กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #721  
เก่า 20-07-2024, 00:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คนไข้กับหมอ ดั่ง "พ่อแม่ลูก"

โรงพยาบาลที่ท่านเมตตานำพวกอาหารไปสงเคราะห์ในแต่ละวัน ๆ นั้น โดยมากแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในที่นั้น ๆ จะเคารพท่าน ถือองค์ท่านเป็นเสมือนพ่อแม่ เวลานำข้าวของไปแจกแต่ละครั้ง ๆ หลังจากที่ได้ซักถามว่ามีสิ่งใดขาดหรือไม่แล้ว ในระยะหลังหลายครั้ง องค์ท่านจะถือโอกาสสอนเตือนแก่แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ เนื่องจากองค์ท่านก็ถือเป็นเหมือนลูกเหมือนหลานขององค์ท่านเองเช่นกัน ดังตัวอย่างในคราวหนึ่งที่องค์ท่านนำมาเล่าแบบขำขันให้ฟัง ดังนี้

"คนไข้เข้ามา เขาฝากเป็นฝากตาย ฝากทุกสิ่งทุกอย่าง ครอบครัวเหย้าเรือนเขาฝากมา หาหมอ หายา หาพยาบาลหมด..จะว่าไง ? เขามาหาแล้วหน้าบึ้งใส่เขา..มีอย่างหรือ ? แบบนี้ก็มีแต่แบบหน้าหมาไม่ใช่หน้าคน..! เราว่างั้น..ก็บอกชัด ๆ อย่างนี้แล้ว เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาหัวเราะ อย่าเห็นว่าเราเป็นถึงหมอ คนไข้เป็นทุคตะเข็ญใจ หรือเป็นหมาตัวหนึ่งเข้ามานี้ ต้อม ๆ เข้ามาในโรงพยาบาล ไม่เป็นเช่นนั้นนะ

คนไข้มาแต่ละคน ๆ พระเจ้าแผ่นดินแห่มานะ พระเจ้าแผ่นดินไม่แห่มายังไง ? ก็เงินเต็มกระเป๋า ตราพระเจ้าแผ่นดินตีตรามา..เห็นไหมล่ะ ? คนไข้เขามีคุณค่าต่อหมอขนาดไหน..เราต้องคิดบ้างซิ..คนไข้คนหนึ่งกับหมอเป็น "อัญญมัญญัง" อาศัยซึ่งกันและกัน ถ้าไม่มีคนไข้..หมอก็หมดความหมาย โรงพยาบาลก็ล้มหมด ที่ตั้งกันอยู่ อาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ พอเป็นไปได้ทั้งฝ่ายหมอและฝ่ายคนไข้

ก็เพราะต่างคนต่าง "อัญญมัญญัง" ซึ่งกันและกัน อย่าเห็นว่าทางไหนสูงกว่ากัน ถ้า "อัญญมัญญัง" แล้ว อยู่ด้วยกันได้ เพราะเรื่องคนไข้กับหมอแยกกันไม่ออก เหมือนพ่อแม่กับลูก เราจะว่าเป็นเทวดากับหมาได้ยังไง ? เราก็บอกถึงว่า..เงินในกระเป๋าเขามาแต่ละคน พระเจ้าแผ่นดินแห่มานะ..ว่างั้น คนหนึ่งกระเป๋าเป้ง ๆ มา เขาให้ด้วยน้ำใจ..มีเยอะนะ เขาให้ค่าหยูกค่ายาเป็นธรรมดา เขาให้ด้วยน้ำใจของหมอ น้ำใจของพยาบาล ที่มีคุณแก่คนไข้ของเขา แล้วเขาก็ตั้งใจให้ด้วยน้ำใจ..มากกว่านั้นอีกนะ มีเยอะนะ.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2024 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #722  
เก่า 28-07-2024, 06:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จิตแพทย์หมดทางเยียวยา

"ความอยากนั่นละ อยากนั้นอยากนี้ อยากคิด อยากปรุง อยากแต่ง อยากรู้ อยากเห็น อยากได้นั้นได้นี้ อยาก ๆ ๆ ตลอด นี่ตัวมันกวนใจ ภาวนาสติจับปุ๊บเข้าไปตรงนั้น มันจะกวนไปไหน จะสงบลง ๆ สติเข้าตรงไหนสงบตรงนั้น ไม่มีสติแล้วก็เลยเถิดเตลิดเปิดเปิง..เป็นบ้าได้เลย..!

อย่างที่เราเห็นคนบ้าอยู่ตามสี่แยกไฟเขียวไฟแดง เราไปเห็นด้วยตาเนื้อของเรา รถจะชนกันเพราะหลีกคนบ้าอยู่ในสี่แยกไฟแดง มันทำเฉยนะ หยิบนั้นหยิบนี้ใส่นั้น หยิบอันนี้ออก หยิบอันนั้นเข้า เฉยไม่สนใจกับใคร ก็เราเห็นเองนี่ รถที่หลีกคนนี้หลีกกันไปหลีกกันมาก็จะชนกันซิ..! รถเลยจะเป็นจะตายกับคน พอดีเราก็ไปเจอนั้นด้วย เราก็ได้ดู อ๋อ..นี่ไม่สนใจกับใครเลยนะ รถที่วิ่งขวักไขว่หลีกกันหลบกัน ทั้งจะชนคน ทั้งจะชนกันไม่ได้เรื่องอะไร ยุ่งเราก็ดู โอ้..เป็นอย่างนี้

ทีนี้ก็เอามาพิจารณา นี่ละคือความเคลื่อนไหวไปมา นี้คือคนเป็นมีชิวิตอยู่ ความรู้มีอยู่กับใจ แต่ไม่มีสติเครื่องรับผิดชอบในตัวเอง มันอยากทำอะไรก็ทำ นี่ละ..มีแต่จิตล้วน ๆ อยากทำอะไรก็ทำ เหมือนไส้เดือนบุ้งกือ มันคืบคลานของมันไป ไม่ใช่ไม่มีความรู้ มันมีความรู้แต่ไม่มีสติ ไม่มีปัญญาเครื่องรักษาตัว มันก็เป็นไปแบบนั้น

คนเราเมื่อไม่มีสติเครื่องควบคุมตัวเองรับผิดชอบตัวเองแล้ว ก็เหมือนคนบ้าที่อยู่ในสี่แยกไฟเขียวไฟแดง อยากทำอะไรก็ทำ..เฉย คนอื่นจะเป็นจะตาย..รถมา ตอนนั้นตำรวจไม่มี

นี่ละเรื่องมีแต่ความรู้อย่างเดียว ไม่มีสติรับผิดชอบเป็นได้อย่างนั้น นั่นละมีแต่ความรู้เป็นอย่างนั้น คือความรู้อันนี้มันมีกิเลสตัวสำคัญที่เรียกว่าอวิชชาครอบอยู่นั้น สติปัญญาที่จะควบคุม คอยรับผิดชอบแก้ไขกันไม่มี มันก็ปล่อยตามเรื่อง ไปไหนก็ไป มีตีความรู้ไม่ทราบว่าผิดไม่ทราบว่าถูก ไม่ทราบว่าควรไม่ควร

สิ่งที่จะให้ทราบเหล่านี้คือสติคือปัญญารับผิดชอบในตัวเอง แล้วก็รู้เรื่องคนอื่นคนใดได้เหมือนเรารู้เรื่องของเรา ถ้าไม่มีสติหรือปัญญาเสียอย่างเดียว ตัวเองก็ไม่รู้เรื่องของตัวเอง คนอื่นก็ไม่รู้เรื่องของเขา อยากจะทำอะไรก็ทำไปตามความรู้สึก โดยมีอันหนึ่งดันให้อยากทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีความรับผิดชอบคือสติ

นักภาวนาพิจารณานะ นี่เราพูดเรื่องสติทั่ว ๆ ไป จิตทั่ว ๆ ไป ถ้าเป็นจิตของนักภาวนาต้องแหลมคมตลอด แย็บ ๆ รู้ ๆ แล้วปัญญาสอดแทรก มองพั้บรู้พั้บ ทะลุปิ๊ง ๆ นั่นละสติปัญญาที่เข้าเป็นธรรมแท่งเดียวกับใจด้วยแล้วเป็นอย่างนั้น ที่มาร
จะพูด อย่างโลกนี้พูดไม่ได้นะ มันไม่เหมือนโลก โลกมันเป็นโลกสมมุติ อันนั้นแม้แต่อยู่ในขันธ์ธรรมชาตินั้นเป็นวิมุติแล้ว แสดงลวดลายของวิมุติอยู่ตลอดเวลาในธรรมชาติของตนเองที่บริสุทธิ์นั้น นี้ขันธ์ก็เป็นของขันธ์ ต่างกันนะ.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2024 เมื่อ 13:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (28-07-2024), ชุณหพงศ์ (29-07-2024), ต้นบุญ (31-07-2024), นายสำเร็จ (29-07-2024), ปราโมทย์ (28-07-2024), พี่เสือ (28-07-2024), พุทธภูมิ (28-07-2024), มารวย๙ (28-07-2024), สุธรรม (28-07-2024)
  #723  
เก่า 29-07-2024, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จิตวิญญาณในโรงพยาบาล

"โรงพยาบาลจึงเป็นได้ทั้งสองประเภท ป่าช้าคน โรงพยาบาลรักษาคน มีสองประเภท เตียงนั้นคนไข้คนหาย เตียงนี้คนไข้ตาย อยู่ในนั้นเยอะ

เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยนอนโรงพยาบาลดูซิ มาจับแข้งจับขาดึง สัมภเวสีเสาะแสวงหาที่เกิด คือถ้ากรรมหนักจริง ๆ กรรมชั่วหนักจริง ๆ ลงปึ๋งเลย รุนแรง ขาดสะบั้นไปเลย ถ้าเป็นทางความดีนี้ก็ผึงดีดขึ้นเลย ถ้าเป็นสัมภเวสีเสาะแสวงหาที่เกิด ไม่หนักถึงขนาดนั้นทั้งชั่วทั้งดี เขาเรียกสัมภเวสีแสวงหาที่เกิดเร่ ๆ ร่อน ๆ อยู่ตามโรงพยาบาล เวลาคนไข้ไปนอนที่โรงพยาบาลมันมาทำแบบนั่นแหละ บางทีมาจับขากระตุกเอาบ้าง

เวลาคนตายกรรมไม่หนักมากนัก สัมภเวสีเร่ร่อนอยู่ตามนั้น ใครไปก็มาขอความช่วยเหลือ แต่คนว่าผีหลอก มันไม่ได้หลอก คือมาขอความช่วยเหลือ มาทำแบบไหนที่จะให้เจ้าของตื่นรู้สึกตัวหรืออะไรขึ้นมา พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็ว่าผีกวนผีหลอกอะไร เขามาขอความช่วยเหลือต่างหากนะ อย่างนั้นละ..เป็นก็อาศัยกัน ตายแล้วก็ต้องมาอาศัยกันอยู่อย่างนั้น

ถ้าผู้ที่มีบาปหนัก ๆ ก็จมไปเลย ไม่มีโอกาสที่จะได้มาเกาะมายึดติดนั้นติดนี้ ถ้าผู้มีบุญมากดีดขึ้นเลย ผู้ที่สัมภเวสีจะหนักหรือเบาอะไรมันก็พอคาราคาซัง นี่ละ..มันวกเวียนไปเป็นเปรตเฝ้าโรงพยาบาล

เตียงหนึ่ง ๆ ทั้งคนไข้หายไป ทั้งคนไข้ตายไป มีเยอะ แล้วดวงวิญญาณมาเกาะมายึดอยู่ตามนั้นละ โรงพยาบาลเป็นสถานที่ประชุมหรือชุมนุมของดวงวิญญาณที่ตายไปแล้ว อยู่ที่โรงพยาบาลแต่ละแห่ง ๆ พอตายแล้วคิดห่วงนั้นห่วงนี้ จิตวิญญาณเกาะอยู่นั้น

โรงพยาบาลจึงเป็นทั้งป่าช้า เป็นทั้งโรงพยาบาลรักษาคนไข้ รักษาไม่หายก็ตาย เตียงในนั้นทั้งเตียงคนไข้ทั้งเตียงคนตายอยู่ในนั้นละ สลับซับซ้อนเต็มไปหมด

เมื่อจิตมีความรู้สึกกับสิ่งเหล่านี้ จิตวิญญาณอะไรจะมากยิ่งกว่าจิตวิญญาณของสัตว์เกิดตาย ที่ลงอยู่ในนรกก็เยอะ เป็นชั้น ๆ ขึ้นมา ไปสวรรค์ พรหมโลก ก็เยอะเหมือนกัน ที่สัมภเวสีเป็นเปรตเป็นผีนี้ก็ยิ่งมาก เวลาทำบุญให้ทานนี้เขาอุทิศส่วนกุศล พวกนี้ไม่มีญาติมาขอทานกินเยอะนะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2024 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #724  
เก่า 29-07-2024, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ไปตามโรงพยาบาลดูแล้วสลดสังเวชนะ คนไข้เกลื่อนโรงพยาบาล ในโรงพยาบาลมันป่าช้าคนเป็นคนตาย อยู่นั้นหมดเลยละ ที่หายก็ออกมา ที่ไม่หายก็ตายเป็นป่าช้าอยู่นั้นละ ตายแล้ววกเวียนก็มี ไปนรกก็มี ไปสวรรค์ก็มี ที่วกเวียนสัมภเวสีหาที่เกิดที่อะไรก็มีอยู่ในโรงพยาบาล จิตวิญญาณเป็นสัมภเวสี

ถ้าหากว่ากรรมหนัก กรรมดีก็ขึ้นเลย..ดีดเลย ถ้ากรรมชั่วก็ไม่มาก กรรมดีก็ไม่มากเป็นสัมภเวสีหาที่เกิด ในโรงพยาบาลนี่ละ โรงพยาบาลเรียกว่าป่าช้า ป่าช้าผีเป็นผีตาย..อยู่นั้นหมดเลยละ ตายแล้ววกเวียน ไปที่ไหนไม่ไปนะ อยู่ตามนั้นก็มี ถ้าผู้มีกรรมชั่วมากก็ลงนรก ผู้มีกรรมดีมากก็ไปสวรรค์

ในติโรกุฑกัณฑสูตร พระพุทธเจ้าแสดงไว้แล้ว น่าสงสารมาก คือมาอาศัยอยู่ตามข้างฝา ข้างบ้านของเจ้าของ ติโรกุฑกัณฑสูตรแสดงถึงเรื่องความเสาะแสวงหา ความดิ้นรนของเปรตของผี มาในบ้านในเรือน ไปโรงพยาบาล ไปหมด หาที่พึ่งหาที่อาศัย ตายแล้วไม่มีที่พึ่ง คือ เวลามีชีวิตอยู่นี้หาแต่ความชั่วใส่ตัวเอง เวลาตายลงไปแล้วไปเป็นสัมภเวสี เสาะแสวงหาที่เกิดที่อยู่ ทั้งความทุกข์ร้อนทุกอย่างเต็มตัวนี่ละ

จิตวิญญาณไม่เคยมีคำว่าตาย คำว่าสูญ คือในจิตแต่ละดวง ๆ เป็นจิตที่ไม่เคยตาย สัมภเวสีขึ้นลง ๆ สัมภเวสีอย่างนี้ตลอด

น่าสังเวชนะ..ความเกิดความตายของสัตว์ น่าสลดสังเวชมากทีเดียว ไม่ใช่ธรรมดา ตายแล้วมันไม่แล้วซี จิตสัมภเวสีหาที่เกิดเพราะทุนรอนไม่มี ถ้ามีทุนมีรอนมีบุญมีกุศลตายแล้วก็ดีดผึง ผู้ที่กรรมหนัก ๆ ก็ลงผึงเหมือนกัน ลงแรงขึ้นแรง ถ้าผู้ที่ไม่ถึงขนาดนั้นซิ พวกกวนบ้านกวนเมืองอยู่ตามโรงพยาบาล เต็มไปหมดนั่นละ แต่เขาไม่ได้ว่านะ คือเขาไม่รู้ เขาก็ว่าแต่ผีมาหลอกบ้างอะไรบ้าง มาขอความช่วยเหลือ ไม่ได้มาหลอกมาหลอนอะไร มาขอความช่วยเหลือ

เพราะฉะนั้น..ใครจึงอย่าประมาท จิตดวงนี้ไม่มีคำว่าตายคำว่าสูญ มีแต่เกิดกับตายและสัมภเวสี หาที่เกิดให้เหมาะสมกับกรรมของตน เพราะทุกคนมีกรรมทุกคน แล้วเกิดในที่ต่าง ๆ กัน น่าสลดสังเวชการเกิดการตายของสัตว์โลก เป็นทุกแบบทุกฉบับ ป่วยหนักไม่หายก็ไปเท่านั้นละ เรื่องตายเป็นอย่างนั้น.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2024 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #725  
เก่า 31-07-2024, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สงเคราะห์ประชาชน ผู้ด้อยโอกาสและสถานสงเคราะห์

ความเมตตาสงเคราะห์โลกขององค์หลวงตาที่มีมาโดยตลอด ก่อนการช่วยเหลือสงเคราะห์โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ สถานสงเคราะห์ ก็คือ การสงเคราะห์คนทุกข์ คนจน คนเจ็บคนป่วย ผู้ด้อยโอกาสรายย่อยในที่ต่าง ๆ ที่ท่านได้ประสบพบเห็นหรือรับทราบ และช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเมื่อตั้งวัดป่าบ้านตาด

ต่อ ๆ มาท่านก็ให้การส่งเคราะห์อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้นอีก ทั้งรายย่อยช่วยทุกภาคทั่วประเทศ ทั้งแบบองค์กร ก็ช่วยเหลือมากขึ้น ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา ปากเกร็ด สถานสงเคราะห์บุคคลปัญญาอ่อนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานสงเคราะห์เด็กหญิงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอด มูลนิธิธรรมมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย จ.ลำปาง ศูนย์บำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กและเยาวชน มูลนิธิช่วยเหลือคนทุกข์ยากในประเทศลาว เป็นต้น

กระทั่งผู้ประสบภัยธรรมชาติร้ายแรงตามภูมิภาคต่าง ๆ ท่านก็ให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นและเหตุผล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้วยอุปโภคบริโภค ตลอดจนเป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นอัคคีภัย อุทกภัย ในภาคต่าง ๆ ภัยจากสึนามิในภาคใต้ ไม่เว้นแม้แต่บุคคลไร้ญาติที่เสียชีวิตลง (ศพไร้ญาติ)

ประเภทของการสงเคราะห์มีหลายแบบแตกต่างกันไป ด้านสถานสงเคราะห์ เช่น เครื่องอุปโภคบริโภค ห้องสมุดและอุปกรณ์ภายใน เครื่องคอมพิวเตอร์ รถตู้ รับผิดชอบค่าจ้างพี่เลี้ยงผู้อภิบาลเด็กพิการทางสมองและปัญญา ซื้อรถให้ รับผิดชอบค่าก่อสร้างอาคารสถานที่ เป็นต้น

จำนวนค่าใช้จ่าย แต่ละประเภท ก็มีตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักหลายล้าน บางครั้งก็ช่วยเหลือเฉพาะส่วนที่ขาด ซึ่งก็จำนวนเงินไม่น้อย อย่างเช่น การอนุเคราะห์เงินบางส่วนที่ยังขาด ซื้อรถให้กับมูลนิธิธรรมมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย จังหวัดลำปาง ประมาณ ๑๗๐,๐๐๐ บาทเศษ เป็นต้น ในด้านสาธารณประโยชน์ก็เช่น สร้างและขยายถนน สร้างสะพาน ขุดสระน้ำให้ชาวบ้าน ขุดสระน้ำให้สัตว์ได้ใช้กิน ฯลฯ

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2024 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #726  
เก่า 31-07-2024, 22:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วยเงียบ อยู่ใต้ดิน

ความเมตตาอย่าหาประมาณมิได้ในส่วนนี้ขององค์หลวงตาต่อผู้ประสบทุกภัยต่าง ๆ ยังมีอีกหลายประการแจงไม่หมดสิ้น และยังแผ่ครอบคลุมกว้างขวางทั่วประเทศ ถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ขอยกคำกล่าวของท่านมาแสดงเพียงเล็กน้อย เพื่อบอกถึงที่มาและเหตุผลของการช่วยเหลือบ้าง ดังนี้

"สงเคราะห์สงหาไปเฉพาะ ๆ นี้ทั่วไปหมด ไม่ว่าคนทุกข์คนจน จังหวัดไหนเราไม่ว่านะ มีความจำเป็นอยู่ตรงไหน บางทีเจ้าของไปไม่ถึง ถามเหตุถามผลไป บางทีก็โทรศัพท์ถึงกัน คุยกันเลย โน่น..ภาคใต้ก็มี โทรศัพท์คุยกันเลย ได้เหตุได้ผลเรียบร้อยแล้วส่งเงินไปให้เลย นั่น..อย่างนั้นนะ มันทุกภาคเราช่วยไป

ไม่ว่าแต่โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ต่าง ๆ เราก็ให้ เช่น อย่างสถานสงเคราะห์บ้านข้าวสารนี่เราก็ช่วย ที่อื่นเราก็ช่วย ไม่ช่วยแต่ที่แห่งเดียว แล้วคนทุกข์คนจนมีความจำเป็นยังไงบ้างที่ควรจะช่วยเป็นรายบุคคล ๆ นั้นเราช่วยมาตลอด อันนี้กว้างขวางมาก ไปหลายจังหวัด ภาคไหนก็ไปหมด

บางทีส่งแต่เงินไปให้ก็มี บางทีเจ้าของไปดูเอง ปลูกบ้านให้ก็มี ซื้อที่ให้ก็มี ทั้งซื้อที่ทั้งปลูกบ้านให้ก็มี นี่เรียกว่าช่วยรายบุคคลที่จำเป็น ช่วยทั่วไป แต่นี้เราไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยประกาศระบุชื่ออะไรแหละ ให้แล้วเงียบไปเลย เพื่อรักษาเกียรติเขา

สิ่งที่ควรจะพูดเราก็พูดได้ เช่นรายชื่อออกทางหนังสือพิมพ์แล้วเป็นการเปิดเผยแล้ว เวลาเราช่วยเราก็พูดบ้าง ถ้าเป็นเรื่องไม่มีหนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องมาพูดขอความช่วยเหลือกันโดยเฉพาะ ๆ นี้ เราก็ให้เป็นเรื่องเฉพาะ ๆ ไปเลย แล้วเหมือนไม่ให้ ให้แล้วผ่านไป ๆ เรื่อย ๆ อันนี้ช่วยตลอด

นี่หมายถึงเราช่วยคนทุกข์คนจนอย่างนี้ เราจะระบุชื่อไม่ได้นะ เรารักษาศักดิ์ศรีกัน..เข้าใจไหม ถ้าหนังสือพิมพ์เขาออกประกาศบ้างแล้วนั้น เราจะบอกก็ได้ ไม่บอกก็ได้ ส่วนที่เป็นเรื่องโดยเฉพาะอย่างที่ว่านี้ ความจำเป็นอย่างนี้ทั่วประเทศนะ ไม่ใช่เล็กน้อย เป็นล้าน ๆ ก็มีนะ..ที่ช่วยอย่างนี้ ช่วยด้วยความจำเป็น

ใครเมื่อจำเป็นไม่อาศัยคนอื่นจะอาศัยใคร คิดดูซิ ในครัวเรือนเรายังอาศัยกันทั้งครอบครัว ใครอยู่เป็นเอกเทศได้เมื่อไร ตั้งแต่พ่อแต่แม่ลงมา อาศัยกันโดยลำดับ ลูกเต้าหลานเหลน แม้หมู หมา เป็ด ไก่ ก็อาศัยเจ้าของ..เข้าใจไหม ทำไมคนทั้งประเทศไม่อาศัยกันหรือ ? เวลาจนตรอกอย่างนี้ จิตมันต้องวิ่งหาที่พึ่งอาศัยละซิ นี่ละ..ให้คิดอย่างนี้ละพี่น้องทั้งหลาย

อย่างคนทุกข์คนจนนี้ หมายถึงพวกที่เจ็บไข้ได้ป่วย เรียกว่าไม่มีทางอาศัยได้เลย เป็นอนาถ เจ้าของก็จะตาย นี่เรารับ ๆ ๆ ให้เป็นคนไข้ของเรา ที่ไหนใกล้ไกลเขาส่งมาถึงเรา เราก็รับปุ๊บ ๆ อย่างนั้นมาก นี่เรียกว่าคนจนประการหนึ่ง ประการย่อย ๆ ออกไปอีกนั่นก็คือว่า เป็นคนจนจริง ๆ แต่เป็นคนดี ถูกพวกคดโกงพวกปลิ้นปล้อนหลอกลวง ต้มเอาเสียแหลก กว่ามารู้สึกตัวหมดตัวแล้ว..อย่างนี้ก็มี ถ้าอย่างนี้เราช่วย

ให้สืบหาเหตุหาผลชัดเจน เราไม่ใช่ช่วยง่าย ๆ นะ เข้าถึงตัวเลย เป็นยังไง ๆ พอได้ความมาแล้วเรารับปุ๊บเลย มันจะจมจริง ๆ ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นคนดี ถูกพวกเปรตพวกผี มันคดโกงเอาละซิ

โอ๋..อย่างนี้ก็หลายรายเหมือนกัน แต่อย่างนี้เราจะไม่พูดตามที่เราเคยประกาศแล้ว ช่วยคนทุกข์คนจนนี้ทั่วประเทศไทย ของเล่นเมื่อไร แต่อันใดที่เป็นเรื่องเฉพาะเราจะไม่พูด ระบุชื่อคนนั้นคนนี้ไม่มี ช่วยเงียบ ๆ เงียบไปเลยนะเรา อันใดที่ควรจะเปิดก็เปิดออกมา เช่น เขาออกทางหนังสือพิมพ์แล้วติดตามไปดูทางหนังสือพิมพ์ เพราะเขาบอกบ้านเลขที่ นี่ก็โทรไปถาม

บางทีเราเดินทางไปดูเองก็มี ไปเงียบ ๆ อย่างนี้ที่เราปฏิบัติโลก ไปดูถนัดชัดเจนเรียบร้อยแล้ว เป็นที่เข้าใจแล้วทีนี้ตกลงกันเลย อย่างนี้มีมาก อย่างนี้เราไม่พูดเลย ถ้าหนังสือพิมพ์เขาออกเราอาจพูดบ้าง เราไปดูตามหนังสือพิมพ์เขาประกาศ ถ้าเรารู้ตามเรื่องของเขาโทรมา โทรมาหาเรา เข้ามาถึงเรา เราก็ให้สืบถามอีก ถ้าช่วยก็ช่วยไปเลย มากต่อมาก เมืองไทยเราทุกภาคที่เราช่วยแบบนี้นะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2024 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #727  
เก่า 31-07-2024, 22:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บอกได้แต่ภาคเท่านั้น บุคคล ๆ เราบอกไม่ได้ เพราะเราพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ความได้ความเสียของการบอก การบอกเหมือนกับเอาไฟไปเผาบ้านเขาอีก สกุลของเขาก็มีศักดิ์ศรีดีงาม เราให้เพื่อเป็นความสุข เย็นใจเย็นกายทุกอย่างของเขา เป็นความสะดวก แล้วเราไปให้แบบโฆษณาป้าง ๆ เอาไปไปเผาเขา ถ้าเป็นอย่างหลวงตาบัว อย่ามาให้เสียดีกว่า มาประกาศกันอย่างนี้

เพราะฉะนั้น..เราจึงไม่พูด เอาคอไปตัด ให้ตัดเลย เราสงวนศักดิ์ศรีของคนแต่ละคน ๆ แบบเงียบ ๆ นะที่เราทำ ถ้าลงว่าเงียบ เงียบจริง ไม่ได้บอกใครว่าให้ที่ไหนคนใดคนไหน ถ้าว่าส่วนใหญ่จะระบุก็เช่นภาค..มันทุกภาค จะไปว่าบ้านไหนเราไม่บอก เพราะเราสงวนรักษาศักดิ์ศรีดีงามของเขา ให้แล้วให้เขาเป็นสุขใจไปเลย เงียบไปเลย เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อเอาชื่อเอาเสียงเอาอะไร ๆ เราไม่มีอย่างนั้น มีแต่ความเมตตาล้วน ๆ

นี่เราอ่านอยู่นี้ ที่เขาจำได้เขาก็เอามาลง เขาคงจะไปหาเก็บเอาที่ไหนบ้าง อาจจะทราบจากพระจากอะไรที่เราพูดอยู่ภายในวัด แล้วเขาก็ไปเขียนออกอย่างนั้น ส่วนที่เขาไม่ทราบ เช่นอย่างเราไม่ระบุคน ไม่ทราบ..จึงไม่มีมาออกเลย ที่เราไม่ระบุมากต่อมาก ก็ไม่ได้มาออก นี่เห็นไหม..หลวงตาทำประโยชน์ให้โลก ไม่ได้ประกาศเจ้าของเพื่อโอ้อวดนะ เอาเรื่องความเมตตา เรื่องของธรรม แสดงออกจากน้ำใจให้พี่น้องทั้งหลายให้ได้เห็น เมตตาไปที่ไหนเย็นไปหมด ช่วยไปทุกแห่งทุกหน เราช่วยตลอดมา ก็บอกแล้วว่าเราไม่เก็บ เงินเราไม่เคยมีก็บอกแล้ว.."


และเพราะเหตุต้องช่วยเหลือกว้างขวางหลายแง่มุมจนไม่อาจประมาณได้เช่นนี้ องค์ท่านจึงไม่มีเงินติดเนื้อติดตัวตลอดมา ดังนี้

"สงเคราะห์คนทุกข์คนจนนี้หลายแห่งหลายหน บางทีเพียงรายเดียวเท่านี้เป็นล้าน ๆ ก็มี ไม่ใช่เล่น ๆ นะ รายละ ๓ แสน ๔ แสน รายละ ๔ หมื่น ๕ หมื่น มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยของเรา บางทีเงินจนจะไม่มีติดธนาคารแหละ แยกออก แจกออก ให้ผู้ที่ทำหน้าที่แทนเรานั้น เป็นหัวใจของเราเอง เรามอบความไว้วางใจแล้ว เขาก็ไปจัดทำตามนั้น ๆ ทุกแห่งทุกหน เขาจะจัดแจกให้ทั่วถึงกันหมด ทางผู้ที่ได้รับแล้วเขาก็ตอบรับมา ๆ เราเป็นที่แน่ใจ ๆ แล้วหายเงียบไปเลย ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเอาไว้ว่า นี่คือวิธีหนึ่งที่เราช่วยชาติไทยของเรา แบบช่วยเงียบ ๆ มีมากนะ ไม่ใช่ธรรมดา ทั่วประเทศไทย

การจ่ายเงินนี้จ่ายหลายประเภทนะ บางทีธนาคารเขาอาจจะสงสัยเราก็ได้ แต่เราไม่สงสัยเรานี่ เราเป็นผู้ทำเองใครจะมาสงสัย เราก็ไม่สนใจกับใครเพราะจ่ายเงินมากต่อมาก ท่านจะจ่ายไปมากมายอะไรนักหนา เขาอาจจะคิดไปแปลก ๆ ต่าง ๆ ก็อาจเป็นได้ เพราะธนาคารเขาเป็นผู้จัดการเงิน จ่ายเงินให้เราที่เสนอเข้าไป ๆ เสนอเข้าไปเท่าไหร่เขาก็ถอนออกมาตามบัญชีของเราที่มีอยู่ เรียกว่าต่ำกว่าบัญชีตลอดไป จ่ายอยู่เรื่อย เขาไม่รู้เรื่องของเราว่าจ่ายเพราะอะไร

เงินเราเป็นอย่างนั้นนา มีไม่ได้ หลวงตาบัวนี้มีเงินไม่ได้..หมด มีเท่าไรหมด อย่างนั้นแหละ..พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน ไม่เคยมีเงินติดตัวคือหลวงตาบัวนี้ ประกาศป้างได้เลย เต็มหัวออก ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมา เพราะอำนาจความเมตตา มันมีก่อนสร้างวัดอยู่แล้ว.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2024 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #728  
เก่า 12-08-2024, 01:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ครั้งหนึ่งพี่น้องชาวลาวประสบภัยเดือดร้อน มีผู้อพยพจำนวนมากต่างหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่จังหวัดหนองคาย คราวนั้นหน่วยราชการต่างอลหม่าน ด้วยไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรกับผู้อพยพเหล่านี้ ทั้งจะต้องดูแลเรื่องอาหารการกินการอยู่ ที่พักหลับนอนขับถ่าย เกี่ยวกับสาธารณูปการต่าง ๆ พอได้พักได้อาศัยกันไปก่อน

เมื่อองค์ท่านทราบเรื่องก็รีบเข้าช่วยอุ้มภาระของหน่วยราชการ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ความเมตตาสงสารพี่น้องชาวลาวซึ่งเป็นพี่เป็นน้องกันตลอดมา สิ่งที่กั้นกลางมีเพียงแม่น้ำโขงเท่านั้น ท่านยังกล่าวด้วยว่า ต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดตายด้วยกันทั้งนั้น เมื่อประสบภัยกับความทุกข์อย่างสาหัสทั้งทางกาย และตื่นตระหนกเสียขวัญทางใจเช่นนี้ด้วยแล้ว องค์ท่านจึงรีบเข้าช่วยเหลือทันที

"เช่นอย่างพวกเวียงจันทน์ พวกประเทศลาวข้ามมา ก็มาเต็มอยู่นี้ โห..หลายหมื่นเต็มอยู่ที่หนองคาย ดูเหมือนเราไปแจกของถึง ๓ ครั้งด้วยกัน แจกถึง ๒-๓ วัน ถึงหมด แต่ละครั้งนี่นะ ครั้งแรกก็ไม่เท่าไร ครั้งที่ ๒ กับที่ ๓ นี่หนักมาก แจกเอาอย่างเต็มเหนี่ยว คือแจกด้วยความยุติธรรมที่ให้เสมอกันหมด ไปสำรวจเอาตัวเลขมาเลย ไม่เอาครอบครัว เอาตัวเลข มีเท่าไหร่แจก เพราะฉะนั้น..มันถึงนาน คนเขาแจกช่วยกันเยอะนะ อย่างคนที่มารับ มันก็มาก ๒ วัน ๓ วัน

รถสิบล้อนี่ โอ้โห..จอดกันเป็นแถวเลย ข้าวเต็มเอี๊ยด ๆ และเครื่องกระป๋องก็เหมือนกันอีก รถสิบล้อ ถ้าหากว่ามันขาดตรงไหน ให้เขาวิ่งไปตลาด โห..ตลาดเขาถามเลย "จะเอาไปไหนนักหนาล่ะ ?"


พอว่า "˜อาจารย์มหาบัว" แล้ว โฮ้ย..คือเขาเสียดายที่ไม่ได้เตรียมเอาไว้ขายนี่ เวลาไปมันไม่พอละซิ เข้าไปร้านนั้นแล้วไปร้านนี้ กว้านเอาร้านนั้นร้านนี้ ให้เขาลงบัญชีเรียบร้อยไว้ ลงบัญชีไว้หมด พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจ่ายตามนั้นเลยทันที นอกนั้นไม่ได้คำนึงละ เรื่องเงินเรื่องทองนี่น่า นี่เท่าไรเอามา ว่างั้นเลย บอกเอามา พอเสร็จแล้วเราค่อยสั่งจ่ายทีเดียวปั๊บเลย หนองคายนี้ก็ ๓ ครั้งนะ.."

ขอยกตัวอย่างการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในไทยคราวหนึ่ง ดังนี้

"ไฟไหม้ที่ไหน ๆ เราจะเข้าถึงก่อนทั้งนั้น รถนี้ โถ..รถสิบล้อ ๆ นี่เป็นอัธยาศัยมาดั้งเดิม ไฟไหม้ที่ไหน ๆ อำเภอนั้นอำเภอนี้ เราจะยกขบวนไปเลย ไฟไหม้ที่ไหน ๆ ทางอำเภอบ้านดุงบ้าง ที่ไหนบ้างนะ ก็ให้เขาแจกแบบเดียวกัน เครื่องกระป๋องก็เต็มรถ เต็มรถเลย บ้านดุง (จ.อุดรธานี) นี้ดูว่าเหลือไปทางไหนบ้างนะ ไปทางโรงเรียนอะไรบ้าง...

เพราะเราเอาไปแจกมากจริง ๆ ไม่ใช่เล่น ๆ นะ จนของที่ไปแจกนั้น พวกเครื่องกระป๋องเหลือเลย เขาเลยขอไปทางไหน ๆ บ้าง เราก็ให้ไป เพราะเราตั้งใจเอามาแจกอยู่แล้วนี่ ของเหลือเท่าไร ๆ ก็แยกออกไปตามโรงร่ำโรงเรียน ส่วนนี้เราก็ได้สมบูรณ์ตามจำนวนที่เรากำหนดเอาไว้ ได้เสมอกัน เหลือจากนั้นไปอีก เพราะเราเอาไปเผื่อมากมายนี่ เขาก็แยกไปโรงเรียนอะไรต่ออะไรบ้าง ก็อย่างนี้นะ นี้ก็ไม่ให้ใครลงข่าวนะ ไม่ให้ลง ทำแบบใต้ดินตลอดมา.."

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2024 เมื่อ 20:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #729  
เก่า 13-08-2024, 10:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วยแบบไม่ให้พร่อง

เมื่อองค์ท่านตัดสินใจช่วยรายใดแล้ว ท่านจะตรวจสอบก่อนว่ามีผู้ใดช่วยเหลือก่อนแล้วหรือไม่ ? หากยังไม่มีท่านจึงช่วยเหลือและจากนั้นก็จะติดตามผลว่าเป็นอย่างไรในระยะเวลาหนึ่ง การสังเกตขององค์ท่านถึงขนาดว่า ในระหว่างที่เขาได้รับเงินไปแล้ว เขารักษาเงินด้วยความรอบคอบหรือไม่เพียงใด ดังนี้

"เขาออกหนังสือพิมพ์เรื่องยายแก่อายุ ๖๙ ปี ตาบอด ว่ามีคนช่วยเหลือเยอะ เราก็เป็นอันว่าหมดปัญหาไป เรากำลังเขียนจดหมายไปถาม นี่เห็นเขาออกทางหนังสือพิมพ์แล้วว่ามีคนช่วยเยอะก็หมดปัญหา เขาจะตอบจดหมายหรือไม่ตอบก็ไม่มีปัญหาอะไรละ มีคนช่วยแล้ว อยู่จังหวัดสุโขทัย อำเภอคีรีมาศ ทางจากนี้ไป ๔๖๐ กิโล ไม่ใช่เล่นนะ

เมื่อวานนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเขามา นี่ล่ะ..ที่เราว่าคนจนเพียงเอกเทศรายหนึ่งของรายทั้งหลาย เขามาเมื่อวาน เขามาติดต่อด้วยความจนตรอกจนมุม มีลูกชายคนหนึ่งติดตัวมา ลูกคนที่สองอยู่ในท้อง แม่กับลูกชาย กับลูกอีกคนหนึ่งในท้องมาติดต่อขอเงิน เขามาติดต่อกับพระไว้เรียบร้อยแล้ว พระให้รอเวลาเราออกมา เขาก็รออยู่ที่นั่น มาขอเงิน เมื่อวานนี้ว่าติดหนี้เขา (๖๐,๐๐๐ กว่าบาทครับ หลวงตาให้ไป ๗๐,๐๐๐ บาทครับ) ค่าอะไรต่ออะไร ๆ จะถูกเขาขับไล่

พอถึงอีกสองวันหรือสามวันเขาก็จะขับ เราดูคนก็ไม่มีท่าทางลักษณะจะมาหลอกเรา คือเดี๋ยวนี้คนเรามันหลายเล่ห์หลายเหลี่ยม เชื่อไม่ได้ง่าย ๆ พอเขามาพูดเราก็ดูด้วย ดูลักษณะทุกสิ่งทุกอย่างเต็มเลยนะ พอเห็นว่าลงไปแล้วแหละ รวมแล้ว ๖๕,๐๐๐ นะ เมื่อวานนี้ รวมทั้งหมด ๖๕,๐๐๐ เราเลยให้ ๗๐,๐๐๐ เมื่อวาน เผื่อไป ๕,๐๐๐

พอตกลงเราก็ให้เขารีบจ่ายเงิน ไปถึงกุฏิยังเป็นอารมณ์อีก ไม่แน่ใจอีกในการเก็บเงินของเขา เวลาเขาไปก็มีลูกคนเดียว ไม่มีเพื่อนมีฝูงเลย กระเป๋านี้ก็มีกระเป๋าหนึ่ง เราเลยรีบลงมาอีก ไปหาเขาอีก เขากำลังติดต่อกับคนที่จ่ายเงินอยู่ ไปก็เอาเงินให้เขาจ่าย แล้วเขาเอาเงินเข้า เราเลยต้องไปสั่งเสียทุกอย่างนะ นั่น..เห็นไหมล่ะ..มันบกพร่องอยู่ เงินที่เศษที่เหลืออะไร กับเงินก้อนที่เราให้นี้ มันเป็นอันเดียวกัน พอลากออกมานี่ก็จะเห็นทั้งหมด..ใช่ไหมล่ะ ? นี่แววมีตา

พอเห็นนั้น เราเลยสั่งใหม่ แก้ใหม่ ยืนสั่งอยู่นั้นเลย "ให้เอาปัจจัยที่จะใช้จำเป็นในเวลาออกเดินทางจากนี้ถึงบ้าน จะใช้ประมาณสักเท่าไร แล้วเผื่อเอาไว้พอประมาณ นอกจากนั้นให้เก็บให้ดีให้หมดเลย อย่าออกมาให้ใครเห็นเป็นอันขาด"

เราบอก เอาออกดู เขาก็ใส่ในกระเป๋า เขาเอาผ้าห่อยัดเข้าในกระเป๋าของเขา

"ไหนปัจจัยที่จะเอาใช้ตามทางเท่าไรดู กะพอไหมจากนี้ถึงบ้าน" "พอ"
"แล้วรถล่ะ" ถามถึงเรื่องรถเรื่องรา

สุดท้ายเราก็เลยให้ ตชด. เราไปส่งเมื่อวาน เราไม่แน่ใจ ให้ไปส่งขึ้นถึงนู้นเลย ให้ ตชด. ตามส่งไปเลย ไปถึงที่ขึ้นรถไปบ้านเขาเลย เราถึงได้นอนใจ ตายใจได้ เดี๋ยวเอาเงินไปนั้น แล้วเสร็จหมดกลางทางไม่มีเหลือ เพราะความเซ่อซ่า ดูลักษณะก็ไม่ค่อยฉลาดอะไรนัก..เราดูแล้ว

ไม่ได้ประมาทเขานะ เราดูเพื่อจะอารักขาเขา ไม่ได้เพื่อทำลายเขา ถึงขนาดไปกุฏิแล้วยังไม่แล้ว ยังลงมาอีก ลงมาก็ไปเห็นจริง ๆ อย่างที่ว่า จึงต้องได้แยกปัจจัยเป็นจำนวน ๆ ออก เขาจะเอาทั้งหมดนี้ออก แล้วจะไปจ่ายนั้นจ่ายนี้ ก็จะลากมาทั้งหมด เห็นหมดเลย เสียหมดเลย เราจึงให้แยกออก เอาไปใช้จากนี้ถึงบ้านเผื่อไว้พอประมาณ ส่วนนี้ห้ามไม่ให้ใครเห็นเด็ดขาด เก็บไว้ให้ดี แล้วสั่งที่เก็บ ให้เขาเก็บให้เราดูด้วย ให้เขาใส่ลงในกระเป๋าของเขา เราเป็นคนยืนดูอยู่ อย่างนั้นแหละ..ไม่แน่ใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2024 เมื่อ 18:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #730  
เก่า 13-08-2024, 10:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"นี่ก็ ๗๐,๐๐๐ เมื่อวาน นี่เรียกว่ารายย่อยในรายทั้งหลาย ที่เรียกว่าเป็นคนจน นี่ประเภทหนึ่ง จนนี้จนกว้างขวางทั่วประเทศไทยนะ ติดต่อกันทางโทรศัพท์ ทางอะไร ๆ ถึงที่ถึงฐาน ให้คนไปสืบถามติดต่อกันจนเป็นที่แน่ใจ ควรจะช่วยเหลือเท่าไร เมื่อลงใจแล้วช่วยเหลือกันได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยไม่มีความบกพร่องในเรื่องที่จะให้เกิดความเสียหายบกพร่องประการใด อย่างนี้เราช่วยทั่วประเทศนะ ถ้ารายไหนเป็นเรื่องเฉพาะอย่างนี้ เราจะไม่บอกว่าเราช่วยคนนั้นคนนี้ ชื่อนั้นชื่อนี้ ผ่านไปเลย ๆ

นอกจากเขาลงหนังสือพิมพ์ ออกประกาศเราอ่านเราก็ติดตามหนังสือพิมพ์ไปดู ถ้ารายเช่นนั้นเราจะออกชื่อเขาบ้างก็ได้ ไม่ออกก็ได้ แต่ส่วนรายที่ผ่านเลยนี้ยังไงก็ไม่ออก เรียกว่ารักษาศักดิ์ศรีเขา บางแห่งเป็นล้าน ๆ ก็มี ไม่ใช่น้อย ๆ นะ ที่เป็นล้าน ๆ เพราะเหตุไร ความจำเป็นยังไง ๆ ถึงจะต้องช่วยเขาเป็นล้าน ๆ นี่มันก็บ่งบอกชัดเจนว่าสมควร

เขาเป็นคนดิบคนดีแล้วถูกเพื่อนฝูงในโรงงานเดียวกันต้มเสียแหลกเลย พลิกตัวไม่ทันจะจม ถูกเขาไล่หนีจากบ้าน เรื่องราวเขาก็ติดต่อมา เราก็ติดต่อไปจนถึงที่ถึงฐาน เรียบร้อยแล้วจัดการสั่งไปทางธนาคารเลย อันนี้จัดการให้ บอกรับรองไว้ไม่ให้ไล่ออก ถึงขนาดนั้น เราเป็นตัวยืนยันไปรับรองทางธนาคาร แล้วส่งเงินตามหลังไปเลย จนกระทั่งเรียบร้อยแล้วปล่อยเลย

รายอย่างนี้แล้วเรียกว่าเงียบเลย ๆ อย่างนี้ก็มีอยู่มากเหมือนกัน ถ้ารายไม่ควรออกชื่อเราจะไม่ออก เพราะทำเพื่อให้มีความร่มเย็นเป็นสุขแก่กัน เป็นสิริมงคลแก่กัน แล้วไปทำลายเขาด้วยประกาศชื่อเสียงเขาเป็นความเสียหาย เราทำไม่ลง สิ่งใดที่ควรจะผ่าน เราจะผ่านเลย ถ้าควรจะบอก เราก็บอก มากนะไม่ใช่น้อย ๆ นี่ประเภทคนจน จนหลายชนิดอีก เข้าใจไหมล่ะ ?

จากนั้นก็พวกคนไข้ ให้ตามจังหวัดต่าง ๆ หรือโรงพยาบาลไหนมีความจำเป็นเขาบอกมาหาเรา เราก็สั่งไปถึงโรงพยาบาลเลยว่าให้เป็นคนไข้ของเรา ให้เขาจัดการร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเลย อย่างนี้เป็นคนจนประเภทหนึ่ง.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2024 เมื่อ 18:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #731  
เก่า 18-08-2024, 23:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การช่วยเหลือผู้ประสบทุกข์รายย่อยขององค์หลวงตามีจำนวนมาก ขอยกตัวอย่างมาแสดงเพียงบางรายเท่านั้น ดังนี้

หัวหน้าครอบครัวและลูก ๆ ล้มป่วย

"สำหรับคนทุกข์คนจนมีอยู่ทั่วไป นี่เราก็เปิดอกได้ทีเดียว เมื่อสองวันมานี้เราก็ส่งเงินไปแล้ว ความทุกข์ความจนนี่เรายกตัวอย่างนะ

ครอบครัวนี้อยู่ดี ๆ หัวหน้าครอบครัวก็ไปล้มป่วย ลูกเต้าทั้งหลายก็เจ็บไข้ได้ป่วยออด ๆ แอด ๆ ทีนี้เงินก็ไม่มี ต้องให้ครอบครัวอื่นเขามาช่วย จึงพอได้พ้นวันหนึ่ง ๆ บรรดาลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเขาก็เชื่อเรานั่นเอง เขาถึงส่งมา เขาส่งมาอ่านรายการให้ฟังแล้วสลดสังเวช ส่งปึ๋งให้เลย บอกว่า "เราไม่มี เรามีเท่านี้ เอาเสียก่อน"

ส่งไปให้ ๒ แสน เลยโอนไปเลย โอนไปแล้วก็บอกเดี๋ยวนั้น ๆ บอกว่าให้รับทางโน้น ทางนี้โอนแล้วโทรศัพท์ถึงกันเลย ทางโน้นรับรองเรียบร้อยแล้วสมบูรณ์แบบแล้ว.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2024 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (21-08-2024), ชุณหพงศ์ (20-08-2024), ต้นบุญ (22-08-2024), ปราโมทย์ (19-08-2024), พี่เสือ (19-08-2024), พุทธภูมิ (18-08-2024), มารวย๙ (19-08-2024), สุธรรม (19-08-2024)
  #732  
เก่า 18-08-2024, 23:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อนาคตลูกสาวทั้งสามขึ้นกับองค์หลวงตา

"หนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น เราก็เคยติดตาม เราอยู่กรุงเทพฯ เขาเอาหนังสือพิมพ์มานั้นเราเลยอ่าน เขาบอกข่าวว่าครอบครัวที่ยากจนที่สุดในจังหวัดขอนแก่น มีลูกสาวสามคน ขึ้นรถไปเฉียดรถจักรยานคนแก่ เลยต้องรักษาให้เขา ต้องไปกู้เงินมา ๑ หมื่นบาทมารักษาเขา เขาออกทางหนังสือพิมพ์

พอเรากลับมาจากนู้น เราก็ตามไปแหละ ไปจริง ๆ ไปดูบ้านดูเรือน มีลูกสาวสามคน ลูกสาวต้องออกจากโรงเรียนหมดทุกคน ให้ออกจากโรงเรียนหมดทั้งสามคน เรียนชั้นต่าง ๆ แล้วให้ลูกไปทำงาน ได้เงินมาก็เอาไปใช้หนี้เขา

พอเราเห็นอย่างนั้น เราก็ตกลงกับพ่อเดี๋ยวนั้นเลย บอกว่า "ให้เรียกลูกกลับมาเรียนหนังสือโดยด่วน ให้มาเดี๋ยวนี้โดยด่วน"

อยู่โรงเรียนไหนให้ออกจากโรงเรียนไปทำงาน เพื่อได้เงินนี้มาใช้หนี้เขา พอเราเห็นหนังสือพิมพ์เราก็ตามไป พอไปถึงก็เห็นบ้านหลังหนึ่งเท่ากระต๊อบ เราก็เรียกพ่อกับแม่มาทันที บอกลูกอยู่ที่ไหนให้เอามาเลย กลับมาเรียนทั้งหมด เรียนหนังสืออยู่ชั้นไหนให้รีบกลับไปเรียนตามเดิม บอกตรง ๆ เราจะสงเคราะห์ทั้งหมดเด็กสามคน สงเคราะห์พี่สาวจนจบปริญญาโท (น้อง ๆ จบปริญญาตรี เขาพอพึ่งตัวเองได้ เขาเลยไม่รบกวนหลวงตา)

เราไม่เคยได้พบเขาสักที มีแต่เวลาเกี่ยวข้องกับเงินเขาเขินอะไรเขาก็มา เราจ่ายให้ตามนั้น ทั้งหมดทุกคน เด็กสามคนเรียนปริญญาโทก็มี ได้ทำงานหมดแล้วแหละ อย่างนั้นแหละความเมตตา นั่นละ..ที่ว่าเด็กสามคนเรียนหนังสือทั้งหมดทุกคนเลย เราได้สงเคราะห์ให้หมดเลย เห็นหนังสือพิมพ์อยู่กรุงเทพฯ นะ เวลาขากลับมาก็ไปตาม ไปดูบ้านเขา มันมีบ้านเลขที่อยู่ อยู่บ้านไหน ๆ เขาบอกทาง นสพ. เราจึงติดตามไปถึงบ้านเขา

เรียกพ่อเรียกแม่มา เด็กไปทำงานอยู่ที่ไหน ได้เงินมาแล้วเอาเงินมาให้พ่อ พ่อติดหนี้เขาอยู่หมื่นหนึ่ง เลยเอาเดี๋ยวนั้น เงินหมื่นเราให้ทันทีนะ ที่ว่าติดหนี้เขาเราให้เลย ให้ลูกกลับมาเรียนหนังสือตามเดิม ให้เรียนไปเรื่อย เราจะดูแลค่าศึกษา ค่าเล่าเรียนลูกเท่าไรสามคนนี้ให้หมดเลย

จนกระทั่งเขาได้เป็นปริญญาทงปริญญาโท หมดภาระแล้วเราจึงได้ปล่อยนะ ทั้งสามคนนี้เราเลี้ยงดูตลอดเลย เกี่ยวกับเรื่องการเงินเขาก็มาอยู่ บางทีมากับแม่ก็มี เราก็จ่ายเงินให้ ขัดข้องอะไรจ่ายให้จนเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวนี้เขาทำงานแล้วแหละ อย่างนั้นละ..ความเมตตาโลก

เรื่องเมตตานี้จริง ๆ ไม่มีเหลือละกับเรา เราไม่เหลือ เราจึงไม่เคยมีเงิน ในวัดนี้ไม่มีใครจนเท่าหลวงตาบัว เรื่องการเงินการทองมีเท่าไรออกหมด ออกช่วยโลกหมด เขาติดหนี้ติดสินพะรุงพะรังที่ไหนตามไปใช้หนี้ให้ เป็นอย่างนั้นละ เรียกว่าเต็มกำลังของเราที่ช่วยโลก.."

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2024 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #733  
เก่า 19-08-2024, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โอบอุ้มสองพ่อลูกที่ลพบุรี

"ลพบุรีที่เขาว่าตะกี้นี้เราก็ไปช่วยนะนั่น มีลูกสาวคนเดียวตัวเล็ก ๆ เสียด้วย ดูเหมือนเมียทิ้ง ผัวป่วย เราสลดสังเวช พอมาอ่านหนังสือพิมพ์แล้วตามไปเลยนะ ไปก็เป็นความจริง นี่เราก็จ่ายให้หมดเลย ที่อยู่ที่บ้านยังขัดข้องอะไรอยู่บ้างซื้อให้เลย ซื้อบ้านให้เลย แล้วให้เงินให้ทองไว้เรียบร้อยหมด

โอ๊ย..แกยกมือไหว้แล้วยกมือไหว้เล่า ตอนนั้นแกไม่สบายไปอยู่โรงพยาบาล เราตามเข้าไปโรงพยาบาลโคกสำโรง ไปวันนั้นกลับวันนั้นนะ อยู่โคกสำโรง ไปก็เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล โอ้..น่าสงสาร

ตามไปโรงพยาบาลนะ ถามหาแม่เป็นอย่างไร ๆ แม่นับว่าเป็นอัปมงคล พ่อเลี้ยงลูกคนเดียว ลูกอายุ ๘-๙ ปี โอ๊ย..น่าสงสาร เราเอาเงินไปยัดใส่มือพ่อไม่ให้ใครเห็นนะ ให้คนของเราเอาเงินไปยัดใส่มือพ่อหลายหมื่นอยู่นะ อะไรที่ขาดเขินจำเป็นในเวลานั้นเราจ่ายให้หมดเลย นอกจากนั้นเอาเงินใส่มือให้ไม่ให้ใครรู้ จับยัดใส่มือลับ ๆ เป็นหมื่น ๆ นะ นั่นแกก็พอเป็นไปได้ อย่างนั้นละ..ความเมตตาสงสาร

ที่ว่าลพบุรีเราก็ไปอย่างนั้นล่ะ อำเภอโคกสำโรง กลับวันนั้นนะ หลายอย่างลพบุรีมีหลายอย่าง แกก็ยกมือไหว้แล้วยกมือไหว้เล่า แกบอกว่า

"ไม่มีที่พึ่ง เมียก็ทิ้ง ลูกตอนนี้อยู่ในความดูแลของพ่อ"

เราก็เอาเงินไปให้ด้วย แล้วช่วยอะไรอยู่ตรงไหน ความเกี่ยวข้องของแกอยู่ที่ไหนให้หมดเลย ความเมตตาเป็นอย่างนั้นละ.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2024 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #734  
เก่า 19-08-2024, 23:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พลิกชีวิตแม่ลูกในกรุงเทพฯ ผู้ถูกดูแคลน

"ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ทุกข์..จนมาก นี่ก็อันหนึ่งของแกเหมือนกัน ไปที่ไหนเขาเบ้ปากเลย เขาไม่อยากให้เข้าไปหน้าร้านเขาเลย เขามาพูดให้ฟัง ไม่ใช่เราเอาคำพูดสุ่มสี่สุ่มห้ามาเล่า ตอนเขาจน

"เวลามองเห็นเขากินข้าว โฮ้..น้ำลายไหล มองหาอะไรที่จะกินก็ไม่มี ความจนก็จน ความหิวก็หิว แม่ก็จะตาย ลูกก็จะตาย" เขาเล่าให้ฟัง

ทีแรกออกทางหนังสือพิมพ์ก่อนเรื่องผู้หญิงคนนี้ จากนั้นเราก็สืบเสาะไปจนกระทั่งถึงตัว ให้นักหนังสือพิมพ์นักข่าวไปติดต่อให้จนกระทั่งถึงตัว แล้วได้ตัวมาคุยกัน พูดตามความสัตย์ความจริง ทั้งพูดทั้งน้ำตาร่วง พูดตามความเป็นจริง นั่นละ..เวลาแกเสวยกรรมของแกก็เป็นอย่างนั้น

ไปที่ไหนเขาเบ้ปากเลย เขาถ่มน้ำลาย เขาไม่ให้เข้าร้านเขา เขาดูถูก เขามาเล่าให้ฟัง เราก็สงสาร เลยช่วยเลยแหละ ซื้อบ้านให้ทั้งหลังเลย บ้านราคากี่แสน ขัดข้องอะไรให้หมดเลย ผึงผังดีดขึ้นเลย

ทีนี้ร้านที่เบ้ปากก็มาประจบประแจง มาเลียแข้งเลียขาแก เห็นว่าแกมีฐานะ อย่างนั้นซี..เวลานั้นก็บุกใส่เขา ถ่มน้ำลายใส่เขา ทีนี้ก็มาเลียแข้งเลียขา นี่เห็นไหม ? โลกสกปรก เห็นเขาอยู่ในสภาพนั้นก็เหยียบย่ำลงไปอีกนะ แทนที่จะยอเขาขึ้นด้วยความเมตตาสงสาร เขากลับเหยียบย่ำลงไปอีก ทีนี้เวลาเห็นเขาดีขึ้นมาแล้ว มาประจบประแจงเลียแข้งเลียขาอีก นี่..เขาก็มาพูดให้ฟัง เห็นประจักษ์อย่างนี้เอง

เราช่วยจริง ๆ ช่วยจนฟื้นได้เลย ร้านขายของก็ซื้อให้ เป็นร้านที่ขายของดี เขาจะเซ้งก็ซื้อให้เลย เขาก็เข้าทำหน้าที่แม่ค้าใหญ่ตรงนั้นเลยเทียว บ้านซื้อให้ราคาหลายแสน ได้ฟังสภาพอย่างนั้นแล้วสงสาร เราช่วยทันทีเลย แล้วพวกที่เบ้ปากถ่มน้ำลายใส่เขา กลับมาประจบประแจงเลียแข้งเลียขาแก

เห็นไหม..ความหยาบของคน ? มันหยาบทั้งสองด้าน เวลาบ้วนน้ำลายใส่เขา เบ้ปากใส่เขา ก็เป็นต่ำประเภทหนึ่ง ทีนี้มาประจบประแจงเขาอีกก็ต่ำอีกประเภทหนึ่ง นี่ละ..อย่างนี้..เราช่วยโลก เวลามาสัมผัสเราก็พูด ที่ไม่พูดมากกว่านี้นะ ทำนองเดียวกันนี้มีเยอะ.."

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2024 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #735  
เก่า 20-08-2024, 23:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่งเสริมอาชีพสตรี

"ไปที่ไหนแม้ที่สุดสี่แยกไฟเขียวไฟแดง เขามาขายดอกไม้ แต่ผู้ชายเราก็พูดตรง ๆ เราไม่ให้ผู้ชาย ผู้ชายมาแย่งงานผู้หญิง ผู้ชายควรจะหากินไกลกว่านี้ กลับมาหาอย่างนี้เราไม่เสริม..ไม่ให้นะ ถึงเขาจะไปเลี้ยงครอบครัวเขาก็ตามแต่ เราก็ไม่ให้ในตัวของเขาเอง..เราตำหนิ

งานอย่างนี้ไม่ใช่งานผู้ชาย เป็นงานผู้หญิง เขาว่างเมื่อไหร่เขากระโดดปุ๊บปั๊บออกมา เขามาขายช่วยระยะหนึ่ง อย่างนี้เราให้ รายละสองร้อย ๆ ให้ผู้หญิง ทำท่าหยิ่ง ๆ นี่คนนี้ไม่รู้ตัวเลย..อย่างนี้ไม่ให้นะ..!

ความเมตตามันครอบโลกธาตุ ไปที่ไหน ๆ มันก็เป็นอย่างนั้น แม้ที่สุดไปจอดไฟแดง เห็นเขามาขายดอกไม้ตามสี่แยก งานผู้หญิงเขาอยู่ในครอบครัว เขา พอได้เขาก็วิ่งมา ผู้ชายแทนที่จะไปหาเงินไกล ๆ มาแย่งงานผู้หญิง เพราะอย่างงั้นเราถึงไม่เสริมงานนี้ เราก็รู้ว่าเขาก็เอาไปเลี้ยงครอบครัวเขา แต่เราไม่เสริมงานนี้ ถ้าผู้หญิงให้ ไม่ว่าไปที่ไหนให้หมด

ทางด้านธรรมเราก็พอ ด้านวัตถุทุกอย่างเราก็พอ กับโลกที่บกพร่องตลอดมาเราช่วย ไปที่ไหนจนพวกในสี่แยก เขาจำรถเราได้หมด จำได้จริง ๆ เพราะผ่านแล้วผ่านเล่า ไปทีไรไฟเขียวไฟแดงดอกไม้พวงละ ๓๐๐ บาท ให้เขาขายดอกไม้พวงหนึ่ง ๑๐ บาท แต่เราให้รายหนึ่ง ๓๐๐ บาท ดอกไม้ก็ไม่เอา ไปยื่นให้ ให้ไปเรื่อยเลย..อย่างนี้ละ..!

เขาจำได้หมด นั่นแหละ..เราไปไหนเขาจำได้หมด นี่ละ..อำนาจเมตตาธรรม..เขาจำได้หมด ไปที่ไหนมีแต่เมตตา..หว่านไปหมด..!"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2024 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (21-08-2024), ชุณหพงศ์ (21-08-2024), ต้นบุญ (22-08-2024), ปราโมทย์ (21-08-2024), พี่เสือ (23-08-2024), พุทธภูมิ (20-08-2024), มารวย๙ (21-08-2024), รัชชสิทธิ์ (21-08-2024), สุธรรม (21-08-2024)
  #736  
เก่า 21-08-2024, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สงเคราะห์สัตว์

องค์หลวงตาสอนเสมอ ให้พระเณรฆราวาสลูกศิษย์ลูกหาสงเคราะห์ช่วยเหลือสัตว์ รู้จักมีความเมตตาสงสาร เห็นสัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ดังนี้

"ชาติชั้นวรรณะไม่มี ลงในคำเดียวว่า สัพเพ สัตตา อันว่าสัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ครอบหมดเลย เสมอภาคเลย เห็นอกเห็นใจกันทั่วทั้งหมดเลย นี่ละ..ธรรมพระพุทธเจ้า..ฟังเอาซิ

คือสัตว์ทุกตัวเกิดมาได้ด้วยอำนาจของกรรมทั้งนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วยอำนาจของชั้นวรรณะยศถาบรรดาศักดิ์อะไร เกิดขึ้นมาด้วยอำนาจของกรรม กรรมเป็นพื้นฐานให้เกิด นอกนั้นก็แตกเป็นแขนงออกไป สุจริตบ้าง ทุจริตบ้าง แล้วแต่จะเกิด นั่นเป็นเรื่องนอกต่างหาก หลักของกรรมเป็นหลักใหญ่

เพราะฉะนั้น..ท่านจึงไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ท่านก็ไม่ให้ดูถูกเขา เวลานี้เขาเสวยกรรม อยู่ในวาระของกรรมของเขาอย่างนั้น ๆ เป็นชั้น ๆ ไปเลย ท่านจึงไม่ให้ประมาท มันเป็นวาระ เวลาพ้นแล้วเขาสูงกว่าเราก็ได้ ก็เหมือนอย่างคนขึ้นมาจากน้ำ จากหลุมจากบ่อขึ้นภูเขา ทีแรกก็อยู่ใต้ก้นบ่อ พอขึ้นมาแล้วเขาขึ้นภูเขาสูงกว่าเราอีก กรรมไม่แน่นอน แล้วแต่สร้างของใครเอาไว้

"เขาก็รักสุข เกลียดทุกข์ มีหิวมีอิ่ม มีเจ็บป่วย มีราคะตัณหา มีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับมนุษย์เรา ตัวจิตนี้เองเป็นตัวพาท่องเที่ยว ให้เราไปเวียนว่ายตายเกิด เพราะนี่ขึ้นอยู่กับวาระของกรรม ที่ให้เสวยผลดีชั่วอย่างไรตามวาระที่เราสร้างกรรมมา จึงไม่ควรประมาทเขา ไม่ควรเบียดเบียน ไม่ควรรังแก และไม่ควรฆ่าเขา การเบียดเบียนเขาก็คือเบียดเบียนตัวเรานั่นเอง"


ด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณขององค์หลวงตาเช่นนี้ จึงปรากฎเป็นรูปธรรม สังเกตจากกิจวัตรหลักอันหนึ่งขององค์ท่าน ซึ่งพระเณรลูกศิษย์ลูกหาทุกจังหวัดทั่วประเทศเห็นตรงกันก็คือ ไม่ว่าองค์ท่านมีโอกาสเดินทางไปยังสถานที่ใด องค์ท่านจะต้องจัดหาอาหารสด อาหารแห้ง ไปแจกจ่ายเป็นทานแก่สัตว์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือจังหวัดใกล้เคียง

อาทิ ให้อาหารปลาที่วัดหงษ์ปทุมาวาส ปทุมธานี วัดไร่ขิง นครปฐม สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เขาเขียว ช้างที่อยุธยา ช้างที่ลำปาง ลิงที่ลพบุรี และกุมภวาปี ฟาร์มจระเข้ที่นครปฐมและสมุทรปราการ นกเป็ดน้ำที่วัดต่าง ๆ เสือที่กาญจนบุรี (วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ตลอดจนที่อื่น ๆ อีกจำนวนมาก

ชนิดของสัตว์ที่ให้การสงเคราะห์ก็มีหลายประเภท เช่น สุนัข ปลา จระเข้ เสือ เก้ง กวาง ชะนี ลิง ไก่ป่า กระรอก กระแต กระต่าย หมูป่า รวมถึงสัตว์ที่อยู่ตามห้วยหนองคลองบึงทั่วไป ตลอดจนในสวนสัตว์หลายแห่ง ขอยกตัวอย่างความเมตตาในเรื่องนี้มาเพียง ๒ เรื่องสั้น ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต และในช่วงบั้นปลายชีวิตก่อนมรณภาพเล็กน้อย เพื่อแสดงถึงความเมตตาที่คงเส้นคงวา ต่อเนื่องไม่ผันแปรตลอดไป ดังนี้


"(เมื่อครั้งอดีต) ไปจังหวัดเชียงใหม่ ไปถึงจังหวัดพะเยา รถก็ไปเสียอยู่ตรงนั้น มีหมาตัวหนึ่งมันมาป้วนเปี้ยน ๆ มันไปสัมผัสก็ต้องพูด ถ้าไม่สัมผัสก็ไม่พูด มันไปป้วนเปี้ยน ๆ หากินตามนั้น พอเห็นมันแล้วดูท้องมันด้วย ท้องก็รู้สึกว่าแฟบไม่ป่องเลย กำลังหิว เห็นมันมาดมนั้นดมนี้เลียบ ๆ คน รถเราก็เสียที่นั่นพอดีเราก็ลงรถ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2024 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (22-08-2024), ชุณหพงศ์ (22-08-2024), ต้นบุญ (22-08-2024), นายสำเร็จ (24-08-2024), ปราโมทย์ (23-08-2024), พี่เสือ (23-08-2024), พุทธภูมิ (21-08-2024), มารวย๙ (22-08-2024), สุธรรม (22-08-2024)
  #737  
เก่า 21-08-2024, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอเห็นอย่างนั้นก็ทำมือเป็นสัญญาณให้อาจารย์หมออวย เกตุสิงห์ มา "นี่..เห็นไหม ? หมาตัวนี้กำลังหิวโหย มันกำลังหากิน ไปเอาอาหารมาให้มันหน่อยนะ ให้เขาอิ่มสักทีเถอะ เขาหิวเต็มที่ ไปเอาร้านไหนก็ได้ ไปโรงข้าวแกงเขา เอาเป็นห่อมาเลย"

อาจารย์หมออวยก็ฟังจ้อ พอเข้าใจแล้วปุ๊บปั๊บปึ๋งเลยทีเดียว สักครู่ได้มาห่อขนาดนี้ (ทำมือประกอบ) พอเปิดออกดู อู๊ย..มีแต่อาหารดี ๆ อาหารประเภทของคนร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นแหละ พอวางให้เขา "เอ้า..กิน"

เขามองดูหน้า แทนที่เขาจะรีบกินด้วยความหิว..ไม่นะ เขามองดูหน้าเรา เราก็มองดูเขา "เอ้า..กิน" เขาก็กิน พอกินอิ่มแล้ว มันไม่หมดถึงครึ่งแหละ เขากินเต็มที่ของเขา อิ่มแล้วเขาก็ไป ไปนู้นไปนี้แล้วกลับมาดู ๆ คือมันเสียดาย..ท้องมันเต็มเสียก่อน..อาหารยังมี เราก็ดูอย่างนี้แหละ เขาดูเรา สุดท้ายเราก็ว่า "มึงกินอิ่มแล้วเหรอ เอาให้เต็มเหนี่ยว วันนี้เป็นวันของมึงนั่นแหละ"

เราก็เดินชิดกับมัน เขาก็ดูเรา แล้วทำหางกระดิก นั่น..เห็นไหมล่ะ ? เราไปคลอเคลียกับเขา พูดกับเขา เขาอดไม่ได้ เขาทำหางกระดิก ๆ อย่างนั้นแหละ เขาเคยเห็นเราเมื่อไร ทำไมเขาหางกระดิก ? นี่ละ..เพราะความประสานกันด้วยการให้ เห็นไหมล่ะ ? ทาน..การให้ ประสานให้หมากับคนสนิทกันได้ เขากระดิกหางใส่เรา เราก็ไม่ลืม

อาจารย์หมออวยก็ปิ๊งปั๊งทันที ปุ๊บ ๆ ไปเลย ฟาดมาเสียห่อขนาดนี้ ไปเอาจากโรงข้าวแกงเขามา ก็ยังอยู่นั่นละนะ เขาไปโน้นไปนี้ แล้วกลับมาดู เขาไปดูอาหารของเขา มีหมาตัวเดียว นี่ละ..อำนาจแห่งการเสียสละ ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ไปปฏิบัติต่อกัน ต่อสัตว์โลกทั่ว ๆ ไป ความสงบร่มเย็นจะมีทั่วไปหมด เพราะอำนาจแห่งความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน...

(อีกคราวเมื่อต้นปี ๒๕๔๙) เมื่อวานนี้ก็ไปให้อาหารปลา ๓ จุดเมื่อวาน ไปทางนครชัยศรีล่ะ เมื่อวานปลาอดอยากขาดแคลน ปลาขึ้นมาเต็ม ผอม เราไปดูใกล้ ๆ ปลามันขึ้นมา มันหิวอาหาร เอาอาหารไปหว่านลง ๆ แล้วมันมา ปลาไม่ได้อ้วน ผอม คืออาหารไม่พอ เมื่อวานนี้ก็ทุ่มลง ค่าอาหารปลาเมื่อวานก็ตั้งแสนกว่าบาท ไม่ใช่เล่น..อย่างนั้นละ..ไปที่ไหนทำอย่างนั้น

(เมื่อต้นปี ๒๕๔๓) วันนี้เราไปให้อาหารที่เขาดิน อาหารปลา ปลาไม่ค่อยกินนะ มีแต่ปลาแก่ ๆ ตัวใหญ่ ยาว มันแก่พอแล้ว..ไม่ค่อยกิน เลยให้เล็กน้อย ต้องไปให้วัดลานบุญ อาหารเป็นเม็ดเขาไม่ค่อยชอบเหมือนขนมปัง เขากินเหมือนกัน แต่กินขนมปังมากกว่า เราให้เขามากพอนั่นแหละ จนกระทั่งขนมปังหมดพอดี เอาไปเยอะ ซื้อที่นั่นอีกเยอะ..หมด..อาหารเม็ดเอากลับมาให้ปลาเรา เพราะเราแย่งเอาจากปลาของเราไป มีเท่าไรเอาไปหมด พอเหลือแล้วก็เอากลับคืนมาให้มัน เดี๋ยวมันคิดดอกกับเรา ลำบากนะ เราจะว่าคิดดอกได้แต่คน ปลามันคิดดอกได้เหมือนกัน

อ้าว..ถ้าให้ความเป็นธรรมก็ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเห็นใจเขา เรากลับมาต้องเอาเพิ่มให้เขาอีก ถึงเรียกว่าคิดดอกให้เขา เราเตรียมขนมปังไปเยอะก็หมด ซื้อเอาจากนั้นเพิ่ม..หมด สงสารสัตว์จะว่าไง สัตว์หิว..สัตว์ก็เป็นทุกข์เหมือนคน ไม่ว่าคนว่าสัตว์ มีท้องมีปาก มีความหิว แล้วก็ต้องมีความทุกข์เหมือนกัน ควรจะเฉลี่ยเผื่อแผ่กัน ได้อย่างไรก็ต้องเฉลี่ยกัน อย่างไปหาเลี้ยงที่นั่นที่นี่ก็คือเห็นอย่างนี้เอง เห็นภัยแห่งความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากความหิว เมื่อพอเป็นไปได้ ก็ช่วยกันไปอย่างนั้น"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2024 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (22-08-2024), ชุณหพงศ์ (22-08-2024), ต้นบุญ (22-08-2024), นายสำเร็จ (24-08-2024), ปราโมทย์ (23-08-2024), พี่เสือ (23-08-2024), พุทธภูมิ (21-08-2024), มารวย๙ (22-08-2024), สุธรรม (22-08-2024)
  #738  
เก่า 23-08-2024, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สัตว์พิการ ไม่ถูกทอดทิ้ง

ความเมตตาสงสารสัตว์ขององค์หลวงตาเช่นนี้เอง ทำให้เมื่อรับทราบปัญหาความทุกข์ความลำบากของสุนัขหลายร้อยชีวิต (ในระยะต้น) ที่บ้านสัตว์พิการ ซอยพระมหาการุณย์ ปากเกร็ด นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่รับเลี้ยงสัตว์หลายประเภท ทั้งปกติและพิการจำนวนมาก องค์ท่านก็รีบอนุเคราะห์ช่วยเหลือทันทีด้วยการซื้อที่ดิน สร้างอาคาร ขยับขยายกว้างขึ้น และช่วยเหลือต่อเนื่องด้วยการจ่ายค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จนสามารถรองรับสุนัขพิการได้เป็นจำนวนมาก ท่านเมตตาเล่าความเป็นมาโดยย่อ ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือบ้านสัตว์พิการแห่งนี้ว่า

"ที่ปากเกร็ด หมาตั้งสามสี่ร้อยตัว เขาออกทางหนังสือพิมพ์ เราเห็นในหนังสือพิมพ์ก็ตามไปดู โอ้โห..มีแต่หมาพิการ ยั้ว ๆ เยี้ย ๆ ไปดูสภาพของมัน แล้วเป็นยังไง ? ถามสภาพความเป็นอยู่ของเจ้าของที่เลี้ยงหมา ถามทุกสิ่งทุกอย่างจนกระทั่งถึงค่าน้ำค่าไฟ ค่าบริการต่าง ๆ รอบด้าน เกี่ยวกับหมานี้เดือนหนึ่งหมดเท่าไร ? เขาว่าถ้าธรรมดาแล้วก็เดือนละแสน แต่นี้มันไม่มีเงินแสนซิ..ที่จะเลี้ยงหมา..!

บางวันเครียดเสียจนกระทั่งนอนไม่หลับ เป็นยังไงถึงเครียด ? โอ๊ย..หมาก็ร้องพอหมา คนก็ทุกข์พอคน หมาร้องหิวโหย ไม่มีอะไรจะให้กิน เจ้าของก็หมด..ไม่มีอะไรจะกิน อาชีพเพียงเป็นครูเท่านั้น เมื่อเห็นหมาก็สงสาร เอามาเลี้ยง ๆ พอคนอื่นเห็นเราเลี้ยงหมาตัวหนึ่ง เขาก็เอามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน แล้วก็เลี้ยงเรื่อย ๆ มาจนกระทั่งป่านนี้แหละ..!

บางวันเครียดเสียจนนอนไม่หลับ หมาก็ร้องพอหมา คนก็ทุกข์พอคน..ว่างั้น เราก็เลยถามถึงเรื่องราวต่าง ๆ เขาก็บอกว่าหมดเดือนละแสน เราเลยให้เดือนละหนึ่งแสนเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาหลายปีแล้วนะให้เดือนละหนึ่งแสน ๆ ถ้าหากว่าขัดข้องอะไร จำเป็นอะไร ให้บอกอีกนะ สร้างตึกให้หลังหนึ่งให้ ๖ ล้าน แล้วซื้อที่ให้ ๔ ล้าน ๒ แสน

เราซื้อให้เลยเพราะที่มันแคบ อันนี้ที่หนึ่งไร่ เราเลยซื้อให้อีกหนึ่งไร่ขยายออกไป รถเราก็จะให้ เขาบอกเขาไม่เอารถ เราให้มอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง เขาบอกว่าอาศัยรถเพื่อนฝูงได้อยู่..ไม่เป็นไร

นอกจากนี้ก็ซื้อที่ให้หนึ่งไร่เลย แต่ก่อนเขามีอยู่หนึ่งไร่ เราซื้อให้อีกหนึ่งไร่ แล้วสร้างตึกให้อีกหนึ่งหลัง สบายทุกวันนี้ หมาปากเกร็ดสบาย.."

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-08-2024 เมื่อ 00:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #739  
เก่า 25-08-2024, 01:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สุนัขปลอดภัย..ไม่จรจัด

บ้านเลี้ยงสุนัขอีกแห่งหนึ่งที่ถนนพุทธมณฑลสาย ๓ ซึ่งมีสุนัขกว่าร้อยตัวที่ต้องเป็นภาระดูแลอยู่ที่นี่ องค์หลวงตาก็มีเมตตาให้การช่วยเหลืออีก ดังนี้

"ไปกรุงเทพฯ อีคราวนี้ เขาก็เขียนจดหมายมาหาเรา เพราะจดหมายเราเบื่อพอแล้วนะ มันจดหมายอะไร จดหมายยุ่งนี่นะ เอามาอ่าน ใจอ่อนทันที เขาพูดถึงเลี้ยงหมาไม่มีเงิน ติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรังเพราะการเลี้ยงหมานั่นเอง สงสารหมา..ไม่รู้จะทำยังไง..ก็ไปกู้ยืมเพื่อนฝูงมา ซื้ออาหารให้หมากิน เจ้าของก็จนตรอกจนมุม เวลานี้ติดหนี้ท่วมหัว

หมาบางวันก็อิ่ม บางวันก็หิวจะตาย ร้องครวญครางจะตาย แต่เจ้าของก็จะตาย ไม่ทราบจะทำยังไง ถ้าท่านจะเมตตาได้ก็จะเป็นพระเดชพระคุณอย่างยิ่ง เขาเขียนจดหมายมา

พอเห็นเท่านั้นเราให้พระตามไปเลยนะ..วันหลัง เขาบอกบ้านเลขที่ไว้เรียบร้อยที่กรุงเทพฯ ตามไปดู..ยั้วเยี้ย ๆ ตามที่บอก ถามเขาให้ชัดเจนนะ ทุกสิ่งทุกอย่างถามให้ชัดเจน พอถามเสร็จแล้วก็มา เจ้าของเขาก็ตามมา มาถึ เราก็ถามกับเจ้าของเขา ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย เขาบอกว่าติดหนี้อยู่ สำหรับเลี้ยงหมา เลี้ยงหมานี้เดือนหนึ่งหมดประมาณเท่าไร หมดประมาณหมื่นห้า..ว่างั้น เดือนหนึ่งให้พอเหมาะพอดี ประมาณหมื่นห้า หนี้ทั้งหมดนั้น..หามาเลี้ยงหมานะ..เราเห็นใจ

เอ้า..เราจะใช้ให้ เดี่ยวนี้ส่งไปแล้ว พอมาถึงปั๊บก็ส่งปุ๊บเลย เดือนละหมื่นห้านั้น เราให้เป็นเดือนละ ๓ หมื่น ประจำทุกเดือนไปเลย ให้เป็นเดือนละ ๓ หมื่น เรียกว่าทบครึ่ง เผื่อเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วใช้หนี้ก็ให้พร้อมไปเลย เราก็จะจ่ายให้ตามนั้นหมดเลย

หมาที่สวนแสงธรรมกำลังทุกข์ เราจึงช่วยให้พ้นทุกข์ พออ่านจดหมายว่าหมา ใจอ่อนเลยนะ เลยคำว่าวุ่น วุ่นนี่มายังไงกัน ? หมดเลยคำว่าวุ่น อ่อนทันทีเลย ให้ตามไปดูในวันหลัง ได้ความมาอย่างนั้นละ ก็เป็นอันว่าเปลื้องแล้วหนี้ เราก็จะให้คนนี้ ให้เขาอยู่เลี้ยงหมา ที่ไร่หนึ่งนั้นให้เลี้ยงหมาหมดเลย บุญของเขา บุญของหมา"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2024 เมื่อ 17:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (25-08-2024), ชุณหพงศ์ (25-08-2024), ต้นบุญ (25-08-2024), ปราโมทย์ (26-08-2024), พี่เสือ (02-10-2024), พุทธภูมิ (25-08-2024), มารวย๙ (25-08-2024), สุธรรม (25-08-2024)
  #740  
เก่า 29-08-2024, 19:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,603
ได้ให้อนุโมทนา: 154,953
ได้รับอนุโมทนา 4,450,934 ครั้ง ใน 35,208 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไม่ลืมสัตว์ในวัด

ความเมตตาส่วนนี้องค์ท่านถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ชนิดที่ไม่ยอมให้บกพร่องเลย นั่นคือความเมตตาสงสารสัตว์ที่อยู่ในวัดป่าบ้านตาด ซึ่งมีอยู่หลายประเภท เช่น ไก่ป่า กระรอก กระจ้อน กระแต ฯลฯ

องค์ท่านสังเกตใส่ใจดูแลเรื่องอาหารน้ำตลอดมา โดยเน้นย้ำตักเตือนพระเณรมิให้มองข้ามหรือเผลอลืมให้อาหารสัตว์ พร้อมให้เหตุผลด้วยว่า เขาอยู่กับเรา เขาก็อาศัยเรา เราจะใจจืดใจดำไม่สนใจการกินอยู่ของเขานั้นไม่ควรอย่างยิ่ง เราก็หิว เขาก็หิว เรามีปากมีท้อง เขาก็มีปากมีท้องเช่นกัน อย่าเป็นพระแบบใจดำ ๆ สิ่งใดพอจะเอื้อเฟื้อเกื้อกูลก็ช่วยเหลือกันไป จึงจะสมกับเป็นลูกศิษย์ตถาคตผู้มีเมตตาธรรม

ด้วยเหตุนี้ภายในวัดจึงมีจุดให้น้ำให้อาหารกระรอกกระแต ทำเป็นร้านเล็ก ๆ สูงระดับอกกระจายอยู่ทั่ววัด กะจำนวนได้มากกว่าร้อยจุด องค์ท่านเน้นว่า ร้านกระรอกทุกร้านควรมีข้าวเหนียว กล้วยสุกหรือผลไม้สุกในปริมาณพอดีกับที่เขาต้องการ ไม่มากไปจนบูดเน่าเหม็นหรือน้อยไปจนขาดเขิน ควรเหลือไว้พอดี ๆ เสมอ ขอยกคำกล่าวของท่านที่แสดงถึงความใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์มาแสดงแต่พอสังเขป ดังนี้


"เราเดินเข้าไปทีไรไม่เห็นสับปะรดสักลูกหนึ่งแขวนอยู่นั่นเลย ตรงนี้ละซี ที่ว่ากระรอกร้องห่มร้องไห้ก็ตอนนี้แหละ ขาดสับปะรด ไปทีไรไม่เห็นสักที เราก็เลยปลอบโยนกระรอกว่า

"สูกินกล้วยไปก่อนเถอะ อาจารย์สูมาแล้ว สูค่อยกินทีหลัง"

ก็มันชอบสับปะรดมากกว่ากล้วย ถ้าสับปะรดมีเท่าไรเอาหมด นอกจากไม่มีสับปะรดแล้วมันค่อยมากินกล้วย ฟาดใส่รถเต็มมา เทปั๊วะเลย ให้พวกสัตว์

ขนุนอยู่ตามริมสระข้างในครัวนั่นน่ะ มันสุกมันแก่ที่ไหนให้ตัดกันลงไปเลี้ยงกัน ๆ ทางโน้น ไม่จำเป็นต้องส่งมานี้ อยู่ทางนี้เราก็แจกกระรอก กระแต อยู่ทางนี้ให้กระรอกกระแต ทางโน้นให้ทางโน้น มันสุกที่ไหน ๆ ตัดออกมา ๆ เอาไปเลี้ยงกัน วัดนี้เหลือเฟือ ผลไม้ขนุนมีอยู่ทั่วไปสำหรับกระรอก"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2024 เมื่อ 19:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว