น เพราะคนอื่นเขาไม่มีสำนึกความเป็นเจ้าของ เขาจะสักแต่ทำให้ได้วันหนึ่ง ๆ เท่านั้น

แต่ถ้าเป็นของเรา เรามีสำนึกความเป็นเจ้าของ เราทุ่มเทเต็มที่ ผลที่จะได้จะมีมากกว่า เพราะฉะนั้น..ยอมเหนื่อยหน่อยจ้ะ จนกว่าจะได้คนที่ไว้วางใจได้จริง ๆ แล้วค่อยผ่องถ่ายให้เขาแบ่งเบาภาระไป

ถาม : เราจะได้พาร์ทเนอร์จากเยอรมันมาใหม่ เขาจะอยู่กับเราได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่อยากจะคบกับพวกต่างประเทศสักเท่าไร โดยเฉพาะฝรั่ง บางคนก็ดี บางคนก็ตั้งหน้าตั้งตามากอบโกยจากเราอย่างเดียว แต่เราใช้ความจริงใจเข้าว่า และทำหนังสือสัญญาให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีอะไรให้ปรึกษาทนาย ทำสัญญาก่อนแล้วจะดีเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 26-01-2011, 19:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีเรื่องทางคดีความกับฝรั่ง เดือนนี้เราสามารถจบได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : เออ..เรื่องอย่างนี้ยังอุตส่าห์ถาม อาตมาไม่ใช่ผู้พิพากษาโว้ย..! ขึ้นอยู่กับเราว่าจะประนีประนอมกันได้หรือไม่ ? หรือศาลเขามีคำสั่งอย่างไร ? เอาอย่างนี้..ไปบนเสด็จในกรมหลวงชุมพรจะดีกว่า...

เครื่องบนเสด็จในกรมหลวงชุมพร
๑) ใช้หัวหมูต้ม ๑ หัว ถ้าหาหัวหมูไม่ได้ ให้เป็นหมูชิ้น ๑ ชิ้น จะเป็นเนื้อสัน เนื้อสามชั้นอะไรก็ได้ แต่ต้องหนักไม่ต่ำกว่าครึ่งกิโลกรัม
๒) ไก่ต้ม ๑ ตัว
๓) ข้าวปากหม้อ ๑ ถ้วย คือ ข้าวที่หุงแล้วเราตักขึ้นมาก่อน
๔) ทองหยิบ ฝอยทอง จำนวนเท่าไรแล้วแต่เราชอบ
๕) ขนมจีนน้ำพริก น้ำยาก็ไม่เอา ซาวน้ำก็ไม่เอา น้ำเงี้ยวก็ไม่เอา เอาขนมจีนน้ำพริกอย่างเดียวเลย

ของทั้งหมดให้วางบนผ้าขาวที่ปู ตั้งโต๊ะอยู่กลางแจ้ง

ถาม : ต้องไปตั้งโต๊ะต่อหน้าท่านหรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่ต้อง ที่ไหนก็ได้ที่เป็นกลางแจ้ง เวลาบน ถ้าเป็นช่วงเช้าคือ ๗ โมง ๕๐ นาที ต้องตรงต่อเวลานะ เพราะฉะนั้น..เราต้องเตรียมของให้เรียบร้อย พอเวลา ๗ โมง ๕๐ นาที ให้จุดธูปบอกท่าน

ถาม : อธิษฐานว่าอย่างไร ?
ตอบ : อธิษฐานขอว่าจะให้เรื่องนี้ลงเอยอย่างไร จะให้เขาเรียกเราจนหมดเนื้อหมดตัว หรือจะให้เราชนะคดีโดยสะดวกง่ายดาย ก็ว่าไป

ถ้าเรื่องทุกอย่างเป็นไปตามเราต้องการ ให้จัดของอย่างนี้ถวายท่านอีกชุดหนึ่ง แปลว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จต้องให้ท่านก่อนชุดหนึ่ง

สมัยก่อนการบนมีเหล้าปนอยู่ด้วย ท่านบอกว่าไม่เอาแล้ว เป็นเทวดาผู้ใหญ่ ถ้ามีเหล้าอยู่ด้วย เดี๋ยวจะโดนตำหนิเอา ก่อนอาตมาบวชก็อาศัยบนท่านบ่อย ๆ ช่วงนั้นซื้อของราคาไม่เคยเกินสามร้อยบาท พอลาเสร็จเราก็กินเอง พอธูปหมดเราก็ลาได้แล้ว

ถาม : ถ้าขายที่ดินไม่ได้ ใช้วิธีนี้ได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ใช้วิธีนี้ก็ได้จ้ะ แต่ถ้าเสด็จในกรมฯ ท่านจะถนัดเรื่องตามคนหายหรือคดีความมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 03:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 26-01-2011, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะขายที่ค่ะ
ตอบ : ไปจุดธูปบอกกับเจ้าที่ตรงนั้นเลยจ้ะ บอกว่าถ้าขายได้เราจะถวายสังฆทานหรือเลี้ยงพระให้สัก ๙ องค์ ก็ว่าไป

ถาม : จุดธูปกลางแจ้งหรือคะ ?
ตอบ : กลางแจ้งตรงนั้นเลยจ้ะ บนที่ดินของเรา บอกเจ้าที่ที่อยู่ตรงนั้น ไม่ว่าท่านจะเป็นอากาศเทวดา รุกขเทวดา หรือภุมมเทวดาก็ตาม ข้าพเจ้าต้องการจะขายที่ผืนนี้ ขอให้ช่วยสงเคราะห์ให้สำเร็จโดยง่ายด้วย แล้วเราจะทำบุญอะไรให้ท่านก็ว่าไป

ถาม : ต้องนำอะไรไปบูชา ?
ตอบ : ไม่ต้องหรอกจ้ะ เอาธูปไปกำใหญ่ ๆ ก็พอ

ถาม : กำใหญ่แค่ไหน ?
ตอบ : ส่วนใหญ่เห็นเขาจุดกัน ๑๖ ดอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-01-2011 เมื่อ 13:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 26-01-2011, 23:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คลอดลูกแล้ว แต่ยังไม่มีน้ำนมให้ลูกเลย
ตอบ : โบราณเขาให้กินของร้อน โดยเฉพาะพวกแกงเลียงแต่ให้ใส่พริกไทยเยอะหน่อย

ถาม : ได้ผลจริงใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้ผลก็ให้กินนมขวดไปก่อน ถ้าเป็นคนจีนเขาจะตุ๋นไก่กับขิง หรือไม่ก็แกงเลียงใส่พริกไทยเยอะ ๆ เพราะร่างกายเสียเลือดมาก จะให้ไปผลิตน้ำนมมากก็ไม่ไหว จึงต้องกระตุ้นกันหน่อย

คนโบราณเขาเก่ง เขาจะให้อยู่ไฟด้วย ร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็ว สมัยนี้เราไม่ได้อยู่ไฟ แต่ไม่เป็นไรหรอก..กินนมเราไม่ได้ก็ให้กินนมวัวไปก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 27-01-2011, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่ทุกคนได้กราบขอขมาพระอาจารย์เนื่องในวาระปีใหม่แล้ว ท่านได้ให้โอวาทแก่พวกเราว่า "พวกเราทุกคนเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างมหาศาล เพราะการที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเป็นอย่างยิ่ง

อรรถกถาจารย์ท่านเปรียบเอาไว้ว่า เหมือนกับเอาเต่าตาบอดตัวหนึ่ง โยนไปในทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่นลม แล้วมีแอกเล็ก ๆ ขนาดพอที่จะสวมหัวเต่าได้ทิ้งเอาไว้ในทะเลนั้นด้วย ประมาณร้อยปี เต่าตัวนั้นลอยขึ้นมาครั้งหนึ่ง..ร้อยปีลอยขึ้นมาครั้งหนึ่ง ถ้าบังเอิญหัวเต่าสวมแอกเมื่อไร ก็คือบุคคลหนึ่งที่มีโอกาสจะได้เกิดมา

อย่างที่สอง พระองค์ตรัสว่า กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ การที่จะรักษาชีวิตให้อยู่รอดมาได้ก็แสนยาก เพราะชีวิตเรามีแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หรือว่าเกิดเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่ก็โดนทำแท้งไป ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ศพ อย่างที่เป็นข่าวกัน เราจะเห็นว่า การเอาชีวิตรอดในสังคมนี้เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง

อย่างที่สาม พระองค์ท่านตรัสว่า กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ การที่จะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็แสนยาก ถ้ายิ่งในตอนท้ายของพระพุทธศาสนา ขนาดขอฟังธรรมแค่ประโยคเดียว ก็ไม่มีใครสามารถที่จะบอกได้ ถ้าเกิดในช่วงที่โลกว่างพระพุทธศาสนา ไม่มีศีลไม่มีธรรมเลย ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

และท้ายสุด สิ่งที่ลำบากที่สุด ก็คือ กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท การเกิดของพระพุทธเจ้านั้นยากที่สุด อย่างน้อยต้อง ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป กว่าที่พระองค์ท่านจะสร้างบารมีแล้วบรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-01-2011 เมื่อ 10:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 27-01-2011, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่การบรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราว่าพระองค์ท่านต้องสร้างบารมี ๔ อสงไขยกับแสนมหากัปนั้น เป็นแค่ตอนปลายเท่านั้น ในบาลีบอกว่า จิตติตัง สัตตสังเขยยัง แค่คิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลาถึง ๗ อสงไขยกัป นวสังเขยยะ วาจะกัง ออกปากว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลาอีก ๙ อสงไขยกัป รวมเป็น ๑๖ อสงไขยกัปแล้ว

หลังจากนั้นจึงทำกาย วาจา ใจ ทุกอย่าง สร้างบุญสร้างบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เป็นอย่างน้อย รวมแล้วก็ ๒๐ อสงไขยกัปเศษ ๆ เพราะฉะนั้น..ไม่ใช่แค่ ๔ อสงไขยกัปแล้วจะจบนะจ๊ะ

ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแบบศรัทธาธิกะ ก็บวกไปอีกเท่าตัว คือ ๔๐ กว่าอสงไขยกัป ถ้าเป็นแบบวิริยาธิกะ ก็บวกไปอีกเท่าตัวหนึ่งของศรัทธาธิกะ คือ ๘๐ กว่าอสงไขยกัป แค่กัปเดียวก็เกิดจนนับไม่ถ้วนแล้ว ถ้าโครงกระดูกของเราไม่เสื่อมสลาย เชื่อว่าคงท่วมจักรวาลไปนานแล้ว

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ายากเย็นแสนเข็ญทั้งหมดนี้ พวกเราทั้งหลายสามารถผ่านพ้นมาได้ เกิดมายากเราก็เกิดมาแล้ว รักษาชีวิตให้อยู่รอดได้ยาก เราก็อยู่รอดมาแล้ว การฟังธรรมหาฟังได้ยาก เราทุกคนก็ได้ฟังและปฏิบัติตามอีกด้วย การเกิดของพระพุทธเจ้าที่ว่ายาก เราก็เกิดทันพระพุทธศาสนาของพระองค์ท่าน จึงถือว่าพวกเราทั้งหมดเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างยิ่ง

ลองนึกดูว่า คนในประเทศไทย ๖๓ ล้านคนเศษ มีบุคคลที่เข้าวัดเข้าวา และปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังสักเท่าไร ? แค่เศษสามล้านคนมีถึงไหม ? เชื่อว่าไม่ถึงอย่างแน่นอน ที่เหลืออย่างดีก็แค่ใส่บาตรวันเกิดตัวเองปีละครั้ง..!

นอกจากนี้ ถ้าเอาพวกเราไปเปรียบกับประชากรโลกอีกห้าพันกว่าล้านคน พวกเราจะเป็นพวกที่แปลกแยกจากสังคมจริง ๆ เป็นพวกที่เขาไม่คบแล้ว จึงได้มาอยู่รวมกันตรงนี้..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 03:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 27-01-2011, 09:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาจึงได้บอกกับพวกเราในตอนแรกว่า พวกเราเป็นผู้โชคดีอย่างยิ่ง ที่เรารู้จักและพบพระพุทธศาสนา ขณะเดียวกันก็รู้จักธรรมะ อะไรดีอะไรชั่วเราก็รู้ เพราะฉะนั้น..อย่าให้เสียทีที่เกิดมา มีโอกาสเกิดมาแล้ว รู้ว่าทานดีอย่างไร ? ศีลดีอย่างไร ? ภาวนาดีอย่างไร ? ก็ต้องพยายามทำไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นการสั่งสมกำลังของเรา

เนื่องเพราะว่าวัฏสงสารนี้ ประกอบไปด้วยแรงดึงดูดอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเรื่องของกิเลส ตัณหา อุปาทานและอกุศลกรรม ที่จะดึงดูดเราให้ติดอยู่ ให้ทุกข์อยู่ตลอดไป ไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักเบื่อเสียที ถ้าเราสั่งสมความดีไม่เพียงพอ กำลังของเราก็ไม่พอที่จะส่งให้เราหลุดพ้นไปได้ เราก็ยังต้องทุกข์อยู่ไม่รู้จบ

ดังนั้น..อย่างน้อย ๆ ทุกคนต้องรักษาตนโดยการยึดหัวหาดความเป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบันเอาไว้ คือ ต้องมีความเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์

ไม่ละเมิดด้วยความตั้งใจของตน ยกเว้นพลั้งเผลอโดยไม่เจตนา และท้ายสุดมีความรู้ตัวอยู่เสมอว่า ชีวิตนี้ต้องตายแน่นอน ถ้าตายเราขอไปพระนิพพาน

ถ้าเรายึดหัวหาดตรงนี้ไว้ อย่างเก่งเราก็เกิดอีก ๗ ชาติเท่านั้น และเกิดอยู่ในสุคติภูมิ ก็คือ ระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหมเท่านั้น แต่ถ้าเราสามารถก้าวล่วงขึ้นไปสูงกว่านั้นได้ ก็ไม่ต้องลงมาเกิดอีก ก็คือไปอยู่ที่สุทธาวาสพรหม เป็นพระอนาคามี แต่ก็ยังมีความทุกข์อยู่ ก็คือ ต้องลำบากในการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น

เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ ก็ว่ากันให้จบไปในชาติเดียวเลย เห็นความไม่ดีของร่างกายนี้ เห็นความไม่ดีของโลกนี้ ในเมื่อมีความทุกข์อย่างนี้ เราขอทนอยู่แค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ขึ้นชื่อว่าการเกิดใหม่มาทุกข์อย่างนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก ตายเมื่อไรจบกันแค่นี้ เราขอไปอยู่พระนิพพานกับพระพุทธเจ้า อยู่กับหลวงพ่อของเรา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 16:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 27-01-2011, 09:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าเราตั้งกำลังใจไว้อย่างนี้ แล้วภาวนาเอาจิตเกาะพระนิพพานไว้ให้มั่นคง เช้าสัก ๕ นาที เย็นสัก ๕ นาทีก็พอ มั่นใจว่าความดีที่เราสะสมนี้ ถ้าถึงวาระสุดท้าย สติ สมาธิ ปัญญาที่สั่งสมมา น่าจะมีกำลังเพียงพอ แต่ถ้าเรามีโอกาสก็กอบโกยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เจอเขาทำบุญที่ไหน เล็กใหญ่แค่ไหนเราทำหมด เจอการปฏิบัติภาวนาที่ไหน เราก็ร่วมทำกับเขาทุกครั้ง

หรือในแต่ละวัน เรานึกถึงลมหายใจเข้าออกของเราครั้งหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง เพราะฉะนั้น..เราใช้วิธีนี้ วิธีที่เดินเข้าไปพระนิพพานด้วยลมหายใจตัวเอง หายใจเข้าออกครั้งหนึ่งเราก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หายใจเข้าออกครั้งหนึ่งเราก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง โดยอาศัยพระนามของพระพุทธเจ้า คือ พุทโธก็ได้ นะมะพะธะก็ได้ สัมมาอะระหังก็ได้ เป็นเครื่องนำทางเราไปสู่พระนิพพาน

หลังจากนั้น ก็พยายามใช้ปัญญาดูให้เห็นว่า สภาพร่างกายก็ดี วัตถุธาตุสิ่งของก็ดี สภาพของโลกนี้ก็ดี มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ อาศัยไม่ได้เลย เดี๋ยวก็พังหมด มีความทุกข์เป็นปกติการดำรงชีวิตอยู่ ไม่มีสักวันเลยที่มีความสุขสบายอย่างแท้จริง

และท้ายที่สุด ไม่มีอะไรยึดถือเป็นตัวเป็นตนได้ สักแต่ว่าเป็นรูป สักแต่ว่าเป็นธาตุ ที่เรามาอยู่มาอาศัยตามสภาพของเวรกรรมที่สร้างมา ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไปหมด ในเมื่อสภาพของร่างกายเป็นอย่างนี้ เราก็ขอคบแค่ชาตินี้ชาติเดียวแล้วจบกัน

ถ้าตั้งใจอย่างนี้ไว้ แล้วเอาจิตสุดท้ายเกาะพระพุทธเจ้าหรือเกาะพระนิพพานเอาไว้ ทำให้เคยชินแล้วทุกคนจะไม่เสียทีที่เกิดมา เรามีโอกาสที่จะหลุดพ้น เราเป็นบุคคลจำนวนน้อยนิดที่มีโอกาสสมบูรณ์มากกว่าคนอื่นเขา จงใช้โอกาสของตนให้สมกับความโชคดีของเรา ปีใหม่นี้ก็ขอฝากเอาไว้เท่านี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 27-01-2011, 11:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อทุกคนตั้งใจมาทำสามีจิกรรม ก็ขอให้จำไว้ว่า ในเรื่องของพระรัตนตรัยก็ดี หรือตลอดจนบุคคลซึ่งก็คือพระสงฆ์ก็ดี ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครโกรธเกลียดพวกเรา

สิ่งที่พวกเราได้ล่วงเกินไปนั้นก่อให้เกิดเป็นกรรม ที่ทำให้เข้าสู่พระนิพพานได้ช้า การที่เราได้มาทำมาสามีจิกรรม ขอขมากรรมต่อกัน ก็คือทำให้กรรมเหล่านั้นขาดลง จะได้ไม่มาผูกมารั้ง ให้เราต้องติดอยู่ในส่วนที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายเหล่านี้อีก ถือว่าเราได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ถือว่ากรรมทั้งหลายเหล่านี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก็ให้สิ้นสุดลง

ให้ทุกคนตั้งใจรักษากาย วาจา และใจของเราให้ดี พยายามยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะในส่วนของนามธรรม ก็คือ คุณของพระพุทธเจ้าจริง ๆ คุณของพระธรรมจริง ๆ คุณของพระสงฆ์จริง ๆ เป็นหลัก อย่ายึดถือในตัวบุคคล เพราะว่าตัวบุคคลไม่ว่าจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี หลวงปู่ หลวงพ่อ ตลอดจนตัวอาตมาก็ดี ท้ายสุดก็ต้องพบกับภาวะของความเป็นจริง ก็คือเสื่อมสลายตายพังไปเช่นกัน

ถ้าเราสามารถยึดคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ที่เป็นคุณความดีของพระองค์ท่านได้ นั่นจะเป็นหนทางนำเราไปสู่พระนิพพาน ในเมื่อเราได้ทำความดีทั้งหมดแล้ว ก็ขอให้ตั้งใจรับพรจากพระด้วยจ้ะ

ระตะนัตตะยานุภาเวนะ......ระตะนัตตะยะเตชะสา
ทุกขะโรคะภะยา เวรา.......โสกา สัตตุ จุปัททะวา
อะเนกา อันตะรายาปิ.......วินัสสันตุ อะเสสะโต
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง.......โสตถิ ภาคยัง สุขัง พะลัง
สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ.......โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา
สะตะวัสสา จะ อายุ จะฬ.ฬชีวะสิทธี ภะวันตุ เต ฯ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 16:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 27-01-2011, 12:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ศาลอากาศเทวดาเป็นอย่างไร ?
ตอบ : เป็นศาลสี่เสาขึ้นไป จะเป็นหกเสา แปดเสาก็ได้

ถาม : ที่บ้านผมมีศาลพระภูมิ แล้วเขาเรียกศาลตายาย
ตอบ : ไม่ใช่หรอก ศาลตายาย คือ ศาลอากาศเทวดา แต่ให้สังเกตไว้ว่า ถ้าคุณตั้งศาลพระภูมิ แล้วมีศาลตายายตั้งอยู่ต่ำกว่า บ้านนั้นเด็กไม่ฟังผู้ใหญ่หรอก เพราะอากาศเทวดาเป็นเจ้านายของพระภูมิ แล้วเราไปตั้งศาลตายายไว้เตี้ยกว่า ถ้าเปรียบไปก็เป็นลูกน้องขี่คอเจ้านาย บ้านนั้นลูกหลานจะไม่ฟังพ่อแม่หรอก

ถาม : อย่างนี้ทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : อย่างที่อาตมาเคยทำก็คือรองฐานให้สูงขึ้น ทำศาลตายายให้สูงขึ้นมา อย่างน้อยให้ฐานสูงกว่าศาลพระภูมิสักหนึ่งนิ้ว

ถาม : เรื่องทิศเหมือนกันได้ ?
ตอบ : ปกติแล้วจะตั้งให้ท่านเฉพาะเลย คือ ตั้งทิศใต้

ถาม : ต้องแยกตั้งศาลคนละด้าน ?
ตอบ : ถ้าเราไม่มั่นใจว่าตรงนั้นเป็นอากาศเทวดาจริง ๆ ก็ไม่ต้องตั้ง ยกเว้นมั่นใจว่าเป็นท่านจริง ๆ แล้วค่อยตั้ง

ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นอากาศเทวดาจริง ๆ ?
ตอบ : จุดธูปบอกท่านก็ได้ ถ้าหากท่านเป็นอากาศเทวดาช่วยมาบอกข้าพเจ้าด้วยแล้วจะตั้งศาลให้ รับประกันได้เรื่องทันที เพราะอากาศเทวดาท่านอานุภาพมากกว่าพระภูมิหลายเท่า อากาศเทวดาองค์หนึ่งท่านดูแลพระภูมิเจ้าที่เป็นสิบ ๆ องค์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 27-01-2011, 12:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ไม่ได้ฌานแล้วเป็นพระอรหันต์มีไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มีจ้ะ ท่านที่เป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ต้องได้ฌานทุกคน จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ต้องได้

ถาม : สุกขวิปัสสโกต้องได้ฌานหรือคะ ?
ตอบ : ต้องได้ เพราะถ้าไม่ได้ฌาน กำลังจะไม่พอตัดกิเลส การได้ฌานของสุกขวิปัสสโก ก็คือพิจารณาไปเรื่อย ๆ แล้วจิตดิ่งลึกเป็นองค์ฌาน โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าได้ฌาน ไม่อย่างนั้นก็มีกำลังไม่พอที่จะตัดกิเลส
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 16:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 27-01-2011, 17:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอกรรมฐานที่เหมาะกับตัวเอง ?
ตอบ : สิ่งที่เหมาะ คือ ลมหายใจเข้าออกควบกับพุทธานุสติ ใช้ลมหายใจเข้าออกควบกับพุทโธ นะมะพะธะ สัมมาอะระหัง แบบใดก็ได้

ถาม : ก็คือ ใช้พุทธานุสติแล้วเจริญวิปัสสนาหรือคะ ?
ตอบ : ให้เราอยู่กับลมหายใจเข้าออกให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ในแต่ละวัน เมื่อสมาธิทรงตัวต่อไปไม่ไหว ก็คลายออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ เมื่อพิจารณาจนจิตเหนื่อยแล้วก็ภาวนาใหม่ สลับกันไปอย่างนี้ ถ้าเราทำได้ สมาธิจะทรงตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเวลานั้นปัญญาจะเห็นเองว่า เราจะประคอง ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราอย่างไร จึงจะเจริญก้าวหน้า

สำคัญตรงที่ให้เราอยู่กับลมหายใจเข้าออก โดยไม่คิดเรื่องอื่นให้ได้ก่อน หายใจเข้าไหลตามไป..หายใจออกไหลตามมา คิดถึงเรื่องอื่นเมื่อไรกลับมาตรงนี้ ถ้าสามารถทำติดต่อได้นาน ๑๕ นาที โดยที่ไม่คิดเรื่องอื่นเลยก็สุดยอดแล้ว เมื่อภาวนาจนอารมณ์สมาธิทรงตัวแล้ว จึงค่อยคลายออกมาพิจารณาต่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2011 เมื่อ 17:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 27-01-2011, 17:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฤกษ์ขึ้น ๑ ค่ำ วันศุกร์ เป็นอย่างไร ผมไม่ทราบรายละเอียด ?
ตอบ : เป็นฤกษ์อมฤตโชค ตามตำราฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั้นจะมี อมฤตโชค มหาสิทธิโชค และสิทธิโชค แปลว่า วันหนึ่งต้องมีฤกษ์ดี ๓ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่

ถ้าเป็นวันศุกร์ ขึ้นหรือแรม ๑ ค่ำ เขาเรียก ฤกษ์อมฤตโชค
ถ้าเป็นวันศุกร์ ขึ้นหรือแรม ๑๐ ค่ำ เป็นมหาสิทธิโชค
ถ้าเป็นวันศุกร์ ขึ้นหรือแรม ๑๑ ค่ำ เป็นฤกษ์สิทธิโชค

ถ้าเป็นวันเสาร์ ขึ้นหรือแรม ๕ ค่ำ เป็นอมฤตโชค
ถ้าเป็นวันเสาร์ ขึ้นหรือแรม ๑๕ ค่ำ เป็นมหาสิทธิโชค
ถ้าเป็นวันเสาร์ ขึ้นหรือแรม ๔ ค่ำ ก็เป็นสิทธิโชค

จะเป็นอย่างนี้ทุกวัน เพียงแต่ว่าจะตรงหรือไม่ตรงเท่านั้น ก่อนหน้านี้หลวงพ่อท่านบอกพวกเรา แต่ท่านบอกไว้น้อยเพราะท่านอยากให้ลูก ๆ ไปค้นคว้าต่อ แต่ลูกก็ซื่อเหลือเกิน พ่อให้แค่ไหนลูกก็ใช้แค่นั้น..!

เพราะฉะนั้น..เราจะเห็นว่าฤกษ์ของวัดท่าซุง วันอาทิตย์จะมี ๘ ค่ำ วันเดียว แต่ความจริง ก็คือ
วันอาทิตย์ ๘ ค่ำ เป็นอมฤตโชค
วันอาทิตย์ ๑๔ ค่ำ เป็นมหาสิทธิโชค
วันอาทิตย์ ๑๑ ค่ำ เป็นสิทธิโชค

หลวงพ่อท่านได้มาแค่สองวัน แล้วท่านไปค้นคว้าจนได้ครบทั้ง ๗ วัน ท่านบอกว่า ท่านค้นทั้งหอสมุดแห่งชาติเลย คราวนี้ท่านอยากให้ลูก ๆ เอานิสัยนี้ไปใช้บ้าง ก็ไม่มีใครใช้ ตอนแรกอาตมาเองก็ไม่คิดจะค้น แต่มาสงสัยที่ท่านบอกว่า วันเสาร์ห้าห้ามทำการมงคลอื่น ๆ ยกเว้นการพุทธาภิเษก แล้วคนที่เขามีวันลาภ วันชัย ตกวันเสาร์ก็ไม่ต้องทำมาหากินพอดีสิ ? เกิดความสงสัยจึงไปค้น

พอไปค้นปรากฏว่ามีอีกสองวัน เพราะฉะนั้น..วันเสาร์ที่เป็นอมฤตโชคเราก็ไม่ใช้ ไปใช้มหาสิทธิโชค หรือสิทธิโชคแทน ดังนั้น..หัดสงสัยบ้าง แต่ก็อย่างว่า บางทีรู้มากก็ยากนาน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2011 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 27-01-2011, 17:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฤกษ์พวกนี้ทำอะไรดีบ้างครับ ?
ตอบ : การมงคลทุกประเภท ฤกษ์พรหมประสิทธิ์นี้ดีตรงที่ไม่จำกัดเวลา เช่น ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเวลา ๙.๐๙ น. ได้ฤกษ์ตั้งแต่ตะวันขึ้นจนตะวันตกดินเลย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านชอบเพราะเป็นฤกษ์สะดวก

ถาม : อย่างจะลงทุนเกี่ยวกับอาชีพค้าขาย?
ตอบ : ให้เลือกฤกษ์อะไรก็ได้ที่ไม่ตรงกับวันศุกร์ คุณจะใช้ฤกษ์อมฤตโชค มหาสิทธิโชค หรือสิทธิโชคก็ได้ แต่อย่าเอาวันศุกร์

ถ้าเปิดกิจการให้เว้นวันศุกร์ ถ้าขึ้นบ้านใหม่ให้เว้นวันอาทิตย์ ถ้าแต่งงานเว้นวันพฤหัสบดีกับวันเสาร์ ถ้าแต่งงานวันพฤหัสบดีจะเลิกกันเร็ว ถ้าแต่งวันเสาร์ก็ทะเลาะกันทั้งชาติ สาเหตุที่หลวงพ่อท่านให้เว้น เพราะท่านเจอเหตุการณ์พวกนี้มาจนเข็ดแล้ว เราไม่ต้องไปทดสอบเองหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2011 เมื่อ 03:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 27-01-2011, 20:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เบียร์ที่เขาสกัดเอาแอลกอฮอล์ออก เรากินถือว่าผิดศีลหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่มีแอลกอฮอล์ไม่ทำให้เมา แต่คุณต้องดูเจตนาด้วย เจตนาเรายังอยากกินเบียร์อยู่ใช่ไหม ? ถ้าไม่อยากกินจะไปกินทำไม ?

เบียร์เป็นเมรัยจ้ะ สุรา คือ สิ่งที่กลั่นขึ้นมาประกอบด้วยแอลกอฮอล์ เมรัย คือ สิ่งที่หมักดองประกอบด้วยแอลกอฮอล์ พวกเบียร์ ไวน์ จัดอยู่ในพวกนี้หมด แล้วเรามั่นใจหรือว่า เขาจะสกัดแอลกอฮอล์ออกจากเบียร์หมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-02-2016 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 27-01-2011, 20:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำว่า ตถาคตแปลว่าอะไรครับ?
ตอบ : แปลว่า ผู้ยังความเป็นไปด้วยตนเอง พูดง่าย ๆ ก็คือ บรรลุเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2011 เมื่อ 03:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 27-01-2011, 20:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าอยู่กับปัจจุบันแล้วคิดถึงอนาคต จะเป็นการส่งจิตออกนอกหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าจะคิด ต้องคิดโดยการใส่สติไว้เฉพาะหน้า คิดเสร็จแล้วหยุดให้เป็น ไม่อย่างนั้นจะฟุ้งซ่าน ต้องหมั่นซ้อมบ่อย ๆ

ซ้อมตรงที่ว่า เราจะคิดเรื่องอะไร เราจะเอาเฉพาะเรื่องนั้น โดยการเอาสติคุมไปตลอด พอจบเรื่องนั้น เราต้องตัดเข้าหาการภาวนาทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2011 เมื่อ 03:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 27-01-2011, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เต้ย (คุณสุรจิตร) เขาเป็นคนที่ดีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ โดนด่าเท่าไรก็ไม่ยุบ กำลังใจอย่างนี้ ถ้ารู้จักปรับปรุงตัวเองมีสิทธิ์บรรลุธรรมได้มาก ปกติคนอื่นโดนด่าไปทีหนึ่งจะเฉาไปนาน แต่นี่เต้ยโดนเท่าไรก็ไม่ยุบ เป็นผักบุ้งสู้น้ำร้อน โดนเท่าไรไม่เหี่ยวเสียที"

ถาม : แล้วต้องตั้งกำลังใจอย่างไรครับ ?
ตอบ : เราต้องนึกเสมอว่า กาย วาจา ใจที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ เราต้องทำกาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่พระต้องพิจารณาและนำไปปฏิบัติ ในเมื่อเราเป็นพระโยคาวจร เราก็ต้องพิจารณาและทำอย่างนี้ด้วย อะไรที่ไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่ควรแก่กาละเทศะ ก็พยายามแก้ไข

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะรู้ตัว ?
ตอบ : เป็นเรื่องยาก การจะรู้ตัวต้องเคี่ยวเข็ญกันขนาดหนัก มีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่อเรียกหาอาตมา พออาตมาเข้าไปถึง อยู่ ๆ ท่านด่าอาตมาเฉยเลย ส่วนเราก็ "ครับ ๆ" เดินขาขวิดออกมาข้างนอก "กูทำอะไรผิดวะ ?"

พยายามนึกทวนวันนี้ เมื่อวาน เมื่อวานซืน ก็ไม่มีอะไรผิดนี่หว่า จนกระทั่งท้ายสุดไม่รู้จะสรุปว่าอย่างไร ก็สรุปว่า "มึงผิดมาตั้งแต่เกิดแล้ว ถ้าไม่เกิดมาก็ไม่โดนหรอก..!"

พอคิดสรุปเสร็จหลวงพี่อนันต์ท่านโทรมาพอดี "เฮ้ย..เล็ก เมื่อตอนเพลที่หลวงพ่อด่า หลวงพ่อบอกว่า ท่านย่าสั่งให้ด่า ท่านบอกว่าไอ้นี่รู้ตัวเร็ว ถ้าด่าไปมันจะระวังตัว คนที่จ้องเล่นงาน ก็จะเล่นมันไม่ได้"

ฉะนั้น..การรู้ตัว เราต้องพิจารณาบ่อย ๆ และไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ดูตัวเองอยู่เสมอ อัตตนา โจทยัตตานัง ต้องกล่าวโทษโจทย์ตัวเองอยู่เสมอ ๆ ว่า เรายังมีความดีไม่เพียงพอที่จะไปนิพพาน ต้องตะเกียกตะกายให้มากกว่านี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2011 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 28-01-2011, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,405,981 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "ตอนพุทธาภิเษกพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน หลวงปู่ทับท่านมา อาตมาก็เข้าไปกราบท่าน ถามว่าท่านเป็นใคร ? มาจากไหน ? ท่านบอกว่า "ข้าชื่อทับ" อาตมาก็ร้องออกไปว่า "อ๋อ..หลวงปู่ทับ วัดทอง" โดนเลยท่านด่ามา "มีแต่ไอ้ท่านวัดทอง ดังอยู่คนเดียวหรือไงวะ..!"

ไล่ไปไล่มา จึงนึกได้ว่าเป็นหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม มิน่าเล่า..ท่านถึงมา เพราะสายการปฏิบัติของเราเนื่องกับวัดอนงคาราม หลวงพ่อฤๅษีท่านถือว่าเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทฺธสรมหาเถร) วัดอนงคาราม

ตอนที่อาตมาไปปฏิบัติธรรม มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่ทับท่านก็โผล่มาอีก ด้วยความเคยชินอาตมาก็หลุดปากไปว่า "หลวงปู่วัดทอง" ท่านก็ด่าโขมงโฉงเฉง "ไอ้ฉิบ_าย..จนป่านนี้ยังจำกูไม่ได้อีก มีแต่ไอ้ท่านวัดทององค์เดียวหรือไงวะที่มันดัง..!" เจอเข้าไปเต็ม ๆ อีกรอบ

มีอีกหลวงปู่ทับหนึ่งองค์นะที่มาตอนนั้น อาตมากำลังก้มกราบพระ พอกราบลงไปที่พื้น เหมือนกับว่าพื้นกลายเป็นกระจก ท่านปรากฏขึ้นชัด ๆ เลย ความรู้สึกบอกว่าเป็น หลวงปู่สมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ พุทฺธสิริมหาเถร) วัดโสมนัสราชวรวิหาร แล้วท่านก็หายวับไปเลย

อาตมาก็มานึกว่า "เราตาลายไปหรือเปล่า ?" พอมานึกว่าอย่างนี้ ท่านก็โผล่มาอีกแวบหนึ่ง ยืนยันว่าท่านมาจริง ๆ แล้วท่านก็ไปอีก ตกลงว่ากราบไม่ทันทั้งสองครั้ง มาเร็วไปเร็วจริง ๆ

บ้านเรามีหลวงปู่ชื่อ"ทับ" ที่มีชื่อเสียงมีอยู่หลายองค์ แต่ยืนยันว่า หลวงปู่ทับ วัดอนงคารามท่านเด็ดจริง ๆ ด่าโขมงโฉงเฉงเลย ไม่ใช่อะไรหรอก..ท่านอยู่ในลักษณะเป็นกันเอง เป็นผู้ใหญ่ใจดี ลักษณะอย่างนี้ ถ้ามาเป็นปู่ย่าตายายแบบนี้เราตื๊อไปเถอะ มีเท่าไรท่านให้หมดตัว ร้ายแต่ปากเท่านั้นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2011 เมื่อ 03:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว