กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-12-2023, 18:32
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 340
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,645 ครั้ง ใน 818 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-12-2023, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,946 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ แม้ว่าจะมีภารกิจรัดตัวขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าอยู่วัด กระผม/อาตมภาพก็ออกบิณฑบาตตามปกติ ดีที่ว่าเมื่อคืนเดินทางไปถึงวัดท่าขนุนแล้ว ได้ฉันยาแก้ไข้ไปก่อน เนื่องเพราะว่าช่วงเช้าอากาศ ๑๗ องศาเซลเซียส ถ้าหากว่าไม่เคยชิน ก็จะรู้สึกหนาวมากเลยทีเดียว

การบิณฑบาตวันนี้นั้น มีเรื่องที่ต้องกล่าวถึงหลายเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกก็คือ เมื่อเดินทางผ่านร้านจานแก้ว ซึ่งจำหน่ายข้าวแกง ได้มีคณะญาติโยมนักท่องเที่ยวตะโกนบอกว่า "ท่าน..รอก่อนค่ะ..รอก่อนค่ะ" ซึ่งถ้าในลักษณะนี้กระผม/อาตมภาพไม่เคยรอเลย..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าหากว่ารอญาติโยมอยู่ทางด้านนี้ กว่าที่แม่ค้าจะตักข้าวตักแกงใส่ถุงให้ท่านทั้งหลาย ครบจำนวนอย่างน้อยก็ ๙ ชุด จะต้องเสียเวลาไปมาก ทำให้ญาติโยมซึ่งรออยู่ข้างหน้า บางท่านจะต้องรีบเดินทางไปทำงาน อาจจะรอไม่ไหว หรือว่าเข้างานสายได้ กระผม/อาตมภาพจึงมักจะทำหูทวนลม แล้วเดินผ่านไปเลย ประมาณว่าเตรียมทันแค่ไหนก็ใส่ไปแค่นั้น ถ้าหากว่าไม่ทัน ก็รอใส่วัดอื่นไปก็แล้วกัน

อีกช่วงหนึ่งก็คือช่วงที่เดินทางมาจนกระทั่งเกือบจะถึงตลาดสดของอำเภอทองผาภูมิแล้ว มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ถือถุงอาหารเตรียมใส่บาตร เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว กระผม/อาตมภาพเดินเลยไป พร้อมกับบอกว่า "ช่วยถอดรองเท้าด้วยจ้ะ" แต่ตัวเองเดินเลยไปแล้ว..!

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสลดใจมาก ตรงที่ว่าท่านทั้งหลายไม่ใช่อายุน้อย ๆ แต่แบบธรรมเนียมอะไรที่เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพในพระรัตนตรัยของท่านไม่มีเลย แล้วยังทั้งถ่ายรูปและถ่ายภาพเคลื่อนไหวไปอวดอื่นให้เห็นอีกว่าใส่รองเท้าใส่บาตรกัน..!

เรื่องนี้จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงหลายประการด้วยกัน ประการแรก เสียกับทางด้านพระภิกษุสามเณร เนื่องเพราะว่าองค์แห่งการประเคน คือการยกของให้กับพระภิกษุสามเณรนั้น อันดับแรกเลย ต้องอยู่ในเขตหัตถบาส ก็คือต้องอยู่ในช่วงที่เอื้อมมือถึง อันดับที่สอง ของชิ้นนั้นต้องไม่ใหญ่จนเกินไป พอที่บุรุษผู้มีกำลังปานกลาง จะยกขึ้นประเคนไหว อย่างที่สามก็คือ น้อมถวายด้วยความเคารพ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-12-2023 เมื่อ 20:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-12-2023, 21:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,946 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มาภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นบ้านมหาเศรษฐี หรือว่าในรั้วในวัง บรรดาข้าทาสบริวารที่ต้องการจะใส่บาตร แต่ไม่สามารถที่จะออกนอกรั้วมาได้ จึงมีการโยนภัตตาหารข้ามรั้วมาถวายพระ จนกลายเป็นแบบธรรมเนียม ในการโยนข้าวต้มลูกโยน หรือว่าโยนบัวรับบัวของไทยเราในปัจจุบันนี้

เรื่องนี้แม้องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอนุญาตให้รับได้ แต่พระองค์ท่านทรงใช้คำว่า "ถ้าเขาถวายด้วยความเคารพ แม้โยนข้ามรั้วมาก็ให้รับได้" และโดยเฉพาะครูบาอาจารย์ทุกท่านต่างก็ชี้จุดลงไปว่า "องค์ของการประเคนนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องแสดงการให้ด้วยความเคารพ"

ในเมื่อตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน เราท่านทั้งหลายก็รู้ว่าการถอดรองเท้านั้นเป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง แล้วญาติโยมทั้งหลายก็ใส่รองเท้าสารพัดยี่ห้อ เรียงรายกันถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ถ้าพระรับไป ของนั้นก็ต้องสละทิ้ง ไม่สามารถที่จะใช้จะฉันได้ เพราะว่าผิดพระวินัย..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราท่านทั้งหลายก็ทำให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาก่อน ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่พระภิกษุสามเณร แล้วท่านทั้งหลายซึ่งไม่เข้าใจแบบธรรมเนียม หรือว่าแกล้งเมินเฉยต่อแบบธรรมเนียมที่ดี ก็จะส่งผ่านสิ่งไม่ดีไม่งามทั้งหลายเหล่านี้ให้กับรุ่นต่อ ๆ ไป กลายเป็นบุคคลที่มีจิตหยาบต่อการกระทำที่แสดงออกซึ่งความเคารพ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ออกไปในทางปรามาสพระรัตนตรัย

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งชาตินี้และชาติถัดไป ท่านทั้งหลายก็ไม่มีหวังที่จะเข้าถึงมรรคถึงผล เพราะว่าสภาพจิตของท่านหยาบเกินไปที่จะมองเห็นว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้คือการแสดงออกซึ่งความเคารพในพระรัตนตรัย ก็แปลว่า นอกจากตัวท่านจะสูญเสียโอกาสในการเข้าถึงมรรคถึงผลแล้ว อนุชนรุ่นหลังที่เห็นแบบอย่างแล้วทำตาม ก็จะสูญเสียโอกาสนั้นไปด้วย..!

การที่สูญเสียโอกาสเข้าถึงมรรคถึงผล แปลว่าหนทางในวัฏสงสารของท่านทั้งหลายนั้นยาวไกลมาก ก็คือต้องเกิดแล้วเกิดเล่าไม่รู้จบ เกิดมากี่ชาติก็ทุกข์เท่านั้นชาติ ต้องทุกข์แล้วทุกข์เล่าไม่รู้จักจบเช่นกัน..!

ท่านทั้งหลายตรึกตรองให้ดีว่า การที่พระเณรไม่รับอาหารที่ท่านตั้งใจถวาย เพราะว่ารับไปก็ผิดแบบธรรมเนียมและพระวินัย ขณะเดียวกันท่านทั้งหลายก็แสดงออกซึ่งความหยาบของสภาพจิตใจ เสียหายทั้งสองฝ่าย ตลอดจนเสียหายไปถึงพระพุทธศาสนาด้วย ถ้าท่านทราบความอย่างนี้แล้ว ยังจะกระทำต่อกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ว่าคงไม่ได้ไปเจอกันในหนทางข้างหน้า เพราะกระผม/อาตมภาพไม่นิยมการเกิดแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2023 เมื่อ 03:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-12-2023, 21:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,946 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บุคคลที่ได้รับการยกเว้นว่าสามารถใส่รองเท้าได้นั้น หนึ่ง..ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย สอง..เป็นบุคคลที่อยู่ในเครื่องแบบเตรียมพร้อม อย่างเช่น ตำรวจ ทหาร ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเป็นของทองผาภูมินี้ กระผม/อาตมภาพยกเว้นให้แม่ค้าขายปลาด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทุกคนนอกจากต้องแต่งตัวเต็มยศ ก็คือผูกผ้ากันเปื้อนที่เป็นชนิดกันน้ำแล้ว ยังต้องใส่รองเท้ายางสูงถึงเข่า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าโดนน้ำจนเปื่อย ทำให้การถอดเข้าถอดออกนั้นยากมาก แล้วบรรดาแม่ค้าปลาของอำเภอทองผาภูมิส่วนใหญ่ ก็ใส่บาตรเสียแทบทุกคน ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านใดไม่ได้ถอดรองเท้า กระผม/อาตมภาพถือว่ามีเหตุผลที่เพียงพอจะให้อภัย

แต่สำหรับท่านอื่น ๆ แล้ว พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนก็มักจะเห็นกระผม/อาตมภาพนั้นเดินผ่านไปเฉย ๆ เสมอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะทักท้วงให้หยุดเพื่อรอรับบาตร กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ใส่ใจ
เพราะว่ารับไปก็สร้างความเสียหายให้กับทั้งตนเองและญาติโยม แล้วเสียหายใหญ่ไปถึงพระพุทธศาสนาด้วย

อีกรายหนึ่ง อยู่ตรงหน้าตลาดสดเลย มัวแต่ไลฟ์สดว่าตนเองใส่บาตร จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่า คงจะจ่อกล้องอยู่กับอาหารในมืออีกนาน จึงเดินเลยไป แต่ว่าบุคคลผู้นั้นก็คงจะตั้งใจใส่บาตรให้ได้ จึงเบียดกระแทกเข้าไปในแถวคนอื่น เพื่อที่จะใส่บาตร
กระผม/อาตมภาพให้ทัน..!

ตรงนี้ก็สร้างความเสียหายให้แก่คนอื่นเช่นกัน เนื่องเพราะว่าบุคคลที่กำลังตั้งใจใส่บาตร เมื่อโดนกระแทกเข้า อาจจะเกิดโทสะขึ้นมา การทำบุญผสมโทสะ ถ้าหากว่าเป็นบุญขั้นต่ำ แทนที่จะได้เกิดเป็นเทวดานางฟ้ากับเขา ก็ต้องไปเกิดเป็นอสูร เพราะว่าทำบุญแล้วมีโทสะ แบบอสุรินทราหู จอมอสูรนั่นเอง

อีกประการหนึ่งก็คือการใส่บาตร หรือว่าการทำทานนั้น อันดับแรก ก่อนทำเรามีความปลื้มปีติว่า "เราจะได้ให้ทาน" ในระหว่างที่ทำมีความปลื้มปีติว่า "เรากำลังได้ให้ทาน" หลังจากที่ได้ทำแล้ว มีความปลื้มปีติว่า "เราได้ให้ทานแล้ว" ภายหลังเมื่อนึกถึงเมื่อไร ก็เกิดความปลื้มปีติว่า "เราได้ให้ทานในครั้งนั้น ๆ" ถ้าลักษณะกำลังใจเป็นแบบนี้ บุญของท่านก็จะเต็ม ๑๐๐ ส่วน

หรือว่าถ้าเจตนาในการให้ทานของท่านบริสุทธิ์ ก็คือตั้งใจจะสละออก เพื่อสงเคราะห์ต่อพระภิกษุสามเณร หรือบุคคลอื่น

วัตถุทาน คือสิ่งของที่ท่านจะให้นั้น ได้มาโดยบริสุทธิ์ คือมาจากน้ำพักน้ำแรง หรือทรัพย์สมบัติของตนเอง ไม่ได้ลักขโมย หยิบฉวยช่วงชิง หรือฉ้อโกงผู้ใดมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2023 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-12-2023, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,946 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อันดับต่อไป ตัวเรามีศีลบริสุทธิ์ ก็คือทรงศีลได้ครบถ้วนตามสภาพ ฆราวาสทั่วไปก็ทรงศีล ๕ อุบาสก อุบาสิกา แม่ชี ก็ทรงศีล ๘ สามเณรทรงศีล ๑๐ พระภิกษุสงฆ์ทรงศีล ๒๒๗ ถ้าลักษณะนี้ เขาถือว่าผู้ให้นั้นมีความบริสุทธิ์

ดังนั้น..
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าการทำบุญให้ทานทุกครั้ง พระท่านจะต้องให้ศีลก่อน เพื่อเป็นการชำระศีลของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ จะได้เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งให้เราได้รับบุญเต็มที่

ประการสุดท้ายคือผู้รับบริสุทธิ์ ได้แก่พระภิกษุสามเณรนั้น ๆ รักษาศีลได้ครบถ้วนบริบูรณ์เป็นอย่างน้อย ถ้าสามารถทรงฌานสมาบัติได้ก็ยิ่งดี หรือถ้าจะให้วิเศษเลยก็คือ สามารถชำระกิเลสในใจให้เบาบางลงได้ เป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันไปจนถึงพระอนาคามิผล ถ้าหากว่าสามารถชำระจิตจนผ่องใสบริสุทธิ์เต็มที่ เป็นพระอรหัตผลได้ก็ยิ่งดีเลิศเป็นอย่างยิ่ง..!

กำลังใจที่ครบทั้งสี่ส่วนก็คือ เจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ ถ้าอย่างนี้ บุญของท่านจะครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม

เมื่อกล่าวมาถึงแนวทางในการให้ทานสองรูปแบบนี้แล้ว ท่านที่มัวแต่ถ่ายรูป ถ่ายคลิปวิดีโอ ไลฟ์สดอยู่ ท่านมีกำลังใจในลักษณะนี้หรือไม่ ? แทนที่จะจดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับทานของตัวเองตรงหน้า กลับกลัวว่าจะไม่มีรูปไปอัพเฟซฯ กลัวว่าจะไม่ได้ไลฟ์สดให้คนติดตามดู กำลังใจของท่านแบบนี้เท่ากับลดบุญตัวเองลงไปกี่ส่วน..!? ก็ลองประมาณสัณฐานดูกันเอาเอง

แต่ว่าถ้าหากว่าไปเจอพระวัดท่าขนุนไม่รับบุญที่ท่านกำลังทำอยู่ ก็ขอให้รู้ว่า ความผิดพลาดของท่านนั้น จะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งตนเอง ทั้งพระภิกษุสามเณร และอาจจะเสียหายใหญ่ไปถึงพระพุทธศาสนา ด้วยการกระทำอันขาดปัญญา สภาพจิตหยาบจนมองไม่เห็นโทษของท่านเองนั่นเอง ไม่ต้องไปโทษผู้อื่นเลย ถ้าหากว่าไปโกรธพระภิกษุสามเณรเข้า ก็เท่ากับหาไฟมาเผาตนเองเข้าไปอีก ยิ่งก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษหนักกันเข้าไปใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2023 เมื่อ 03:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 23-12-2023, 21:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,571
ได้ให้อนุโมทนา: 151,699
ได้รับอนุโมทนา 4,410,946 ครั้ง ใน 34,161 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เมื่อพบสิ่งทั้งหลายที่เห็นมา จึงได้นำมาบอกมากล่าว นอกจากให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมที่อยู่วัดได้รับทราบแล้ว ญาติโยมที่ติดตามเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนทั่วประเทศไทย และต่างประเทศ ก็จะได้รับทราบไปด้วยว่า สิ่งที่โบราณเขากำหนดมาจนเป็นแบบธรรมเนียมปฏิบัตินั้น แฝงเอาไว้ด้วยหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แฝงเอาไว้ด้วยแนวทางที่จะช่วยให้เราขัดเกลากิเลสในจิตใจลงไปได้โดยง่าย

แต่ในเมื่อเราเข้าไม่ถึง มองไม่เห็น แล้วทำผิดพลาดไป โทษใหญ่ทั้งหลายก็เกิดขึ้นกับท่านเอง ก็คือปิดมรรคปิดผลของตนเองยังไม่พอ บุคคลที่ทำตาม ก็ยังโดนปิดมรรคปิดผลไปด้วย..!

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา มีศรัทธาเลื่อมใส คิดที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แต่ว่ากระทำผิดรูปแบบจนก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่ตนเองและผู้อื่น ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะปรับกำลังใจของตน จนกระทั่งสามารถปฎิบัติได้ถูกต้องภายหลัง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปทุกข์ยากลำบากอีกหลาย ๆ ชาติ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2023 เมื่อ 03:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:42



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว