กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-11-2020, 10:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๓

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ระยะนี้อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือนหน้ามีเหตุการณ์สำคัญ คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บวกกับเดือนนี้ที่บ้านเรามีการนัดหมายชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาลประชาธิปไตย ก็เป็นเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในโลก

เพียงแต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายรู้จักสังเกต ก็จะเห็นความไม่ปกติหลายประการ ที่เราไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปข้องเกี่ยวด้วย โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ในปัจจุบัน หรือว่าโจเซฟ ไบเดน เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งก็ตาม สงครามระหว่างอเมริกากับจีนก็จะต้องมีขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว

ถ้าหากว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ สงครามก็เกิดขึ้นเร็ว ถ้าหากว่าโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ สงครามก็เกิดขึ้นช้าหน่อย เนื่องเพราะว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการที่จะให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม ก็ไม่มีอะไรดีกว่าการปลุกเร้าความเกลียดชังที่มีต่อประเทศจีนให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะใช้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เป็นตัวปลุกระดมเพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำสงคราม ซึ่งส่วนนี้เขาจะมีวิธีการอย่างไร ท่านทั้งหลายก็จะได้เห็นเอง

แต่ส่วนที่อยากจะตักเตือนท่านทั้งหลายก็คือว่า ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน อยู่นอกบ้าน หรือว่าไปไหนก็ตาม อย่าลืมพกวัตถุมงคลติดตัว โดยเฉพาะที่พระท่านบอกกล่าวเอาไว้เป็นปีมาแล้ว ก็คือสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน อธิษฐานขอบารมีพระให้ท่านช่วยสงเคราะห์ ขอให้ตัวเราและครอบครัวของเราอยู่รอดปลอดภัย โดยเฉพาะถ้ามีการใช้นิวเคลียร์ ซึ่งถ้าหากว่านิวเคลียร์ตกที่ประเทศจีน อย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็ว กัมมันตภาพรังสีก็ต้องมาถึงบ้านเรา

ซึ่งในส่วนนี้นั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสร้างกำลังใจไว้ล่วงหน้า ด้วยการกำหนดภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมที่เราพกพาติดตัวอยู่ พร้อมกับภาวนาจนกระทั่งภาพของพระองค์ท่านปรากฏชัดเจนแจ่มใส แล้วก็น้อมลงมาครอบคลุมตัวเรา หรือว่าครอบที่อยู่ของเราเอาไว้ อย่างน้อยบารมีพระก็จะสงเคราะห์ ให้เรามีความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง แล้วแต่ความศรัทธามากน้อยของเราเอง แต่ถ้าหากว่าถึงเวลาภาวะสงครามเกิดขึ้นจริง ๆ ท่านทั้งหลายเมื่อไม่มีที่พึ่ง ก็ต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจอยู่กับคุณพระรัตนตรัยอยู่แล้ว ด้วยความกลัวตายที่เป็นปกติของมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-11-2020 เมื่อ 15:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-11-2020, 10:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายมีเวลาไม่มาก ถ้านับตามเวลาข้างบน เนื่องจากว่าเวลาข้างบนแม้เพียงเล็กน้อย ข้างล่างก็ผ่านไปเป็นเดือนเป็นปี เวลาของท่านทั้งหลายจึงมีน้อยในการที่จะจับภาพพระให้ชัดเจนแจ่มใส ยิ่งถ้าสามารถทรงเป็นกสิณเต็มระดับ คือภาพพระนั้นสว่างเจิดจ้า เหมือนอย่างกับมองแสงตะวันยามเที่ยง สามารถขยายให้ใหญ่ได้ ให้เล็กได้ แล้วอธิษฐานภาพพระนั้นครอบตัวเราหรือคนที่เรารักเอาไว้

หรือถ้าใครมีกำลังใจที่จะทำต่อ ก็เพิกภาพพระนั้นเสีย พิจารณาความว่างของอากาศแทน จนอารมณ์ใจมั่นคงเสมอกับตอนที่จับภาพพระอยู่ ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๕ คือ อากาสานัญจายตนฌาน

ถ้าหากว่ายังรู้สึกว่ายังไม่พอ ไม่เต็มกับกำลังใจของเรา ก็กำหนดภาพพระให้ชัดเจนแจ่มใสใหม่ แล้วเพิกภาพพระนั้นเสีย กำหนดพินิจพิจารณาว่า แม้ว่าอากาศนี้จะกว้างขวางไร้ขอบเขต แต่ก็ยังกำหนดได้ด้วยความรู้สึกของเรา ดังนั้น...ก็ให้กำหนดความกว้างขวางยิ่งกว่าอากาศในความรู้สึกของเราก็คือวิญญาณ จนกระทั่งอารมณ์เสมอกับตอนที่เราจับภาพพระ ก็จะกลายเป็นสมาบัติที่ ๖ ที่เรียกว่า วิญญาณัญจายตนฌาน

ถ้ายังรู้สึกว่าอยากไปต่ออีก ก็กำหนดภาพพระขึ้นมาให้ชัดเจนแจ่มใส สว่างไสวเต็มที่ แล้วเพิกภาพพระนั้นเสีย กำหนดเอาความไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยหนึ่ง ก็คือไม่ยึดไม่เกาะอะไรเลยเป็นประมาณ จนกระทั่งอารมณ์ใจเสมอกับตอนที่เรากำหนดภาพพระอย่างเต็มที่นั้นแล้ว ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๗ ที่เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2020 เมื่อ 10:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-11-2020, 10:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้ายังคิดว่าจะไปต่ออีก เราก็กำหนดภาพพระขึ้นมาใหม่ เมื่อชัดเจนแจ่มใสเต็มที่แล้ว ก็เพิกภาพพระนั้นเสีย คราวนี้ก็กำหนดเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราและรอบข้าง ไม่ว่าจะร้อน จะหนาว จะหิว จะกระหาย กระทบกระทั่งกับอารมณ์ใด ๆ รู้สึกก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้สึก มีก็ทำเป็นเหมือนไม่มี ไม่เอาอะไรทั้งสิ้น ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๘ ที่เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน

ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ กำลังของท่านก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น สามารถที่จะอธิษฐานบารมีพระ ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ตัวเราและคนที่เรารักได้มากยิ่งขึ้น เพราะว่ากำลังของสมาธิสมาบัติทรงตัวมากกว่าปกติที่เคยทำได้

แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมกำหนดตอนท้ายว่า เราจะต้องตายแน่นอน ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียว แล้วก็กำหนดใจแน่วนิ่งอยู่กับอารมณ์พระนิพพาน หรืออยู่กับภาพพระในช่วงท้าย ตั้งใจว่าถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ โดยเฉพาะภาวะสงครามที่เกิดขึ้นจนถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียว

พยายามประคับประคอง ซักซ้อม รักษาอารมณ์ใจลักษณะนี้เอาไว้ทุกวัน ๆ ท่านทั้งหลายก็จะได้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีความปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2020 เมื่อ 10:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว