กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-09-2021, 21:28
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,528
ได้ให้อนุโมทนา: 215,914
ได้รับอนุโมทนา 736,904 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-09-2021, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ก็มีงานซ้อนงานอยู่ ก็คือทางวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี มีท่านอาจารย์ ดร.อัมพร ทองเหลือง เจ็บไข้ได้ป่วยเข้าโรงพยาบาล ทางคณะศิษย์ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ที่เป็นบรรพชิต จึงพร้อมใจกันสวดโพชฌงคปริตร เพื่อขอให้ท่านหายจากอาการป่วยไข้

เรื่องของการสวดโพชฌงค์นั้น ถ้าเราจะตั้งใจให้หายป่วยอย่างเดียวเป็นเรื่องยาก สำคัญอยู่ตรงที่คนฟังต้องวางกำลังใจให้เป็น โดยเฉพาะมองเห็นให้ชัดว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ในเมื่อเห็นชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ก็จะแยกแยะออกว่า อาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นเรื่องของร่างกาย ส่วนตัวเราเป็นจิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายนั้น เป็นคนละส่วนกัน

ถ้าแยกออกได้ชัดเมื่อไร โอกาสที่จะหายป่วยก็จะมีสูง แต่ถ้าแยกออกไม่ชัด ก็จะได้ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ก็คือเสียงสวดเป็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ส่วนผู้สวด บรรดาคณาจารย์และนิสิตส่วนใหญ่ก็เป็นลูกศิษย์ของท่าน ก็ถือว่าเป็นสังฆานุสติ

ดังนั้น..ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพต้องขอเวลานอกว่า บันทึกเสียงธรรมฯ เสร็จแล้ว เดี๋ยวค่อยเข้าไปร่วมกิจกรรมด้วย ไม่อย่างนั้นในฐานะรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี อาจจะต้องเป็นผู้นำสวดด้วย จึงต้องขออนุญาตเขาออกมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-09-2021 เมื่อ 23:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-09-2021, 23:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องที่สองที่จะบอกกล่าวในที่นี้ก็คือ มีจดหมายในลักษณะบัตรสนเท่ห์มาถึงพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. บอกว่าเป็นชาวบ้านที่อยู่รอบวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ เห็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นภายในวัด จึงรายงานมา โดยมีคำขู่แนบท้ายมาว่า ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพไม่จัดการให้เป็นไปตามความต้องการของเขา ก็จะมีการเดินขบวนประท้วง..!

ตรงนี้อันดับแรกที่ต้องทำความเข้าใจเลยก็คือว่า กระผม/อาตมภาพไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปจัดการเลย เพราะว่าวัดแต่ละวัดนั้น ตามพระราชบัญญัติสงฆ์ มาตราที่ ๓๘ ให้อำนาจเจ้าอาวาสไว้ มาตราที่ ๓๗ ระบุชัดว่าเจ้าอาวาสมีหน้าที่อะไรบ้าง มาตราที่ ๓๘ ระบุชัดไว้ว่า อำนาจของเจ้าอาวาสจะใช้ไปในด้านใดบ้าง

โดยเฉพาะมาตราที่ ๔๕ ระบุชัดว่า เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นสิทธิ์ขาดทั้งหมดจะอยู่ที่เจ้าอาวาสดำเนินการ อาตมภาพเท่ากับเป็นคนอื่น หรือคนนอก ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะไปแตะต้องอะไรตรงนั้นได้เลย นี่คือเรื่องที่หนึ่ง

เรื่องที่สองก็คือ คนเขียนจดหมายสนเท่ห์มา ไม่รู้จักพระอาจารย์เล็กว่าเป็นใคร ก็เลยไม่รู้ว่าพอจดหมายถึงมือ กระผม/อาตมภาพก็รู้หมดแล้วว่าเขาคือใคร..! เพราะฉะนั้น..ต่อไปอย่าทำพฤติกรรมแหกตากูแบบนี้อีก..! มึงจะอยู่ในวัดหรือนอกวัด ถ้ารายงานมา..กูรับทั้งนั้น ไม่ต้องไปอ้างตัวว่าเป็นคนข้างวัด แล้วก็ไม่ต้องปลอมลายมือให้เสียเวลา

เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้บางทีอาตมภาพก็ไม่อยากที่จะเปิดเผย และไม่อยากที่จะบอก แต่ดันมีคนเห็นว่ากระผม/อาตมภาพโง่กว่า พยายามที่จะเข้ามาแหกตากัน..! ซึ่งตรงจุดนี้ถ้าไม่บอกเอาไว้ให้รู้บ้าง ความประพฤติอย่างนี้ก็คงจะมีต่อไปอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-09-2021 เมื่อ 23:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-09-2021, 23:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าโทรศัพท์ไปวัด พอรับอาตมภาพทักถูกว่าใคร ชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร เขาก็ดีอกดีใจว่าจำเสียงเขาได้ด้วย..! อาตมภาพไม่ได้บอกว่ากูเห็นหน้ามึงด้วย...! ต่อให้ไม่ต้องเปิดจอก็เถอะ..!

ดังนั้น..ตรงจุดนี้จะรายงานอะไรมา บอกตรง ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปปลอมตัว แล้วเรื่องของการจัดการภายในวัด ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาส กฎหมายให้อำนาจเจ้าอาวาสไว้ขนาดที่ว่า ถ้าสมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปถึงวัด แล้วเจ้าอาวาสบอกว่าไม่ต้อนรับ สมเด็จพระสังฆราชก็ทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นว่าต้องเสด็จกลับอย่างเดียวเลย..!

ฉะนั้น...ในเรื่องหน้าที่ของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่อาตมภาพที่เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จะไปล้วงลูกวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หลายท่านอาจจะคิดว่ากระผม/อาตมภาพเป็นที่เกรงใจของคนที่นั่นทั้งพระและฆราวาส อาจจะมีสิทธิ์ มีอำนาจ ขอบอกว่าถ้าแกล้งทำโง่ ๆ ก็มีเหมือนกัน แต่จะกลายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะว่าไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของตนเอง นี่เป็นเรื่องที่อยากจะบอกกล่าวกันให้ชัดเจนเอาไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-09-2021 เมื่อ 00:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-09-2021, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องที่สามก็คือ เรื่องที่พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ป.ธ.๙ กับพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ป.ธ.๗ มีการไลฟ์สด แล้วคนเข้าไปดูถล่มทลาย ยอดวิวเป็นแสน ตรงจุดนี้มีพรรคพวกเพื่อนฝูงถามมาในกลุ่มไลน์ว่า กระผม/อาตมภาพมีความเห็นว่าอย่างไร ? ก็ต้องบอกว่า ในเบื้องต้น..การที่สามารถดึงคนให้สนใจเรื่องของพระรัตนตรัยได้ถือว่าดี แต่ว่าต้องดูในระยะยาวด้วยว่า สิ่งที่เราทำนั้นจะส่งผลอย่างไร ?

พระพุทธเจ้าตรัสถึงวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือว่าการแสดงธรรม เพื่อให้ญาติโยมได้เข้าใจถึงหลักการปฏิบัติ

ข้อที่หนึ่งคือ สันทัสสนา จะต้องแจ่มแจ้ง ชัดเจน ซึ่งบาลีอุปมาว่า เหมือนหงายของที่คว่ำ หรือว่าเหมือนตามประทีปในความมืด

ข้อที่ ๒ สมาทปนา ต้องจูงใจให้คนอยากจะปฏิบัติในศีล ในสมาธิ ในปัญญา

ข้อที่ ๓ สมุตเตชนา จะต้องทำให้เขาเกิดความกล้าหาญ ทุ่มเทได้แม้แต่ชีวิต เพื่อปฏิบัติธรรมนั้นให้ได้ผล

ข้อสุดท้ายคือ สัมปหังสนา รู้สึกรื่นเริงในธรรม

คราวนี้คำว่า รื่นเริงในธรรม หมายถึง มอบธรรมะให้ถูกต้องกับกำลังใจ ทำให้บุคคลชื่นใจ ทำให้บุคคลนั้นปฏิบัติได้ถูกได้ตรงกับกำลังใจของตนเอง แล้วเกิดความปีติ ชุ่มชื่น เบิกบานขึ้นมา ไม่ใช่เอาแต่หัวเราะตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ลืมไปว่าหลักธรรมที่แทรกไว้คืออะไร..!?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-09-2021 เมื่อ 23:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 04-09-2021, 23:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ในส่วนนี้ ถ้าหากว่าถามความเห็นของกระผม/อาตมภาพ ก็อยากจะบอกว่า ในเบื้องต้นถ้าดึงให้คนสนใจได้เป็นการดี แต่ว่าในเบื้องกลาง ต้องระมัดระวังว่าคนจะมาสนใจดูตลกมากกว่าที่จะเอาหลักธรรม ถ้าลักษณะอย่างนั้น ท่านก็กำลังทำให้ศาสนานี้เสื่อมลง..!

ในส่วนนี้เราต้องแยกแยะให้ออก ส่วนที่ดีเราบอกว่าดี ส่วนที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ ก็ต้องบอกให้ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องที่พระสงฆ์ของเรา ถ้าไปเฮฮาออกสื่อ คนจำนวนมากอาจจะรับไม่ได้ โดยเฉพาะท่านที่มีส่วนในการดูแลปกครองพระ

บางส่วนก็คือการเสียดสีล้อเลียนการเมือง ซึ่งมีคำสั่ง..โดยเฉพาะมีมติมหาเถรสมาคมแล้วว่า พระภิกษุสามเณรของเรา ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ในส่วนนี้ก็ต้องบอกว่า ถ้าหากว่าท่านทำ ก็ต้องพร้อมใจที่จะรับด้วยว่าผลที่เกิดขึ้นคืออะไร..!!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-09-2021 เมื่อ 00:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 04-09-2021, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ท่านที่ตั้งใจถามมาในกลุ่มไลน์ ซึ่งได้อธิบายสั้น ๆ ไป แล้วก็นำมาขยายความต่อที่ตรงนี้

บางครั้งพวกเราก็อาจจะเห็นดีเห็นงามแล้วไปปฏิบัติตาม จะทำให้ญาติโยมส่วนหนึ่งไปเข้าใจผิดว่า หลักธรรมในพระพุทธศาสนามีแค่นี้เองหรือ ? ถ้าลักษณะนั้นจะเข้าข่ายปรามาสพระรัตนตรัยด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือความเสียหายมีทั้งต่อตัวพระสงฆ์เอง แล้วขณะเดียวกันก็มีผลกระทบต่ออุบาสกอุบาสิกา ที่เป็นพุทธบริษัทคอยสนับสนุนในส่วนของพระพุทธศาสนาด้วย

ตรงจุดนี้เราต้องแยกแยะให้ชัดเจน และขณะเดียวกันก็ต้องมีสติและสัมปชัญญะ รำลึกอยู่เสมอว่า ตัวเรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ โดยเฉพาะต้องมีสติ ระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนา เพราะว่าบางเรื่องกว่าที่เราจะรู้ว่าเสียหายหรือไม่ ก็ต้องกระทำไประยะหนึ่ง แล้วเมื่อถึงตอนนั้นก็อาจจะซึมลึกจนแก้ไขได้ยาก..!

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยม ทั้งที่นี่และที่บ้านเอาไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-09-2021 เมื่อ 23:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว