กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-03-2022, 07:20
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,062 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-03-2022, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,118 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพได้มีโอกาสไปงานปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดบึงลาดสวาย มีหลายเรื่องที่อยากจะกล่าวถึง ณ ที่นี้

ประการแรกเลยก็คือ เมื่อเข้าไปในพระวิหารพระพุทธชินราชซึ่งเป็นสถานที่ปลุกเสกวัตถุมงคล เห็นหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้ว ท่านนั่งอยู่ จึงเข้าไปกราบท่านด้วยความดีใจ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า วัตถุมงคลของทางวัดบึงลาดสวายนี้ ส่วนใหญ่แล้วทำตามตำราวิชาสายมอญ ซึ่งหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้วนั้น ท่านเป็นพระเถระชาวมอญที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราชในสมัยกรุงศรีอยุธยายุคนั้น

วิชาการสายมอญแทบทั้งหมดเป็นวิชาการที่หลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้ว ท่านได้นำมาจากประเทศพม่าในยุคนั้น แล้วเอามาเผยแพร่ในประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลบผงปถมัง อิทธิเจ มหาราช ตรีนิสิงเห หรือว่าพุทธคุณ เรื่องของการสร้างเบี้ยแก้ เรื่องของการสร้างผ้ายันต์ แหวนพิรอด สายคาดเอว ตะกรุดหนังเสือ หรือแม้กระทั่งตำราการสร้างแมลงภู่คำ

เมื่อหลวงปู่ใหญ่ท่านอยู่ในพิธีกรรม กระผม/อาตมภาพก็สบาย มีหน้าที่นั่งดูอย่างเดียวว่าท่านทำอะไรบ้าง เมื่อท่านบอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำน้ำมนต์พรมวัตถุมงคลให้ หลังจากเสร็จพิธีทางเจ้าภาพมีการถวายปัจจัยไทยธรรม ไทยธรรมที่รับมานั้นมีหลายส่วนที่ควรกล่าวถึง

อันดับแรกเลยก็คือ ผงสัมฤทธิ์ที่ปั้นเป็นลูกอมแล้วทาชาดทับเอาไว้ ปกติแล้วผงอิทธิเจจากกรุวัดร้างสัมฤทธิ์ ก็มีอานุภาพเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือไปทั้งประเทศอยู่แล้ว นี่เมื่อนำมาปั้นเป็นลูกอม แล้วยังเอามาเข้าพิธีซ้ำอีก ก็ต้องบอกว่า "ในดี" มีการ "เพิ่มดี" ให้มากขึ้น โดยปกติผงอิทธิเจกรุวัดร้างสัมฤทธิ์นั้น ผู้ที่ได้ไปก็นำไปติดตัว หรือว่านำไปผสมใส่ในวัตถุมงคล แต่ว่านี่เป็นการนำมาปั้นเป็นลูกอมเลย ต้องบอกว่าเป็นการใช้ผงวิเศษอย่างสิ้นเปลืองมาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-03-2022, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,118 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการต่อไปคือ ผ้ายันต์แมงมุมดักทรัพย์พระคาถาเงินล้าน ตรงนี้ต้องบอกว่าท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) มีการประยุกต์วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษามาจากยันต์แมงมุมดักทรัพย์ตามสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยดัดแปลงอักขระมาเป็นพระคาถาเงินล้านแทน

ในวิชาการต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าไม่มีการประยุกต์เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้เกิดอาการตายนิ่ง ไม่มีความรู้อะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเลย แต่ถ้าหากว่ามีบุคคลที่ศึกษาจนเชี่ยวชาญและชำนาญแล้ว ทำการประยุกต์ร่วมกับวิชาการสายอื่น ๆ ได้ก็จะเกิดเป็นของใหม่ขึ้นมา ซึ่งตรงนี้ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่จะกระทำในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ ต้องมาสายพุทธภูมิบารมีเข้มเท่านั้น

แบบเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านประยุกต์คาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ จนกลายเป็นพระคาถาเงินล้าน ที่บุคคลทั่วประเทศ ตลอดจนอาจจะกล่าวได้ว่าทั่วโลกนำไปใช้ แล้วมีผลดีเช่นเดียวกัน

อีกส่วนหนึ่งที่ได้รับมาก็คือตัวยาจินดามณี ซึ่งพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ ท่านศึกษาและตามทางสายวัดกลางบางแก้ว ซึ่งก็คือวิชาการของหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้วนั่นเอง

แต่คราวนี้ส่วนที่ปรากฏในตำราจะมีแค่ที่ทุกคนศึกษา ในส่วนที่เป็นการถ่ายทอดตรงจากครูสู่ศิษย์ ไม่มีการบันทึกเอาไว้ เป็นส่วนผสมพิเศษต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเกสรบัวแฝด เห็ดนมเสือ งาช้างกำจัด นอแรด เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้จะมีการบอกเพิ่มเติมขึ้นมา ตลอดกระทั่งอำพันทองที่ราคาแพงพอ ๆ กับนอแรด และหาได้ค่อนข้างจะยาก

แต่ว่าในปัจจุบันนี้นอแรดนั้น แม้กระทั่งการครอบครองก็ถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากว่าเป็นชิ้นส่วนของสัตว์ป่าสงวน แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นมีเศษนอแรดที่เป็นผงอยู่ เกิดจากการที่นำเอานอแรดมากลึงเป็นลูกประคำ ซึ่งประคำเส้นนั้นได้มีผู้บูชาต่อไปแล้วในราคาที่แพงมาก เศษส่วนนั้นเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จึงได้ปวารณาร่วมบุญกับทางท่านพระครูปลัดพิจารย์ ว่าจะแบ่งปันส่วนหนึ่งให้ท่านนำมาเป็นส่วนผสมในยาจินดามณีต่อไป

ตรงจุดนี้ท่านพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ก็ปรารภว่าจะสร้างยาจินดามณี ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ได้รับปากว่าจะแบ่งนอแรดส่วนหนึ่งให้กับท่านไปเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-03-2022, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,118 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราต้องเข้าใจว่า วิธีการที่จะนำนอแรดมาเป็นส่วนผสมของยาจินดามณีได้นั้น ก็อยู่ลักษณะเดียวกันกับการใช้ผงงาช้างกำจัด ก็คือต้องนำเอามาคั่วจนกรอบ แล้วตำเป็นผง ทำการกรองอย่างพิถีพิถัน ถึงจะนำมาเป็นส่วนผสมได้ และต้องพยายามผสมให้เข้ากัน คือกระจายไปทั่วเนื้อยาให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าไปตกอยู่จุดใดจุดหนึ่ง เมื่อทำเป็นตัวยาขึ้นมา ยาตรงจุดนั้นจะเย็นจนเกินไป ซึ่งอาจจะก่อผลร้ายให้กับผู้ที่มีไฟธาตุน้อย

ตรงจุดนี้เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ถ้าไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญจริง ๆ ผสมแล้วเข้าไม่ทั่วถึงอย่างแท้จริง ผลดีที่เกิดขึ้นก็อาจจะเป็นผลร้ายสำหรับบางคนก็เป็นได้

อีกส่วนหนึ่งที่รับมาก็คือแมลงภู่คำ ซึ่งท่านพระครูปลัดพิจารย์ก็ได้ดัดแปลงจากการบรรจุเข็มอัคคียะตามแบบสายมอญพม่าในปัจจุบันนี้ มาเป็นการบรรจุเข็มทองเข็มนากแทน โดยนำมาเข้าพิธีซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการประยุกต์วิชาการเช่นกัน

เพราะว่าในบางครั้งนั้น วิชาการต่าง ๆ จะดีขึ้น หรือว่าไม่ดีขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับการพลิกแพลงใช้งานเช่นกัน ท่านที่สามารถเข้าถึงอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพระคาถา หรือว่าการทำเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลใด ๆ ก็สามารถที่จะพลิกแพลงใช้งานให้ดีขึ้น

ดังนั้น...ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าเป็นเรื่องของแหวนพิรอด เราจะเห็นว่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือสำนักของหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน หรือว่าสำนักวัดหนองบัวของหลวงปู่ยิ้ม ตลอดจนกระทั่งพ่อปู่หมอน้อย จังหวัดอ่างทอง เป็นต้น

ถ้าหากว่าเป็นเชือกคาดก็ต้องสำนักหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว สำนักของหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน หรือว่าสำนักหลวงปู่โชติ วัดตะโน แล้วครูบาอาจารย์รุ่นต่อมาที่มีชื่อเสียง ก็อย่างเช่นว่า สำนักหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค (วัดโฆสิตาราม)

ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายก็จะมีการประยุกต์เช่นกัน อย่างเช่นว่า บางท่านก็นำเอาลูกอมถักเป็นหัวเชือกคาด บางท่านก็บรรจุพระปิดตาเข้าไปแทน เป็นต้น บางท่านก็มีการประกบด้วยการสอดตะกรุดเป็นระยะ ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ก็แล้วแต่ว่าครูบาอาจารย์ท่านจะประยุกต์และพัฒนาวิชาการไปในแนวไหน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-03-2022, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,118 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้กระทั่งในเรื่องของการปฏิบัติธรรมตามสายกรรมฐาน ๔๐ พวกเราก็จะเห็นว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านสามารถที่จะประยุกต์ให้กรรมฐานทุกกอง เข้าถึงฌาน ๔ และสมาบัติ ๘ ได้ทั้งหมด

ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพยังไม่เห็นว่าครูบาอาจารย์ท่านใดสอนได้แบบนี้เลย ซึ่งการฝึกปฏิบัติกรรมฐานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น โดยปกติแล้วพระองค์ท่านไม่ได้บอกกล่าวในรายละเอียดมากมาย แต่ว่าครูบาอาจารย์รุ่นหลังเมื่อทำเข้าถึงแล้ว ก็นำเอามาประยุกต์ สอนลูกศิษย์รุ่นหลัง ๆ ให้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ทำให้เข้าถึงได้สะดวกขึ้น โดยที่ไม่ได้บอกว่าเป็นฌาน ๔ ไม่ได้บอกว่าเป็นสมาบัติ ๘ แต่ว่าท่านบอกแค่ว่าทำอย่างนี้แล้วผลจะได้อย่างนี้ ให้ลูกศิษย์ไปตระหนักรู้กันเอาเองในภายหลัง หรืออาจจะไม่รู้ต่อไป แต่ว่าทำได้ตามที่ครูบาอาจารย์บอกเท่านั้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ สิ่งที่ท่านทำ เมื่อทำไปแล้วถึงระดับหนึ่ง ก็อย่าได้ยึดตายตัวว่าต้องเคารพครูบาอาจารย์ตน แตะต้องวิชาการเหล่านี้ไม่ได้เลย ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดที่ผิด วิชาการต่าง ๆ สามารถที่จะประยุกต์ให้ดีขึ้น ให้ก้าวหน้าขึ้นมากกว่าที่ท่านทั้งหลายได้ศึกษามา ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นอภิชาตบุตร (อภิชาตศิษย์) อย่างที่ครูบอาจารย์ทั้งหลายท่านต้องการ แต่ถ้าหากว่าเราเคารพและทำตามเพียงอย่างเดียว ก็แค่สามารถรักษาสายวิชาการเอาไว้ โดยไม่ได้มีความก้าวหน้าอะไรขึ้นมาเลย เป็นต้น

วันนี้ที่กล่าวถึงตรงจุดนี้ก็เพราะว่า ทางคณะของพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ก็ดี ทางท่านพระครูสมุห์อานนท์ อานนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวายก็ดี หรือทางท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) ก็ตาม ท่านมีการประยุกต์วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษามาให้ก้าวหน้าขึ้น ให้ดีขึ้น ให้ใช้งานง่ายขึ้น ให้มีผลมากขึ้น ซึ่งต้องอนุโมทนาในสิ่งที่ท่านทั้งหลายกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ เพื่อให้เกิดผลดีต่อบุคคลที่นำวัตถุมงคลไปใช้ หรือว่าเพื่อให้ท่านที่ศึกษาต่อแล้ว มีแนวทางที่จะประยุกต์วิชาการทั้งหลายเหล่านี้ ให้เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และเจริญพรแก่ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2022 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:36



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว