กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-09-2022, 18:34
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,275
ได้รับอนุโมทนา 739,965 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-09-2022, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,204 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพเผลอคุกเข่าเพื่อที่จะเทน้ำใส่กาน้ำร้อน จะได้ต้มน้ำร้อนเอาไว้ฉัน ที่ใช้คำว่าเผลอคุกเข่า ก็เพราะว่าตั้งแต่เล็บหัวแม่เท้าหลุดมา ทำให้ไม่สามารถที่จะคุกเข่าได้ เนื่องจากว่าจะเจ็บมากเป็นพิเศษ จนกระทั่งโดนท่านเจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) "แซว" เอาว่า ตอนนี้กระผม/อาตมภาพหยิ่งมาก ไม่ยอมคุกเข่าให้ใคร..!

แต่เมื่อคุกเข่าไปโดยที่ลืมตัว ทำให้รู้สึกว่าเราสามารถที่จะกราบพระในท่าคุกเข่าปกติได้แล้ว ไม่เช่นนั้นก็ต้องนั่งพับเพียบแล้วยื่นเท้าขวาที่เจ็บออกไปข้างหน้ามากหน่อย แล้วถึงจะกราบพระแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ใช่กราบแบบพับเพียบทั่วไป จะออกในท่าที่แปลกอยู่สักนิดหนึ่ง หรือไม่ก็นั่งคุกเข่าแล้วก็ไขว้เท้าขวาไว้บนส้นเท้าซ้าย เพื่อที่จะไม่ให้หัวแม่เท้ากระทบพื้น แล้วค่อยกราบ ซึ่งก็เป็นท่าที่ประหลาดอยู่ดี แต่สรุปรวมความว่า ความพลั้งเผลอในครั้งนี้ ทำให้ตนเองรู้ตัวรู้ตัวว่า บาดแผลนั้นมีพัฒนาการไปในทางที่ดีมาก

โดยเฉพาะพรรคพวกเพื่อนฝูงที่อายุกาลผ่านวัยมาใกล้เคียงกัน ตลอดจนกระทั่งผู้บังคับบัญชาที่อายุใกล้เคียงกันปรารภว่า "หลวงพ่อวัดท่าขนุนโชคดีมากที่ไม่เป็นเบาหวาน ไม่อย่างนั้นได้ตัดนิ้วหัวแม่เท้าทิ้งตามเล็บไปด้วยอย่างแน่นอน..!"

ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพคิดว่าไม่ใช่โชคดี แต่ด้วยความที่ตนเองนั้นเป็นเด็กบ้านนอก ตั้งแต่เกิดมาก็แทบจะหาโอกาสที่ได้กินขนมเหมือนเด็กอื่นยากมาก ขนมนั้นจะมาตามเทศกาลเท่านั้น ก็คือจะต้องมีงานบุญ งานประเพณี ถึงจะมีโอกาสได้กินขนม

ไม่เช่นนั้นแล้วก็ได้แต่หาบรรดาข้าวของที่พอจะหยิบจะเก็บได้ในไร่ในสวน ในหัวไร่ชายนาหรือตามป่าตามเขามากินแทนขนม ไม่ว่าจะเป็นลูกเล็บเหยี่ยว ลูกหว้า ลูกไข่เน่า หรือว่าบรรดาผลไม้ในสวนอย่างเช่นกล้วย มะม่วง ซึ่งก็จะมีเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น ไม่เหมือนสมัยนี้ที่สามารถมีได้ตลอดทั้งปี

ก็คือกินบรรดาผลไม้เป็นหลัก จนกระทั่งไม่เคยชินกับขนม ทำให้ถึงเวลาแล้ว การที่ได้กินขนมลงไปกลับทำให้เกิดความดันขึ้นมา มีอาการปวดหัวให้รู้สึกได้เลย พร้อมกับอีกประการหนึ่งก็คือ การที่ฝึกกรรมฐานมา ทำให้มีความรู้สึกที่ไวต่ออาการของร่างกายมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2022 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-09-2022, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,204 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..จึงทำให้รู้ว่าสาเหตุที่ความดันขึ้น ว่าเป็นเพราะฉันขนมที่เป็นของหวานเข้าไป จึงพยายามที่จะลดลง ให้มีบ้างก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าร่างกายขาดจริง ๆ ที่เหลือก็ยังคงเป็นพวกพืชผักผลไม้เสียมากกว่า แม้แต่เนื้อสัตว์ สมัยเด็ก ๆ กระผม/อาตมภาพจะได้กินก็ต่อเมื่อทางบ้านมีเทศกาลไหว้เจ้า อย่างเช่นว่าตรุษจีนบ้าง สารทจีนบ้าง เวลาอื่นโอกาสมีน้อยมาก ส่วนที่จะได้กินตั้งแต่เด็ก ส่วนมากก็จะเป็นไข่ไก่เท่านั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสที่ร่างกายจะเสียหายเพราะการกินล้นกินเกินจึงมีน้อยมาก ทำให้ทุกวันนี้
กระผม/อาตมภาพปลอดจากโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดัน ขาดอยู่อย่างเดียวก็คือโรคไขมัน เพราะว่าเป็นกรรมพันธุ์ ในบ้านไม่มีคนอ้วนเลย แต่ว่าทุกคนไตรกลีเซอไรด์ในเลือดจะสูงมาก ในการตรวจครั้งล่าสุดของกระผม/อาตมภาพนั้น ไตรกลีเซอไรด์ ๒๖๗ ซึ่งหมอบอกว่า "ไม่ได้มีอะไรดีเลยครับ ยกเว้นว่าอดข้าวแข่งกับคนอื่นก็จะได้อยู่นานกว่าเขาหน่อยหนึ่ง"

ทำให้ไปนึกถึงภาษิตจีนที่ว่า "โรคภัยเข้าทางปาก เภทภัยออกจากปาก" หรือที่ฝรั่งเขาใช้คำว่า "You are what you eat." ซึ่งก็คือ "คุณกินอะไรคุณก็เป็นแบบนั้นแหละ"

ในเมื่อกระผม/อาตมภาพเองมีนิสัยที่กินขนมไม่ได้ เพราะว่าไม่เคยชินมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้โอกาสที่จะเป็นโรคเบาหวานก็มีน้อย แถมบางเวลา บางโอกาส อย่างเช่นเมื่องานประชุมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอห้วยกระเจา และคณะสงฆ์อำเภอพนมทวน ที่จัดรวมกันที่วัดเขารักษ์ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี

กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่กับเพื่อนฝูง ก็คือพระมหาชโลม ปัญญาวชิโร ป.ธ. ๙ เจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา ปรากฏว่าบนโต๊ะนั้นมีลูกไข่เต่ามา ๑ ถาด คำว่าถาดในที่นี้คือถาดโฟม กระผม/อาตมภาพถามรอบวงแล้วว่า "มีใครสนใจจะฉันบ้างไหม ?" ทุกท่านก็ล้วนแล้วแต่ปฏิเสธ กระผม/อาตมภาพจึงฉันอยู่คนเดียวหลังอาหาร จนกระทั่งทั้งถาดนั้นเหลือแต่เมล็ดไข่เต่าเท่านั้น..!

พระมหาชโลมท่านถามว่า "ชอบหรือครับ ?"
กระผม/อาตมภาพเรียนท่านไปว่า "ไม่ได้ชอบหรอกครับ แต่ว่ากินแก้คิดถึง เพราะว่าตอนเด็กเคยไปคลำไปเก็บเอาเอง จนกระทั่งบางครั้งเจองูเหลือมนอนอยู่ในดงไข่เต่าก็วิ่งกันตับแลบ ในเมื่อมีสิ่งของที่ทำให้ระลึกถึงชีวิตวัยเด็กได้ ก็เลยฉันแก้คิดถึงไปอย่างนั้นเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2022 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-09-2022, 00:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,204 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้ กิจกรรมที่สำคัญที่สุดก็คือ ไปร่วมโครงการสัมมนาพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วประเทศ แต่ว่าเมื่อไปถึงแล้ว ไม่มีที่ให้กระผม/อาตมภาพลงทะเบียน ทั้ง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพ เมื่อได้รับคำสั่งจากพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี รองประธานฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดกาญจนบุรี ให้มาร่วมโครงการสัมมนา พร้อมด้วยหลวงพ่อโท (พระครูวิสาลกาญจนกิจ) เจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน รองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา และหลวงพ่อไก่ (พระครูพิศาลจารุวรรณ) เจ้าอาวาสวัดทุ่งกระบ่ำ รองเจ้าคณะอำเภอเลาขวัญ ซึ่งได้ทำการลงทะเบียนออนไลน์มาแล้ว

แต่เมื่อมาถึงปรากฏว่า รายชื่อบรรดาพระนักเผยแผ่นั้นยังเป็นรายชื่อเก่า เป็นข้อมูลเก่า ไม่มีการปรับแก้ให้ทันโลกทันเหตุการณ์ กระผม/อาตมภาพที่เป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดกาญจนบุรี จึงไม่มีที่ให้ลงทะเบียน แต่ในเมื่อมาทั้งทีแล้ว จึงเข้าไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เมื่อผ่านการตรวจแล้วก็ได้เข้าไปในห้องประชุม ในเมื่อไม่ได้ลงทะเบียน ไม่ได้ติดบัตร จึงต้องเดินวนหาที่นั่งซึ่งไม่ได้มีรายชื่อติดอยู่

เมื่อได้ที่นั่งของตนเองแล้ว ก็รออยู่จนกระทั่งบรรดาพระเถรานุเถระได้มาถึง ไม่ว่าจะเป็นพระเดชพระคุณพระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย ป.ธ.๘) เจ้าอาวาสวัดเขาพุราง เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี (ธรรมยุต) ประธานคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดกาญจนบุรี

พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ป.ธ.๙, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี (มหานิกาย) รองประธานฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น

แม้แต่ผู้บังคับบัญชาเก่าอย่างพระเดชพระคุณพระธรรมโพธิมงคล (สมควร ปิยสีโล) ป.ธ.๙ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค ๒ ก็ดี

หรือว่าแม้กระทั่งท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ประธานฝ่ายเผยแผ่ประจำมหาเถรสมาคม

หรือท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชธรรมวาที (ชัยวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน) ผจล.วัดประยุรวงศาวาส ซึ่งเคยสอนกระผม/อาตมภาพเทศน์มาก็ตาม

เมื่อได้ทำการกราบไหว้ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ต่างก็เข้าประจำที่ รอจนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการในองค์สมเด็จพระสังฆราชมาถึง และทำพิธีเปิดพร้อมกับกล่าวสัมโมทนียกถา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2022 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-09-2022, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,204 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพจึงขอลาบรรดาพระเถระเดินทางกลับยังที่พัก เพราะว่าไม่ได้มีบทบาทหน้าที่อะไร เนื่องจากว่าแม้แต่ลงทะเบียนก็ยังไม่มีที่ให้ลง

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า การเตรียมการต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่ระดับล่างนั้นหละหลวมมาก เราจะไปรอผู้บังคับบัญชาสั่งอย่างเดียวไม่ได้ โดยเฉพาะข้อมูลต่าง ๆ ต้องพยายามปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย หรือที่ใช้ภาษาอังกฤษว่า "อัพเดทอยู่เสมอ" ก็คือให้ทันวันทันเหตุการณ์ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดปัญหาแบบครั้งนี้

เนื่องเพราะว่าทั้ง ๓ รูปของกาญจนบุรีที่ได้รับคำสั่งจากพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีให้มาร่วมงานสัมมนา ไม่มีรายชื่อลงทะเบียนแม้แต่คนเดียว

ในเมื่อลงทะเบียนไม่ได้ ไม่มีบัตรติดหน้าอก ไม่มีโอกาสที่จะเบิกค่ารถ ค่าอะไรต่อมิอะไรตามสิทธิ์ของตน นั่งอยู่ต่อไปก็กลายเป็นส่วนเกินของพื้นที่ กระผม/อาตมภาพจึงตัดสินใจกลับมาทำงานของตนเองยังที่พักดีกว่า

ได้แต่หวังว่า ครั้งหน้าคงจะมีการปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งกว่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้วแม้กระทั่งโฆษกในวันนี้ เวลาประกาศสมณศักดิ์ของบรรดาคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่ของมหาเถรสมาคม ซึ่งมีบางท่านที่เลื่อนขึ้นจากพระราชาคณะชั้นเทพเป็นชั้นธรรมไปตั้งนานแล้ว แต่ว่าพิธีกรหรือว่าโฆษกก็ยังคงประกาศเป็นพระราชาคณะชั้นเทพอยู่เลย

เรื่องพวกนี้ต่อให้เราไม่รู้ก็ต้องรู้ เพราะว่าเป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ ในเมื่อรับผิดชอบแล้วก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดการผิดพลาด บกพร่อง และขายหน้า ดังที่กระผม/อาตมภาพได้พบมาในวันนี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2022 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว