#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงวันพุธที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อวานนี้ พวกเราวิ่งออกจากร้านขายใบชา ฝ่าฝนที่พรำอยู่ตลอดทาง เพื่อไปยังกรุงโคลอมโบ เมืองหลวงของประเทศศรีลังกา มีการแวะเข้าห้องน้ำในระหว่างทาง ซึ่งการแวะแต่ละครั้งมักจะทำให้คิดถึงเมืองไทยเป็นอย่างมาก
เนื่องเพราะว่าบ้านเราไม่ว่าสถานีบริการน้ำมันที่ไหน ก็ล้วนแล้วแต่มีห้องน้ำทั้งสิ้น แต่ว่าทางศรีลังกานี้ต้องเป็นร้านอาหารที่ใหญ่โตพอเพียง ถึงจะมีห้องน้ำไว้บริการลูกค้า และที่สำคัญก็คือ มักจะมีแค่ผู้หญิง ๒ ห้อง ผู้ชาย ๒ ห้องเท่านั้น แล้วการที่คนเป็นร้อยต้องไปรอเข้าคิว ก็ทำให้พวกเราต้องเสียเวลาในแต่ละครั้งไปนานมาก ทั้ง ๆ ที่ตำรวจจราจรก็พาพวกเราลุยแหลก บางทีก็นำฝ่าไฟแดงไปต่อหน้าต่อตา ขนาดนั้นก็ยังมีรถยนต์หลายต่อหลายคัน ที่คิดจะอาศัยเกาะขบวนไปด้วย แทรกกลางเข้ามาโดยที่ไม่พยายามจะหลบจะหลีก บางทีพลขับของเรารำคาญขึ้นมา หาจังหวะแซงได้ก็เบียดไปอย่างชนิดที่ไม่ต้องเกรงใจว่าจะกระแทกกันหรือเปล่า..! ทำเอาพวกเราต้องจับมรณานุสติไปตลอดทาง จนกระทั่งประมาณทุ่มครึ่งของประเทศศรีลังกา ตกราว ๆ ๓ ทุ่มของบ้านเรา ก็ไปถึงโรงแรม Cinnamon Red Hotel ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสีแดง สมกับคำว่า "อบเชยแดง" จริง ๆ พวกเราไปรับห้องพักที่ล็อบบี้ชั้น ๗ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่มีโอกาสเดินดู ว่าว่าชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๖ เขาทำประโยชน์อะไรบ้าง ? เมื่อรับเอาบัตรสำหรับห้องพักมาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ต้องมาสอนว่า ต้องใช้บัตรนี้ปาดผ่านกล่องเล็ก ๆ ข้างลิฟท์เสียก่อน แล้วถึงจะกดหมายเลขไปยังชั้นของตนได้ บัตรของแต่ละชั้นใช้ได้เฉพาะชั้นนั้นห้องนั้นเท่านั้น ไม่สามารถที่จะใช้กับชั้นอื่นหรือห้องอื่นได้ ถือว่าเป็นความปลอดภัยทีเดียว แต่น่าเป็นห่วงตรงที่ว่าหากไฟฟ้าดับขึ้นมา ยังไม่ทราบว่าจะโกลาหลอลหม่านขนาดไหน..?! จากชั้น ๗ กระผม/อาตมภาพต้องขึ้นไปยังห้องพักที่ชั้น ๒๒ แต่ก็ไม่กล้าที่จะนอน เนื่องเพราะว่าถ้าหลับอาจจะยาวไปเลย จึงใช้วิธีนอนภาวนา จนกระทั่งตี ๒ ค่อยไปสรงน้ำสรงท่า แต่งตัวใหม่จนเรียบร้อยแล้วลงมาทำการคืนห้อง แต่ว่าเจ้าหน้าที่รับบัตรที่ชั้น ๗ แล้วตัวเราต้องลงมารอรถที่ชั้น ๑ ซึ่งไม่มีเก้าอี้แม้แต่ตัวเดียวที่จะให้กับแขกเลย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชายท่านหนึ่งทนไม่ไหว เปิดเข้าไปในสำนักงานด้านข้าง แล้วเข็นเอาเก้าอี้สำนักงานมา ๑ ตัว ให้กระผม/อาตมภาพได้นั่ง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2024 เมื่อ 03:28 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
อีกส่วนหนึ่งก็ช่วยกันนำอาหารกล่องมามอบให้กับบรรดาคณะของเราคนละกล่อง กระผม/อาตมภาพรับมา เห็นมีทั้งแซนด์วิช ครัวซองก์ ไข่ต้ม โยเกิร์ต ตลอดจนกระทั่งขนมปังกรอบ และที่สำคัญก็คือมีกล้วยหอมมาลูกหนึ่งด้วย แต่ว่าเป็นกล้วยที่ค่อนข้างจะแข็ง ถ้าเป็นบ้านเราถือว่ายังดิบอยู่เลย กระผม/อาตมภาพฉันไปอย่างละเล็กอย่างละน้อย แล้วยกให้กับคนอื่นไป บางคนที่ไม่คิดจะกินอาหารแขกอีกแล้ว เพราะคิดถึงอาหารไทยเต็มที ก็ยกให้กับพลขับและเด็กรถไปเลย
เมื่อพร้อมแล้ว รถก็นำพวกเราออกเดินทางตรงไปยังสนามบินนานาชาติบันดรานายะเก กรุงโคลอมโบ ปรากฏว่ามีช่วงหนึ่งที่จะต้องขึ้นทางด่วน ซึ่งเขาห้ามมอเตอร์ไซด์ขึ้นไปวิ่ง จึงทำให้ตำรวจนำของเราต้องแจ้งให้กับพลขับได้ทราบ แล้วก็วิ่งอ้อมไป เพื่อตัดทางไปรอรับทางด้านหน้าโน้น กระผม/อาตมภาพเห็นพอมีเวลาอยู่ จึงเข้าไปตรวจทานบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เสร็จสรรพกดเซฟก็พอดีมาถึงสนามบินแล้ว พวกเราผ่านการเอ๊กซเรย์เข้าไปทางด้านใน ปรากฏว่าหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร โดนเจ้าหน้าที่เรียกไปตรวจต่างหาก เนื่องเพราะว่าท่านเอาผ้าห่อพระพุทธรูปที่เขาถวายเป็นที่ระลึก ใส่กระเป๋าสะพายของท่านมาด้วย กระผม/อาตมภาพต้องอธิบายให้เจ้าหน้าที่เขาฟังว่าได้มาจากไหน เมื่อเคาน์เตอร์ยังไม่เปิด พวกเราจึงจับกลุ่มถ่ายรูปหมู่กันก่อน เสร็จแล้วก็ค่อยไปทำการเช็คอิน ซึ่งทางกระผม/อาตมภาพ ตลอดจนกระทั่งญาติโยมประมาณ ๑๐ กว่าคนที่เช็คอินก่อน ได้ประตูขึ้นเครื่องประตูที่ ๗ มา ส่วนคนที่เช็คอินที่หลังได้ประตูขึ้นเครื่อง R3 แต่พวกกระผม/อาตมภาพไม่ทราบ จึงเดินเข้าไปจนถึงด้านใน ซึ่งเส้นทางเดินนั้นตลอดระยะทางก็คือร้านขายสินค้าปลอดภาษีที่เอาไว้ละลายทรัพย์นั่นเอง""+ เมื่อเดินมาถึง เห็นว่าประตูขึ้นเครื่องหมายเลข ๗ ยังไม่เปิด กระผม/อาตมภาพจึงนั่งส่งงานไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) แจ้งเข้ามาในไลน์ บอกว่าทางด้านเจ้าหน้าที่ออกประตูขึ้นเครื่องให้เป็น R3 ยังไม่พอ ยังแจ้งว่าเครื่องดีเลย์อีก ๒ ชั่วโมง..! คุณพีรพงษ์ พิทักษ์วงค์ จึงเชิญพวกเราที่เป็นพระ ๔ รูปเข้าไปภายในเลาจน์ของสนามบิน ซึ่งมีอาหารต้อนรับอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมกับน้ำดื่ม พวกเราจึงจัดการฉันเช้ากันที่นี่แทนอาหารกล่อง แล้วก็นั่งภาวนารอเวลาว่าเมื่อไรจะถึงเสียที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2024 เมื่อ 03:32 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
จนกระทั่งประมาณ ๘ โมงกว่า กระผม/อาตมภาพพาทุกคนเดินไปยังประตู R3 ไปถึงก็ทำการเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ให้เขาตรวจสอบ โดยที่ตัวเองซึ่งพกพระเลี่ยมทอง ๓ องค์เดินผ่านเข้าไปโดยไม่มีเสียงสักแอะเดียว..! เจ้าหน้าที่ชายของสนามบินก็ให้เกียรติพระมาก ปกติแล้วถึงไม่มีเสียงดัง เขาก็จะค้นตัว แต่นี่ไม่มีการค้นเลย เมื่อกระผม/อาตมภาพจะเดินไปให้ ตม.เขาประทับตรา เพื่อออกจากประเทศศรีลังกา ปรากฏว่าเขาบอกว่าเปลี่ยนจาก R3 ไปเป็นประตู R5 อีกแล้ว ทำเอาเซ็งกันไปตาม ๆ กัน
เมื่อเข้าไปถึงทางด้านใน พวกเรานั่งรอกันอยู่เนิ่นนานกว่าที่เขาจะมานิมนต์ไปขึ้นรถ เพื่อที่จะไปส่งที่เครื่องบิน ตั้งแต่แรกก็คุยกันว่าจะอัพเกรดตั๋วให้หลวงพ่อพระครูวิสาลบุญสถิต รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย หลวงพ่อเจ้าคุณพระวชิรปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง และตัวอาตมภาพไปอยู่ชั้นธุรกิจ แต่ปรากฏว่ามีที่ว่างแค่ ๒ ที่ กระผม/อาตมภาพจึงต้องมานั่งที่ชั้นประหยัดแทน เครื่องขึ้นตรงเวลา ๐๙.๔๕ น. ของทางประเทศศรีลังกา ทำการบินมาโดยที่เจ้าหน้าที่นำอาหารกลางวันมามอบให้ โดยถามว่า "จะเอาปลาหรือว่าไก่ ?" เมื่อบอกไปว่า "ไก่" เปิดออกมาแล้วก็งงมากว่าไก่อยู่ตรงไหน ? เพราะว่าไก่ที่มานั้นเป็นไก่ทั้งตัวเลย ก็คือเป็นไข่เจียวออมเล็ต กระผม/อาตมภาพก็ยังขำอยู่ในใจว่า "ไก่ของคุณโตไม่ทัน ?" ฉันเพลเสร็จเรียบร้อย ก็นั่งอ่านหนังสือเพื่อไม่ให้เสียสถิติที่ตั้งใจว่า "จะต้องอ่านหนังสือให้ได้วันละเล่ม" แล้วก็คุยเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ด้วยกัน จนกระทั่งเครื่องลงแตะสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิในเวลาประมาณ ๑๔.๔๐ น. ของบ้านเรา เดินไปทำพิธีตรวจคนเข้าเมืองเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มอบให้ไอ้ตัวเล็ก นำเอาลูกอ้วน (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะส่งกลับวัดท่าขนุน โดยมีคุณปราโมทย์ นนทารักษ์ ซึ่งจะไปลงที่ ม.มหิดล (ไทรโยค) อาสาไปส่งให้ เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพนั้นมีภารกิจต่อเนื่องอีกหลายวัน แล้วไปขึ้นรถที่คุณปิง (นายณัฐภาคย์ องค์วรวิทย์) นำมารอรับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน เจ้านายของตน พร้อมกับกระผม/อาตมภาพและน้องเล็ก วิ่งกลับไปยังวัดอุทยาน เมื่อไปถึงก็ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก่อน หลังจากนี้ก็จะไปลอกคราบตัวเองและซักผ้าซักผ่อนที่หมกมาหลายวันเสียที สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2024 เมื่อ 03:38 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|