กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 29-03-2010, 11:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default การฝึกทิพโสต

ถาม : การฝึกทิพจักขุญาณกับการฝึกทิพโสต ใช้วิธีเหมือนกันหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่เหมือนกัน วิธีฝึกทิพโสตนั้น ถึงเวลานั่งสมาธิจนใจสงบแล้ว ให้ตั้งใจกำหนดฟังสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบข้างของเรา เริ่มจากเสียงที่ดังที่สุดก่อน พอชัดเจนแล้ว ให้กำหนดรู้เสียงที่เบากว่านั้นให้ชัดเจนขึ้น..แล้วกำหนดรู้เสียงที่เบากว่านั้นอีกให้ชัดเจนขึ้น กำหนดรู้เสียงที่เบากว่าลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียงยุง เสียงแมลง ร้องดังเหมือนกับออกลำโพง

หลังจากนั้นก็ขยายวงสมาธิออกไป จากที่เอาเฉพาะในห้องของเรา ก็อาจจะเป็นทั้งบ้าน พอทั้งบ้านได้แล้วก็อาจจะเป็นในเขตบริเวณของบ้าน หลังจากนั้นก็ขยายออกไปข้างบ้าน ขยายออกไปทั้งซอย ค่อย ๆ ขยับไปตามความคล่องตัวที่เกิดขึ้น ต่อไปจะเอาแบบข้ามโลก ข้ามภพ ข้ามภูมิก็จะไปได้

ถาม : ไม่เกี่ยวกับการจับภาพพระ ?
ตอบ : จับภาพพระให้ใจนิ่งก่อน แล้วค่อยไปฝึกการฟัง ถ้าฝึกสำเร็จแล้วอาจจะรำคาญเสียงไปเลยก็ได้

ถาม : แล้วเป็นไปได้ไหมคะว่า วิธีฝึกระหว่างทิพจักขุญาณและทิพโสตจะต่างกัน แต่อารมณ์คล้ายกัน ?
ตอบ : ท้ายสุดจะไปลงตรงนั้น ลงที่เดียวกัน ถ้ามีพื้นฐานเดิมอยู่แล้ว ก็จะไปลงของเก่าเอง เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

ตอนนี้ส่งพระที่วัดไปเรียน ป.วภ.(ประกาศนียบัตรวิปัสสนาภาวนา) ก็คือ พระครูน้อยกับอาจารย์สมพงษ์ หลังจากที่ท่านนั่งกรรมฐานผ่านไปเดือนกว่า ๆ พออาตมาไปถึงที่นั่นก็ไปเลี้ยงพระ พระครูน้อยพอฉันเสร็จท่านก็มาชวนคุย "อาจารย์ครับ..ผมท่าจะบ้าแล้ว" ถามว่าทำไม ? "วันก่อนยุงกัดผม ผมก็เลยแกล้งตบ ยุงหล่นพลั่กลงไปกับพื้น มันบ่นว่าตีกูทำไมวะ ? ผมก็เลยบอกว่า ก็มึงกัดกูก่อนนี่หว่า..ยุงก็เลยตุปัดตุป่อง สะบัดก้นบินไปเลย"

ส่วนอาจารย์สมพงษ์อยู่เข้าอบรมกรรมฐานไปเดือนกว่า ๆ ก็คิดจะหนีกลับ พอคิดว่าจะหนีกลับ นกกางเขนที่บินผ่านมาร้องว่า "ขี้แพ้ ๆ ๆ" ท่านก็เลยต้องกัดฟันทนอยู่ต่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2014 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-03-2010, 11:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่นั่นช่วงตีสามครึ่งจะต้องเตรียมพร้อม เพราะว่าตีสี่เขาจะตีระฆังเพื่อเข้าสู่วงจรในการปฏิบัติ พระครูน้อยตื่นสายไปหน่อย เกือบจะตีสี่แล้ว แต่งตัวไม่ทัน รีบเข้าห้องน้ำ คว้าขันจะล้างหน้า นกที่ตื่นแล้วร้องว่า "สายแล้ว ๆ ๆ" พระครูน้อยบอกว่า "รอกูล้างหน้าก่อนสิวะ.."

วิสัยเดิมของท่านมีอยู่ คือความเป็น
นิรุกติปฏิสัมภิทา ถ้าจิตสงบได้ที่ จะสามารถฟังภาษาคน ภาษาสัตว์รู้เรื่อง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเอง แต่ถ้าหากคนที่ไม่มีพื้นฐานเก่าลักษณะอย่างนี้ ทำไปเป็นแสนชาติก็ยังไม่ได้เลย

ถาม : แล้วที่บอกว่า ปฏิบัติไปแล้วจะมีสัมผัสความเป็นทิพย์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หนูไม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างคนอื่นเขา นี่แสดงว่าไม่มีพื้นฐานเก่า ?
ตอบ : เราลองมานึกดูว่า แม้แต่ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าท่านก็ตั้งพระที่มีความสามารถต่างกัน ตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระที่อยู่กับพระพุทธเจ้าตอนนั้นเป็นพัน ๆ รูป ก็มีแค่พระอนุรุทธองค์เดียว ที่สามารถติดตามได้ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าดำรงจิตอยู่ในสภาวะไหน ก็แปลว่าไม่ใช่จะได้กันทุกคน

แม้กระทั่งพระโมคคัลลาน์เห็นกากเปรตและอหิเปรต ท่านก็ยิ้ม พระลักขณะถามว่า "ท่านยิ้มอะไรหรือ ?" พระโมคคัลลาน์ท่านก็บอกว่า "ให้ไปถามเราต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า"

เมื่อเข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่กราบไหว้ปฏิสันถารกันเรียบร้อยแล้ว พระลักขณะก็ถามว่า "ดูก่อน..โมคคัลลาน์ ที่ท่านกล่าวตอนอยู่ที่เขาคิชฌกูฏว่า ให้ถามต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า ว่าท่านยิ้มเพราะอะไร บัดนี้เราขอถามว่าท่านยิ้มเพราะอะไร ?" พระโมคคัลลาน์จึงได้กล่าวว่า "เพราะเห็นเปรตที่อยู่ในร่างของอีกา กับเปรตที่อยู่ในร่างของงูโดนไฟลุกท่วมอยู่"

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองว่า "ที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว เปรตทั้งสองนี้ แม้ในวันที่บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตถาคตก็เห็นแล้ว แต่ที่ไม่ได้กล่าวถึงเพราะไม่มีพยาน ในเมื่อโมคคัลลานะได้กล่าวถึงเป็นพยานได้ ตถาคตขอรับรองว่าสิ่งที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูก"

จะเห็นว่าไม่ใช่ทุกคนทั้งหมดจะเห็น แต่ว่าที่ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดก็คือความเป็นพระอริยเจ้า โดยเฉพาะความเป็นพระอรหันต์ ก็แปลว่าจบปริญญามาเหมือนกัน แต่คนนี้อาจจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คนนี้ได้เกียรตินิยมอันดับสอง คนนั้นไม่ได้อะไร แค่จบเฉย ๆ ส่วนคนนั้นอาจารย์ต้องถีบให้จบด้วย เราต้องเห็นว่า ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จงยินดีและพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แล้วจะมีความสุข


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2014 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว