กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-12-2022, 21:16
ลูกแม่แดง ลูกแม่แดง is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2019
ข้อความ: 128
ได้ให้อนุโมทนา: 2
ได้รับอนุโมทนา 3,791 ครั้ง ใน 243 โพสต์
ลูกแม่แดง is on a distinguished road
Default ใช่อรูปฌานหรือไม่

๑๐ กว่าปีก่อนเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะเล่มหนึ่งผ่านตา หนังสือเล่มดังกล่าวได้กล่าวถึงข้อความจากหลายพระสูตรแต่จำบางท่อนได้แต่อาจเข้าใจไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะแม้แต่จำก็ไม่ได้ทุกข้อความในพระสูตรเหล่านั้น

ผมจำได้ประมาณว่า วิญญาณคือการรับรู้ทั้ง ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ อีกประการหนึ่งคือ นามรูปดับเพราะความดับแห่งวิญญาณ

คลับคล้ายคลับคลาว่า ผมเองก็เข้าใจว่านิพพานคือสภาวะที่นามรูปดับไปดังกล่าว

อีกอย่างผมชื่นชอบพวกหนังจีน เช่น ไซอิ๋ว ที่ได้มีการกล่าวถึงปรัชญามหายานรวมไปถึงเทพเซียนของจีน เลยไปศึกษาต่อได้พบกับคำว่า สุญญตา ที่แปลว่า ความว่าง ในพระพุทธศาสนามหายานของทางจีน

ผมก็เข้าใจว่า สุญญตา และนามรูปดับ คือสิ่งเดียวกัน ถ้าทำได้ถาวรคือสภาวะหมดกิเลสที่เรียกว่า นิพพาน

โดยที่สุญญตาที่ว่ามาจากความดับแห่งวิญญาณ คือ ความรับรู้ทางตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ

ในตอนนั้นผมเข้าใจว่า ผมดึงความสนใจทางอายตนะทั้ง ๕ มาไว้ในใจก็คือการดับวิญญาณไป ๕ ส่วน ส่วนในใจหรืออาจจะเรียกว่า มโนวิญญาณ (ไม่ทราบว่าผมเรียกถูกหลักวิชาการหรือไม่) ในตอนนั้นผมเข้าใจว่าหมายถึงความคิด

วิธีดับมโนวิญญาณคือไม่คิดอะไรในแบบที่เราไตร่ตรองรำพึงรำพันอะไรในใจของตนเองตามปกติ หรือเห็นนึกอะไรเป็นภาพในจินตนาการ ผมสังเกตว่าไม่ว่าทั้งคิดไตร่ตรองรำพึงรำพันในใจหรือนึกภาพสิ่งใดก็ตาม จะคิดไปไม่ได้ตลอด จะมีช่วงหยุดคิดก่อนที่จะขึ้นเรื่องใหม่เสมอ ช่วงดังกล่าวจะยาวสั้นก็ว่ากันไป ผมก็เลยพยายามตั้งอารมณ์จับเอาช่วงที่ไม่ได้คิดอะไรดังกล่าวนั้น

โดยถ้าหลุดจากสภาวะช่วงไม่คิดอะไรดังกล่าวหมั่นบอกตัวเองว่า ตาไม่เห็น, หูไม่ได้ยิน, จมูกไม่ได้กลิ่น, ลิ้นไม่รู้รส, กายไม่รู้สึก, ใจไม่คิด จับภาวะนั้นใหม่ประมาณ ๑ หรือ ๒ รอบก็ตั้งสมาธิได้ให้อยู่ในสภาวะว่างจากความคิดที่ว่านั้นพักหนึ่งต่อเนื่องน่าจะเป็นนาที ๆ จนกระทั่งผมเกิดเห็นตัวเลขขึ้น จึงหลุดออกจากสมาธิดังกล่าว แล้วรู้สึกว่าเสียดายอยากอยู่ในภาวะนั้นมากกว่าเห็นตัวเลข ผลปรากฏว่าตั้งอีกไม่ได้เลยในวันนั้น ผมอยากจะทราบว่า

๑.ผมบังเอิญไปจับอรูปฌานระดับใดระดับหนึ่งเข้าหรือไม่ ถ้าใช่อยากทราบว่าเป็นอรูปฌานระดับใดครับ

๒.ถ้าใช่ตามข้อ ๑ สาเหตุที่ตั้งได้ไม่นานเพราะผมไม่ได้เข้ากสิณและเพิกกสิณตามแบบก่อนเข้าอรูปฌานใช่หรือไม่ครับ

๓.ถ้าใช่ตามข้อ ๑. หากในอนาคตผมอยากเข้าอรูปฌานนี้อีกครั้ง หลังจากผมเตรียมตัวถึงขั้นเพิกกสิณตามแบบที่พร้อมจะภาวนาอรูปฌานได้แล้ว ผมควรภาวนาเข้าอรูปฌานในระดับตามข้อ ๑. นั้นแบบที่ผมได้ทำไปแล้วเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน หรือควรภาวนาแบบในวิสุทธิมรรคจะได้ผลดีกว่ากันครับ

๔.เลขที่ว่านั้น ผมบอกพ่อแม่ พ่อแม่ได้นำไปซื้อหวยบนดิน ที่ตอนนั้นยังมีขายและถูกกฎหมายแล้วถูกรางวัล ถ้าเป็นอรูปฌานจะทำให้ได้ลาภผลเร็วกว่าภาวนาด้วยกรรมฐานกองอื่นที่เป็นรูปฌานหรือไม่ครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลูกแม่แดง : 29-12-2022 เมื่อ 05:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลูกแม่แดง ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-01-2023, 04:46
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,764
ได้ให้อนุโมทนา: 268,775
ได้รับอนุโมทนา 837,990 ครั้ง ใน 12,776 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : ๑๐ กว่าปีก่อนเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะเล่มหนึ่งผ่านตา หนังสือเล่มดังกล่าวได้กล่าวถึงข้อความจากหลายพระสูตรแต่จำบางท่อนได้แต่อาจเข้าใจไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะแม้แต่จำก็ไม่ได้ทุกข้อความในพระสูตรเหล่านั้น

ผมจำได้ประมาณว่า วิญญาณคือการรับรู้ทั้ง ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ อีกประการหนึ่งคือ นามรูปดับเพราะความดับแห่งวิญญาณ

คลับคล้ายคลับคลาว่า ผมเองก็เข้าใจว่านิพพานคือสภาวะที่นามรูปดับไปดังกล่าว

อีกอย่างผมชื่นชอบพวกหนังจีน เช่น ไซอิ๋ว ที่ได้มีการกล่าวถึงปรัชญามหายานรวมไปถึงเทพเซียนของจีน เลยไปศึกษาต่อได้พบกับคำว่า สุญญตา ที่แปลว่า ความว่าง ในพระพุทธศาสนามหายานของทางจีน

ผมก็เข้าใจว่า สุญญตา และนามรูปดับ คือสิ่งเดียวกัน ถ้าทำได้ถาวรคือสภาวะหมดกิเลสที่เรียกว่า นิพพาน

โดยที่สุญญตาที่ว่ามาจากความดับแห่งวิญญาณ คือ ความรับรู้ทางตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และใจ

ในตอนนั้นผมเข้าใจว่า ผมดึงความสนใจทางอายตนะทั้ง ๕ มาไว้ในใจก็คือการดับวิญญาณไป ๕ ส่วน ส่วนในใจหรืออาจจะเรียกว่า มโนวิญญาณ (ไม่ทราบว่าผมเรียกถูกหลักวิชาการหรือไม่) ในตอนนั้นผมเข้าใจว่าหมายถึงความคิด

วิธีดับมโนวิญญาณคือไม่คิดอะไรในแบบที่เราไตร่ตรองรำพึงรำพันอะไรในใจของตนเองตามปกติ หรือเห็นนึกอะไรเป็นภาพในจินตนาการ ผมสังเกตว่าไม่ว่าทั้งคิดไตร่ตรองรำพึงรำพันในใจหรือนึกภาพสิ่งใดก็ตาม จะคิดไปไม่ได้ตลอด จะมีช่วงหยุดคิดก่อนที่จะขึ้นเรื่องใหม่เสมอ ช่วงดังกล่าวจะยาวสั้นก็ว่ากันไป ผมก็เลยพยายามตั้งอารมณ์จับเอาช่วงที่ไม่ได้คิดอะไรดังกล่าวนั้น

โดยถ้าหลุดจากสภาวะช่วงไม่คิดอะไรดังกล่าวหมั่นบอกตัวเองว่า ตาไม่เห็น, หูไม่ได้ยิน, จมูกไม่ได้กลิ่น, ลิ้นไม่รู้รส, กายไม่รู้สึก, ใจไม่คิด จับภาวะนั้นใหม่ประมาณ ๑ หรือ ๒ รอบก็ตั้งสมาธิได้ให้อยู่ในสภาวะว่างจากความคิดที่ว่านั้นพักหนึ่งต่อเนื่องน่าจะเป็นนาที ๆ จนกระทั่งผมเกิดเห็นตัวเลขขึ้น จึงหลุดออกจากสมาธิดังกล่าว แล้วรู้สึกว่าเสียดายอยากอยู่ในภาวะนั้นมากกว่าเห็นตัวเลข ผลปรากฏว่าตั้งอีกไม่ได้เลยในวันนั้น ผมอยากจะทราบว่า


ผมบังเอิญไปจับอรูปฌานระดับใดระดับหนึ่งเข้าหรือไม่ ถ้าใช่อยากทราบว่าเป็นอรูปฌานระดับใดครับ ?
ตอบ : แค่สมาธิเริ่มทรงตัวระดับอุปจารสมาธิตอนปลายเท่านั้น ไม่ใช่อรูปฌาน

ถาม : ถ้าใช่ตามข้อ ๑ สาเหตุที่ตั้งได้ไม่นานเพราะผมไม่ได้เข้ากสิณและเพิกกสิณตามแบบก่อนเข้าอรูปฌานใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เพราะไปสนใจเรื่องอื่นจนหลุดออกจากสมาธิ

ถาม : ถ้าใช่หากในอนาคตผมอยากเข้าอรูปฌานนี้อีกครั้ง หลังจากผมเตรียมตัวถึงขั้นเพิกกสิณตามแบบที่พร้อมจะภาวนาอรูปฌานได้แล้ว ผมควรภาวนาเข้าอรูปฌานในระดับตามข้อ ๑. นั้นแบบที่ผมได้ทำไปแล้วเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน หรือควรภาวนาแบบในวิสุทธิมรรคจะได้ผลดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : ดูคำตอบข้างบน

ถาม : เลขที่ว่านั้น ผมบอกพ่อแม่ พ่อแม่ได้นำไปซื้อหวยบนดิน ที่ตอนนั้นยังมีขายและถูกกฎหมายแล้วถูกรางวัล ถ้าเป็นอรูปฌานจะทำให้ได้ลาภผลเร็วกว่าภาวนาด้วยกรรมฐานกองอื่นที่เป็นรูปฌานหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นบุญของคนซื้อ ไม่ใช่บุญของคุณเอง..!
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:59



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว