#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดมหาธาตุ วรวิหาร ถนนดำเนินเกษม ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเป็นเจ้าภาพในการทอดผ้าป่าการศึกษาให้กับโรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลในวัด จะว่าไปแล้ว โรงเรียนการกุศลในวัด จัดอยู่ในหมวดโรงเรียนเอกชน ดังนั้น..เรื่องของงบประมาณต่าง ๆ ถ้าหากว่าไม่ใช่สำนักงานดูแลการศึกษาเอกชนแล้ว ก็แทบจะหางบประมาณช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นไม่ได้เลย
โรงเรียนนี้ตั้งมาเป็นเวลา ๙๑ ปีแล้ว ตัวอาคารต่าง ๆ ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยนั้น อยู่ในลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ จึงเริ่มผุจนหมดสภาพ พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นเพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอกมาด้วยกัน แล้วยังมาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์อีกด้วย ท่านปรารภให้กระผม/อาตมภาพช่วยเป็นเจ้าภาพจัดทอดผ้าป่า เพื่อบูรณะอาคารเรียนหลังเก่าให้ด้วย กระผม/อาตมภาพจึงดำเนินการให้ จนกระทั่งได้เงินมาในเบื้องต้น ๑,๓๗๕,๐๐๐ บาท โดยที่มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาร่วมกัน ทำให้การทอดผ้าป่าในวันนี้ ได้เงิน ๓,๒๑๐,๐๐๐ กว่าบาท ซึ่งเพียงพอต่อวัตถุประสงค์ในการทอดผ้าป่าครั้งนี้แล้ว กระผม/อาตมภาพกล่าวสัมโมทนียกถาในช่วงหลังจากถวายผ้าป่าแล้ว บอกกับทุกคนว่า ด้วยความที่ตนเองเป็นคนอยากเรียนหนังสือมาก แต่ว่าโยมแม่มีลูกถึง ๑๓ คน และมีนโยบายว่าลูกทุกคนต้องได้เรียนหนังสือ จึงทำให้ไม่สามารถที่จะเรียนได้มาก ส่วนใหญ่จบชั้นประถมปีที่ ๔ หรือว่าชั้นประถมปีที่ ๗ ในสมัยนั้น ก็ต้องออกจากการเรียนเพื่อให้น้อง ๆ ได้เรียนบ้าง ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ด้วยความที่เป็นคนเรียนเก่งและอยากจะเรียนมาก จึงต้องหาวิธีเรียนด้วยการไปสอบชิงทุนการศึกษา ซึ่งสมัยนั้น ในแต่ละปีมีให้อำเภอละ ๑ ทุนเท่านั้น จำนวนเงิน ๖๐๐ บาท ทำให้สามารถฝืนเรียนต่อมาได้อีก ๓ ปี จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ หรือว่า ม.ศ.๓ ในสมัยนั้น แล้วก็ไม่สามารถที่จะเรียนต่อได้ ด้วยความที่ว่าเป็นเด็กบ้านนอก "ไกลปืนเที่ยง" ข่าวคราวด้านการศึกษาต่าง ๆ ไปไม่ถึง จึงไม่ทราบว่าบางหน่วยงาน อย่างเช่นว่าทหารหรือว่าตำรวจ ถ้าเราสอบเข้าเรียนได้แล้ว จะได้รับทุนการศึกษาโดยอัตโนมัติ จึงทำให้ต้องว่างเว้นการเรียนไป จนกระทั่งออกมาทำงาน เมื่อผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วเข้ามาบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ก็เรียนแค่นักธรรมชั้นเอกเท่านั้น เพราะว่าตอนนั้นห่วงในเรื่องของการปฏิบัติธรรมมากกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2023 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
จนกระทั่งมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีหลักสูตรประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ สำหรับพระสังฆาธิการที่จบชั้น ม.ศ. ๓ หรือว่านักธรรมชั้นเอก หรือว่าเปรียญธรรม ๓ ประโยค สามารถใช้วุฒิเข้าศึกษา เพื่อรับวุฒิระดับประกาศนียบัตรที่เทียบเท่ากับชั้น ม.๖ ได้
กระผม/อาตมภาพตอนแรกก็เข้าเรียนตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง แต่เมื่อเรียนไปแล้ว ปรากฏว่าได้เกรด ๔ ทุกวิชา จึงโดนเพื่อนฝูงลากให้เรียนต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท จนกระทั่งจบปริญญาเอก จึงทำให้ความฝันในเรื่องการศึกษาของตนนั้น มาสำเร็จในช่วงปลายของชีวิตนี้เอง แต่ว่าตลอดระยะเวลาของการเป็นพระสังฆาธิการ คือตั้งแต่เป็นประธานสงฆ์ที่สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีในปี ๒๕๓๖ กระผม/อาตมภาพก็ได้มอบทุนการศึกษาทุกปี เพื่อให้โอกาสแก่เด็กที่อยากเรียน แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้เรียน แล้วก็ค่อย ๆ ขยายจำนวนออกมาเรื่อย ๆ โดยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะให้ทุนการศึกษาแก่โรงเรียนประถมและมัธยมทั้งอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งมีอยู่ ๓๔ โรงเรียน เพิ่งจะมาถึงปีนี้ที่สามารถทำตามความตั้งใจได้ ก็คือโรงเรียนชั้นประถมศึกษา จะให้ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท จำนวน ๒๐ ทุนต่อโรงเรียน โรงเรียนมัธยมศึกษา จะให้ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท จำนวน ๓๐ ทุนต่อโรงเรียน ยกเว้นอย่างเดียวคือโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาที่ดูแลมาตั้งแต่ต้น จะให้ทุนชั้นมัธยมศึกษาห้องเรียนละ ๑ ทุน รวมแล้วจำนวน ๒๔ ทุน และให้ทุนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพอีก ๑๖ ทุน รวมแล้วโรงเรียนทองผาภูมิวิทยารับไป ๔๐ ทุน ส่วนในเรื่องของทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษาหรือว่าปริญญาตรีนั้น กระผม/อาตมภาพจะให้เด็กสอบแข่งขันกัน โดยที่ให้ทุนการศึกษาสายวิทย์ ๑ ทุน สายศิลป์ ๑ ทุน ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาทต่อปี ถ้าหากว่าใครสอบเข้าเรียนปริญญาตรีได้ ตามทุนที่กระผม/อาตมภาพตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตร ๔ ปี ๕ ปี หรือว่า ๖ ปีก็ตาม กระผม/อาตมภาพจะให้ทุนทุกปี ๆ ละ ๓๐,๐๐๐ บาท จนกว่าจะจบการศึกษา ในด้านของพระภิกษุสามเณรนั้น กระผม/อาตมภาพส่งพระภิกษุสามเณรทั้งอำเภอทองผาภูมิ เข้าเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ โดยมอบทุนการศึกษาให้เดือนละ ๓,๐๐๐ บาทต่อรูป จนกว่าจะเรียนจบหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นประกาศนียบัตรหรือว่าปริญญาตรีก็ตาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2023 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ส่วนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกนั้น แม้ว่าจะเรียนอยู่ในวิทยาลัยสงฆ์อื่น ๆ กระผม/อาตมภาพก็ให้ทุนเช่นกัน โดยในระดับปริญญาโทจะให้ปีละ ๖๐,๐๐๐ บาท จนกว่าจะจบหลักสูตร ๒ ปี ระดับปริญญาเอก ปีละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท จนกว่าจะจบหลักสูตร ๓ ปี เป็นต้น ก็เรียกว่าด้วยความที่ตนเองเก็บกด อยากจะเรียน แต่ไม่มีทุนให้เรียน เมื่อมีโอกาสที่จะให้ทุนแก่ผู้อื่น จึงได้ให้กันอย่างเต็มที่..!
ดังนั้น..ปีนี้กระผม/อาตมภาพจึงใช้เงินในเรื่องของทุนการศึกษาอย่างเดียวหลายล้านบาท เพียงแต่ว่าช่วงวันนี้ ญาติโยมทั้งหลายที่เข้าไปจอง "เหรียญมหาลาภเงินล้าน" ได้ทัน ก็เท่ากับว่าท่านทั้งหลายเป็นเจ้าภาพทุนการศึกษาในวันวิสาขบูชา ๒๕๖๖ นี้ด้วย ในส่วนนี้กระผม/อาตมภาพไม่ได้มีความหนักใจเลย เพราะว่าถ้าต้องการใช้เงิน อย่างไรเสียเงินก็จะมา ดังที่ญาติโยมได้เห็นแล้วว่า กระผม/อาตมภาพให้ไอ้ตัวเล็กเปิดกระทู้ แค่ ๔๐ กว่านาที เหรียญมหาลาภเงินล้านจำนวน ๘,๐๐๐ เหรียญก็หมดเกลี้ยงแล้ว แปลว่า ๔๐ กว่านาที สามารถทำเงินสำหรับใช้จ่ายในเรื่องการศึกษาได้ถึง ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท..! ในส่วนนี้ถ้าหากว่าหักต้นทุนแล้ว ก็ยังมีกำไรอยู่เป็นครึ่ง จนกระทั่งหลายคนก็ยังถามว่า "เหรียญเงินชนวนแล้วทำไมถึงตั้งราคาไว้เพียงแค่นี้ ?" ก็ได้บอกไปว่า "ปีนี้เพียงพอต่อการให้ทุนการศึกษาแล้ว ถ้าหากว่าต้องการทุนการศึกษา เดี๋ยวปีหน้าเราค่อยมาออกวัตถุมงคลกันใหม่" ในเรื่องของการออกวัตถุมงคล กระผม/อาตมภาพก็ไม่กลัวด้วยว่าจะจำหน่ายไม่หมด เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอะไรก็ตามที่พระท่านสั่ง ทุกอย่างจะต้องจำหน่ายหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ แต่ถ้าอะไรที่ทำขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะญาติโยมอาสาทำ หรือว่ากระผม/อาตมภาพบังอาจไปทำก็ตาม มักจะเหลือจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ทั้ง ๆ ที่เวลาเสก พระท่านก็มาสงเคราะห์ให้เช่นเดียวกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-05-2023 เมื่อ 15:20 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ในเรื่องของปัจจัยไทยธรรมต่าง ๆ นั้น กระผม/อาตมภาพต้องการใช้งานเท่าไรก็มีเท่านั้น เพราะมั่นใจในเรื่องของพระคาถาเงินล้านว่าตนเอง "ทำขึ้น" มาหลายสิบปีแล้ว ก็คือทำได้ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง แล้วตอนนี้ก็ออกจากวัดมาแล้ว ๓๐ ปี ในส่วนนี้ไม่ได้ทิ้งเลยแม้แต่วันเดียว โดยเฉพาะช่วงนี้ภาวนาพระคาภาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ เป็นประจำ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปหลงเชื่อหากมีใครแนะนำว่า "ภาวนาไปแล้วเสียเวลาเปล่า ไม่ใช่เรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนให้ทำ..!"
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ บุคคลที่กล่าวนั้นต้องบอกว่าเป็นผู้ "สิ้นคิด" ไม่ได้รู้เลยว่าพระคาถานี้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรับมาจากพระพุทธเจ้า วิธีการต่าง ๆ ก็อยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนมา ดังนั้น..เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่บุคคลซึ่งไม่เข้าใจ หรือว่าอยู่ "นอกสาย" ก็ปล่อยให้ท่าน "งมโข่ง" กันต่อไป ส่วนใครที่ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ในสาย มีความเชื่อมั่น ภาวนาแล้ววางกำลังใจได้ถูกต้อง ก็จะเกิดผลและเป็นไปได้อย่างที่กระผม/อาตมภาพได้ทำมา ส่วนท่านทั้งหลายที่ยังทำไม่ถึง ทำไม่ถูก ก็พยายามปรับให้ถึง ให้ถูก ตามที่กระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวไปแล้ว แล้วพยายามทำให้สม่ำเสมอ ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านก็สามารถที่จะทำพระคาถาเงินล้านนี้ขึ้น และได้ผลเช่นเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพทำมา สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2023 เมื่อ 03:03 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|