กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-09-2021, 20:49
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,274
ได้รับอนุโมทนา 739,799 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-09-2021, 23:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ขอแจ้งให้กับญาติโยมที่ฟังอยู่ทางบ้าน ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศว่า อาตมภาพมีงานข้างนอกหลายวันติดกัน เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอาจจะหายไป

แต่ว่าตอนนี้กำลังให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการบันทึกเสียงสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบของอาตมภาพ ถ้าเสร็จทันคืนนี้ ก็ให้เขาโหลดขึ้นยูทูบในวันที่ ๙ เดือน ๙ พอดี ช่วงที่อาตมภาพไม่อยู่ ญาติโยมทั้งหลายก็สวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบไปพลาง ๆ ก่อน แล้วกรุณาอย่าลืมกดไลค์ให้ด้วย ซึ่งเท่ากับเป็นการทำบุญ เนื่องจากว่า ๑,๐๐๐ ไลค์ได้เงินประมาณ ๕ ดอลลาร์

สำหรับเรื่องนี้ ต้องบอกว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องของโลก เราปฏิเสธความเจริญของโลกไม่ได้ แต่ต้องอยู่อย่างมีสติ อย่าให้เทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา แต่ให้เป็นเครื่องหนุนเสริมในการประพฤติปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราให้ก้าวหน้าขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีการใช้ผิด ๆ อย่างที่ทุกท่านได้เห็นกันอยู่

ระยะนี้ต้องบอกว่า เป็นระยะที่คนเราพยายามจะทำความผิดให้ถูก โดยที่อ้างว่าไม่เป็นไรบ้าง มีคนชื่นชมมากกว่าตำหนิบ้าง ถ้าลักษณะอย่างนี้ แสดงว่าสภาพจิตใจของผู้ทำนั้นหยาบมาก ไม่เห็นโทษในการกระทำของตนเองยังไม่พอ ยังไม่เห็นด้วยว่าสิ่งที่ตนเองกระทำนั้น ทำลายพระพุทธศาสนาอย่างไรอีกด้วย..!

ท่านทั้งหลายลองนึกถึงว่า ระยะนี้มีพระภิกษุสามเณรขับรถด้วยตนเองมากขึ้น แม้ว่าทางมหาเถรสมาคมจะมีคำสั่งห้ามออกมาแล้วก็ตาม ก็อ้างถึงความจำเป็น ซึ่งตรงจุดนี้ ถ้าหากว่านับในช่วงที่อาตมภาพยังเด็กอยู่ หลวงพ่ออินทร์ วัดสระพัง ซึ่งถือว่าเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด โดยเฉพาะ "บ้านสระ" ต้องบอกว่าเป็นถิ่นหากินของโยมแม่ของอาตมภาพเอง

หลวงพ่ออินทร์ท่านปฏิบัติตนเคร่งครัดในพระวินัยมาก ถ้ามีกิจนิมนต์ในที่ไกล ๆ ซึ่งเจ้าภาพเกรงว่าท่านอาจจะเดินไปไม่ทัน ก็เอารถมอเตอร์ไซค์มารับบ้าง เอาม้ามารับบ้าง เอาเกวียนมารับบ้าง ท่านก็จะจดจำไว้ว่าไปไกลเท่าไร เมื่อกลับวัดมา ท่านจะมาเดินจงกรมใช้หนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2021 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-09-2021, 23:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจดจำได้อย่างชัดเจน เพราะว่าท่านให้พวกเราช่วยกันทำทางเดินจงกรมยาว ๒๕ วา ก็คือ ๕๐ เมตร เดินไปกลับได้ ๑๐๐ เมตร ไปกลับ ๑๐ เที่ยวได้ ๑ กิโลเมตรตายตัว แล้วหลักการสร้างทางจงกรม ท่านก็บอกไว้ชัดเจนว่า ทำได้แค่ ๓ แนวเท่านั้น ก็คือแนวเหนือใต้ แนวตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ แนวตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ จะไม่มีแนวตรง ตะวันออกตะวันตก มารู้เหตุผลทีหลังว่าแนวตรงตะวันออกตะวันตก ถ้าเราเดินจงกรม ไม่ว่าช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย แสงแดดจะส่องหน้าพอดี

เราลองมานึกดูว่าครูบาอาจารย์สมัยก่อน เหตุที่ท่านมีชื่อเสียงเกียรติคุณเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ก็เพราะว่าท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ถ้าหากว่าดูรูปครูบาอาจารย์สมัยก่อน อย่างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมดคือความผอม เพราะว่าฉันมื้อเดียว ท่านทำเช่นนั้นเพราะว่าท่านเห็นคุณประโยชน์ ท่านทำเพราะท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย โดยเฉพาะเคร่งในธุดงควัตร ถือการฉันอาสนะเดียว ก็คือฉันมื้อเดียวเป็นวัตร

ทำให้ท่านทั้งหลายกลายเป็นอมตะเถราจารย์ในความรู้สึกของชาวบ้าน ไม่ว่าจะมรณภาพไปแล้วเนิ่นนานเท่าไร ก็ยังระลึกถึงท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่เสมอ ท่านจะไม่อ้างว่าเป็นความต้องการของญาติโยม ท่านจะไม่อ้างว่าญาติโยมไม่ตำหนิ แล้วไปละเมิดพระธรรมวินัย

มีรูปหนึ่งที่อยากจะยกตัวอย่างให้ชัด ๆ ก็คือหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ใครเห็นรูปถ่ายหลวงพ่อทองศุข จะเห็นว่าท่านหลับตาทุกรูป ครูบาอาจารย์อื่นจะมีการทอดสายตาลงต่ำ เป็นการแสดงออกซึ่งความสำรวม แต่หลวงพ่อทองศุขตัดปัญหา..หลับตาไปเลย เพราะฉะนั้น..ใครถ่ายรูปหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง จะได้แต่รูปหลับตาทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2021 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-09-2021, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าพระเณรของเราที่ศึกษาในธรรมวิภาค จะมีในส่วนของอปัณณกปฏิปทา คือ การปฏิบัติอย่างไรที่จะไม่ผิดไปจากพระธรรมวินัย ก็ประกอบไปด้วยอินทรียสังวร การสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้เตลิดเปิดเปิงไปกับสิ่งเร้าต่าง ๆ พูดง่าย ๆ คือป้องกันการฟุ้งซ่านทุกกรณี

ในส่วนของการสำรวมอินทรีย์แล้ว ยังมีโภชเนมัตตัญญุตา รู้จักประมาณในการบริโภค อย่างที่เราพิจารณากันอยู่ทุกวัน ก็คือต้องรู้จักฉันแต่พอยังสังขารนี้ไว้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น ไม่มีการกินล้นกินเกินเหมือนคนทั่วไป และชาคริยานุโยค การปฏิบัติธรรมของผู้ตื่นอยู่ ก็คือรักษาสติเอาไว้อยู่เสมอ โดยเฉพาะสติที่อยู่กับลมหายใจเข้าออก คืออานาปานสติ ไม่เห็นพระพุทธเจ้าท่านจะบอกให้ไปไลฟ์สดเฟซบุ๊กเฮฮากัน..!

แต่ว่าหลายท่าน ทั้ง ๆ ที่เรียนมาสูงเสียเปล่า แต่กลับเอาตนเองเป็นสำคัญ ไม่เอาพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ จึงมีการกระทำที่อยู่ในลักษณะของการปรามาสพระรัตนตรัย โดยเฉพาะการที่บอกว่าแสดงธรรม แต่ไม่เห็นว่าเนื้อหาธรรมะที่ชัดเจนอยู่ตรงไหน มีแต่เฮฮากัน จนกระทั่งญาติโยมก็อาจจะลืมไปแล้วว่าข้อธรรมะนั้นอยู่ตรงไหน

นี่คือสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันว่า มีผู้ที่พยายามจะทำสิ่งผิดให้เป็นถูก แล้วถ้านาน ๆ ไป ผิดจะกลายเป็นถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วพุทธศาสนานี้จะตั้งอยู่ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งอุบาสก อุบาสิกา คือญาติโยมทั้งหลายต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า สิ่งใดที่สมควร สิ่งใดไม่สมควร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-09-2021 เมื่อ 07:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-09-2021, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าลืมว่าในมหาปเทส ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีข้อตัดสินพระวินัยไว้ว่า สิ่งใดสมควร แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร จะไปอ้างว่าคนส่วนใหญ่พอใจ คนส่วนน้อยไม่พอใจก็ช่างมัน จะไปอ้างว่าคนอื่นอยากด่าว่าก็ปล่อยมันทุกข์ใจของมันไปเอง เราสบายใจก็แล้วกัน ถ้าลักษณะนั้นอาตมภาพตัดสินให้แทนว่า ท่านกำลังอ้างเพื่อหานรกใส่ตัว...!

วันนี้จึงชี้แจงแสดงเหตุให้เห็นว่า แนวโน้มของพระพุทธศาสนาของเรานั้นเป็นอย่างไร พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายที่เป็นพุทธบริษัท ๔ เราจะดูแลปกป้องพระพุทธศาสนานี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะอาตมภาพมั่นใจว่าพระพุทธศาสนานี้เป็นของจริง เป็นของแท้ ทนทานต่อการพิสูจน์ ไม่มีสิ่งภายนอกใด ๆ มาทำลายได้ ยกเว้นสนิมเหล็กที่เกิดขึ้นภายในเอง ก็คือถูกทำลายโดยพุทธบริษัททั้ง ๔ ของเราที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเอง..!

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-09-2021 เมื่อ 07:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว