|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนรุ่นเก่าทำบุญแล้วไปพระนิพพานกันเร็ว ส่วนคนรุ่นใหม่ทำแล้วไปช้าเพราะมัวแต่ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊กกันอยู่...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 20:48 |
สมาชิก 262 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันศุกร์ก็เท่ากับว่าเราทำบุญเปิดบ้านใหม่ แต่ทางบ้านวิริยบารมีเขาก็ทำบุญนะ วันอาทิตย์บ้านโน้นจะมีการทำบุญบ้านใหญ่ ก็คงลักษณะเดียวกัน จะเป็นการเปิดบ้านใหม่เหมือนกัน ใครคิดถึงด้านโน้นและอยากจะทำบุญกับทางสายพระวัดป่า ก็เชิญที่บ้านเก่าได้ วันอาทิตย์นี้ได้ยินว่าหลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ วัดป่ามัชฌิมาวาส ท่านจะมา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 20:49 |
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ช่วงพิธีการขอขมา "ในโอกาสวันปีใหม่หลวงพ่อนิลท่านเมตตาเดินทางมาไกล นำพวกเราขอขมาพระและทำบุญเป็นปฐมฤกษ์ ก็ต้องขออนุโมทนาในความดีของท่านและทุกคน
สำหรับเรื่องบ้านเติมบุญนี้ สำเร็จขึ้นมาด้วยความตั้งใจของทุก ๆ คน ซึ่งนำโดย คุณต๋อง (ณัฐพล สุขวัฒนศิริ) และ ชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต โดย คุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา ร่วมกันวิ่งสู้ฟัด เพื่อจะให้ทันอาตมารับสังฆทานปีใหม่ แม้กระทั่งเมื่อคืนนี้นาทีสุดท้ายยังปรับเครื่องเสียงกันอยู่เลย ประมาณสองอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีการประชุมเพื่อแจ้งค่าใช้จ่าย ตอนนั้นคณะกรรมการหน้าเหี่ยวมาก เพราะว่าจ่ายเกิน ไป ๗ แสนกว่าบาท แต่ปรากฏว่ามีคณะญาติโยมที่พร้อมใจกันปลดหนี้ให้บ้านนี้ สรุปว่าพวกเราปลดหนี้ให้คนอื่นไว้เยอะ พอถึงเวลาเป็นหนี้เองก็เลยมีคณะญาติโยมมาช่วยกันปลดหนี้ให้ โดยมีคณะมดงานตลอดจนชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิตเป็นฐานใหญ่ ในส่วนของบ้านนี้ก็ต้องบอกว่า อีกหลายท่านที่ช่วยอย่างเต็มกำลัง แต่ว่าบางทีพวกเราก็ไม่รู้กัน แม้กระทั่งชุดโต๊ะตู้เตียงที่ใช้งานตลอดจนรับสังฆทานนี้ ก็ได้รับมาจากพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านทำมาให้ ขนาดโต๊ะแม้กระทั่งเก้าอี้นั่งของอาตมา ท่านบอกว่าสั่งทำตามตัวเลขมงคล แต่อาตมาดูไม่ออก พรมข้างหน้านี้ทั้ง ๔ ผืนนี้ได้รับมาจากท่านเจ้าคุณปิง (พระวิสุทธิศาสนวิเทศ) สรุปว่าที่นี่เป็นศูนย์รวมศรัทธา คนโน้นช่วยนิด คนนี้ช่วยหน่อย โดยเฉพาะพวกเราที่ทำบุญกันผ่านทางทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก ซึ่งได้รับการประกาศชื่อบ้าง ไม่ได้รับการประกาศชื่อบ้าง อีกจำนวนหนึ่งที่ไปทำบุญที่วัดท่าขนุน ก็มีหลุดไปอยู่ทางนั้น ๒-๓ ซองที่บอกว่าทำบุญเกี่ยวกับบ้านเติมบุญ ต้องขออนุโมทนากับความดีของทุก ๆ ท่าน ที่พร้อมอกพร้อมใจกันมาทำให้อาตมาต้องเหนื่อยต่อไป..! ในส่วนนี้ก็ถือว่าเราได้เห็นน้ำใจและความเสียสละของทุกคน ที่ได้กระทำความดีเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง เพราะว่าหลายท่านที่ไม่ได้ประกาศบอกกล่าวชื่อเสียงไป ก็ได้ทำงานมาตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่บางคนไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ เรามาทำงานใหญ่กันอยู่ที่ตรงนี้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 20:54 |
สมาชิก 262 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
"ในส่วนของการทำบุญในพระพุทธศาสนานั้นก็คือ ขอให้ได้ทำ ทำแล้วจะมีผลตอบแทนหรือไม่มีนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในส่วนนี้ถือว่า เรามีอุเบกขาในการสร้างบารมี ซึ่งเป็นส่วนที่ยากมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วทำบุญก็ต้องการที่จะให้คนเห็น แต่ถ้าเราดูอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านเมื่อพระราชทานพระสมเด็จจิตรลดาให้กับข้าราชบริพาร ก็ตรัสว่าให้เอาทองมาปิดด้านหลังพระ
พลตำรวจเอกวศิฎฐ์ เดชกุญชร ตอนนั้นยังเป็นตำรวจเวรราชองครักษ์อยู่ ได้กราบทูลถามว่า "ถ้ามัวแต่ปิดทองอยู่หลังพระ แล้วเมื่อไรคนจะเห็น ?" พระองค์ท่านตรัสว่า "ถ้าเราปิดมากพอ ทองจะล้นออกมาข้างหน้าให้จนคนได้เห็นเอง" นี่คือลักษณะของการทำความดีแบบมีอุเบกขา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-01-2017 เมื่อ 08:22 |
สมาชิก 257 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
"การปฏิบัติธรรมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ถ้าเรามีไม่มีอุเบกขา โอกาสที่จะก้าวหน้าก็เป็นไปโดยยาก ในเรื่องของการให้ทาน ถ้าเราไม่มีอุเบกขาในการให้ทาน ให้แล้วบางคนก็ยังตามไปตรวจว่า ของที่ทำไปท่านได้เอาไปใช้เอาไปฉันจริงหรือเปล่า ? นั่นคือลักษณะของการขาดอุเบกขาในการให้ทาน ทำแล้ว ให้คนอื่นไปแล้ว แต่ยังไม่ขาดจากใจตัวเอง ยังยึด ยังเกาะอยู่ โอกาสที่จะติดอยู่แค่กามาวจรภูมิก็มีมาก
ในการรักษาศีล เมื่อเราล่วงละเมิดศีลโดยไม่ได้เจตนา ถ้าเรามีอุเบกขา ก็คือปล่อยวาง แล้วตั้งหน้าตั้งตาชำระศีลให้บริสุทธิ์ใหม่ แต่ถ้าหากเราไม่มีอุเบกขา เราก็จะไปเศร้าหมองอยู่ตรงนั้นว่า เรารักษาศีลมาได้ตั้งนานแล้ว ไม่น่าที่จะบกพร่อง ลักษณะอย่างนั้น ถ้าเราตายตอนนั้น สภาพจิตเศร้าหมองจะนำเราไปลงอบายภูมิ ส่วนในเรื่องของการภาวนานั้น สมาธิทุกระดับจะมีตัวอุเบกขาอยู่เสมอ ตั้งแต่อุเบกขาของปฐมฌาน อุเบกขาของฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ตัวที่ ๕ นี่ชัดเจนที่สุดเลย ก็คือเหลือแต่อารมณ์อุเบกขาล้วน ๆ เรียกว่า ปัญจมฌาน สำหรับบุคคลที่มาสายพระโพธิสัตว์จะเข้าถึงตรงจุดนี้ได้ ฉะนั้น...ถ้าเราขาดตัวอุเบกขา ซึ่งปนอยู่ในเอกัคตารมณ์ ก็คืออารมณ์ที่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว เราก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงสมาธิภาวนาในแต่ละระดับได้อย่างแท้จริง ส่วนอุเบกขานั้นในวิปัสสนาญาณนั้น ก็คือการเลิกการปรุงแต่ง ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจไม่นำมาคิด สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าได้กลิ่น สักแต่ว่าได้รส สักแต่ว่าสัมผัส เมื่อใจไม่คิด ความดีความชั่วก็ไม่เกิด กุศลกรรมและอกุศลกรรมไม่เกิด ในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่เกิดเพราะขาดการปรุงแต่ง คำว่า "ไม่เกิด" ก็คือ "ดับ" นิโรธคือความดับก็ปรากฏขึ้น โอกาสที่เราจะเข้าถึงพระนิพพานจึงจะมีได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 20:58 |
สมาชิก 248 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
"พวกเราที่ร่วมใจกันเสริมสร้างขึ้นมาจนมีบ้านเติมบุญหลังนี้ ก็ขอให้พวกเรายึดหลักตรงนี้ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ให้ทำลักษณะเดียวกันกับการที่เราสร้างบ้านนี้ขึ้นมา ก็คือ ทำแบบปิดทองหลังพระ ทำแบบมีอุเบกขาในอารมณ์ ทำแล้วก็แล้วกัน ขอให้ได้ทำเท่านั้น
ท้ายสุดนี้ในช่วงปีใหม่ ๒๕๖๐ อาตมภาพในฐานะส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย ขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ เป็นประธาน มีบารมีของครูบาอาจารย์ทุก ๆ ท่านทุก ๆ องค์เป็นที่สุด ขอได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลาย เป็นผู้ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการ ขอให้อยู่รอดปลอดภัยในทุกสถานการณ์ แม้ประสงค์จำนงหมายสิ่งใดที่ไม่เกินวิสัยแล้วไซร้ ขอให้ความปรารถนาของทุกท่าน จงสำเร็จสัมฤทธิ์ผลทุกประการด้วยเทอญ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:01 |
สมาชิก 257 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : ทศชาตินั้น เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านเล่าไว้ทีละเรื่อง ไม่ได้ลำดับก่อนหรือหลัง ข้อนี้ถูกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถูกครับ...! ถาม : ทศชาตินั้น แม้มีหลายกองบารมีที่ทรงบำเพ็ญในพระชาตินั้น กองที่โดดเด่นที่สุดในแต่ละชาตินั้น โยมเข้าใจว่ามิใช่ปรมัตถบารมีเสียทั้งหมด ใช่หรือไม่ครับ ? ตอบ : ใช่ครับ...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:01 |
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : แม้เราจะทรงกุศลสูงสุดเมื่อก่อนหลับได้ เมื่อในขณะที่จิตฝันฟุ้งอยู่นั้นเกิดเสียชีวิตไปในระหว่างหลับ เราจะมีคติใดเป็นที่ไปได้บ้างครับ ?
ตอบ : อยากจะให้ "ส้นตีน" ก่อนครับ...! ถ้าทรงสมาธิได้จะไปฝันฟุ้งอะไรเล่า ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:01 |
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถาม : โยมเล็งเห็นว่าแม้ของอันเกิดแต่อธิษฐานทั้งหลาย ของอันเป็นสิ่งธาตุวิเศษทั้งหลาย ของอันเป็นทิพย์ทั้งหลาย ก็ย่อมมีอันตรธานไปได้ ไม่เว้นแม้แต่พระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อกาลเวลาหนึ่งนั้นมาถึง เมื่อเหตุผลและปัจจัยเพื่อการกำหนดอยู่ ตั้งอยู่ ดำรงอยู่ของสมมตินั้น ได้แปรเปลี่ยนไปอันตรงกันข้ามกับจิตเมื่อยังมีอวิชชาแล้วไซร้ ย่อมเป็นสิ่งเที่ยงแท้ต่อภพน้อยภพใหญ่ในสังสารวัฏ อย่างไม่มีโอกาสที่จะสิ้นสุดยุติกันลงได้โดยไม่ต้องสงสัย ความคิดนี้เป็นทิฏฐุปาทานหรือไม่ ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังเข้าไม่ถึงความเป็นพระอริยเจ้า ทุกคนย่อมมีทิฏฐุปาทานทั้งนั้น ต่อให้ไปจำคำพูดวิลิศมาหราของพระอริยเจ้ามาก็ไม่ใช่ของเอ็ง...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:02 |
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : วันนี้ผมฟังเทปธรรมะจากหลวงพ่อวัดท่าซุง เรื่องเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ผมฟังแล้วคิดตามที่หลวงพ่อสอนก็เห็นไปตามความจริงที่หลวงพ่อพูดทั้งหมด เช่น บางครั้งจิตและร่างกายก็มีสุข มีทุกข์แล้วก็ไม่สุขไม่ทุกข์ สลับไปสลับมาเป็นธรรมดา พอคิดแบบนี้ผมรู้สึกว่าอารมณ์เบาทันที เหมือนปล่อยวางได้ระดับหนึ่ง แล้วผมก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เหมือนแบบว่า ที่แท้ธรรมะก็เป็นแบบนี้ ไม่ยากอย่างที่คิด
หลังจากนั้นผมก็พิจารณาคำสั่งสอนของหลวงพ่อ และคำสั่งสอนของพระท่านอื่น ๆ แล้วสรุปได้ว่า ถ้าเราไม่รับกิเลสเข้ามาในจิต ด้วยการมีสติหรือรู้สึกตัวตลอดเวลา กิเลสก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราตัดเหตุที่จะเกิดความทุกข์ทิ้ง แปลว่าผลความทุกข์ก็จะไม่เกิดแน่นอน แต่ทว่าผมรู้สึกตลอดว่ากิเลสยังวนรอบ ๆ จิตผมอยู่ แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจ ไม่รับเข้ามาในจิต หรือพูดเป็นภาษาง่าย ๆ ว่า "ช่างมัน" แล้วนอกเหนือจากนั้น ปัจจุบันผมรู้สึกว่าจิตผมเร็วมาก แบบเห็นเหตุเห็นผลชัดเจนขึ้น และพยายามมองทุกอย่างให้เป็นเป็นธรรมดาได้ง่ายขึ้น จากสิ่งที่ผมเล่ามา นี่คืออารมณ์ของสังขารุเปกขาญาณหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ยังไม่ใช่สังขารุเปกขาญาณ คือ ความสามารถในการหยุดการปรุงแต่งทั้งหมดจนกิเลสเกิดไม่ได้ โปรดระมัดระวังเป็นที่สุด ไม่ใช่เฉพาะผู้ถาม หมายถึงพวกเราทุกคนด้วย ความรู้แค่หางอึ่งของพวกเรา พอเวลาคลำไปเจออะไรนิดหนึ่ง ก็อ๋อ...ความรู้ของพระพุทธเจ้าก็แค่นี้เอง เหมือนกับเอาหิ่งห้อยไปเทียบกับดวงอาทิตย์ แล้วก็บอกว่าดวงอาทิตย์สว่างแค่นี้ โปรดระมัดระวังว่าจะกลายเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยไปโดยไม่รู้ตัว คนเราเข้าถึงธรรมตรงจุดไหน ก็มักจะคิดว่าตรงนั้นดีแล้ว ใช่แล้ว ถูกแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะดีแค่นั้น ใช่แค่นั้น ถูกแค่นั้น เมื่อก้าวเข้าไปสู่ความละเอียดมากกว่านั้น สิ่งที่ใช่กว่านั้น ดีกว่านั้น ถูกกว่านั้นก็จะมีอีก แล้วเราก็จะไปยึดตรงนั้นอีก ว่าตรงนี้ใช่แล้ว ดีแล้ว ถูกแล้วอีก เพราะฉะนั้น...โปรดระมัดระวังหน่อย แม้แต่การใช้คำพูดหรือความคิดของเรา ก็อาจจะปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่รู้ตัว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-01-2017 เมื่อ 17:18 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : จากที่ผมเล่ามาทำให้ผมมั่นใจว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ยาก ทุกคนสามารถทำได้ถ้าตั้งใจจริง บวกกับก่อนหน้านี้เคยทำสมาธิแล้วได้ฌานสมาบัติ แต่ก็เสื่อมไป แต่ว่ารสชาติของฌานสมาบัติยังอยู่ในใจผมไม่หายไปไหนเลย ปัจจุบันก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจ เพื่อจะทรงฌานสมาบัติเพื่อความสุขของผม
แต่ทว่าตัวผมอายุยังแค่ ๒๐ ก็ยังอยากดูหนัง อยากมีแฟน เล่นเกม เหมือนปุถุชนปกติ แล้วเวลาผมเล่นเกม ผมก็เอาความรู้ทางพระพุทธศาสนามาปรับใช้ในการเล่นเกม เช่น เวลาเล่นเกมผมก็เอาสติ สมาธิ ปัญญา ควบคุมให้จิตผมโฟกัสกับการเล่นเกมและเอาตัวปัญญา หาวิธีที่จะชนะคู่ต่อสู้ เลยอยากถามหลวงพ่อครับว่า การที่ผมเอากำลัง สติ สมาธิ ปัญญา และความรู้ของพระศาสนามาพลิกแพลงใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเช่นเล่นเกมตามที่กล่าวมา เป็นลักษณะฌานใช้งาน หรือเปล่าครับ ? ตอบ : กำลังจะหานรกใส่ตัว..! เอาของราคาประมาณไม่ได้มาใช้แค่สลึงเดียว แถมยังคิดว่าตัวเองใช้ได้ไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย สติ สมาธิ ปัญญา ท่านให้ใช้ไปในกายของตน รู้เห็นตามสภาพความเป็นจริง แล้วก็ลด ละ เลิก ในการยึดเกาะร่างกายนี้ เมื่อเลิกยึดเกาะร่างกายนี้ ก็ไม่ยึดเกาะร่างกายคนอื่น เมื่อไม่ยึดเกาะกระทั่งร่างกายของตนเองและร่างกายของคนอื่น ก็ไม่เกาะยึดในโลกนี้ด้วย แหม...แล้วก็บอกมาอย่างดีเลยว่าเป็นสังขารุเปกขาญาณแล้ว...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:07 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : การที่จะเก่งในการเข้าออกฌานต่าง ๆ ได้ ต้องจำอารมณ์ฌานระดับต่าง ๆ ให้แม่น แล้วก็นึกจะเข้าฌานนี้ฌานนั้นใช่หรือเปล่าครับ ? ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ
ตอบ : ไม่ใช่ เป็นการเข้าสู่ฌานนั้น ๆ และออกจากฌานนั้น ๆ ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เกิดจากการซักซ้อมอย่างแท้จริง ไม่ใช่จำเอามาพูด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:07 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : ผมมีความสนใจเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ เลยสงสัยว่าพระโพธิสัตว์บางชาติท่านทำบุญกับพระพุทธศาสนาอย่างมาก มีความดีมาก แต่บางชาติท่านดันไม่เคารพพระพุทธเจ้า ยกตัวอย่างเช่น โตไทยพราหมณ์เกิดในยุคพุทธกาล แต่ดันไปลบหลู่พระพุทธเจ้า พอท่านตายแล้วไปเป็นสุนัข จากสุนัขก็ดิ่งลงอเวจีเลย ผมเลยคิดว่าท่านต้องโดนอกุศลธรรมอะไรบางอย่างครอบงำจิต ผมเลยอยากทราบว่าพอจะมีวิธีหรือธรรมอะไรไหมครับ ที่จะทำให้พระโพธิสัตว์ท่าน เกิดสลับไปสลับมาระหว่างสวรรค์ พรหม และมนุษย์ ?
ตอบ : ยังไม่มีใครทำได้ เพราะพระโพธิสัตว์ไม่ใช่พระอริยเจ้า ยังมีโอกาสลงนรกร้อยเปอร์เซ็นต์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:08 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : กระผมได้เช่าผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามมาจากบ้านสายลม แต่มีกังวลอยู่หน่อยหนึ่งคือ กระผมพับผ้ายันต์ใส่กระเป๋าสตางค์ โดยกระเป๋าสตางค์นั้นใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าและกระผมไม่ได้นั่งทับ กระผมทำแบบนี้จะผิดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้ายังไม่ได้นั่งทับก็ยังไม่ผิด แต่ถ้าจะให้ดีก็เลี่ยมแขวนคอ หรือพับใส่กระเป๋าเสื้อจะดีกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:08 |
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : มีหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือศพที่ตายผิดธรรมชาติ เช่น รถชนตาย ถูกทำร้ายตาย นอนหลับตาย จมน้ำตาย ตายไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น ควรจะวางกำลังใจอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดโทษกับผู้ที่ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือศพ และควรใช้พระเครื่องวัตถุมงคลอะไรติดตัวครับ ?
ตอบ : ควรจะวางกำลังใจอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดโทษ ? น่าจะถามว่า ควรจะวางกำลังใจอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์มากกว่า ให้วางกำลังใจว่า "เดี๋ยวกูก็ตายเหมือนมึงแล้ว ตอนนี้มึงอย่าเพิ่งมายุ่งกับกูก็แล้วกัน...!" ส่วนพระเครื่องมั่นใจอะไรก็ใช้อย่างนั้นแหละ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:09 |
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : หากเราต้องสอบเก็บคะแนน เพื่อนำคะแนนไปยื่นแข่งขันสมัครเข้าทำงานหรือเรียนต่อ เราสามารถใช้ฤกษ์ยามของฤกษ์พรหมประสิทธิ์ เพื่อเลือกวันไปสอบได้หรือเปล่าครับ ? และควรเลือกฤกษ์ที่เป็นชัยโชคใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เลือกฤกษ์อะไรก็ได้ ถ้าไม่อ่านหนังสือก็สอบตกพอกัน...! ถาม : ในเรื่องของดวงไทย การสอบแข่งขันจะดีก็ต่อเมื่อดาวพฤหัสบดีอยู่ในตำแหน่งที่ดีและให้คุณแก่บุคคล แต่ดาวจะอยู่ในลักษณะให้คุณแต่เพียงช่วงเดียว หากพ้นกำหนดนั้นไปแล้ว จะมีวิธีอื่นที่ช่วยเรื่องการสอบแข่งขันหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ยึดติดอะไรมากไปก็เป็นโทษมากกว่าประโยชน์ ผู้รู้ท่านบอกว่า ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน เพราะฉะนั้น...อะไรที่เขาบอกว่าไม่ได้ ถ้าเราจะเอาเสียอย่างก็ได้เองแหละ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
ถาม : ในการทำงาน ทั้งรับราชการและทำงานบริษัทเอกชน หากต้องการแข่งขันเพื่อจะได้รับเลือกให้ได้เลื่อนตำแหน่งในอนาคต เช่น ๑ ปีหน้า เป็นต้น ควรทำอะไรและทำบุญแบบไหนจึงจะได้ผลดีครับ ?
ตอบ : เรื่องบุญเก็บไว้ก่อน ทุ่มเทกับงานให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็น่าจะได้แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : หากเราจะนำภาพพระมาจำเริญด้วยไฟ จำเป็นต้องเตรียมเครื่องบูชาใด ๆ หรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : จุดธูปเทียนบอกกล่าวขอขมาให้เรียบร้อยแล้วค่อยทำ และอย่าทะลึ่งถ่ายคลิปไว้ เพราะโอกาสติดคุกมีสูง..! ถาม : และสามารถนำผงขี้เถ้าไปหล่อหรือปั้นพระต่อได้หรือไม่เจ้าคะ ? ตอบ : ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถาม : หนูเป็นคนที่ปีติน้ำตาไหลได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาเห็นรูปพระ คราวนี้เวลาที่หนูพิจารณาธรรมตามที่หลวงพ่อสอน ยังไม่ทันจะถึงไหนก็น้ำตาไหลทำให้ไม่ได้พิจารณาต่อ จึงขอเรียนถามว่าหนูควรจะแก้ไขหรือวางกำลังใจอย่างไรจึงจะเหมาะสมคะ ?
ตอบ : ร้องไห้ไปพิจารณาไป เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ตัวปีติต้องปล่อยให้ขึ้นเต็มที่จึงจะก้าวข้ามไปได้ ถ้ามัวแต่กลัวมัวแต่อายอยู่ ก็ไม่ต้องไปไหนเสียที ฉะนั้น...มีวิธีเดียวคือปล่อยให้เต็มที่ไปเลย หมดเมื่อไรก็เลิกไปเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:11 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อนของหลวงพ่อเล็ก มีผลกับคนที่ยืมเงินเราไปแล้วไม่คืนไหมครับ ?
ตอบ : ก็น่าจะมีนะ คือเขาไม่คืนเลย เพราะสะท้อนกลับไปหาเขาตลอดเวลา...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2017 เมื่อ 21:11 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|